Pangong Tso ทะเลสาบพันกอง - พันกอง...จริงๆนะ
]
3 กค. 2552 7.30 น. ทุกคนเตรียมพร้อมออกเดินทาง วันนี้เราจะไปทะเลสาบพันกอง (Pangong Tso) ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชม. ปลาได้สั่งทางโรงแรมจัดเตรียมอาหารเช้าแบบปิคนิค เราจะแวะกินระหว่างทางกัน
ทะเลสาบพันกอง มีความยาว 40 ไมล์ กว้าง 2-4 ไมล์ เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดในโลก คือมีความสูงถึง 14,256 ฟุต จากระดับน้ำทะเล พื้นที่ 75%ของทะเลสาบอยู่ในประเทศทิเบต อีก 25%อยู่ในประเทศอินเดีย น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก ในช่วงเช้าจะมีสีอ่อน และสีเข้มในช่วงเย็น เมื่อมีแสงแดดสีของน้ำจะเป็นสีฟ้าเทอควอยซ์
 กินอาหารเช้ากันก่อน
ออกเดินทางได้ราว 1 ชม. เราก็แวะกินมื้อเช้ากัน อาหารเช้าจัดใส่ปิ่นโตเป็นชั้นๆ คล้ายๆบ้านเราแต่ของอินเดียเป็นลวดเล็กๆสองเส้น ไม่มีตัวล็อค เมื่อปิ่นโตเรียงบนขาเรียบร้อยสามาถรยกทั้งเถาใส่ในกระติกที่ทำมาเข้าชุดกันเพื่อเก็บความร้อน เราชอบมากเลย เสียดายถ้ามันไม่เกะกะอยากจะหิ้วกลับมาใช้สักชุด จะว่าไปแล้วอาหารเช้าวันนี้น่ากินกว่าที่จัดในห้องอาหารของโรงแรมซะอีก เป็นข้าวผัดไข่ ใส่แครอท หอมใหญ่หั่นละเอียดๆ และน้ำซุปอะไรไม่รู้ขาวๆขุ่นๆแต่หอมมาก รสของข้าวผัดออกจะจืดและมัน ดีนะที่พวกเรามีสารพัดน้ำพริกติดกันมาด้วย เลยชูรสให้อาหารอร่อยขึ้น เรายังคงกินไม่ค่อยได้อีกตามเคย แต่ชอบน้ำซุปหอมอร่อยดี ปลาสั่งอาหารพื้นเมืองจากร้านที่พวกเรานั่งมาเสริมให้ แต่ไม่ค่อยมีใครแตะ ใช้เวลากินอาหารเช้ากันไม่มากนักแล้วรีบเดินทางต่อ
 ห้องน้ำบรรยากาศดี๊ดี
ถนนไปทะเลสาบพันกองเป็นถนนที่ขึ้นๆลงๆบนเขาตลอด ตอนเริ่มต้นก็ดูจะดีอยู่หรอก เป็นถนนลาดยาง นั่งชมวิวเพลินๆดี พอไปๆเริ่มเปลี่ยนเป็นหินขรุขระนั่งกระเด้งพอเบาะๆ ถึงจุด Check point คนขับรถไปทำเรื่องผ่านทาง พวกเราก็ลงมาถ่ายรูปกัน บางคนก็ไปเข้าห้องน้ำ เป็นห้องน้ำที่บรรยากาศดีไม่เบาเลย แต่เราเห็นระยะทางที่ต้องเดินไปแล้ว ขอไปเข้าด่านหน้าแล้วกัน
ถนนในลาดักแทบทุกสายเป็นถนนที่ตัดผ่านเขา ขึ้นๆลงๆเลาะหน้าผาแทบทุกเส้นทาง ใครที่กลัวความสูงอยากไปเที่ยวลาดักคงต้องทำใจกันหน่อยค่ะ นอกจากนี้ความคดโค้งของถนนก็สุดโหด ใครที่ว่าแม่ฮ่องสอนโหดแล้ว ที่ลาดักหินกว่าหลายสิบเท่า


