One Night in Singapore
เนื่องจากต้องไปทำงานที่แอฟริกาใต้ เลยต้องจองตั๋ว SQ ไปลงที่สิงคโปร์ (TG เต็มเอี๊ยด) เลยมีเวลาประมาณ 6 ชั่วโมงในการเดินเที่ยวสิงคโปร์เอง... ประมาณสี่ปีที่แล้ว ก็ต้องเที่ยวสิงคโปร์ภายใน 8 ชั่วโมง ก็ทำสถิติเที่ยว china town, little india, esplanade, boat quay, Clarke quay มาแล้ว..

คราวนี้มีเวลาน้อยกว่า แต่ตั้งใจอยากจะไปสอยกระเป๋ากล้อง+แล็บท็อปที่ร้าน Crumpler และอยากไปกิน Yoshinoya อันแสนโปรด หลังจากได้ที่อยู่คร่าว ๆ ว่าทั้งสองร้านอยู่ตรงไหน ก็รอคอยวันเวลาที่จะไปเสียตังค์อย่างใจจดใจจ่อ

พอเท้าแตะพื้นเมืองสิงโตน้ำ ก็ไปเยี่ยม Visitor center กันก่อนเลย เพื่อที่จะไปหยิบแผนที่มาเป็นไกด์ว่าต้องไปตรงไหนบ้าง หญิงไม่สาวที่แสนดีก็อธิบายว่าสามารถนั่งรถ free shuttle bus เข้าเมืองได้ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที โดยที่รถคันนี้จะไปส่งที่ Suntec city และถ้าอยากกลับกับเค้าก็มารอที่เดิม

คำว่า “ฟรี” น่าสนใจเสมอ เลยตัดสินใจโดยไวที่จะทดลองใช้บริการนี้ อาจเป็นเพราะเป็นรอบทุ่มสิบห้า ผู้ร่วมโดยสารมีไม่มากเท่าไหร่ ใช้เวลาเดินทางซักพักไม่ทันจะง่วง ก็ถึงละ Suntec City ...ข้อดีของสิงคโปร์มันก็ดีตรงนี้แหละ รถติดไม่มากเหมือนกรุงเทพ

หลังจากนั้น ก็ตะลุยเดินหาร้าน Crumpler ที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นที่สุด ซึ่งก็คงเป็นร้านที่อยู่แถว ๆ City Hall .. ด้วยความบังเอิญหรือสัญชาติญาณอะไรก็แล้วแต่ ... เดินตามฝูงชนเป็นสิ่งที่ใช้ได้ในการเดินทางเสมอ.. เดินทะลุผ่าน City Link Mall ซักแป๊บเดียวก็มาโผล่ที่ Raffle City ละ... ช่วงค่ำ ๆ อย่างนี้ ชาวสิงคโปร์ทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานก็ออกมายืนเข้าแถวกันตามร้านอาหารต่าง ๆ ..ช่างเป็นชาติที่มีความอดทนในการรอคอยเสียจริง ๆ ..

เดินวนหาซักพักก็เจอร้าน Crumpler ก่อนเลย .. เช็คของที่อยากได้ ก็ไม่ถูกใจ ..สรุป รอบนี้ไม่เสียตังค์ ... แถมเดินผ่านร้าน Mos Burger อันแสนโด่งดัง ... ร้านว่างซะด้วย.. แต่ด้วยอารมณ์อยากกิน Yoshinoya มากกว่า ...เลยต้องตัดใจเดินผ่านร้านนี้ไปพร้อมกับน้ำลายหยดติ๋ง ๆ



ออกมาจาก Raffle City ก็เดินตามทางดูไฟตอนกลางคืนของ City Hall และ Supreme Court ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นสนามหญ้าที่มีวัยรุ่นสิงคโปร์มากมาย มานั่งดื่มเบียร์ ร้องเพลง เฮฮากัน อากาศตอนกลางคืนกำลังสบาย ไม่ร้อนอบอ้าว แต่ฮั้วกลับเหงื่อแตกพลั่ก เพราะต้องแบกเป้ใส่โน๊ตบุ๊ก แจ๊กเก็ต กล้อง และของจิปาถะ



