บทนำ
ทันทีที่ชายหนุ่มหันไปเห็นพ่อลูกคู่นั้นเขาก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง เขาอุตส่าห์หนีคนเหล่านี้จากด้านล่างมาอยู่บนเนินเขา แต่ก็เจอกันอยู่ดี ชายวัยกลางคนจูงมือบุตรสาววัยไม่น่าจะถึงสิบขวบและกำลังจดจ่อความสนใจในการสนทนากับหนุ่มชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งมีเพียงเด็กหญิงตัวน้อยที่หันมองมาทางเขา ซ้ำยัง...ส่งยิ้มมาให้ อิวาซากิมาซากิ ทอดมองกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันหลังเดินไปอีกทาง ถ้าคนเหล่านี้เดินไปทางซ้ายเขาก็ควรเดินไปทางขวา ถ้าพวกเขาเดินไปด้านหน้า เขาก็ควรเดินไปด้านหลัง เขาไม่มีเหตุผลใดๆที่ต้องยิ้มตอบให้เด็กหญิงผู้นี้ แม้ว่ารอยยิ้มนั่นจะสดใสพอๆ กับแดดแรกในยามเช้าของฤดูใบไม้ผลิที่แสนงดงาม เพราะสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำในชีวิตก็คือ การพบเจอคนเหล่านี้ เขาตอบไม่ได้ว่าสิ่งนี้คือความเฉยชาใช่หรือไม่เพราะนับตั้งแต่...วันนั้น เขาก็มักสับสนระหว่างคำว่าความเฉยชาและ...ความสิ้นหวัง น่าขำที่จู่ๆคำสองคำที่มีความหมายไปคนละทาง กลับกลายเป็นคำที่มีความหมายคลุมเครือสำหรับเขา... มาซากิทอดเดินไปตามเส้นทางสู่ประภาคารหินแกรนิตที่สร้างขึ้นในปี1895 และได้รับเลือกให้ติดหนึ่งในห้าสิบประภาคารในญี่ปุ่นที่มีทัศนียภาพงดงามตรึงใจที่สุดซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ตลอดสองข้างทางสู่ประภาคารบนเนินเขาของเกาะโองิจิมะในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิของเดือนมีนาคมผลิบานด้วยไม้ดอกที่แข่งขันกันชูช่อล้อลม ดอกแดฟโฟดิลหรือนาร์ซิสซัสหรือในชื่อญี่ปุ่น คือ ซุยเซ็น ที่มีกลีบดอกสีขาวโอบล้อมกลีบดอกสีเหลืองตรงกลางที่เบ่งบานในปลายช่วงฤดูหนาวยังมีหลุดรอดมาให้เห็นบ้าง เขาหยิบกล้องถ่ายรูปที่ห้อยคล้องคอไว้ขึ้นมาเก็บรูปดอกซุยเซ็นจากนั้นก็เดินไปถ่ายรูปประภาคารที่ทอดทับฉากหลังสีฟ้าครามของทะเลในเซโตะ มาซากิจดจ่อกับการถ่ายรูปอีกครั้งปัดความคิดเรื่องสองพ่อลูกคู่นั้นทิ้งไป ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะบรรจุพวกเขาในหัว เขาไม่เคยมาเกาะโองิจิมะมาก่อนไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยวเกาะนี้ด้วยซ้ำ แรกเริ่มเขามาที่คางาวะ เพื่อจะมาดูสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องทเวนตี้โฟร์อายส์(Twenty-Four Eyes) ที่เกาะโชโดะชิมะ หนึ่งในหนังโปรดของเขาอีกเรื่องก็เลยถือโอกาสมาเที่ยวเกาะนี้ด้วยเป็นของแถม แต่กลับประทับใจความเงียบสงบธรรมชาติอันงดงาม และวิถีชีวิตของชาวเกาะที่นี่อย่างมาก คุณอากำลังถ่ายรูปหรือคะ มือที่กำลังถือกล้องถ่ายรูปชะงักเพราะเสียงเล็กๆน่าฟัง เขาหันไปทางขวามือจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ที่ยังเปื้อนรอยยิ้มสดใสอยู่มิคลาย ด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะหันหน้ากลับมา โดยไม่ได้ตอบคำถามอะไรเด็กคนนั้น และจดจ่อความสนใจกับการถ่ายรูปอีกครั้ง หนูชื่อดาวคุณอาชื่ออะไรคะ เด็กหญิงถามเป็นภาษาไทยอีกครั้ง มาซากิยังคงทำเป็นหูทวนลมและหันเดินไปอีกทาง สื่อว่าเขาไม่อยากสนทนาปราศรัยใดๆ กับเธอแม้แต่น้อย สุดแสนจะเบื่อหน่ายเพราะเด็กคนนี้ชอบเดินตามเขาตั้งแต่อยู่ในหมู่บ้านด้านล่าง แจกจ่ายยิ้มให้เขาจนเขานึกใบหน้าไร้รอยยิ้มของเธอแทบไม่ออก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอเด็กคนนี้ เมื่อห้าปีที่แล้ว เขาเคยพบเธอมาก่อนและยังจำได้ถึงตอนนี้ว่าเธอชื่อ...