กลับมาแล้วค่ะจากการทำธุระหลังเขาเหมือนที่เอ่ยอ้างเอาไว้ที่บล็อกก่อนหน้านี้ ... เอ ทำไมถึงได้ชอบพูดว่าหลังเขา ที่จะหมายถึงความเจริญเข้าไม่ถึง ทั้งๆ ที่เดี๋ยวนี้หลังเขาที่เราพูดถึงนี้ น้ำ ไฟฟ้า เข้าถึงแล้วบ้าง รวมถึงรองเท้าอาดิดาสกับไนกี้ก็ถึงแล้วด้วยน๊า (อย่าไปดูว่าของจริงของปลอมล่ะ) ... หนนี้กลับไปทำธุระให้คนข้างๆ เลยต้องไปติดต่อเป็นเรื่องเป็นราวกับทางสถานทูต ซึ่งถือว่าตั้งแต่สถานทูตเนเธอร์แลนด์เปลี่ยนที่ตั้ง ถ.วิทยุ ไปตั้งอยู่ที่ ถ.ต้นสนแล้วก็ครั้งแรกนี่ล่ะค่ะที่ได้ไป การไปติดต่อก็ไม่ยากเย็น แต่ร้อนรุ่ม เนื่องด้วยร้อนมากในการเดินสถานีรถไฟฟ้าชิดลมไปยังสถานทูต แต่ดีหน่อยว่าเดินไปกันตอนเช้า ร้อนหน่อยแต่ก็ยังไม่มาก การติดต่อก็สบายๆ เพราะไปขอเอกสารไม่ต้องนัดคิว แค่ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เข้าไปบอกเค้าว่าจะติดต่อด้วยเรื่องอะไร แล้วก็จ่ายเงินให้กระเป๋าเบาไปราวๆ 2600 บาท สำหรับเอกสารสองแผ่น นั่งรอ แล้วก็จบ .. ช่วงจังหวะนั่งรอเอกสารได้รู้ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง อย่างน้อยๆ เลยก็จะได้เห็นสาวไทยและฝรั่งมากันเป็นคู่ๆ .. เป็นเรื่องธรรมดาค่ะเพราะว่าที่ไหนก็เห็นกันได้ไม่แปลก แต่เรื่องที่จะเล่าแล้วแปลกเป็นเรื่องของสาวคนหนึ่งค่ะ เกือบๆ จะหมดชั่วโมงสำหรับการติดต่อคิวหน้าสถานทูต ผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามา ลักษณะท่าทางก็เชิดหยิ่งเหลือคณา เนื่องด้วยตั้งแต่เธอเยื้องกรายเดินเข้ามา เธอจะมองทุกคนด้วยหางตามาเชียว ชุดแซกเข้ารูป กระเป๋ายี่ห้อที่เป็นปัญหาที่เราๆ ได้ยินกันแขวนห้อยอยู่ที่แขนข้างซ้ายของเธอ รองเท้าส้นสูงที่ดูท่าทางไม่ใช่คู่ละ 199 หน้าตาของเธอเรียกได้ว่าเกินจะเรียกว่าน่ารัก .. ผมยาวสลวยสวยเก๋ เหมือนใช่Pantine นานหลายปี ทุกอย่างเรียกว่าเธอดูเพอร์เฟ็คเหมือนคุณหนูในจินตนาการของเรานั่นล่ะคะ ทุกอย่างมันคงดี ไม่มีอะไรมาเล่า ถ้าหากว่าเธอคนนี้เดินเข้าสถานทูตมาแล้วก็เข้าแถวต่อท้าย (เพราะมาทีหลัง ) .. แต่เนื่องด้วยแถวที่เค้าต่อคิว มีทั้งคนยืน และคนนั่ง เธอคนนี้เดินเข้ามาก็ไม่ถามใครเลยแต่กลับไปเดินต่อท้ายคนที่ยืนเพราะถือว่าเป็นคนท้ายแถว แต่จริงๆ เปล่าหรอกค่ะ เพราะว่ายังมีผู้หญิงอีกสองคนต่อท้ายอยู่ แต่ด้วยอารามว่ายืนนานแล้วก็เลยนั่ง .. ทีนี้สองสาวที่ต่อท้ายแถวก็เลยกลายเป็นถูกแซงหน้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะว่ามัวแต่นั่งคุยกัน พอหันมาเห็นสาวที่เข้ามายืนต่อด้านหน้าเลยเกิดความงงก็เลยไม่ได้พูดอะไรไปกับผู้หญิงคนนั้น ฉันเองก็พยายามจะบอผู้หญิงคุณหนูนั่นล่ะว่า เธอมาหลังสุดน่าจะไปต่อท้ายผู้หญิงสองคนนั่น ... แต่ฉันอารามคิดในใจไปเองว่า ไม่เอาน่าไม่ใช่เรื่อง แต่ก็พยายามจะสบตาสาวคนนั้นเพื่อจะบอกแต่เธอคนนี้หันมามองฉันด้วยหางตาแล้วก็สะบัดหน้าพรืดดดดดดดดดดด ผมปลิวสไวดั่งสาวในโษณายาสระผมยี่ห้อหนึ่งมันก็เลยทำให้ฉันไม่ต้องบอกตัวเองซ้ำเลยว่า "ปล่อยเธอไป