เห็นวิวกลางคืนแล้ว คิดเสียดายที่ไม่ได้แบกขาตั้งกล้องมาด้วย เลยต้องใช้ ISO สูง ๆ บวกกับการมองหาเสาไฟฟ้า กำแพงเพื่อพิงถ่ายรูป

เดินตามทางไปซักพัก ก็ไปเจอโรงแรมสุดหรูที่ชื่อว่า The Fullerton .. คาดว่าชาตินี้คงไม่มีทางได้เข้าไปพักแน่ ๆ เลย... แต่จะเดินแบกเป้โทง ๆ เข้าไปถ่ายรูป เค้าจะตะเพิดเราออกมามั๊ยน้า .. คิดแล้วก็ตัดสินใจเดินทางต่อไปดีที่ Merlion Park ดีกว่า

เป็นเรื่องน่าแปลกใจมาก ๆ ว่ามาสิงคโปร์ตั้งแต่เล็กจนโต ฮั้วยังไม่เคยมาเยี่ยม Merlion เลย.. คราวนี้ได้จังหวะเลยขอพกกล้องคู่ใจมาสอยภาพซักสองสามรูปซักหน่อย



ระหว่างก้ม ๆ เงย ๆ ถ่ายรูปนั้น ก็สังเกตุเห็นหนุ่มฝรั่งคนหนึ่งแบกเป้สะพายกล้องตัวโตมองมาทางฮั้ว .. แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังก้มหน้าก้มตาถ่ายรูปต่อไป ... เฮ้อ ไม่มีขาตั้งกล้องแล้วมันถ่ายกลางคืน (แบบไม่ใช้แฟลชลำบ๊ากลำบาก) ...

ฝั่งตรงข้ามของสิงโตตัวนี้เป็น Esplanade เป็นโดมรูปทุเรียน ที่ใช้แสดงโชว์ต่าง ๆ จัดนิทรรศการ และการแสดงดนตรีระดับโลก ผู้สร้างออกแบบอย่างร่วมสมัยและตัวหนามทุเรียนก็มีโปรแกรมปิดเปิดตามที่ตั้งไว้อีกด้วย.. เจ๋งจริง ๆ



ฮั้วใช้เวลาสูดอากาศเย็น ๆ มองผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวที่มารุมถ่ายรูปสัญลักษณ์สำคัญแห่งนี้ และชาวสิงคโปร์ที่มานั่งรับลมจู๋จี๋กันตามจุดต่าง ๆ ซักพัก หนุ่มคนเดิมก็เดินเข้ามาคุยด้วย .. เค้าก็ประมาณว่าสนใจที่เห็นผู้หญิงแบกเป้เดินถ่ายรูปคนเดียว ส่วนตัวเค้าเองนั้นเป็นหนุ่มอเมริกันกำลังหัดถ่ายรูปเพื่ออยากจะไปเปิดแกลอรี่ที่บ้านเกิด



สอบถามได้ความว่าชื่อ ‘Joel’ ใช้เวลาเดินทางมาร่วม 18 เดือนทั่วเอเชีย ตั้งแต่จีน กัมพูชา เวียดนาม ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และตอนนี้คงอยู่ที่อินโดนีเซีย การเดินทางทั้งหมดนั้นเป็นการเดินทางทางบกซะด้วย .. เก่งจริง ๆ

เค้าเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยวด้วย เลยเริ่มคุยกันถูกคอ คุยกันตั้งแต่เรื่องกล้อง ท่องเที่ยว เดินทาง ...น่าแปลกจัง.. ที่มิตรภาพต่างเชื้อชาติสามารถสร้างขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง และเพียงแค่เราเปิดตา เปิดใจ พร้อมที่จะพูดคุยด้วย แถมยังเป็นมิตรภาพที่เดินทางมาจากที่ต่างกันแต่บังเอิญมาเจอกัน ณ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง



