(",) (",) (",) Traveling Mania (",) (",) (",)
Group Blog
 
All Blogs
 

** สัมผัสลมหนาว ณ เชียงราย **

อันนี้เป็นรีวิวดองเค็ม ไปมาตั้งแต่ธันวาปีที่แล้ว เพิ่งจะมีเวลาเลือกรูปและเขียนรีวิว ทริปนี้ขับรถจากกรุงเทพยาวไปถึงเชียงราย ล้อหมุนตี 3 ถึงเชียงราย 10 โมงกว่า

ที่แรกที่แวะเที่ยวไม่พ้นวัดร่องขุ่น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนที่นี่ เห็นจากรีวิวเพื่อนๆมาหลายครั้งแล้ว คราวนี้ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง ไปถึงประมาณเที่ยงวัน กำลังแสบตาพอดี แนะนำทุกท่านที่ไป อย่าลืมแว่นกันแดดเด็ดขาดค่ะ ไม่งั้นสีขาวของวัดจะสะท้อนเข้าตา แสบตาสุดๆไปเลยค่ะ มาชมความสวยงามของวัดกันค่ะ






ผ่านจากวัดร่องขุ่นก้อได้เวลาทานข้าวกลางวัน จากที่ search ดู หลายคนแนะนำร้านสลุงคำ ที่เป็นร้านดังในเมือง กลุ่มเราไม่รีรอ ขอไปลองซักหน่อย สั่งมา 5 อย่าง แต่บอกตรงๆไม่ค่อยปลื้มรสชาติซักเท่าไหร่ค่ะ เพื่อนกินน้ำพริกหนุ่มบอกว่าไม่ค่อยแซบเท่าไหร่ (เราไม่กินอ่ะ) ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียมก้ออมน้ำมันไปหน่อย ทั้งหมดราคา 860 บาทค่ะ แต่รวมๆแล้วแก๊งค์เราไม่ถูกใจร้านนี้อ่ะ



ออกจากร้านอาหารก้อมุ่งตรงไปดอยแม่สลองค่ะ แวะชมวิวที่สุสานนายพลต่วน อยู่บนเขาอะค่ะ จะเห็นวิวมุมกว้าง อากาศเริ่มเย็นๆ ละ



เสร็จแล้วแวะเที่ยวพระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ชอบที่นี่มากเลยค่ะ ตัวพระธาตุสวยมาก วิวก้อสวย ถ่ายรูปได้หลายมุมมากๆ



แวะเที่ยวดอยแม่สลองเสร็จแล้ว ก้อเข้าที่พักกันเลย แก๊งค์เราเลือกพักที่คุ้มนายพลรีสอร์ทพอดีจองช้าไปหน่อย ห้องพักที่ดีๆเต็มหมด เหลือแต่ห้องพักตึกเก่าค่ะ แต่นอนแค่คืนเดียวเลยไม่คิดมาก) ราคาห้องละ 700 บาท มีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นด้วยค่ะ แต่ว่าห้องเล็กมากๆ โดยเฉพาะห้องน้ำ เราเปิดปิดประตูโขกหัวตลอด ฮ่าๆๆ ตอนกลางคืนอากาศเริ่มเย็นขึ้นๆ จนถึงขั้นหนาวเลยค่ะ อาบน้ำไปสั่นไป น้ำอุ่น มันต้องใช้เวลากว่าจะอุ่น ฮ่าๆ



มื้อเย็นก้อทานอาหารตามสั่งที่คุ้มนายพลนี่แหละค่ะ อาหารรสชาติใช้ได้นะ ที่เห็นนี่ราคา 620 บาท อาบน้ำเสร็จเข้านอนจบวันแรกอันยาวนาน (ตื่นตั้งแต่ตี 3)


ตื่นเช้ามาที่รีสอร์ทมีข้าวต้มค่ะ (ตามรูปซ้ายล่างข้างบน) แอบเห็นโต๊ะข้างๆมีปาท่องโก๋ด้วย เราเลยไปขอซื้อเค้ามา ตัวละ 2 บาท กินเสร็จได้เวลา check-out เดินทางมุ่งไปดอยตุงค่ะ ระหว่างทางแวะถ่ายรูปที่ไร่ชา 101 ได้วิวไร่ชาสวยดีค่ะ อากาศดี๊ดี



ต่อจากไร่ชา เราไปต่อกันที่ดอยตุง ไร่แม่ฟ้าหลวง ดอกไม้สีสันเจ็บได้ใจมาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาดอยตุง แต่มากี่ทีก้อไม่เบื่อเลย ดอกไม้สวยมั่กๆ ถ่ายรูปกันมันส์ไปเลย







กว่าจะออกจากดอยตุงก้อซักบ่ายสองได้ ไปต่อที่แม่สายค่ะ ก่อนถึงแวะทำบัตรผ่านแดนก่อน ราคาคนละ 30 บาท ก้อไปเดินขำๆค่ะ แต่ก้อได้กระเป๋ามาคนละใบ ฮ่าๆๆ เดินที่แม่สายท่าขี้เหล็กเสร็จ ก้อมุ่งหน้าสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อเข้าพักที่ Serene at Chiang Rai ค่ะ เราจองจาก Agoda มา ได้ราคาห้องละเกือบๆ 2500 บาท





