วันนี้แม่โสมมีหลากอารมณ์ อารมณ์ที่หนึ่ง ปลงกับโรคหมาลอบกัดนามกรว่า "มะเร็ง"
อารมณ์ที่สอง ปลงกับการบ้านการเมือง
วันนี้ไป รพ. จุฬา เพื่อไปเยี่ยมน้องเขยที่เป็นมะเร็งรอบสอง
แถบที่เขานอน ทั้ง floor คือ floor มะเร็ง
แม่โสมเดินด้วยอาการสงบ และมองเข้าไปในทุกห้อง
มีผู้คนเรียงราย ใส่ชุดสีฟ้า พร้อมศรีษะไร้ผม นั่งรับลมกันหน้าห้อง
บ้างก็นอนในห้อง บนเตียง
บ้างนั่งรอลูกอย่าง alone แล้วบ่นว่า อาหารมาแบบนี้ทู๊กกกกกก วัน เบื่อออออออออ มากกกกกกก
แม่โสมเดินดูแล้วรู้สึกสงบมาก เข้าไปคุยกับคุณป้าที่นั่งรอลูก
และกลับมาที่ห้อง นำมะพร้าวดเผาเฉาะแล้วไปให้คุณป้าทาน
แม่โสมสบตากับญาติของเหล่าชนที่นี่ ก็รู้สึกได้ทันทีถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ที่นี่เป็นเหมือนชุมชนเล็กๆ ที่มี "หัวอกเดียวกัน"
จากที่แม่โสมไม่ยอมไปตรวจร่างกาย เนื่องจากกลัวว่า หากผลออกมาว่าแม่โสมเป็นโรคที่ร้ายแรง
จากคนที่แข็งแรงดี อาจจะมีสภาพเยี่ยงนี้ > และ > ดับอนาถ ก่อนที่หมอจะเล่าอาการจบเสียด้วยซ้ำ
ก็แหม... แม่โสมเป็นคนขวัญอ่อน และคิดมาตลอดว่า ไม่รู้เสียเลยดีกว่า หากรู้แล้วจะจิตตก พาลตัวตกไปด้วย
มาวันนี้ แค่เดินบนชั้นชุมชนมะเร็งด้วยจิตสงบ แม่โสมกลับคลายความกลัวการไปตรวจร่างกายเสียสิ้น
เพราะเกิดปลงตกขึ้นอย่างเฉียบพลันว่า คนเราก็เท่านี้ ไม่วันนี้ ก็วันนั้น ไม่วันนั้น ก็วันนู้น ไม่วันนู้น ก็เมื่อวาน
เราต้องโดนอะไรสักอย่าง การไปตรวจร่างกาย หากทราบข่าวร้าย
แม่โสมก็จะรับทราบด้วยความปลงสังขาร และทำหูทวนลม เดินออกจาก รพ. แล้วทำตัวปกติ ไม่รักษาอะไรเลยก็ย่อมได้นี่หว่า
หรือหากว่า สามารถรับการรักษาได้ อาทิ หมอบอกว่า ผลการตรวจ พบว่า คุณมีเลือดชั่วเกิน 1000 cc ต้องรีบดูดออกด่วน
อย่างนี้ แม่โสมก็ตัดสินใจ ให้หมอดูดได้ คืออะไรจัดการได้ก็ทำ อะไรที่คิดว่า ปลงเสียเถิด ก็กลับมาใช้ชีวิตร่าเริงปกติ
รอจนพะงาบ จึงจะหอบสังขารไปรักษาตามอาการ แค่นี้ก็จบ ไม่เห็นยาก
เรื่องการเมือง นับวันรัฐบาลจะเน่าขึ้นทุกวัน ความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นแบบ มีการจัดการหลายชั้นมาตรฐาน
ชนในชาติฟาดฟันกันจนน่าเกลียด น่าขยะแขยง
จากที่เครียดๆ (เมื่อกี้นี้เหนาะๆเลย ปรี๊ดเพราะการอ่านกระทู้ในพันทิปนี่แหละ และไม่ใช่ห้องราชฯ)
พลัน ! เกิดอาการปลงตกซะงั้น
ด้วยที่ว่า แม่โสมเชื่อในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ
และรู้ตัวดีว่า ไม่มีอำนาจในการจัดการอะไร จึงคิดว่า
การปล่อยให้ "มัน" เป็นไปตามกรรม ให้กรรมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพก็คงดี
การมีส่วนร่วมในการเมืองยังต้องคงอยู่ เพราะมันคือหน้าที่พลเมือง
แต่การทำหน้าที่พลเมือง ต้องวางใจให้นิ่ง ไม่หวั่นไหว รู้ความจริงที่เกิดขึ้น
อะไรต้องทำก็ทำ ไม่ต้องเอาอารมณ์ไปจับ เพียงรับรู้และทำตามหน้าที่
แม่โสมก็ลอยตัวเหนือความระทมทุกข์ได้
จะจุดไฟเผาใจตนทำไมเล่า
ก็ในเมื่อ ท้ายที่สุด พวกเราล้วนหนีไม่พ้นจุดจบที่เหมือนกันเด๊ะ ไปเสียทุกราย !
แวะมาส่งความระลึกถึงกันในวันทำงานแรกของสัปดาห์ค่ะ
ดีใจจังวันนี้เราได้เป็นแขกคนแรกของบล็อกแม่โสมด้วย