หลังจากคุยกันไปซักพัก ก็ไปเลยชักชวนกันไปถ่ายรูปกันต่อแถว ๆ Boat Quay และ Clarke Quay ... แต่พอเดินผ่าน Boat Quay กลับกลายเป็นร้านอาหารเต็มไปหมด ไม่น่าสนใจอย่างที่คิด ... แต่ก็เห็นมุมสวย ๆ มาหลายเหมือนกัน ..ในที่สุด ก็เลยตกลงใจนั่งคุยกันต่อ (ดีกว่า) ที่ร้านกาแฟแถว ๆ นั้น

ฮั้วเล่าให้เค้าฟังถึงทริปพม่าที่เค้าน่าจะหาเวลาแวะไป เพราะคงจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าประทับใจ ..ส่วนเค้าก็ควักแล็ปท็อปออกมาโชว์รูปสถานที่ต่าง ๆ ที่เค้าไปเที่ยวมา รวมถึงลงไปทางใต้ของประเทศไทย (ด้านหาดใหญ่ ยะลา ปัตตานีซะด้วย)... รูปภาพส่วนใหญ่เป็นรูปชีวิตผู้คน ซึ่งเป็นสไตล์ที่ฮั้วกำลังสนใจ เลยได้ถามเคล็ดลับเค้ามาบ้างนิดหน่อย หวังว่าทริปนี้คงมีโอกาสได้ลองถ่ายรูปแบบนี้บ้าง

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก .. ใกล้จะถึงเวลาต้องเดินทาง (อีกแล้ว).. ก่อนจะลาจากกันก็เลยแลกอีเมล์ไว้ติดต่อกันซะหน่อย ..ส่วนเค้าก็สัญญาว่าจะกลับมากรุงเทพหลังจากไปเยี่ยมอินโดนีเซียแน่ ๆ ..น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเค้าเอาไว้



ตอนนี้ ฮั้วมาถึงแอฟริกาใต้ประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้ว อากาศเย็นสบาย (แต่ค่อนข้างหนาวสำหรับฮั้ว.. 16-26 องศา) แต่แห้งมาก ๆ ..หน้าและตัวแตกไปหมดแล้ว.. ที่นี่เพิ่งสิ้นสุดหน้าหนาว ทุ่งหญ้ายังเป็นสีทองสวยงาม แต่คนถิ่นบอกว่าเวลาเป็นสีเขียวจะสวยงามมาก

ฮั้วจะอยู่ที่นี่ (โจฮันเนสเบิร์ก) หนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น ไว้จะถ่ายรูปมาฝากนะจ๊ะ..เพือน ๆ

ป.ล. เพิ่งนึกได้ลืมกิน Yoshinoya เลย ...

อ้อ.. ถ้าใครอยากดูหนุ่ม Joel ผจญภัยตามที่ต่าง ๆ ก็ไปดูได้ที่ //jcarillet.gather.com/



Create Date : 15 กันยายน 2550
Last Update : 1 ตุลาคม 2551 23:28:20 น.
Counter : 977 Pageviews.

3 comments
  
วันเดียวก็ถ่ายเกือบครบแว้ว ถ่ายเก่งด้วยขอบอก
โดย: หลั่มหมั่นเหม่ง วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:9:43:11 น.
  
มีคนชี้ทางให้ เลยตามมาอ่า ไม่ผิดหวังจริงๆเลย ละจะติดตามไปเรื่อยนะค๊า
โดย: GoYai IP: 58.136.60.236 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:15:19:59 น.
  
ขอบคุณค่าที่ติดตามชม
โดย: Gorgeous Girl วันที่: 12 ตุลาคม 2550 เวลา:9:07:24 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gorgeous Girl
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
กันยายน 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
15 กันยายน 2550
  •  Bloggang.com