Welcome to my blog…………..http://cookie-nim.bloggang.com
Be my guest I baked I churned I cooked I quilted I made I traveled
Pahalgam กำเนิดนางเอกหนังแขกดวงใหม่










9 กค. 2552. – 6.30 น. ตื่นนอนออกมาสัมผัสอากาศยามเช้าของทะเลสาบดาล จิบกาแฟ และถ่ายรูปไปด้วย ห้องอื่นๆในบ้านเรือยังคงเงียบสงบ แต่แล้วก็เห็นปลาเดินออกมาแบบเตรียมพร้อมออกเดินทางได้แล้ว ปลาบอกว่าจะเข้าครัว เมื่อวานบอกมิสเตอร์ดีนไว้ว่าไม่ให้ทิ้งน้ำต้มไก่ที่ทำไก่ต้มน้ำปลา พี่นุชบอกว่าเอามาต้มข้าวต้มกินหวานดี ไม่มีอะไรใส่ก็กินกับหมูหยองก็ได้







สักพักปลาก็หายเข้าครัวไป วันนี้คนอื่นๆตื่นกันเร็วขึ้นกว่าเดิม คงเพราะได้นอนเต็มอิ่ม แล้วยังโดนเรากับคุณพ่อบ้านทับถมไว้ว่าไม่ยอมออกมาชมวิวตอนเช้า อากาศดีและสวยด้วย วันนี้ก็เลยได้ถ่ายรูปแถวหน้าบ้านเรือกันนิดหน่อย แต่เรือขายดอกไม้ไม่ยักกะมาให้ถ่ายรูป

8.00 น รวมตัวกันกินอาหารเช้า มีข้าวต้มร้อนๆหอมฉุย ปลาเจียวกระเทียมซะเหลืองกรอบน่ากิน
เช้านี้ทุกๆคนอิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า แค่ข้าวต้มเปล่าๆโรยกระเทียมเจียว และพริกไทย ก็อร่อยแบบไม่แลอย่างอื่นกันแล้ว ปิดท้ายด้วยชา หรือกาแฟอีกถ้วย ก็พร้อมออกเดินทาง










เมื่อไปถึงท่าเรือชิคาร่า รถมารอพวกเราอยู่แล้ว 2 คัน พวกเราไม่เห็นลุงคนเมื่อวานคิดว่าปลาคงบอกให้เขาเปลี่ยนคัน แต่ก็ได้ยินแว่วๆมาว่า ลุงยังมาไม่ถึง พวกเราจึงบอกปลาว่า รถ 2 คันก็นั่งสบายๆแล้ว ไม่ต้องเพิ่มเป็น 3 คันให้เปลืองเปล่าๆโทรไปบอกลุงว่าไม่ต้องมาแล้ว (ตอนนี้ทุกๆคนแอบโล่งอก) ขึ้นรถประจำที่พอดี 2 คัน จึงออกเดินทาง










สภาพการจราจรในศรีนาการ์ก็ยังคงวุ่นวายจอแจเหมือนเดิม เมื่อรถวิ่งออกนอกเมืองสองข้างทางเริ่มเป็นทุ่งนาโล่งๆแห้งๆ มิสเตอร์ดีนได้ชี้ชวนให้ชมวิวข้างทาง แล้วบอกว่าที่นาแถวนี้เป็นที่ปลูกหญ้าฝรั่น (Saffron) ถ้ามาในช่วงตุลาคม จะเห็นหญ้าฝรั่นออกดอกเต็มทุ่งสวยมากๆ (นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่อยากมาเห็น แต่ก็ผิดหวัง คงต้องมาใหม่ซะละมั้ง) ถึงตอนนี้พวกเราเริ่มผิดสังเกตกับรถที่เรานั่งมาว่าวิ่งช้าเกินความจำเป็นหรือเปล่า ทั้งๆที่ถนนข้างก็โล่งไม่มีรถ แต่รถที่เรานั่งมาเข็มไมล์อยู่ที่ 40 -50 เท่านั้น ตอนนี้พวกเราเริ่มสบสายตากันแล้วก็หัวเราะ มันเกิดอะไรขึ้นหว่า หันไปดูรถคันหลังก็ไม่ต่างจากเรานัก แถมบางครั้งยังหลุดหายไปจากสายตา