 ภาพถนนที่เราวิ่งรถกัน เห็นตรงจุดโค้งไหม
ไม่นานนักเราก็ถึง Chang la Pass เส้นทางรถยนต์ที่อยู่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ตรงนี้อากาศหนาวเย็นมาก ลมแรง ได้ยินแว่วๆมาว่า -10 องศา บางคนไม่ยอมลงจากรถเลย เราลงจากรถได้ก็หาห้องน้ำเข้าก่อน กะว่าเดี๋ยวจะออกมาเดินเล่นถ่ายรูปสักหน่อย ที่ไหนได้เดินมาถึงทุกคนขึ้นนั่งในรถกันเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ปลาที่ยังวนเวียนถ่ายรูปอยู่ เราก็เลยได้ถ่ายมาภาพสองภาพ ด้วยความที่คิดว่าจะรีบไปจึงรีบกลับขึ้นรถ มาคุยกันที่หลังถึงได้รู้ว่า เขาไม่ได้รีบกันหรอก แต่ที่ทุกคนขึ้นรถเพราะทนหนาวไม่ไหว โถๆ เลยได้ถ่ายรูปนิดเดียว หมายมั่นว่าขากลับค่อยมาเก็บอีกรอบแล้วกัน
 สองข้างทางเป็นหิมะทับถมกันนานๆ ถ่ายจากบนรถ ภาพเลยไม่มี composition ใดๆ


เส้นทางจาก Chang La pass ไป ถนนไม่ดีอย่างมาก เป็นหลุมเป็นบ่อจากการถูกน้ำหิมะละลายกัดเซาะ สองข้างทางมีหิมะปกคลุมซ้อนๆกันนานจนเป็นน้ำแข็งก้อนโต เมื่อเจออากาศร้อนก็ละลายลงมาไหลไปตามถนน ถนนจึงเป็นหลุมบ่อตลอดทาง แล้วยังคดโค้งขึ้นลงเขาโดยตลอด
ถึงตรงนี้เราเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันปั่นป่วนและปวดหัว ปลาเคยบอกว่าอาการแพ้ควมสูงมักจะเป็นช่วงที่กำลังลงจากที่สูงนี่แหละ รถถึงได้ขับกันเร็วๆเพื่อให้ผ่านจุดสูงๆลงมาเร็วๆ และคนขับมักจะไม่อยากจอดรถให้ หากใครอยากจะหยุดถ่ายรูป



เมื่อรถมาถึง Check point จุดที่สอง พวกเราก็ลงไปยืดเส้นยืดสายบ้าง ถ่ายรูปบ้าง และแล้วพี่อ๋อยที่นั่งรถมาคันเดียวกับเราก็กระทำการทิ้งอาหารเช้าที่กินไป พี่อ๋อยให้ข้อมูลตัวเองไว้ว่าเป็นคนที่เมารถอย่างมหาศาล เคยเมารถขนาดเข้าโรงพยาบาล 5 วันเลยที่เดียว และวันนี้พี่อ๋อยก็กินยาแก้เมาแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ขนาดคนไม่เมารถ เจอถนนแบบนี้และอากาศบางๆ บางช่วงยังรู้สึกปั่นป่วน
พอผ่านพ้นช่วงน้ำแข็งละลาย ถนนก็เป็นหินกรวดก้อนโตๆ ฝุ่นคลุ้ง พวกเราต้องคอยปิดเปิดกระจกรถกัน เพราะปิดนานๆอากาศในรถน้อยก็จะรู้สึกปวดหัวอึดอัด ถึงตรงไหนที่ไม่ค่อยมีฝุ่นก็เปิดกระจกสูดอากาศกันหน่อยแล้วรีบปิด เป็นอย่างนี้ไปตลอดทาง
 First view point Pangong Tso


กว่ารถจะวิ่งไปถึง First View Point ก็เล่นเอาอ่วมกันเป็นแถวๆ เมื่อถึงทะเลสาบแต่ละคนลงจากรถด้วยสภาพอิดโรยทีเดียว มีแต่ปลากับน้องตาลนี่แหละที่สดชื่นตลอดการเดินทาง แต่ไม่นานนักทุกคนก็เริ่มดีขึ้นและชื่นชมกับวิวสวยๆของทะเลสาบตรงหน้า ถ่ายรุปกำลังเพลินๆ เผลอแป๊บเดียว ไหง๋มีรถมาจอดต่อจากพวกเราตั้งหลายคัน ที่นี้หันไปทางไหนจะถ่ายรูปก็เห็นแต่แขกติดมา ทั้งๆที่ทะเลสาบออกจากกว้างใหญ่ทำมั้ยต้องมาจอดใกล้ๆกันด้วย ปลาเลยชวนกันย้ายที่ ถ่ายรูปกันอีกพักใหญ่จึงเคลื่นขบวนไปที่เพิงขายน้ำชาเพื่อกินอาหารกลางวัน
 เพิงขายน้ำชาที่เรากินมื้อกลางวันกัน