โรงแรมนี้สวยดีค่ะ ติดริมแม่น้ำโขง แล้วก้อใหม่ดี ห้องน้ำกว้างขวางดี รวมๆแล้วดีค่ะ ยกเว้นน้ำในห้องน้ำมันระบายลงท่อช้าไปหน่อย เวลาอาบน้ำ ก้อกลัวน้ำท่วมอยู่เหมือนกัน ฮ่าๆ

เก็บข้าวเก็บของเสร็จแล้วก้อได้เวลาอาหารเย็นค่ะ พนักงานที่โรงแรมเค้าแนะนำร้าน The River ค่ะ ขับเลยโรงแรมไปหน่อย อยู่ริมแม่น้ำโขงเหมือนกัน เค้าว่าบรรยากาศดีอาหารอร่อย ก้อเลยไปลองกันค่ะ ขอบอกว่าอาหารอร่อยมากกกกกกกกกกกก อร่อยทุกจานที่สั่ง (กลุ่มเราลงความเห็นว่ามื้อนี้อร่อยสุดในทริป) มีดนตรีสดเล่นด้วยค่ะ ขอเพลงได้ด้วยนะเออ มื้อนี้หมดไป 900 บาท กินเสร็จกลับเข้าที่พัก นอน เป็นอันจบวันที่ 2



วันที่ 3 เริ่มต้นมาอากาศไม่หนาวมากนัก กินอาหารเช้าที่โรงแรมก้อธรรมดาค่ะ ไข่ดาว ขนมปัง ไส้กรอก แฮม ไม่อลังการมากเลยมะได้ถ่ายรูปมา แต่บรรยากาศดีจริงๆค่ะ นั่งกินริมแม่น้ำ ลมเย็น โปรแกรมวันนี้ไม่มีไรมาก ตอนเช้าไปหอฝิ่นค่ะ (อยู่ในเขตสามเหลี่ยมทองคำนี่แหละ) ไปตั้งแต่ 10 โมง อยู่ยาวจนออกมาบ่ายกว่าๆเลยอ่ะ ค่าเข้าชมคนละ 150 บาท เราว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีมากเลยค่ะ คุ้มค่าแก่ราคาที่เสียไป เค้าทำได้ดี บอกประวัติของฝิ่น โทษ ฯลฯ ที่นี่ห้ามถ่ายรูปเลยไม่มีรูปมาฝากกัน

ออกมาหิวมากไม่รู้จะกินไรดี เลยขับมุ่งหน้าทางเชียงแสน กะว่าเจอร้านอะไรก้อแวะกิน ก้อไปเจอร้านแม่จินดาน้ำเงี้ยว ขายข้าวซอยค่ะ อยากกินอยู่พอเลยแวะเลย เห็นรูปว่ารายการเปรี้ยวปากเคยแวะมาด้วย กินข้าวซอยเสร็จแล้วอย่าลืมบัวลอยนะคะ อร่อยดีค่ะ



วันนี้ขับรถยาวเลยค่ะ จุดหมายคือไปผาตั้งและภูชี้ฟ้า ในที่สุดก้อมาถึงผาตั้งซักบ่าย 4 ได้ แดดไม่ร้อนมากเท่าไหร่ ลมโกรกดีมากๆ แต่ทางสุดจะคดเคี้ยว ชวนเวียนหัวดีแท้ มาถึงผาตั้ง ภารกิจที่ต้องทำคือปีนเขา เพื่อไปยังจุดชมวิว ก่อนขึ้นเค้าจะมีป้ายบอกระยะทาง ดูเหมือนไม่ไกลมากเนอะ แต่เอาเข้าจริงก้อหอบเหมือนกัน



พอขึ้นไปคุ้มค่ามาก วิวสวยมองได้รอบตัว ท้องฟ้าสดใส ชอบที่นี่จริงๆ อ่อ ลืมบอก มาที่ผาตั้งจะเห็นน้องๆนักเรียนมาทำมารายได้พิเศษเป็นไกด์พาพี่ๆขึ้นผาตั้ง ถือว่าช่วยทุนการศึกษาเด็กๆเค้านะคะ น้องๆเค้าจะอธิบายแต่ละจุดที่แวะ ทำให้เราได้ความรู้ด้วย





ใช้เวลาอยู่ผาตั้งซักพัก ก้อต้องรีบออกแล้วเพราะว่าที่พักวันนี้คือที่ภูชี้ฟ้า กลัวว่าจะมืดซะก่อน แถมทางก้อโค้งไปโค้งมา ขนาดรีบแล้วยังถึงที่พักตั้ง 6 โมงกว่า มืดแล้วด้วย วันนี้เราพักที่ภูชี้ฟ้าล็อดจ์ ห้องนึงนอนได้ 4 คน ราคา 2200 บาท มีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นด้วยค่ะ ราคานี้รวมอาหารเย็นและอาหารเช้าด้วยน้า



วันนี้ที่ภูชี้ฟ้าหนาวมากกกกกกกก หายใจเป็นไอเลยอ่ะ ยิ่งตอนมาทานอาหารเย็นนะ กินไปสั่นไปเลยอ่ะอาหารเย็นวันนี้ก้อเป็นกับข้าวอ่ะ อาหารอร่อยทุกจานเลย ยิ่งกินตอนร้อนๆนี่ช่วยบรรเทาความหนาวได้ดีเลย กินเสร็จกลับห้องพักผ่อน จบวันที่ 3



วันที่ 4 มีโปรแกรมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูชี้ฟ้า ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพราะรถสองแถวที่จองไว้จะมารับที่รีสอร์ทประมาณตี 5-5:30 ค่ารถสองแถวไปกลับคนละ 60 บาท ตื่นมาอย่างหนาวอ่ะ ยังคิดว่าบนภูต้องแข็งตายแน่ๆ เลยอัดเสื้อไป 3 ชั้น ถุงมือ หมวก ผ้าพันคอ เป็นอีบ้าไปเลย ฮ่าๆ แต่ก้อดีใจที่ใส่ไป เพราะระหว่างทางที่นั่งรถสองแถวก้อหนาวมากปากสั่นเลย รถสองแถวพาไปจอดที่ตีนเขา เราต้องทำภารกิจเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกหลายร้อยเมตร แต่ภารกิจนี้ไม่ได้ทำคนเดียวค่ะ คนเป็นล้าน แม่เจ้า!! ตื่นเช้ามาภูชี้ฟ้ากันหมด คนเยอะแบบสุดๆไปเลยอะ ยิ่งพอขึ้นไปถึงยอด กะด้วยสายตาคิดว่าเป็นพัน แบบว่าจับจองที่นั่งดูทะเลหมอกกะพระอาทิตย์ขึ้น เราพยามจะเข้าไปดูมั่ง แต่ไม่ไหวจริงๆ มีคนนั่งอยู่ 3 ชั้น ยืนอีก 2 แถว ชะเง้อแล้วมองไม่เห็นไรเลย อย่างเซ็ง



แต่ก้อแอบเก็บรูปได้มั่ง ถ้าคนน้อยกว่านี้ซัก 90% คงดี ฮ่าๆๆ (สงสัยคงต้องมาเดือนเมษา) อยู่ข้างบนไม่นาน เพราะมันไม่มีไรทำ ไม่มีที่นั่ง แถมหนาวปากสั่น เลยเดินลงมา เตรียมกลับไปกินข้าวเช้า รถสองแถวนี่จอดแบบเอี้ยดมาก เป็นร้อยคันนะเราว่า ต้องเสียเวลาให้รถที่จอดขวางออกไปก่อน ถึงจะได้ไปกะเค้ามั่ง กลับไปถึงรีสอร์ท 8 โมงกว่า มีข้าวต้มร้อนๆรออยู่ กินเสร็จเก็บของ check-out มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองเชียงราย

ระหว่างทางก้อแวะดูดอกทิวลิปที่ศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงดอยผ่าหม่น แต่.......ไม่มีอะค่ะ!!! เค้าขึ้นป้ายไว้เลยว่ายังไม่มี จ๋อยเลยไปเสียเที่ยว วันนี้ก้อเลยเป็นวันสบายๆ ขับรถซะส่วนใหญ่ เข้าไปถึงในเมืองก้อบ่ายแล้ว ไปแวะทานข้าวซอยอิสลาม (อร่อยค่ะ)

เสร็จแล้วไปต่อของหวานที่เล็งไว้ตอนทางผ่านที่จะไปดอยแม่สลอง ร้าน Parabola ร้านแต่งสวยดีค่ะ เค้าว่าเค้กอร่อยด้วย เลยลองซะหน่อย สั่งมา 8 ชิ้น อร่อยทุกชิ้น ฮ่าๆๆ crape cake ที่นี่อาจจะสู้ไม่ได้กะ secret garden แต่เราก้อว่ารสชาติดีนะ ถูกกว่าด้วย อิอิ นั่งชิลด์ที่นี่หลายชั่วโมงเลย ร้านน่านั่งมาก








กินเสร็จได้เวลาเข้าที่พัก วันนี้พักที่โรงแรมเปิดใหม่ชื่อ ลาวี อองโรส(LA VIE EN ROSE) ได้ราคาห้องละ 1950 บาท ตรงล็อบบี้ตกแต่งโทนสีขาว ส่วนห้องนอนรู้สึกจะมีเป็นสีๆ แก๊งเรานอนห้องสีแดงกะห้องสีชมพู อาหารเช้าก้อใช้ได้ค่ะ







