1.ชื่อเล่นอะไร ทางการเลยก็เป็นชมพู่ค่ะ 2. ลืมตามาดูโลกเมื่อไหร่กัน เมื่อหลายปีก่อน เดือน กค.ที่ผ่านมานาน ตอกย้ำว่าแก่เลี้ยวจิงๆ 3. มีพี่น้องไหม มีค่ะ น้องบ่าวฝาแฝดสองคน 4. สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษคืออะไร ชอบเป็นพิเศษเลือกยากเพราะว่าชอบหลายอย่าง แต่ถ้าเอาถึงตอนนี้ อยากบอกว่าสิ่งที่ชอบเป็นพิเศษก็คือการท่องเที่ยวพร้อมกับการได้ ถ่ายรูป (สวย)ตามสไตล์เราเองค่ะ 5. สิ่งที่เกลียด สิ่งที่เกลียด ถ้าเอา ณ ตอนนี้เลยก็คือ การพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดไม่ได้ เพราะความที่เป็นคนใกล้ชิด เลยต้องเหมือนว่าถนอมใจเขา (แต่เขา ไม่ถนอมใจเราเร้ยยยยยยยยยยยย ) ตอนนี้เลยอึดอัดอย่างที่สุดคะ 6. สัตว์เลี้ยง ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ เพราะว่าตัวเก่าตายไปแล้วตอนปีก่อน ปีหน้านี้มีแผน จะเลี้ยงแน่นอนเลย 7. เครื่องดื่มชอบอะไร ดื่มเป็นประจำทุกวันก็ต้องกาแฟหอมๆ อร่อยๆ ค่ะ 8. ชอบกินอะไร คริๆๆๆๆ มีเวลาฟังแน่เหรอ เยอะนา 9. ชอบสีอะไร ตอนนี้สีเขียวมาแรงค่ะ สบายตา สบายใจ ... โปร่งโล่งอกเวลา ได้เห็นสีนี้ค่ะ สดชื่นดี 10. งานอดิเรกล่ะ อ่านหนังสือ ท่องเวป ว่ายน้ำ ถ่ายรูป 11. มีปมด้อยไหม คืออะไร พยายามจะไม่เรียกว่า “อ้วน” คือปมด้อยของตัวเอง ถ้าหากว่าไม่เรียก ก็ต้องบอกว่าไม่มีล่ะค่ะ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีอะไรเทียบกับคนอื่นได้ เพราะคนเราต่างก็มีข้อดีและข้อเสียด้วยกันหมด สรุปแล้วก็คือการ หักลบกันไป 12. ชอบแต่งตัวแนวไหน โชว์เสื้อผ้าหน่อยดิ จริงๆ ไม่ได้ชอบการแต่งตัวสไตล์ตัวเองหรอกค่ะ แต่เพราะว่ายังหาความ เป็นตัวเองด้วยการแต่งตัวไม่เจอ ส่วนมากก็เลยเป็นแนวเสื้อเชิ้น ยืด ยีนส์ รองเท้าลำลอง สะพายกระเป๋า (เป้) ... เอ เคยได้ยินว่าแนวนี้ออกเป็นแนว ทอมบอยหน่อยๆ ล่ะมั้งค่ะ ... 13. ใส่นาฬิกาอะไร นาฬิกาที่ไม่ตาย และบอกเวลาได้ตรงเผงอย่าง Casio ธรรมดาเท่านั้นล่ะจ้ะ 14. เพลงที่โปรดปราน อือม์ ตอนนี้ฟังบ่อยๆ ทั้งในรถและที่บ้านและเผื่อแผ่ให้คนข้างๆ ชอบด้วยก็ Big Ass (วันรุ่นจ๋าเชียวแต่ว่าเพลงเค้าดี๊ดีนะค่ะ หนักแน่น อ่อนโยนสลับกันดี) 15. กิจวัตรประจำวันของคุณ ตื่นนอน ท่องเน็ต กินข้าว ท่องเน็ต อาจจะไปข้างนอกบ้าง ไปฟิตเนส ว่ายน้ำ อ่านหนังสือ ดูดีวีด วันๆ จะประมาณนี้ละค่ะ ไม่พ้นจากความจำเจ 16. มีแฟนหรือยัง อยากมีไหม แฟนมีมานานแล้ว ตอนนี้ผันสภาพมาเป็นสามีค่ะ 17. ถ้าเลือกได้ อยากมีแฟนหน้าตาเหมือนใคร อือม์ เอาไงดี อยากได้แบบลุง Sean Connery อา 18. ให้พาสุดกรี๊ดรูป 17 ไปเดทได้วันนึง จะพาไปไหน ทำไม ถ้ามีแฟนแบบคนนี้จะพาไปทุกที่ที่เราไปค่ะ 19. คุณหน้าเหมือนใคร ไม่เหมือนใครเลย ... ขนาดว่าแม่ยังไม่เหมือนเลยค่ะ 20. ขอดูรูปตอนยิ้ม ระบุขอดูรูปตอนยิ้มล่ะไม่มีแน่ๆ เพราะว่าถ่ายรูปทีไรไม่ค่อยยิ้มเลยค่ะ 