Shangri La มนต์เสน่ห์...ดินแดนสุดขอบฟ้า 2
18 ต.ค.50 วันที่สอง เช้าวันที่สองพวกเราต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อเตรียมตัวบินไฟท์เช้าไป ลี่เจียง ไกด์นำอาหารกล่องมาแจกแต่แทบจะไม่มีใครแตะเลย ข้างในมีขนมปังแห้งๆแข็งๆสองแผ่นประกบแฮมสีแดงแจ๊ดกัดไปเจอแต่แป้ง ทุกคนก็เลยกินแค่ไข่ต้มที่ใส่มาให้คนละ 1 ลูก และน้ำเปล่า 1 ขวด
เดินทางถึงลี่เจียงไกด์ก็พาเราเช็คอินเข้าโรงแรม Li Xiang Yuan Hotel ถึงตอนนี้เริ่มมีเสียงบ่นหิวลอยตามลมมา 10 โมงกว่าเข้าไปแล้วมีแค่ไข่ต้มลูกเดียวอยู่ในท้อง ไกด์ก็ห่วงว่าถ้าเรากินข้าวกันตอนนี้ มื้อเที่ยงก็จะกินไม่ลงกัน จึงตกลงกันว่าหาอะไรรองท้องไปก่อน พวกซาลาเปา หมั่นโถว พอเที่ยวที่สระน้ำมังกรดำจบจึงไปกินอาหารเที่ยงกันดีกว่า
ไปถึงหน้าบริเวณสระน้ำมังกรดำ ระหว่างที่ไกด์ท้องถิ่นไปซื้อตั๋วเข้าชมพวกเราก็เริ่มสอดส่ายสายตาหาของกินกัน เห็นมีร้านคนทิเบตเปิดอยู่ใกล้ที่สุดอยู่ร้านนึง เดินเข้าไปดูว่าขายอะไรบ้าง ก็เห็นเจ้าแป้งทอดหน้าตาคล้ายๆโรตีดูน่ากินดีแฮะ ถามไกด์ได้ความว่าเป็นแป้งทอดมีสองไส้ ไส้เค็มจะมีขาหมูหั่นเล็กๆปนอยู่ อีกไส้เป็นไส้หวานข้างในรู้สึกว่าจะเป็นไส้พุทราจีนกวน เราซื้อไส้เค็มมาแค่ชิ้นเดียวราคา 2 หยวน ไม่รู้ด้วยความหิวหรือเปล่าเพราะว่ามันอร่อยจัง ข้างนอกจะกรอบๆหอมๆ ข้างในนุ่มๆแต่ว่าอมน้ำมันไปหน่อย

สวนสาธารณะเหยหลงถานหรือห้วงน้ำมังกรดำ อยู่ที่ชานเมืองด้านเหนือ เล่ากันว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนที่นั่นเป็นบ่อน้ำธรรมดา อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านเห็นมังกรดำโผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำนั้น ชาวน่าซีมีความเชื่อเรื่องมังกรอยู่แล้ว จึงตั้งชื่อว่า บ่อน้ำมังกรดำ
ปัจจุบันปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะสร้างสะพาน ศาลาพักผ่อนแบบเก๋งจีน สองข้างทางมีต้นเกาลัด มีเนื้อที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร มีบ่อน้ำใน และบ่อน้ำนอกมีสะพานหินอ่อนกั้น น้ำในบ่อผุดขึ้นมาจากตาน้ำใต้ดินจึงใสจนมองเห็นก้นบ่อที่มีสาหร่าย
วันนี้ไม่ค่อยมีแดดฟ้าครึ้มๆ จึงไม่เห็นน้ำเป็นสีเขียวใสๆ ถ้าแดดจัดๆคงสวยกว่านี้มาก



ถังขยะในลี่เจียงทั้งหมดจะเป็นรูปทรงนี้

อาคารภายในบริเวณสวน

อาม่าชาวน่าซีมาเดินเล่นในสวน หน้าตาใจดีแกเห็นพวกเราก็ยิ้มให้

เจ้าหนูคนนี้คงอยู่แถวนั้นกำลังเล่นเพลิน เพิ่งถ่ายได้ภาพเดียวแกก็หงายท้องลงไปกะพื้น อากงเลยลากตัวกลับบ้าน

จากนั้นก็ไปกินอาหารกลางวันกัน ดูจากหน้าร้านและภายในร้านตกแต่งไว้ค่อนข้างดูดีทีเดียว อาหารก็รสชาติดีพอควร ทุกคนกินได้อย่างสบายๆหรือเพราะว่าหิวกันมากก็ไม่รู้
หน้าร้านอาหาร

ดอกไม้ที่ปลูกในร้านสวยๆทั้งนั้น

จากนั้นไปเที่ยวต่อที่ วัดอวี้เฟิง จากลานจอดรถเดินผ่านร้านค้าเข้าไปประมาณ 50 เมตรจะพบกับวงดนตรีพื้นเมืองที่มีทั้งชาวบ้านและลามะบรรเลงกันอยู่ (ที่จริงเขาเพิ่งเริ่มบรรเลงตอนเห็นพวกเราเดินเข้าไปนั่นแหละ) และมีกล่องรับบริจาควางไว้ข้างหน้าวง สองข้างทางเดินเข้าวัดจะมีร้านขายของพื้นเมือง คล้ายตามดอยที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวบ้านเรา แต่ที่สะดุดตาเรามากที่สุดก็คือเจ้าวอลนัทที่เหล่าอากงอาม่านั่งแกะไปขายไปนี่แหละ อดไม่ได้ขอชิมดูสักหน่อย อืมมมม หอมมันหวานอร่อยมากๆ คงเพราะเก็บมาใหม่ๆไม่ได้ค้างนานเหมือนซื้อจากร้านค้าบ้านเรา ก็เลยควักกระเป๋าซื้อไป 20 หยวนได้มาหนึ่งชั่งเขาว่าประมาณครึ่งโล (แต่กลับมาบ้านชั่งดูมีอยู่แค่ 200 กว่ากรัมเองแฮะ ถึงเราจะกินเล่นๆไปบ้างแล้วแต่ก็ไม่น่าจะหายไปตั้ง 300 กรัมหรอก) แต่ก็โอเคยังถูกกว่าบ้านเราที่สำคัญหอมอร่อยดี กลับมายังนึกเสียดายว่าน่าจะซื้อมากกว่านี้
วงดนตรีบรรเลง