เย็นนี้กะไปนั่งดินเนอร์ชิลด์ๆริมแม่น้ำ ซึ่งก้อไม่พลาดร้านดัง ลีลาวดี คนเยอะมากๆ ดีนะที่จองไว้ก่อน ไม่งั้นรอคิวนานแน่ๆ บรรยากาศดี ดนตรีเพราะ มื้อนี้หมดไป 915 บาท กินเสร็จไปเดินต่อไนท์บาร์ซ่า ถึง 5 ทุ่มได้ เสร็จแล้วเข้าที่พัก สลบเหมือด



ตื่นมาเก็บกระเป๋ากลับกรุงเทพ วันนี้ขับรถยาวเลย เป็นอันจบทริปเชียงราย 5 วัน 4 คืนของเรา ใช้เงินไปทั้งสิ้นเกือบๆ 7 พันบาทต่อคน ที่ชอบที่สุดคือไร่แม่ฟ้าหลวง สวยจริงๆ อยากไปอีก

จบแล้วบันทึกการเดินทางเชียงรายของเรา ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันค่ะ




 

Create Date : 18 มีนาคม 2553    
Last Update : 19 มีนาคม 2553 10:35:21 น.
Counter : 8294 Pageviews.  

~ เที่ยวสวนผึ้ง-ราชบุรี พักรีสอร์ทสุดสวย บ้านอ้อมกอดขุนเขา ~

รีวิวดองเค็มเช่นเคย แต่อันนี้เพิ่งไปมาเมื่อปลายธันวา ช่วงที่กำลังหนาวได้ใจ รู้สึกว่าอากาศเมืองไทย ไม่ได้หนาวแบบนี้มานานมากแล้ว อิอิ เหมาะแก่การไปท้าลมหนาว ณ ภูเขาใดซักที่

ได้อ่านรีวิวเพื่อนๆใน Blueplanet มานาน อยากไปมาก รีสอร์ทสุดบ้านอ้อมกอดขุนเขา สวย แต่ได้ยินมาว่าจองยากมาก เพราะจะเต็มตลอดเวลา เราและผองเพื่อนอุตส่าห์วางแผนล่วงหน้า นานถึง 3 เดือน จองห้องพัก ขนาด 3 เดือนแล้วนะ ยังเหลือไม่กี่ห้องเองอ่ะ อาร้ายจะ hot ปานนั้น สงสัยจะดีจริง

เริ่มเลยแล้วกัน มาถึงรีสอร์ทละ นี่ข้างหน้ามองจากที่จอดรถ



นี่ Front Desk เป็นอีกหนึ่งที่ที่ใช้ถ่ายรูปกัน


อันนี้ข้างๆ เป็นห้องอาหาร มี 2 ชั้น


นี่ร้านขายของที่ระลึก


บรรยากาศรีสอร์ท ป้ายทางไปห้องต่างๆ (อีกมุมไว้ถ่ายรูป)


อีกอัน ห้องมากมาย ล้วนแต่เป็นชื่อดอกไม้ กิ๊บเก๋ซะไม่มี


บรรยากาศรีสอร์ท


มาดูห้องที่เราพักดีกว่า “บ้านเฟื่องฟ้า” นี่เป็นบ้านหลังใหญ่ มี 2 ห้องนอน มีโถงตรงกลางด้วย ใหญ่มาก


เข้ามาถึงกับตื่นตะลึง ทำไมสวยอย่างงี้ มันฟ้าไปหมด เริ่มที่ห้องนอน


นี่ห้องน้ำค่ะ แต่ขอบอกไม่มีประตู



อ่างแช่น้ำ



ห้องน้ำของอีกห้องนอนนึง ไม่มีประตูเช่นเคย


ของตกแต่งในห้อง ล้วนแต่เป็นสีฟ้า








ที่นี้มาดูอีกห้องนึง เราไปกลุ่มใหญ่ เลยแยกพัก 2 ห้อง อีกห้องอยู่ติดกัน ชื่อ “บ้านช่อแก้ว”


ดูจากมุมนี้ใหญ่ดีเหมือนกัน


ห้องช่อแก้วนี้จะตกแต่งด้วยโทนสีขาวกะเงิน



นี่เป็นห้องนอน สวยโคดดดดด






นี่ห้องน้ำ ก้อยังไร้ประตูเช่นเดิม






นี่อีกห้องนอนนึงของบ้านช่อแก้ว




นี่ห้องโถง อารมณ์เหมือนไฟดิสโก้


นี่เป็นเก้าอี้นั่งชิลด์หน้าบ้าน


ไปสำรวจดาดฟ้ากันดีกว่า


บรรยากาศดีเชียว อากาศเย็น คงจะดีที่มานั่งชิลด์ รับลมหนาวที่ดาดฟ้า


มองไปรอบๆ อยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาจริงๆ


บ้านเพื่อนบ้าน




มีสระว่ายน้ำด้วยค่ะ แต่หนาวขนาดนี้ขอบาย


รีสอร์ทนี้มีน้องม้าด้วยนะคะ ขี่ม้าได้ (แต่ต้องเสียตังค์)