รถวิ่งมาถึงหมู่บ้านหนึ่ง มิสเตอร์ดีนให้คนขับจอดรถเผื่อใครจะเข้าห้องน้ำ รถคันหลังตามมาสมทบพอดี เจอปลากับตาลที่ห้องน้ำ กำลังจะเอ่ยปากพูดตาลก็สวนถามว่ารถวิ่งช้าเกินเหตุใช่ป่าว ทีนี้ก็เลยหัวเราะกัน ปลาเลยบอกว่าสงสัยจะโดนมุสตาฟาเช่ง(เจ้าของบ้านเรือ) เพราะเมื่อวานปลาโทรไปบอกเรื่องลุงให้ฟัง ตอนนี้พวกเราก็เลยขำกันว่า แขกไม่รู้จักคำว่าพอดีหรือไงเนี่ย

เมื่อเริ่มออกเดินทางต่อ รถก็ยังคงวิ่งด้วยความเร็วแบบเดิม เอาละเหว่ยวันนี้เราจะถึงพาฮาลแกมกี่โมงกันละนี่ ตอนนี้พวกเราก็เลยปลอบใจกันและกันว่า ทำใจ ถือซะว่าเขาพาเรานั่งรถเล่นชมวิวเพลินๆชิวๆแล้วกัน เส้นทางไปพาฮาลแกมนี้เราจะพบเห็นหมู่บ้านข้างทางหลายๆหมู่บ้านทำไม้คริกเก็ตขาย สองข้างทางจะมีไม้คริกเก็ตแขวนขายทั่วไป บางบ้านก็จะมีไม้วางเรียงเป็นกองสูงๆเหมือนเป็นโกดังเก็บไม้ จนทำให้เราสงสัยว่า ไม้คริกเก็ตขายดีมากขนาดนี้เลยหรือ




โรงแรมที่เรากินมื้อกลางวันกัน




ถึงพาฮาลแกมกันประมาณ 11 โมง (ทั้งๆที่น่าจะถึงตั้งแต่ 9 โมงกว่าๆแล้วมั้ง ถ้าขับ 80-90) มิสเตอร์ดีนพาเราเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง ด้านหลังโรงแรมตกแต่งสวนไว้สวยทีเดียวดูๆไปเหมือนอังกฤษเหมือนกันนะ ฉากหลังของสวนเป็นแนวเขาที่เต็มไปด้วยป่าสน เดินเล่นถ่ายรูปกันอยู่สักพักมิสเตอร์ดีนก็มาเรียกพวกเราเข้าไปที่ห้องอาหาร เราตกลงกันว่าจะกินมื้อกลางวันให้เสร็จก่อน ค่อยขี่ม้าขึ้นไปจะได้ไม่ต้องรีบ กว่าจะเสร็จสิ้นอาหารกลางวันก็เข้าไปบ่ายโมง เราต้องนั่งรออาหารกันอยู่พักใหญ่ๆ ปลาบอกว่าแขกกินข้าวกันบ่าย 2 เรามาเร็วเกินไปห้องอาหารของโรงแรมคงยังไม่ได้ทำอาหารไว้