เหมือนเคยกล่องอาหารมีแซนวิชไส้ผัก ไข่ต้ม มันฝรั่งต้ม กล้วยหอมและน้ำผลไม้ ปลาติดพวกโจ๊กและมาม่ากระป๋องมาสำรองให้ด้วย เหตุที่อาหารกลางวันเป็นอย่างที่บอกทุกมื้อ ปลาบอกว่าถ้าเป็นข้าวมันจะบูดเร็วมาก ทั้งๆที่อากาศที่นี่ก็เย็น แต่รถวิ่งไหนจะเขย่าบางช่วงก็เจอแดดส่องเข้ามา จึงทำให้อาหารบูดง่าย
ในวงสนทนามื้อกลางวัน พวกเราเริ่มถกกันว่า ใครหนอช่างมาค้นพบทะเลสาบแสนสวยนี้ ใครน้อที่นำไปเผยแพร่ ทำให้พวกเราลำบากลำบนถ่อสังขารตามมาดูกัน แล้วใครเขาใช้ให้มาเนี่ย เสียเงินมาลำบากอยู่บ้านดีๆไม่ชอบ แล้วที่ลงในเวบก็ไม่เห็นบอกเลยว่าทางมามันป็นยังไง มีแต่รูปสวยๆให้ดู บ่นๆกันไปนี่นะ แต่ไม่เห็นมีใครเข็ดสักคน ยังไม่ทันจบทริปเตรียมหาทริปใหม่กันแล้ว


เสร็จอาหารมื้อกลางวันก็เดินทางกลับ เมื่อนึกถึงต้องนั่งรถผ่านเส้นทางเดิมทุกคนก็อ่อนระโหยกันแล้ว ตอนนี้อาการหลายๆคนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รวมถึงคุณพ่อบ้านเราด้วยบ่นว่าท้องอืดๆและปวดหัว
ตอนออกจากเขต Pangong Tso มีป้ายปักไว้ว่า "Visit again" ได้ยินเสียงลอยมาจากหน้ารถว่า "โอ๊ย ครั้งเดียวก็เกินพอ"
ออกรถไปได้ร่วมชั่วโมง ก็เห็นรถคันหน้าจอด พี่นุชส่งสัญญานมาว่าน้องต่ายแวะทิ้งมาม่าที่กินเข้าไปตอนกลางวัน รถคันเราจึงขับแซงขึ้นไป แต่ในเวลาไม่นาน คุณพ่อบ้านเราก็สะกิดเราพร้อมทำสัญญาณมือ เราจึงรีบบอกคนขับให้จอด ถึงตาคุณพ่อบ้านเราทิ้งข้าวผัดที่กินไปเมื่อเช้าออกมาบ้าง
ปกติแล้วคนขับรถจะไม่จอดรอกันในที่ระดับสูงๆ ถึงจะเห็นคันอื่นที่ร่วมทางกันมาจอด เพราะกลัวว่าถ้ารอกันคนอื่นๆที่อาการไม่ค่อยดีก็อาจจะแย่ตามกันไปด้วย จึงจะพยายามออกจากพื้นที่นั้นๆให้เร็วที่สุด แล้วไปรอกันตรงที่ราบ
ยัง ยังไม่หมด รถมาได้อีกไม่นานคุณพ่อบ้านเราก็ขอทิ้งข้าวผัดรอบสอง ด้วยเหตุว่ามาหยิบพิมเสนน้ำของเราไปดม มันเลยไปกระตุ้นต่อมอีกรอบ