นี่นั่งพัก จริงๆเป็นพร๊อพไว้ถ่ายรูป


บ้านทั้ง 2 หลังที่เราพัก เป็นบ้านหลังใหญ่ค่ะ นอนได้ น่าจะหลังละ 4-6 คนนะ ราคาวันศุกร์-เสาร์ ราคา 5000 บาท วันธรรมดาราคา 4000 บาท (แต่ปี 2552 รู้สึกจะขึ้นอีกพันบาท) รวมๆแล้วชอบมาก บ้านกิ๊บเก๋ แต่เหมาะกะไปกะคนรักมากกว่า มันสวยและดูโรแมนติกมากๆ โดยเฉพาะห้องน้ำเนี่ย ไม่มีประตูเลย ถ้าไปกะคนรักคงไม่ต้องหวาดระแวง 555

รีสอร์ทนี้เหมาะกะคนบ้าถ่ายรูปมากๆ รู้สึกว่าทุกส่วนของรีสอร์ทมันน่าถ่ายไปหมดเลยอ่ะ เค้าตกแต่งได้ดึงดูดดีค่ะ

จบเรื่องรีสอร์ทละ แวะเที่ยวราชบุรีกันดีกว่า จริงๆราชบุรีก้อไม่ได้มีที่เที่ยวมากนัก (สำหรับเรา) แต่ไหนๆก้อมาแล้วแวะซะหน่อย ที่นึงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงคือ โป่งยุบ อารมณ์เหมือนแพะเมืองผีที่เมืองเหนืออ่ะ มันก้อคือดินยุบนี่แหละ











ช่วงที่เราไปมีงาน Candle in the winter ที่ Scenery Resort นี่เป็นภาพบรรยากาศค่ะ





















จบการรีวิวละค่ะ รวมๆแล้วราชบุรีก้อไม่ค่อยมีไรให้เที่ยว เหมือนกับตั้งใจจะมาพักที่รีสอร์ทสวยๆซะมากกว่า แต่รีสอร์ทเค้าสวยจริงๆนะ อยากไปอีก อยากรู้ว่าห้องนอนอื่นๆเป็นไง ทุกห้องตกแต่งคนละสีอะค่ะ ตามชื่อของดอกไม้ที่เป็นชื่อบ้าน คราวหน้าถ้าเป็นไปได้ขอไปกะคนรู้ใจ อิอิ




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2552 16:28:59 น.
Counter : 3891 Pageviews.  

Pai.......ใครๆก้อไปปาย แล้วเราจะพลาดได้ไง

ปาย เป็นดินแดนในฝันที่เราตั้งใจจะไปให้ได้ พูดกับเพื่อนๆ มา 3 ปีแล้ว ว่าจะไปปายๆ แต่ไม่ได้ไปซ๊ากกะที แต่ในที่สุดความฝันเราก้อเป็นจริงจนได้ แถมได้ไปตอนที่กระแสปายกำลังมาแรง หน้าหนาวแบบนี้ใครๆก้ออยากขึ้นเหนือ ไปสัมผัสทะเลหมอก และความเหน็บหนาวกันทั้งนั้น วางแผนล่วงหน้ามา 2 เดือน จองห้องพักเกือบไม่ได้แหนะ เราไป 4 วัน 3 คืนค่ะ

เริ่มต้นทริปที่สนามบินสุวรรณภูมิ บินไปกะ Air Asia ไฟล์ทเช้าที่สุดของวัน (FD 3232) ออกจาก กทม. 06:45 น. ถึงเชียงใหม่ 08:10 ดีใจที่เที่ยวนี้ไม่ดีเลย์เลย


ไปถึงที่เชียงใหม่ ไม่ได้รู้สึกว่าหนาวเลย ไม่เห็นจะต่างกะกรุงเทพตรงไหน พอถึงเชียงใหม่แล้ว ก้อรีบบึ่งไปที่สถานีขนส่งอาเขต เพื่อรีบไปขึ้นรถตู้ของเปรมประชา รอบ 09:30 น. มาถึงแล้วที่สถานี



ดีที่โทรจองไว้ก่อน ใครสนใจโทรจองได้ที่เบอร์ 053-304748 จองได้ 3 ล่วงหน้าก่อนเดินทางค่ะ แนะนำให้จองที่นั่ง 3-4-5 นะ นึกรถตู้ออกใช่มะ เบอร์ 1-2 จะเป็นที่นั่งด้านหน้าคู่กะคนขับ แถว 3-5 จะอยู่แรกสุดติดกะประตู ค่อนข้างนั่งสบาย


นี่รถตู้คันที่เราไป ไม่ค่อยใหม่เท่าไร อ่อ ราคาเชียงใหม่ไปปาย 150 บาทต่อคน ใช้เวลาเดินทางผ่านหลายร้อยโค้ง ประมาณ 3 ชั่วโมง (มีแวะพักกลางทางด้วย)