ไม่ใช่เรื่อง" ... และแล้วเมื่อใกล้เวลาที่ฝรั่งคนยืนข้างหน้าสาวคนนั้นจะหมดธุระ เธอก็เดินต่อไปโดยไม่สนใจผู้หญิงสองคนด้านหลังที่มาก่อนเธอ และพร้อมกันนั้นผู้หญิงสองคนที่มาก่อนก็หยุดคุยและพยายามจะเดินแซงหน้าหญิงสาวสวยคนนั้นไป แต่เธอคนนั้นกลับไม่ยอม ฉันอยู่ข้างหน้า ใครแซงฉันไม่ได้ ที่ข้างหน้า ข้าต้องได้ก่อน (เธอคงคิดอย่างนั้น) ... เพราะฉันเห็นว่าเธอคนสวยก็เดินกร่างๆ ประมาณว่าอย่าแซง พร้อมกับดันศอกกระทุ้งผู้หญิงด้านหลัง เอาล่ะสิ เล่นกับใครไม่เล่น เพราะว่าผู้หญิงที่เข้าแถวสองคนตามปกตินั้นก็ไม่ยอมเหมือนกัน เค้าดันมาก็ดันกลับบ้าง แต่เมื่อดันกันไปมา ต่างคนก็ต่างไม่ยอมกัน ผู้หญิงด้านหลังเลยมองหน้าจ้องเหมือนหิวมานานแทบคนถูกจ้องจะละลาย ... และแล้วฉันก็ได้ยินผู้หญิงสวยคนนั้นเอ่ยปากออกมาว่า " จะดันทำไม อยากแซงหน้านักหรือไง " เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่พอๆ กับนางร้ายในทีวีช่องต่างๆ บ้านเรา พร้อมทั้งมองผู้หญิงที่เธอกระทุ้งศอกไปเมื่อสักครู่ " นี่คุณ พูดให้ดีๆ นะ ใครกันแน่ที่แซง คุณเข้ามาดุ่มๆ ไม่ถามไม่ไถ่ อยู่ๆ ก็เดินมาเข้าแถว ฉันนี่สองหัวโด่อยู่นี่ไง ไม่เชื่อถามคุณยายดู " ... ผู้หญิงที่ถูกแซงอธิบาย " ทำไมต้องถาม" สาวสวยยังไม่ยอมดีๆ แถมยังลอยหน้า ลอยตา ไม่สนใจ ไม่แคร์ใครๆ " ก็เธอมาแซง แต่ว่าถ้าหากว่าอยากไปก่อนก็บอกดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องถองศอกเข้ามาหรอก เจ็บ " ... เจ้าหน้าที่ชักเห็นว่ามันเสียงดังขึ้นก็เลยต้องเข้ามาบอก ... เตือน ... ว่ายังไงก็ใจเย็นๆ ได้ติดต่อทุกคน ... และแล้วสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเอ่ยเอื้อนออกมาจากปากของหญิงสวยงามคนนี้... " ทำไม ฉันมาติดต่อวีซ่า มาคนเดียว ไม่ได้มากับฝรั่งเหมือนพวกนี้สักหน่อยหนิ " ... โอ้วแม่เจ้า ถ้าไม่พูดอะไรออกมาแบบนี้จะสวยกว่านา เธอพูดออกมาแบบนี้มันเหมือนกับเค้าถาม 1+1 เป็นเท่าไหร่ เธอตอบออกมาว่า เธอชอบเพลงวงฟลาย มันเกี่ยวกันไม๊ล่ะเนี่ย แล้วอีกอย่างพูดถึงอะไรไม่พุด แต่ว่าดันมาพูดเรื่องที่ไม่ใชเรื่องของเธอสักนิด ดู๊ เธอช่างไม่ห่วงความสวยของเธอเองท่ามกลางสถานการณ์คนฟังรอบตัวเธอซะเลย ช่างกล้า !! เสียดายว่าฉันไม่ได้ดูตอนจบของเรื่องนี้เลยมาเล่าต่อให้ฟังไม่ได้ว่าเป็นยังไง แค่เกิดความรู้สึกงงกับความสวย หน้าตาดีแล้วก็ (ดูท่า)จะการศึกษาดีด้วย ไม่น่าจะมีพฤติกรรมและการพูดจาได้แบบนี้เลยนะเนี่ย นี่ล่ะค่ะเลยกลายเป็นว่า หน้าตาดีก็ไม่ได้บ่งบอกว่าทุกอย่างจะดีเหมือนหน้าตา หรือว่าบางทีหน้าตาแย่เมื่อเอ่ยเอื้อนออกมาแล้วจะไม่พาลทำตัวให้แย่ยิ่งกว่าหน้าตา ... เอ แล้วมันยังไงกันล่ะเนี่ย ถือว่ามาเล่าสู่กันฟังหลังห่างหายจากบล็อกไปสักพักนะคะ นึกได้ว่ามีอีกหลายเรื่องไม่ได้เขียนถึง แต่เห็นว่ายาว เอาไว้ต่อคราวหน้าดีกว่า ... ติดตามต่อนะค่ะ

Create Date : 08 มิถุนายน 2550
Last Update : 8 มิถุนายน 2550 0:20:54 น.		99 comments
Counter : 877 Pageviews.
Share Tweet