รถ 3 คันมาเจอกันตรงจุดชมวิวที่ระดับต่ำลงมาแล้ว หลายๆคนลงจากรถด้วยสภาพหมดแรง ลงมาได้ไม่นานพี่อ๋อยก็ทิ้งอาหารกลางวันที่กินไปอีกรอบ และก็ได้ยินว่าเจ้าแบงค์ที่ลงมาดูแลต่ายตอนทิ้งมาม่าก็ทิ้งมาม่าตามบ้าง ส่วนน้อยก็ทำท่าว่าจะทิ้งอาหารกลางวันอีกคนแต่ยังเสียดายอยู่ มีพี่นุช ปลา ตาล หมอต่วนและเรา ที่ยังมีแรงเดินถ่ายรูปกันได้อยู่ รถจอดพักสักครู่ใหญ่ๆก็เดินทางกันต่อเพื่อกลับโรงแรม เพราะตอนนี้ทุกคนหมดสภาพแล้ว เราเลยไม่ได้เก็บภาพที่ Chang La Pass ตอนขากลับเพราะเห็นว่าแต่ละคนเหนื่อยกันมากแล้ว คงอยากกลับโรงแรมให้เร็วที่สุด
เมื่อถึงโรงแรมทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนก่อนลงมากินมื้อเย็น ปลาบอกผู้จัดการให้ทำซุปผักด้วยเผื่อคนที่กินไม่ลงจะได้กินง่ายๆหน่อย
ช่วงเวลาอาหารจะเป็นเวลาที่พวกเรารวมตัวกันครบทุกคน วงสนทนาจะออกรสมาก คุยกันจนเสียงดังลั่นห้องอาหาร จนมีฝรั่งเดินเข้ามาถามว่าพวกเรามากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ หรือมากันแบบแฟมิลี่ คงเพราะเห็นคุยกันอย่างสนิทสนม เย็นวันนี้ก็เช่นกัน ทุกคนอาบน้ำกันแล้วก็ดูสดชื่นขึ้นมาอีก แต่คุณพ่อบ้านเราดูจะย่ำแย่เพราะมีไข้ด้วย เราคุยกันว่าถ้าหากเป็นเมืองไทยก็รู้ที่มาแล้วล่ะว่าชื่อพันกองมาจากอะไร เฉพาะพวกเราวันนี้ก็เข้าไปหลายกอง(อ๊วก)แล้ว

ติดตามตอนอื่นๆ
Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...I
Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...II
Pangong Tso ทะเลสาบพันกอง - พันกอง...จริงๆนะ
Nubra Valley หุบเขาแห่งดอกไม้ ...ไม่ยักกะเห็นดอกไม้
Bye...Nubra Valley...แล้วจะกลับมาตามหาดอกไม้
Kargil ระยะทางสั้นๆแต่ช่างยาวนาน
Sonamarg ดินแดนแห่งเทพนิยาย
จากทะเลสาบดาล (Dal Lake)..สู่..กุลมาร์ค (Gulmarg)
Pahalgam กำเนิดนางเอกหนังแขกดวงใหม่
บอกลาศรีนาการ์ ..ชม นครแห่งรัก - จบการเดินทาง
Create Date : 17 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 9:08:41 น. |
|
5 comments
|
Counter : 2658 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ปู& อุ้ย IP: 125.27.28.129 วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:42:16 น. |
|
|
|
โดย: ณ มน วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:30:14 น. |
|
|
|
โดย: พี่อ๋อย IP: 118.173.122.127 วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:02:37 น. |
|
|
|
โดย: Cookie Nim วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:23:35 น. |
|
|
|
โดย: ป้อน (poncho) IP: 58.9.163.63 วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:25:05 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 71 คน [?]

|
ขอสงวนสิทธิ์ภาพถ่ายทุกภาพในบล็อคนี้
มีหลายๆคนสงสัยว่าทำไมต้อง Cookie Nim (คุกกี้นิ่ม) ที่มาของชื่อนี้มาจากชอบกิน soft cookie มาก หัดทำขนมใหม่ๆก็เริ่มจากเจ้านี่แหละ พอมาเล่นเนทนึกชื่อไม่ออก ก็เลยใช้ คุกกี้นิ่ม ตั้งแต่นั้น หลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำให้มีเวลาว่างทำอะไรๆที่ชอบมากขึ้น ทำขนม ทำสบู่ และทำงานฝีมือ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ชอบนั้นจะไม่ก่อให้เกิดรายได้เท่ากับเงินเดือนที่เคยได้ แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณคนเดียวของเรา ซึ่งก็คือ"คุณพ่อบ้าน" นั่นเอง
สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้ภาพ หรือบทความในบล็อกนี้ไปใช้ในทางบริสุทธิ์ใจ เช่น อยากนำไปตกแต่งบล็อคของคุณ หรือสูตรขนมไปทำแล้วเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้หาผลประโยชน์ส่วนตน จขบ.ยินดีค่ะ รบกวนแค่อ้างอิงแหล่งที่มาสักหน่อยเท่านั้น
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
แล้วจะเมลล์มาคุยนะคะ