ถึงท่ารถที่ปายประมาณ 12:40 ได้ แนะนำให้จองรถขากลับไว้เลย จะได้ไม่ต้องห่วงว่าจะได้กลับกรุงเทพมั้ย


ไปถึงกลางวันแดดเปรี๊ยงมากๆ ลากกระเป๋าเดินจากท่ารถไปเข้าที่พัก ผ่านถนนคนปาย (เล็งไว้ เด๋วตกดึกจะมาเดิน)


เราเลือกพักที่วิลล่า เดอ ปาย //www.villadepai.com/thai/indexth.html เราว่าที่นี่เค้าบริการดีนะ เวลาจองก้อง่าย เพราะทุกอย่างบอกละเอียดในเวบไซค์เค้า เราจองได้เป็นห้องสุดท้ายเลยอ่ะ เกือบไม่ได้ที่พักซะแล้ว อันนี้เป็นด้านหน้า ระหว่างรอ check-in


ที่นั่งอีกอัน


บริเวณในรีสอร์ท บ้านออกจะเป็นแนวๆกระท่อม ยกพื้น


เข้าไปในห้อง มีเตียงใหญ่ 1 เตียง ที่นี่เค้ามีผ้าเช็ดตัวให้ด้วย พร้อมอุปกรณ์ในการอาบน้ำทั้งหลาย อ่อ ที่สำคัญมีน้ำอุ่นค่ะ


ออกมาเดินเล่นข้างนอก นี่เป็นที่ทานอาหารเช้าค่ะ อยู่ริมน้ำเลย บรรยากาศดีมากๆ


เป็นห้องอาหารที่ใหญ่จริงๆ อิอิ วันที่เราไป มีข้าวซอยไก่ (อร่อยมาก) กะข้าวต้มข้าวกล้องค่ะ


บรรยากาศริมน้ำอีกซักรูป มุมถ่ายรูปที่ทุกคนต้องไปเก็บรูป


เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาเดินสำรวจเมืองปายกันหน่อย ในตัวเมืองปายเนี่ยเดินได้สบายๆ ไม่ไกลเลย เราเดินออกจากที่พักมาเรื่อยๆ ซัก 15 นาที ก้อถึงป้ายโฆษณา ที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน


เดินเลยมาอีกหน่อยก้อถึงที่ว่าการอำเภอปาย


จุดประสงค์ไม่ใช่อะไรหรอก จะมากินส้มตำหน้าอำเภอ ร้านยอดนิยม ใครๆมาก้อต้องมากิน คนเยอะมากๆ ต้องรอคิวด้วย ขนาดมาประมาณบ่าย 2 แล้วนะ



อาหารอร่อยดี โดยเฉพาะส้มตำ เผ็ดโคดๆๆๆๆๆ ทำไมต้องเผ็ดขนาดนี้ หยุดกินไม่ได้เลย (พูดแล้วน้ำลายจะไหล) ลาบก้อหย่อย


ไก่ย่างรอนานหน่อย แต่อร่อยคุ้มที่รอ


กินเสร็จแล้วได้เวลาเดินลุยปายต่อ ข้ามถนนไปถ่ายรูปกะหลอดไฟหน้ายิ้ม


อันนี้เรียกว่า Pai Post



ขายหนังสือพิมพ์ เล่มละ 10 บาท


แต่ส่วนใหญ่คนเข้าไปถ่ายรูป เพราะมีรูปติดอยู่เต็มฝา สีสันสวยงาม


อันนี้อยู่ในร้าน All about coffee แล้ว



บรรยากาศในร้าน สวยดี


ข้ามถนนไปเป็นร้านมิตรไทย ขายโปสการ์ด เราดูโปสการ์ดมาหลายร้านนะ เราว่าที่ร้านนี้สวยสุดอ่ะ ใบละ 15 บาท



เขียนแล้วซื้อแสตมป์ส่งเลย ในประเทศค่าแสตมป์ 4 บาท ต่างประเทศ 17 บาท


ร้านนี้ดูเหมาะกะการถ่ายรูปมากๆ นั่งแช่อยู่นานมาก แค่เขียนโปสการ์ดไป 5 แผ่น ล่อไปเป็นชั่วโมง


แป๊บเดียวก้อเย็นแล้ว พอตกเย็นอากาศเริ่มหนาวค่ะ มาเดินเล่นถนนคนปายหาของกิน แล้วก้อกลับค่ะ ต้องรีบนอนเพราะพรุ่งนี้ตื่นเช้า เนื่องจากเราและผองเพื่อนขี่มอไซค์ไม่เป็นเลยตัดสินใจเช่ารถกระบะพร้อมคนขับ ราคา 2500 รวมน้ำมันแล้ว ให้เค้าพาไปเที่ยว วันแรกไปห้วยน้ำดัง และเที่ยวในปาย