แกะวอลนัทขายกันใหม่ๆสดๆเลย

เดินตามทางเดินเข้าไปก็จะได้ยินเสียงเพลงแว่วๆมา เหล่าอาม่าชาวน่าซีจะจับกลุ่มกันอยู่ตรงหน้าวัด พอมีนักท่องเที่ยวเดินเข้ามาก็จะร้องเพลงพื้นบ้านพร้อมด้วยลีลาประกอบ โดยมีตะกร้าวางอยู่ข้างหน้าให้นักท่องเที่ยวหย่อนเงินลงไป ถ้าคุณเล็งกล้องเพื่อถ่ายรูปพวกแกละก้อ เตรียมเงินไว้หย่อนได้เลยค่ะ เพราะถ้าคุณไม่หย่อนแล้วเดินออกมา อาม่าแกจะเรียก เฮ้ยๆๆๆ?????(ฟังไม่ออกแล้ว) แต่ถ้าคุณไม่สนใจเพราะถือว่าฟังไม่ออกก็ไม่เป็นไรค่ะ อิอิ


วัดอวี้เฟิงเป็นวัดลามะธิเบตที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงค์ชิง อยู่ห่างจากเมืองลี่เจียงประมาณ 13 กิโลเมตร ได้รับสมญานามว่า ดินแดนแห่งดอกคามิเลีย 10,000 ดอกซึ่งทางวัดได้เพาะพันธ์ต้นคามีเลียไว้เป็นจำนวนมาก บางต้นมีอายุมากกว่า 500 ปี
ในวิหารวัดนี้มีพระพุทธรูปที่มีศรัทธาชาวไทยนำไปถวายประดิษฐานอยู่ในวิหารทางด้านขวาของพระประธานด้วย


ในวัดมีต้นคามีเลียที่ได้รับการยกย่องว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ สูง 3 เมตรเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 40 เซนติเมตร แต่เดิมทีแรกปลูกเป็นสองต้น นานวันเข้าก็กลมกลืนเหมือนเป็นต้นเดียวกัน มีรูปลักษณ์สวยงามมาก เรียก ต้นกอดกัน(Embracing Tree) จะออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราเลยได้ชมแต่ต้นเท่านั้น


แม่ลูกขายของอยุ่ตรงทางเดินเข้าวัด

เจ้าหมาตัวนี้นอนเฝ้าวงดนตรีอยู่ตรงทางเข้า

ต้นอะไรไม่รู้ เห็นได้ทั่วไปตามสองข้างทางแทบทุกเมือง

ไปเที่ยวต่อที่ภูเขาหิมะมังกรหยกอีกบล็อคหนึ่งนะคะ กลัวว่าจะโหลดภาพกันนาน
Create Date : 28 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 20:02:23 น. |
|
9 comments
|
Counter : 2110 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: บุษบา IP: 58.9.158.15 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:21:21:21 น. |
|
|
|
โดย: pompier วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:22:29:14 น. |
|
|
|
โดย: Pastasiam IP: 86.80.54.92 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:23:53:21 น. |
|
|
|
โดย: เต่าญี่ปุ่น วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:5:49:20 น. |
|
|
|
โดย: Cookie Nim วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:19:36:13 น. |
|
|
|
โดย: wildbirds วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:18:40:26 น. |
|
|
|
โดย: Cookie Nim วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:21:43:26 น. |
|
|
|
โดย: วันวานที่ผ่านมา IP: 210.86.215.182 วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:16:57:02 น. |
|
|
|
โดย: ม่วนน้อย วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:32:06 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 71 คน [?]

|
ขอสงวนสิทธิ์ภาพถ่ายทุกภาพในบล็อคนี้
มีหลายๆคนสงสัยว่าทำไมต้อง Cookie Nim (คุกกี้นิ่ม) ที่มาของชื่อนี้มาจากชอบกิน soft cookie มาก หัดทำขนมใหม่ๆก็เริ่มจากเจ้านี่แหละ พอมาเล่นเนทนึกชื่อไม่ออก ก็เลยใช้ คุกกี้นิ่ม ตั้งแต่นั้น หลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำให้มีเวลาว่างทำอะไรๆที่ชอบมากขึ้น ทำขนม ทำสบู่ และทำงานฝีมือ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ชอบนั้นจะไม่ก่อให้เกิดรายได้เท่ากับเงินเดือนที่เคยได้ แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณคนเดียวของเรา ซึ่งก็คือ"คุณพ่อบ้าน" นั่นเอง
สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้ภาพ หรือบทความในบล็อกนี้ไปใช้ในทางบริสุทธิ์ใจ เช่น อยากนำไปตกแต่งบล็อคของคุณ หรือสูตรขนมไปทำแล้วเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้หาผลประโยชน์ส่วนตน จขบ.ยินดีค่ะ รบกวนแค่อ้างอิงแหล่งที่มาสักหน่อยเท่านั้น
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|