ดาว ตอนนั้นเธออายุแค่สามหรือสี่ขวบกระมังรูปร่างอวบจ้ำม่ำกว่าตอนนี้ เขาเคยคิดว่านั่นจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้พบเด็กคนนี้หากเขาคิดผิด ทว่าช่างปะไรก็แค่เป็นการพบกันโดยบังเอิญของคนแปลกหน้าที่อาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกันเท่านั้น เด็กหญิงยังคงเฝ้าเดินตามมาซากิราวกับสนอกสนใจเขานักหนาแม้เขาจะไม่ยอมตอบคำถามเธอสักครั้ง มาซากิทำเสียงจึเบาๆอย่างรำคาญ เพราะเสียงฝีเท้าที่เดินตามหลังไม่ห่าง เขาเหลียวมอง เห็นเด็กน้อยคนเดิมส่งยิ้มสดใสให้เช่นเคยเขาปั้นสีหน้าเย็นชาใส่เธออีกครั้ง ตามด้วยสั่งเธอเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า อย่าตามมาอีก นัยน์ตาใสแป๋วสื่อว่าเธอคงไม่เข้าใจคำพูดของเขา ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆอย่างระอาและหันเดินหนีไปอีกทาง สายลมในฤดูใบไม้ผลิพัดโชยผ่านมาหลายระลอกจนดอกไม้ใบหญ้าปลิวไสวไปตามแรงลม หมวกไหมพรมสีขาวที่เด็กน้อยสวมปลิวหลุดลอยร่วงหล่นบนพื้นหญ้าห่างออกไปหลายเมตร ซึ่งเป็นทางลาดลง มาซากิหันไปเห็นพอดีแต่เขาเลือกจะยืนนิ่งเฉย เด็กหญิงหันมาร้องบอกว่าคุณอาคะ เก็บหมวกให้หนูหน่อยได้ไหม เขายังคงยืนนิ่งราวกับเพิกเฉยต่อคำร้องขอของเด็กหญิง หนูน้อยยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินก้าวเท้าไปตามทางลาดลงช้าๆ เพื่อจะไปเก็บหมวกไหมพรมสีขาว โอ๊ย! ********* ดาวอยู่ไหนลูก ดาว จักรวาลร้องเรียกบุตรสาว ขณะเดินตามหาอยู่ครู่ใหญ่ๆ ดาโอะจังหนูอยู่ไหน หนุ่มญี่ปุ่นอีกคนก็ช่วยร้องเรียกเช่นกัน ด้วยภาษาญี่ปุ่น ไปไหนนะเมื่อกี้ยังเห็นอยู่ตรงนี้ วิ่งซนไปถึงไหนกัน จักรวาลเอ่ยขึ้นสีหน้าฉายชัดถึงความกังวลและห่วงใย น่าจะอยู่แถวๆนี้แหละครับ เราไปดูแถวประภาคารกัน ดาโอะจังอาจไปวิ่งเล่นแถวนั้นก็ได้ เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงบริเวณหน้าประภาคารก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหนูน้อย สีหน้าของจักรวาลจึงเคร่งเครียดขึ้นอีกหลายเท่าตัวฟ้องถึงความรักและห่วงใยอันเหลือล้นของผู้เป็นพ่อ ทั้งสองช่วยกันร้องเรียกเด็กหญิงอยู่หลายครั้ง จนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนดังจากเบื้องหลังจักรวาลจึงหันขวับ และคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังอุ้มเด็กหญิงไว้ในอ้อมแขนขณะเดินตรงมาหาเขา มาซากิเดินมาหยุดตรงหน้าจักรวาลเพื่อส่งเด็กหญิงคืนให้กับผู้เป็นพ่อ อีกฝ่ายจึงยื่นสองแขนออกไปรับบุตรสาวมาอุ้มแทน ดาวเกิดอะไรขึ้นลูก หมวกดาวหล่นไปตรงนู้นดาวลงไปเก็บหมวก เลยตกลงไป คุณอาเลยไปช่วยดาว แล้วเจ็บตรงไหนบ้างลูกดาว ดาวเจ็บขาเดินไม่ไหว คุณอาเลยอุ้มกลับมาดาวหันไปยิ้มกับมาซากิที่ยังคงปั้นหน้าเรียบเฉยราวกับเป็นรูปสลักไร้ชีวิตจิตใจ ผมขอบคุณมากนะครับคุณ เอ่อ... จักรวาลเอ่ยกับอีกฝ่ายเป็นภาษาญี่ปุ่น มาซากิไม่ได้ตอบกลับและหันเดินจากไปเงียบๆ พร้อมกับเสียงร้องเล็กๆ ของเด็กหญิงที่ดังอยู่ข้างหลัง ขอบคุณคุณอาแล้วเจอกันอีกนะคะ ความคิดสุดท้ายของมาซากิเกี่ยวกับเด็กหญิงคนนั้นก็คือเธอคงทั้งไร้เดียงสาและปัญญาอ่อน เพราะคงยากเกินไป ที่คนแปลกหน้าที่อยู่กันคนละประเทศจะบังเอิญได้พบเจอกันอีกเป็นครั้งที่สาม
Create Date : 02 มกราคม 2559 |
|
2 comments |
Last Update : 26 มีนาคม 2559 4:30:59 น. |
Counter : 6152 Pageviews. |
|
|
|