เริ่มเช้าวันใหม่ ตื่นตี 4 ครึ่ง ออกจากบ้านตี 5 มุ่งหน้าสู่ห้วยน้ำดัง ผ่านอีกหลายร้อยโค้ง ทางที่ดีกินยาแก้เมาดักไว้เลย


ไปถึง 6 โมง 15 ยังมืดอยู่มากๆ จุดประสงค์เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก


นี่พระอาทิตย์เริ่มขึ้น ประมาณ 6.45 – 7 โมงอ่ะ


นี่ขึ้นเต็มที่แล้ว จะเห็นทะเลหมอกชัดเลย


วันนี้อุณหภูมิ 12 องศา โคดจะหนาวเลยอ่ะ เราใส่เสื้อไป 4 ชั้น ยังสั่นเลยอ่ะ


อันนี้พืชพันธุ์บริเวณห้วยน้ำดัง


ดอกนี้สวยดี


อันนี้ขากลับจากห้วยน้ำดัง พอพระอาทิตย์ขึ้นก้อถึงเวลาถอดเสื้อ จากที่ใส่ไป 4 ชั้น ตอนนี้เหลือเสื้อแขนยาวบางๆ ตัวเดียวก้ออยู่


แวะข้างทาง จอดถ่ายรูปกัน มองไปเห็นทะเลหมอกด้วย


มาแวะกินข้าวที่ร้านน้องเบียร์ ตอนแปดโมง


ขนมจีนนี่อร่อยมั่กๆอ่ะ กินตอนร้อนๆ นี่ดีมากๆ ช่วยคลายหนาว



หรือจะข้าวซอย ก้ออร่อยไม่แพ้กัน


เมื่อท้องอิ่ม ก้อมีแรงเที่ยวต่อ เริ่มต้นที่วัดน้ำฮู


มาสักการะพระนเรศวรและพระสุพรรณกัลยา และไหว้พระ (พระที่มีน้ำออกมาจากเศียร)


ต่อไป ไปสนุกกันที่หมู่บ้านสันติชล จีนยูนาน



สัญลักษณ์อย่างนึงของที่นี่คือ ชิงช้ายูนาน เล่นฟรีไม่เสียตังค์ แต่ทิปเด็กๆหน่อยก้อดี



อันนี้เป็นร้านขายของรอบๆ บ๊วยอร่อยมากๆ ยังเสียดายอยู่เลยที่ไม่ซื้อมาเยอะกว่านี้


อันนี้เป็นบ้านแบบยูนาน เค้าบริการห้องพักด้วยค่ะ


จบจากที่นี่ ก้อไปต่อน้ำตกหมอแปง ไม่ค่อยสวยเท่าไรอ่ะ น้ำน้อยด้วย เลยอยู่แป๊บเดียว



ต่อไปลงไปทางใต้หน่อย ไป Coffee in Love ร้านยอดนิยม



บรรยากาศเค้าดีจริงๆแหละ


สั่งกาแฟ โกโก้ กะเค้กมากิน (แอบแพงอยู่เหมียนกัลล์) แอบบ่นนิดนึงว่า Chocolate cake ไม่หย่อยเลย


ถ่ายด้านหน้าร้านซะหน่อย


ต่อไปไปแวะกองแลน หรือเรียกว่าปายแคนยอน คงเลียนมาจากแกรนด์แคนยอนที่อเมริกา



ปีนขึ้นไป แอบเหนื่อยเหมือนกัน แถมแดดเปรี๊ยงมากๆ ทำไมอากาศมันช่างต่างกะเมื่อเช้ามืดเสียนี่กระไร


เลยไปอีกหน่อยเป็นสะพานประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผิดกะที่คิดไว้นิดนึง เพราะไปถึงมันดูโทรมมากๆ ผุพัง ไม่กล้าเหยียบ กลัวไม้ทะลุ



จากนั้นไปแวะโป่งร้อนท่าปาย ก้อคือบ่อน้ำร้อนนั่นเอง



ตามธรรมเนียม ไปบ่อน้ำร้อนต้องไปต้มไข่กิน


จบวันด้วยการแวะที่วัดพระธาตุแม่เย็น ไหว้พระ และชมวิวมุมกว้างของเมืองปาย



กลับมาที่พักประมาณ 4 โมงครึ่ง อากาศกำลังดี แอบงีบซักพัก แล้วดึกๆค่อยออกไปเดินถนนคนปายต่อ

เช้าอีกวันตื่นตี 3 ครึ่ง เพราะรถจะมารับตอนตี 4 เพื่อไปปางอุ๋ง วันนี้ค่ารถอยู่ที่ 3000 บาท แพงขึ้นเพราะระยะทางไกลกว่ามากๆ ที่รีสอร์ทนี้จะทำแซนด์วิชใส่ถุง พร้อมกะนมกล่องไว้ให้ เพราะเราจะไม่ได้ทานข้าวเช้าที่รีสอร์ท ใจดีจริงๆ นึกว่าจะเสียเงินเปล่าๆแล้ว

