A Journey Of A Thousand Miles Must Begin With A Single Step!!
|
|||||
Johannesburg - Soweto เมืองโซเวโต (Soweto ซึ่งมาจากคำเต็ม ๆ ว่า South Western Township) เป็นเมืองในเขตชานเมืองโจฮันเนสเบิร์กที่จัดไว้ให้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับแอฟริกันผิวดำตั้งแต่สมัยคริสตศษวรรษ 1904 ผู้คนที่อาศัยที่นี่ส่วนใหญ่จะทำงานในเหมืองและโรงงานอุตสาหกรรม ในปัจจุบันมีคนอยู่ประมาณกว่าหนึ่งล้านคนอาศัยอยู่ ซึ่งมากถึงหนึ่งในสามของประชากรทั้งหมดในโจฮันเนสเบิร์กเลยทีเดียว ฮั้วซื้อทัวร์แบบครึ่งวันไปเที่ยวโซเวโต ตอนเช้าไกด์ก็จะมารับจากที่พักเพื่อไปเที่ยวชมเมือง .. ตอนแรกก็ไม่รู้จักหรอกว่าเมืองนี้คืออะไร แต่ลิซบอกว่าน่าสนใจ น่าจะเหมาะกับการถ่ายรูป.. ก็เลยตกลงใจไปลองซักหน่อย ที่แรกที่แวะไปคือบ้านของเนลสัน มันเดลา (Nelson Mandela) ซึ่งมีห้องขนาดเล็ก ๆ ประมาณสี่ห้อง ภายในยังคงตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบดั้งเดิมและเต็มไปด้วยรูปภาพต่าง ๆ บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ท่านอาศัยอยู่กับภรรยาคนแรกตั้งแต่ปี 1946 จนถึงขณะที่ท่านถูกจับตัวไปขัง ภายในเค้าไม่ให้ถ่ายรูป เลยไม่มีรูปมาฝากกัน แต่ฮั้วว่ารัฐบาลไม่ค่อยทำที่นี่ได้ดีเท่าไหร่ เพราะไกด์ในบ้านนั้นหน้าตาบูดมาก เหมือนทำหน้าที่ให้เสร็จ ๆ ไป .. เดินมาชมบ้านอย่างไว.. หรือว่าเค้าคิดว่าทุกคนคงรู้จักเนลสันกันเป็นอย่างดีแล้ว ที่ต่อไปคือพิพิธภัณฑ์โซเวโต เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงโศกนาฏกรรมในสมัยก่อนที่เกิดในเมืองนี้ บอกเล่าเหตุการณ์ปฏิวัติครั้งใหญ่ในปี 1976 ซึ่งสาเหตุก็เกิดจากการที่รัฐบาลประกาศให้ใช้ภาษาแอฟริกัน (Afrikaans) ในการเรียนการสอนที่โรงเรียนสำหรับคนผิวดำ ภาษา Afrikaans นั้นเป็นภาษาของคนดัชต์ที่อาศัยอยู่ที่แอฟริกา เหตุการณ์ครั้งนี้มีนักเรียนกว่าหนึ่งหมื่นคนเดินขบวนประท้วงและก็จบลงด้วยการที่มีนักเรียนกว่าหกร้อยคนต้องเสียชีวิตเพราะถูกตำรวจ (ผิวขาว) ยิงขณะในเหตุการณ์ชุลมุน พิพิธภัณฑ์นี้ยังแสดงถึงนโยบายการแบ่งแยกสีผิว (Apartheid) ในสมัยก่อน ซึ่งนโยบายนี้ก็เป็นการแบ่งแยกคนผิวสีและคนผิวขาวออกจากกันในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัย การศึกษา การรักษาพยาบาล และสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมไปถึงการออกกฏหมายต่าง ๆ ที่จำกัดสิทธิของคนผิวสี เช่น การจัดพื้นที่สำหรับคนผิวดำโดยเฉพาะ การไม่อนุญาตให้คนผิวดำครอบครองที่ดิน การห้ามแต่งงานข้ามผิวสี การห้ามคนผิวสีทำธุรกิจในเขตพื้นที่คนผิวขาว การใช้รถโดยสารสาธารณะก็มีการแบ่งแยกตู้หรือคันรถ การออกบัตรอนุญาตให้ทำงาน (ถ้าใครไม่มีบัตรก็ห้ามออกจากเขตที่อยู่อาศัยของตน) เนื่องมาจากนโยบายการแบ่งแยกผิวสีนี่เอง ทำให้เมืองของคนผิวดำมีมาตรฐานระบบสาธารณูปโภคที่ต่ำกว่าเมืองของคนผิวขาว และทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำในเชิงเศรษฐกิจของประชากรต่างสีผิว ถึงแม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลจะยกเลิกนโยบายนี้ไปแล้ว