วันนี้เจ้าแบงค์ขอตัวนอนรออยู่ที่บ้านเรือและบอกว่าจะทำไก่ต้มน้ำปลาไว้รอ ส่วนพี่อ๋อยกับพี่นุชขอบายกับการขี่ม้า เพราะเข็ดกับการขี่ม้าที่โซนามาร์คแล้ว ขอรออยู่ที่โรงแรมแล้วกัน อันที่จริงแล้วหลังจากขี่ม้าที่โซนามาร์ค ทุกคนมีอาการปวดขา ปวดก้นกันทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง ขนาดว่าขี่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เรายังดีที่พกยาทาแก้ปวดเมื่อยไปด้วย เลยรีบจัดการทาให้หาย กลัวว่าจะมาขี่ที่พาฮาลแกมไม่ไหว ทั้งๆที่ปลาก็บอกไว้แล้วว่าขี่ม้าที่นี่โหดกว่าที่โซนามาร์คหลายเท่า แต่มาแล้วก็อยากขี่ เพราะเริ่มรู้สึกสนุกกับการขี่ม้า




เพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น




พวกเราออกมาหน้าโรงแรม ตอนนี้มีเหล่าเจ้าของม้ามารุมล้อมกันเยอะแยะไปหมด พวกเราจึงหลีกทางให้ปลาและมิสเตอร์ดีนเจรจาต่อรองราคา หลังจากนั้นก็มีม้าหนึ่งฝูงเดินเข้ามาให้เลือกได้ตามใจชอบ คนตัวเล็กก็เลือกม้ารูปร่างเล็กหน่อย จะได้ไม่ลำบากตอนขี่กับตอนเลิกขี่แล้ว อิอิ

ม้าที่นี่ตัวใหญ่กว่าและดูเป็นม้ามืออาชีพมากกว่าที่โซนามาร์ค (ที่โซนามาร์คดูตัวเล็กๆแบบม้าชาวบ้านเลี้ยง) พอขึ้นม้าได้ลุงเจ้าของม้าก็มาส่งเชือกให้เราถือแล้วบอกว่าจับแบบนี้นะ เลี้ยวซ้ายก็กระตุกซ้าย เลี้ยวขวาก็กระตุกขวา (อ้าวเฮ้ย ลุงจะทิ้งกันหรือไงเนี่ยมาสอนเสร็จสรรพ ไม่จูงให้หนูเหรอจ้ะ –คิดในใจ) ม้าเริ่มพาเดินลัดเลาะไปตามเนินเขา แรกๆก็ดูเป็นเนินเตี้ยๆดีอยู่หรอก สักพักชักไม่หมูซะแล้ว เริ่มเป็นทางขึ้นเขาที่ชัน ทางเดินเป็นดินที่มีหินบ้าง รากไม้บ้างระเกะระกะ ทางเดินก็เป็นทางดินที่ถูกม้าเดินบ่อยๆจนเป็นร่องแคบๆเลาะขึ้นไปตามเขา ที่ชันขึ้นเรื่อย บางช่วงก็เป็นทางเล็กๆแคบๆที่เลาะไหล่เขา มองลงไปข้างล่าง อื๋ย เสียวเหมือนกันนะ




ยังหน่อมๆ สบายๆ




ม้าที่นี่ค่อนข้างจะดื้อและเชื่อมั่นในตัวเองมาก บางตัวเป็นคู่แข่งกันมาก็พยายามแซงกันตลอด คิดดูเถิดว่าทางเดินของม้ามันแคบนิดเดียว ถัดไปก็ตกเขา คนนั่งจะเสียวขนาดไหน ส่วนเจ้าโรซตัวที่เราขี่น่าจะเป็นม้าวัยรุ่น รายนี้ชอบออกนอกเส้นทางไปทางลัด ม้าตัวอื่นๆเขาเดินตามกันเป็นแถวๆตามทางเดิม เจ้าโรซแหวกเส้นทางตัดแซงขึ้นไป แล้วทางที่มันตัดแซงขึ้นไปน่ะมันเป็นทางที่ชันกว่าทางเดิมเขาอีก พอถึงตรงทางเลียบตัวอื่นเขาเดินกันไปเรื่อยๆ เจ้าโรซก็ต้องวิ่ง แปลกว่าวันนี้เรากลับขี่ม้าด้วยความสนุกปนความเสียวเล็กๆเวลาเจอทางชัน แต่ไม่กลัวเลย ในใจตอนนั้นยังนึกว่ากลับมาหัดขี่ม้าซะดีไหม ชักติดใจ