ทางที่ไปปางอุ๋งสุดยอดมากๆ โค้งสะบัด นั่งแล้วก้อเวียนหัว ทางที่ดีกินยาแก้เมาแล้วหลับไปเลย ถึงปางอุ๋ง 6.30 น. พระอาทิตย์เกือบขึ้นแล้ว


ปางอุ๋งสวยมากๆ ไม่อยากเชื่อว่าอยู่เมืองไทย เสียดายวันที่ไปไม่ค่อยมีหมอก ไม่ง้านต้องสวยกว่านี้แน่ๆ


ต้นไม้ที่นี่แจ่มมากๆ สูงๆ ทั้งนั้นเลย อันนี้ก่อนแดดจะออก จะเห็นหมอกจางๆด้วย โรแมนติกที่สุด



พอแดดมา ก้อสวยไปอีกแบบ ออกสีส้มๆ


ออกจากปางอุ๋งประมาณแปดโมง ต่อจากนั้นไปหมู่บ้านรักไทย ไปกินข้าวเช้า นี่เป็นร้านรวงแถวนั้น ออกแนวจีนยูนาน


เราแวะกินที่ร้านจูจู อันนี้บรรยากาศในร้าน มีขายชา


กะอาหารจีนยูนาน นี่เมนูค่ะ


อันนี้ขาหมู อาหารยอดฮิต


แต่เราสั่งยำใบชาจีน (เห็นเค้ามาเด็ดใบชากันสดๆหน้าร้านเลยค่ะ)


อีกจานเป็นไข่ยัดไส้ รสชาติดีทั้งสองจานเลย เค้าให้ข้าวโถนึงฟรีด้วย


กินเสร็จออกมาเดินเล่น นี่เป็นบึงใหญ่ในหมู่บ้าน


ต่อไปไปแวะถ้ำปลาค่ะ ถึงประมาณ 11 โมง ปลาเยอะมากๆ ตัวโตๆทั้งนั้น ปลาที่นี่คือ ปลาพวงค่ะ น่าแปลกปลาที่นี่กินผลไม้ค่ะ อาหารปลาไม่กิน จะกินพวกส้ม แตงโม ไรเงี้ยะ



ไม่แน่ใจอันนี้เป็นฝายทดน้ำรึป่าว แต่แบบเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน


ออกจากถ้ำปลา ไปต่อกันที่ถ้ำลอด ที่นี่จะประกอบด้วย 3 ถ้ำ คือ ถ้ำเสาหิน ถ้ำตุ๊กตา และถ้ำผีแมน



นี่เป็นราคาค่าบริการ ก่อนเข้าไปต้องเสียค่าไกด์กะตะเกียง 150 บาท ค่าแพไม้ไผ่ลำละ 400 บาท นั่งได้ 3-4 คน


นี่ปากทางเข้าถ้ำ


เข้าไปแล้วก้อจะมืดๆอ่ะค่ะ ถ้าไม่จุดตะเกียงก้อจะไม่เห็นอะไรเลย ถ้ำเสาหินจะเดินง่ายหน่อย แต่อีก 2 ถ้ำต้องปืนขึ้นไป โดยเฉพาะถ้ำตุ๊กตา ปีนบันไดไปสูงมาก เล่นเอาเหนื่อย


อันนี้เป็นปากถ้ำอีกทางนึงระหว่างที่มาแวะที่ถ้ำผีแมน


อันนี้เมื่อขึ้นไปถ้ำผีแมน แล้วมองลงมา


จบละใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเที่ยวถ้ำลอด ได้เวลากลับปาย ถึงปายประมาณ 5 โมง แวะถ่ายรูปที่สะพานไม้ริมแม่น้ำปายซักหน่อย


อีกวันเดินทางกลับเชียงใหม่ ใช้บริการรถตู้เปรมประชาเหมือนเดิม แต่รถนี้ดูดีกว่าตอนขามา อิอิ รถตู้ออกรอบ 10 โมง ไปถึงขนส่งเชียงใหม่บ่ายโมงตรงพอดี รีบกินข้าวและบึ่งไปสนามบิน เพราะมีไฟล์ทบินกลับกรุงเทพออกตอน 14.40 เวลากระชั้นมากๆ ไปถึงเครื่องดีเลย์กว่าจะออก 15.15 แต่ก้อยังดี ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ



สรุปทริปปายนี้ประทับใจมากๆ ปายเป็นเมืองที่น่ารัก เหมาะกะการมาถ่ายรูปมากๆ อยู่มุมไหนก้อถ่ายได้ ร้านรวงจะออกแนวเก๋ๆ ห้วยน้ำดังก้อสวย แต่ที่เจ๋งสุด ยกให้ปางอุ๋ง สวยมั่กๆ




 

Create Date : 04 มกราคม 2551    
Last Update : 4 มกราคม 2551 8:41:37 น.
Counter : 2885 Pageviews.  


นู๋ปรางฝันเฟื่องเรื่องเที่ยว
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add นู๋ปรางฝันเฟื่องเรื่องเที่ยว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.