แต่เมืองโซเวโตก็ยังมีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์อันแสบเจ็บปวดหลงเหลืออยู่ทั่วทุกมุม สภาพบ้านเรือนในปัจจุบันของเมืองนี้ก็ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น จะเห็นได้จากประชากรส่วนใหญ่ยังอยู่กันอย่างแออัด ผู้คนส่วนมากอาศัยกันอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ (Shack) ประกอบขึ้นจากสังกะสีหรือไม้กระดาน ผู้คนมีฐานะยากจนและคนส่วนใหญ่ก็มีมากกว่า 60% ที่ไม่มีงานทำ ฮั้วได้รับคำตอบกับสิ่งที่คาใจมานานว่าผู้คนยากจนในกระท่อมสังกะสีที่เห็นนั้นใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร บ้านในชุมชนเหล่านี้เป็นบ้านชั้นเดียวเล็ก ๆ มีขนาดหนึ่งห้องนอน ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีน้ำและไฟฟ้า บ้านนับเป็นหมื่น ๆ หลังคาเรือนตั้งอยู่ติด ๆ กันกินพื้นที่เป็นอาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา บ้านหนึ่งหลังจะมีคนอยู่ถึงหกคนนอนร่วมกัน ปัจจุบันชาวบ้านรวมตัวกันจัดตั้งเป็นชุมชนเพื่อคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่ทั้งพ่อและแม่จะต้องออกไปทำงานนอกบ้านในช่วงเวลากลางวัน จัดหาสุขาสาธารณะมาใช้ร่วมกัน วางท่อประปาเป็นจุด ๆ แต่ถึงอย่างนั้น สภาพชีวิตความเป็นอยู่ก็ยังขัดสนและแร้นแค้นมาก ๆ แต่ก็ใช่ว่ารัฐบาลของประเทศแอฟริกาใต้จะไม่ช่วยเหลือประชาชนของตัวเองเลย ทางรัฐบาลก็มีโครงการจัดสร้างบ้านถาวรแต่ราคาถูกให้กับประชาชนยากจนเหล่านี้ โดยให้กู้เงินแบบอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่สามารถที่จะรับข้อเสนอนี้ได้อยู่ดี เพราะถ้าไม่มีงานแล้วจะมีเงินที่ไหนมาจ่ายดอกเบี้ยได้ล่ะ ประชากรผิวดำในแอฟริกาใต้นั้นไม่มีแต่คนแอฟริกาใต้ แต่ยังรวมไปถึงคนที่อพยพข้ามประเทศมาจากประเทศเพื่อนบ้าน พวกเค้าเหล่านั้นยอมที่จะหนีความยากจนและความขัดสนในประเทศของตัวเอง พาครอบครัวเดินข้ามป่าซาฟารีมาที่แอฟริกาใต้ (หรือเมืองโจฮันเนสเบิร์ก) เพื่อความหวังในการมีชีวิตที่ดีกว่า หลายคนไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการเดินป่าอันแสนทรหดได้ หลายคนถูกสัตว์กินเป็นอาหารระหว่างการเดินผ่านทุ่งหญ้า แต่เมื่อมาถึงประเทศนี้แล้ว รัฐบาลแอฟริกาใต้ก็ไม่ได้ส่งตัวเค้าเหล่านั้นกลับประเทศ แต่กลับค้ำจุน ช่วยเหลือ ให้ที่พักอาศัย และรับเค้าเหล่านั้นให้อยู่ในประเทศของตน ถึงแม้ว่าการกระทำแบบนี้ของรัฐบาลจะเป็นเรื่องดีในแง่มนุษยธรรม แต่ก็กลับทำให้ปัญหาภายในประเทศทวีคูณมากขึ้น .. เพราะคนของตนก็มีสภาพแย่พออยู่แล้ว ยังรับคนของประเทศอื่นเข้ามาอุปการะไว้ ปัญหาเลยพอกพูน จนอาชญากรรมในประเทศสูงซะจนขึ้นชื่อ ตอนนี้ใคร ๆ ก็ว่าเมืองไทยไม่น่าอยู่ ลองมองไปรอบ ๆ สิ.. เมืองไทยเรายังมีสิ่งดี ๆ มากมายกว่าหลาย ๆ ประเทศนักนะ... |
Gorgeous Girl
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Group Blog All Blog
Friends Blog
|
||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่
สมเป็นเมืองของไทย
ดูภาพและข้อเขียนเมืองไทยน่าอยู่มากกว่าเพื่อนเน๊าะ
ขอบคุณที่นำภาพงามๆ มาฝากค่ะ