21. ถ้าตกหลุมรักใครอยู่ จะบอกเค้าว่าไง เค้าชื่ออะไร ไม่มี๊ค่ะ 22. ห้องที่ชอบไปใน 1000 ทิป ตอนนี้ไม่ค่อยได้เข้าบ่อยเลยค่ะ แต่ว่าถ้าบ่อยกว่าห้องอื่นหน่อยก็เป็นห้องกล้อง ชอบไปดูรูปสวยๆ ค่ะ 23. สิบคนที่มาเยี่ยมเยียน blog บ่อยๆ สิบคนเองเหรอค่ะ เยอะกว่านี้ได้ไม๊ เพราะว่าเพื่อน ๆที่แวะมาบ่อยๆ มันเยอะจริงๆ น๊า 24. เค้าแต่ละคนเป็นคนแบบไหน เพื่อนๆ น่ารักเหมือนเรา สนใจอะไรคล้าย ๆเรา (ไม่งั้นคงไม่แวะมาคุยกันหรอกเน๊าะ) 25. มีอะไรอยากบอกกับพวกเค้าไหม ดีใจมากๆ ที่ได้รู้จักกันค่า 26. แล้วคนที่ส่ง tag มานี่ล่ะ คุณคิดยังไงกับเค้า คิดยังไง ... คิดถึงค่ะ คิดว่าเค้าเก่งจัง ทำอะไรได้หลายอย่าง เก่งๆๆๆ ชื่นชมมากเลยค่ะ ... เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วอีกกว่าเดือนเอ๊ง 27. จะบอกอะไรถึงเค้าล่ะ เจอกันแล้วพาไปกินของอร่อยๆ อีกน๊า 28. จะส่ง tag ถึงใครสามท่าน สามท่าน ... ขอเป็นกุ๊กกิ๊ก คุณรัณย์ แล้วก็คุณตะกร้าหวายค่ะ 29. คุณคิดว่าคนสามคนนี้จะคิดอย่างไร หลังจากโดน tag แอบทำเนียนว่า เค้าคงยินดีในการทำแถกให้น๊า 30. เหตุผลที่ส่งไปหาสามคนนี้ ก็แอบคิดถึงกันค่ะ เลยอยากส่งอะไรให้ทำเล่นๆ แต่ไม่รีบนะค่ะ อนุญาตว่าถ้าไม่อยากทำก็ทำเนียนลืมๆ มันไปได้เลยค่ะ .... ก่อนจะจบ ขอนิ๊ดนึง ... จะว่าไปแล้วแท็กนี่เยอะมากเลยนะค่ะ มีหลากหลาย จริงๆ พูดกันตามจริงฉันชอบอ่านมากกว่าชอบทำแท็กนะเพราะว่าทำเอง เขียนเองแล้วมันก็งั้นๆ ไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะว่าเราก็มีอีกมุมที่เรารู้เอง แต่ว่าพอได้อ่านแท็กของคนอื่นเหมือนเรากำลังเข้าไปรู้จักคนอื่นในอีกมุมที่เราไม่ค่อยได้รู้ แล้วยิ่งมีแท็กมากเข้า แล้วมันหลากหลาย เหมือนเป็นมุมเป็นเหลี่ยม พอไปอ่านคนหนึ่งแล้วหลายๆ แท็ก เลยทำให้เราเหมือนรู้จักคนๆ นี้มากขึ้นเรื่อยๆ ... ขยายความตามข้อ 5 ของแท็กหน่อย ด้วยความเกลียดที่อยากพูด อยากบอกอะไรกับคนอื่นแต่ก็พูดไม่ได้ ค้ำคอแค่เพราะคำว่า “เกรงใจ” เป็นเหตุ เลยไม่ได้บอก เพราะไม่อยากให้อะไรมันรุนแรงหรือว่าสร้างความไม่พอใจให้เค้า จริงๆ แล้วเรืองมันก็แค่ว่า ข้างบ้านน่ะค่ะเป็นญาติกัน แล้วเค้าเลี้ยงหมาเอาไว้ หมานั้นจริงๆ ก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกเพราะมันก็คงเห่าเป็นสัญชาตญาณ แต่ แต่ มันดันเห่ามากเกินไปน่ะสิค่ะ และเพราะเค้าเลี้ยงเอาไว้กว่า 7 ตัว มันก็เลยเห่ากันวุ่นวาย ดังสนั่นลั่นซอย แต่เพราะมันต่อเนื่องกับญาติบ้านข้างๆ อีกหลังที่เลี้ยงหมาเหมือนกัน หมามันไม่เห่าแต่ว่ามันชอบมาเดินเฉิดฉายล่อหมาบ้านเยอะๆ นี่ ไอ้กลางวันยังไม่เท่าไหร่ แต่ว่ากลางคืนนี่สิกว่าเจ้าของจะเรียกหมาเข้าบ้านเล่นเอาดึกโน่นเลย แล้วก็ดั๊นเปิดให้หมาออกมาเดินอีกก็เช้าตรู่ตอนหกโมงเช้า ... ตอนนี้หมาเลยเป็นอะไรที่เราไม่ชอบเอาซะเลยค่ะ เพราะเรียกว่าฉันอยู่ในบ้านที่ปราศจากหมาแต่ว่าได้เจอเสียงหมาเห่าจนเรียกว่าเป็นมลภาวะทางเสียงไปแล้ว มาดูกันสิค่ะว่าแวดล้อมด้วยบรรดาคนเลี้ยงหมายังไง หน้าบ้านก็เลี้ยงพุดเดิ้ล 5 ตัว แต่ละตัวก็เห่ากันลืมตัว ลืมตน ใครผ่านไปมาก็เห่ากันขรม ... พ่อฉันทาสีหน้าบ้านเห็นกันประจำมันก็ยังเห่า จนแบบว่าพ่ออดทนไม่ได้ต้องเห่าตอบกันไปเหมือนกันเพราะคับแค้นใจ (พ่อบ็องก์ค่ะ) ... ข้างบ้านก็เลี้ยงหมา 7 ตัว เยอรมันเชพเพิร์ด 2 ตัว ดัลเมเชี่ยน 1 ตัว เห่าดังมาก แล้วก็พันธุ์เล็กพันธุ์น้อยอีก 4 ตัว ข้างบ้านของข้างบ้านเลี้ยงหมา 4 ตัว พันธุ์อะไรไม่รู้ได้แต่นับได้ 4 ตัว หลังบ้านด้านติดกันเลี้ยงหมา 1 ตัว เยอรมันเชพเพิร์ดขังกรง เห่าดัง และดุ เพราะว่าถูกขังอยู่แต่ในกรง คุณๆ อ่านเรื่องนี้แล้วอย่ามีอคติว่าฉันเกลียดหมาเลยนะค่ะ เพราะว่ายังไงฉันก็ไม่เกลียดค่ะ เพราะว่าฉันรักหมาแล้วก็อยากเลี้ยงหมาในอนาคตล่ะ แต่การเลี้ยงหมานั้นบางครั้งคุณต้องรับผิดชอบสิค่ะ อย่าสักแต่ว่ามี “สิทธิ” จะเลี้ยงได้มากตามใจอยากแล้วสร้างปัญหาให้คนอื่นเค้าได้ อย่างเรื่องเห่านั้นมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ เพราะว่าหมาเลี้ยงเอาไว้ด้วยวัตถุประสงค์หลักคือการให้เค้าเฝ้าบ้าน เห่าคนแปลกหน้า เพื่อนการเตือนภัย แต่ แต่ ไม่ใช่ให้มันเห่าพร่ำเพรื่อ แล้วคุณก็ไม่ห้ามมันเมื่อมันเห่า (ทำเหมือนหูหนวกงั้นล่ะ) ไอ้ฉันมันยังเป็นคนรำคาญตามเหตุส่วนตัว แต่ว่ากับอีกบ้านหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านหมาเห่านั้น เป็นหอพัก นศ. คนทำงาน เช่นพยาบาล บางทีเค้าทำงานกลับมาค่ำ ดึกๆ มาเจอฤทธิ์คุณหมาเห่าทักทายรายชั่วโมง ก็เลยบ่น แล้วก็เลยย้ายออกไป ป้าของฉันซึ่งก็เป็นญาติอีกคนก็ได้ออกปากว่าไม่ไหวเหมือนกัน เจอฤทธิ์หมาเห่าแล้วลูกค้าหายหมด กิจการก็หดหาย เสียหายยิ่งกว่าฉันมากนะ ไม่ว่าจะยังไง “ความเกรงใจ และความพอดี” น่าจะสอนให้เจ้าของหมาเหล่านี้ได้คำนึงถึงความเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างจัง ... บางทีฉันเองร่ำๆ อยากออกปากบอกเค้าไปเลยว่า “เรารำคาญท่าน” แค่ไหน ให้หาทางทำอะไรให้ดีขึ้นกว่านี้ได้ไม๊ เพื่อแก้ปัญหา แต่ว่าฉันก็โดนแม่เบรคๆ เอาไว้ ฐานที่ว่าเป็นญาติพี่น้องกัน ออกปากแล้วเดี๋ยวเข้าหน้ากันไม่ติด แล้วสุดท้ายแม่เองก็ต้องมาบ่นรำคาญเหมือนฉัน เพราะว่านับวันมันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ... ทั้งหมา ทั้งนก ทั้งไก่ ... เลี้ยงกันจะเหมือนสวนสัตว์ไปซะแล้ว ... เขียนบล็อกเหมือนระบายเลยวันนี้ แต่ถือว่าวันนี้เข้ามาบ่นวันหยุดแล้วกันนะค่ะ เพราะไหนๆ ทำอะไรไม่ได้ก็เลยมาระบายเป็นตัวหนังสือแทนเอาแล้วกัน เพราะใครๆ จะได้รู้ว่า “จิ๋วนิดก็บ่นเป็นเหมือนกันนะเออ”

Create Date : 16 กันยายน 2550
Last Update : 16 กันยายน 2550 10:54:06 น.		78 comments
Counter : 581 Pageviews.
Share Tweet