เริ่มชันมากขึ้นแล้ว




ทิวทัศน์ตลอดเส้นทาง ร่มรื่นสวยงาม แต่แทบไม่มีใครได้ชื่นชมเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนกังวลกับการขี่ม้ามากกว่า ต้องคอยมองทางเอาไว้ตลอด เรื่องถ่ายรูปแทบไม่ต้องพูดถึง ไม่มีใครกล้าปล่อยมือออกจากอานม้าเลย ที่นี่เราจึงมีรูปน้อยมากๆ

เมื่อม้าขึ้นไปถึงตรงที่ราบ หลายๆคนก็พูดขึ้นมาพร้อมกันว่า รถขึ้นมาได้นี่(หว่า) ปลาบอกว่าเอารถขึ้นมาก็ไม่ได้กระจายรายได้สิ.. อืมมมม นะ

แต่สิ่งที่เราไม่ประทับใจกับเริ่มแรกที่มาถึงก็คือ ขยะ ที่ไหนรถเข้าถึง ความเสื่อมโทรมสกปรกจะมาเร็วมากๆ ที่นี่ก็เช่นที่อื่นๆ กุลมารค์และโซนามาร์คก็เช่นกัน แต่ที่นี่เห็นชัดเจนกว่า บริเวณรอบๆเนินหญ้าเต็มไปด้วยขยะ และเมื่อม้าเราเดินไปถึงที่ราบก็พบกับสารพัดพ่อค้าแขกที่เข้ามารุมล้อม ตื้อขายผ้า ถ่ายรูป จนเราหงุดหงิด




สามอัศวิน ขึ้นมาถึงสุดท้าย เพราะม้ามัวแต่แซงกันไปมา




เมื่อทุกคนรวมตัวครบ พวกเราก็เดินออกมาเพื่อหาที่สงบๆถ่ายรูป แต่เหล่าพ่อค้าก็ตามติดแบบสะบัดไม่ยอมหลุด กว่าจะหลุดพวกเราเดินจะขึ้นเนินเขาไปอีกด้านนั่นแหละ เมื่อได้ที่ร่มๆนั่งพักเหนื่อย คุย กินน้ำเรียบร้อย ก็เริ่มมองหาผู้กำกับภาพยนตร์ เพื่อปฎิบัตการณ์นางเอกหนังแขกที่วางแผนกันไว้ตั้งแต่ก่อนมา














พาฮาลแกม (Pahalgam) หรือหุบเขาแกะ เดิมเคยเป็นหมู่บ้านของคนเลี้ยงแกะ อยู่ห่างจากศรีนาการ์ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 95 กิโลเมตร พาฮาลแกมเป็นเมืองที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,130 เมตร ด้วยความงดงามของทุ่งหญ้าและป่าสน พาฮาลแกมจึงเป็นสถานที่ที่ถูกใช้เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์อินเดียมาแล้วมากมาย










หลังจากสอบถามราคาค่าตัวผู้กำกับและพร็อพประกอบฉากแล้วก็ตกลงในทันทีแบบไม่ต้องต่อรองกันให้เสียเวลา ก็ค่าตัวผู้กำกับ รวมเสื้อผ้าและพร็อพแค่ 30 รูปีเท่านั้น พวกเราจึงกะว่าถ่ายมัน 4 ชุดเลยแล้วให้เขาไป 100 แต่สุดท้ายก็มีนางเอกหนังแขกแค่สองคนที่เข้าตากรรมการ นอกนั้นหุ่นไม่ให้สักคน กว่าจะเสร็จสิ้นการถ่ายทำก็หัวเราะกันจนเหนื่อย ผู้กำกับของเราก็ทำหน้าที่แข็งขันมาก ทั้งแต่งตัว จัดท่าทาง จัดพร็อฟ เหลือแต่ถ่ายรูปนี่แหละที่พวกเราไม่ให้ทำ (ที่จริงเขามีบริการด้วยอีกราคาหนึ่ง) จึงให้ค่าตัวผู้กำกับไป 100 รูปีจาก 2 ชุดเท่านั้น




ผู้กำกับเริ่มทำงาน แต่งตัวให้นางเอก



ผู้กำกับ กำลังจัดท่าทางให้นางเอก




กว่าพวกเราจะกลับลงมาถึงโรงแรมก็ 4 โมงเย็นเข้าไปแล้ว ทุกคนรีบๆเข้าห้องน้ำแล้วก็กระโดดขึ้นรถ มิสเตอร์ดีนนั้นเร่งพวกเราอย่างมากเดาว่าคงจะมีแผนพาไปที่ไหนต่อ ความเร็วของรถที่วิ่งก็ยังคงไม่ต่างจากขามา ชิวๆไปเรื่อยๆ และมีทีท่าว่ารอรถอีกคันที่หายไป พวกเราเดาว่าคงจอดรถซื้อไม้คริกเก๊ตกันแน่ๆ เพราะรถคันนั้นมีแต่ขาช็อปปิ้งทั้งคัน




ตากล้องกำลังทำงานอย่างขมักเขม่น



ทุ่มเทกันสุดตัว



ความสนุกสนานของเหล่าตากล้อง ที่นางเอกได้อย่างใจมาก




กว่ารถจะถึง Nishat Gardens ก็ 6.30 เข้าไปแล้ว อันที่จริงพวกเราก็ไม่มีใครอยากมาแล้ว เพราะคิดว่าสวนสาธารณะคงไม่มีอะไรมาก พี่อ๋อยกับพี่นุชนั้นอยากกลับกันแล้ว แต่ว่ามาถึงแล้วมิสเตอร์ดีนเองก็คงอยากบริการพวกเรา จึงไม่มีใครปฏิเสธ เดินตามแกเข้าไป




ต้น Chinar อายุหลายร้อยปี มีสเกลวัดให้ดูด้วยว่าต้นใหญ่มาก




ถึงจะเย็นมากแล้วแต่พระอาทิตย์ที่ศรีนาการ์ยังทำงานแข็งขันแบบไม่ค่อยจะอยากลา ผู้คนก็ยังซื้อบัตรเข้าสวนกันอย่างต่อเนื่อง เดินเข้าไปมองทางไหนก็เห็นแต่แขก ภายในสวนมีดอกไม้เมืองหนาวๆสวยๆมากมาย แต่ละช่อดอกมีขนาดใหญ่สมบูรณ์มากๆ ที่นี่มีต้น Chinar อายุหลายร้อยปี (ต้นไม้ที่มีใบคล้ายต้นเมเปิ้ล) พวกเราเดินชมดอกไม้กันสักพัก จนรถอีกคันตามมาทันและเข้ามาสมทบ จึงชวนกันกลับ




พระอาทิตย์กำลังจะเลิกงานแล้ว



พระอาทิตย์กำลังลาลับ แขกก็ยังไม่ยอมกลับบ้านกันซะที





กลับถึงบ้านเรือแยกย้ายกันไปผักผ่อน แล้วมารวมกันอีกครั้งที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรอมื้อเย็น วันนี้มุสตาฟาเจ้าของบ้าน มีบาร์บีคิวเลี้ยงพวกเรา รวมกับไก่ต้มน้ำปลาและน้ำจิ้มแซ่บๆฝีมือเจ้าแบงค์อีก เป็นอีกมื้อที่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย

หลังอาหารปฎิบัติการ “กุรุ กุรุ กุรุ” ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง วันนี้นอกจากผ้าแล้ว ยังมีพ่อค้าเปเปอร์มาเชย์
ที่มาตื้อตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครแย่งซีนพ่อค้าผ้าได้เลย แกยังคงเป็นขวัญใจของพวกเรา
วันนี้พี่นุชกับหมอต่วนก็ตั้งใจว่าจะซื้อบ้างเพราะว่าเป็นคืนสุดท้ายที่จะนอนที่นี่ เราและคุณพ่อบ้านวันนี้ไม่คิดว่าจะซื้ออะไร นั่งอยู่คอยเป็นกำลังใจให้คนอื่นๆในการต่อราคา เมื่อเห็นการซื้อขายใกล้ปิด ก็ขอตัวไปเก็บข้าวของ เพราะตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว



ติดตามตอนอื่นๆ

Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...I

Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...II

Pangong Tso ทะเลสาบพันกอง - พันกอง...จริงๆนะ

Nubra Valley หุบเขาแห่งดอกไม้ ...ไม่ยักกะเห็นดอกไม้

Bye...Nubra Valley...แล้วจะกลับมาตามหาดอกไม้

Kargil ระยะทางสั้นๆแต่ช่างยาวนาน

Sonamarg ดินแดนแห่งเทพนิยาย

จากทะเลสาบดาล (Dal Lake)..สู่..กุลมาร์ค (Gulmarg)

บอกลาศรีนาการ์ ..ชม นครแห่งรัก - จบการเดินทาง


Create Date : 24 กรกฎาคม 2552
Last Update : 14 ตุลาคม 2553 20:58:40 น. 4 comments
Counter : 2266 Pageviews.

 
ภาพสวยมากค่ะพี่ตุ๊ก ดูแล้วมีมุมมีเรื่องราวดีจังค่ะ

เป็นการเที่ยวชมชีวิตที่มีเสน่ห์จัง ...

ดูเหล่าสาว ๆ นางแบบและตากล้อง ดูมีความสุขจังนะคะ


โดย: Tristy วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:03:46 น.  

 
สนุกเหมียนเดิมจ้า ใกล้จบแล้วสินะ ใจหายจัง


โดย: ป้านุช IP: 203.157.71.243, 117.121.208.2 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:30:33 น.  

 
เจ๊หลีตามมาเที่ยวด้วยค่ะ


รูปสวยเลิศ ตามเคย ไม่มีเปลี่ยน


ให้อารมณ์ดีจังค่ะ


โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:14:37 น.  

 
ตามชมย้อนหลังค่ะ ชอบนางเอกจัง ตากล้องก็ทุ่มกันซะ


โดย: ณ มน วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:53:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Cookie Nim
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 71 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์ภาพถ่ายทุกภาพในบล็อคนี้

มีหลายๆคนสงสัยว่าทำไมต้อง Cookie Nim (คุกกี้นิ่ม)
ที่มาของชื่อนี้มาจากชอบกิน soft cookie มาก หัดทำขนมใหม่ๆก็เริ่มจากเจ้านี่แหละ พอมาเล่นเนทนึกชื่อไม่ออก ก็เลยใช้ คุกกี้นิ่ม ตั้งแต่นั้น

หลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำให้มีเวลาว่างทำอะไรๆที่ชอบมากขึ้น ทำขนม ทำสบู่ และทำงานฝีมือ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ชอบนั้นจะไม่ก่อให้เกิดรายได้เท่ากับเงินเดือนที่เคยได้ แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำ
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณคนเดียวของเรา ซึ่งก็คือ"คุณพ่อบ้าน" นั่นเอง

สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้ภาพ หรือบทความในบล็อกนี้ไปใช้ในทางบริสุทธิ์ใจ เช่น อยากนำไปตกแต่งบล็อคของคุณ หรือสูตรขนมไปทำแล้วเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้หาผลประโยชน์ส่วนตน จขบ.ยินดีค่ะ รบกวนแค่อ้างอิงแหล่งที่มาสักหน่อยเท่านั้น
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Cookie Nim's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.