Welcome to my blog…………..http://cookie-nim.bloggang.com
Be my guest I baked I churned I cooked I quilted I made I traveled
Nubra Valley หุบเขาแห่งดอกไม้ ...ไม่ยักกะเห็นดอกไม้







วัดดิสกิตยามเช้า



4 กค. 2552 – 7.30 น. ทุกคนเจอกันที่ห้องอาหาร วันนี้เราจะไป Nubra Valley ค้าง 1 คืน ต้องเก็บกระเป๋าและฝากไว้ที่โรงแรมในเลห์ นำติดตัวไปแค่พอใช้ 1 คืนเท่านั้น เช้าวันนี้สามาชิกทุกคนดูสดใสและกระปรี้กระเป่า คงเป็นเพราะได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ คุณพ่อบ้านเราก็สดใสร่าเริงไม่มีไข้และอาการข้างเคียงจากอาการแพ้ที่สูง หลังจากปฏิบัติตามคำแนะนำของพี่นุช พยาบาลสาวสวยใสใจสะออนว่าให้กินพาราเซตามอลทุก 4 ชั่วโมง หลังอาหารเช้าทุกคนก็พร้อมเดินทางโดยวันนี้เราจะเดินทางไปทางตอนเหนือของเลห์ ลัดเลาะไปตามภูเขาที่ค่อยๆไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดที่สูงที่สุดในโลกนั่นคือ Khardung La จากนั้นจึงจะค่อยลัดเลาะไปตามแนวเขาจนกระทั่งเข้าสู่หุบเขานูบราอันเป็นจุดหมายปลายทางของวันนี้










เส้นๆที่พาดไปตามแนวเขาคือถนนที่รถวิ่ง




เมื่อออกเดินทางจนกระทั่งพ้นเขตเมืองเลห์ ถนนเริ่มไต่ระดับลัดเลาะไปตามแนวเขาโดยมีฉากหลังเป็น Shanti Stupa และหุบเขาเมืองเลห์สีเขียวของทุ่งนา มองเห็นยอดเขาสูงที่ยังคงมีหิมะปกคลุมยอด ความงามของทิวทัศน์สองข้างทางที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาช่วยให้เพลิดเพลิน ขบวนรถของเราไปได้ไม่เร็วนักเนื่องจากเป็นทางขึ้นเขาโดยตลอดประกอบกับเจอขบวนคอนวอยของทหารที่แล่นตามกันกว่าสามสิบคัน กว่าจะแซงผ่านไปได้ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะทางทั้งชันและแคบ



ก่อนถึง Khardung La รถกำลังเข้าโค้งมีหินก้อนใหญ่ เขียนคำว่า India Gate เห็นขอบถนนที่รถเราวิ่ง



คนนี้ดีใจมากที่ได้มาเหยียบถนนที่สูงที่สุด วันนี้ไม่อ๊วกน๊า



ขาขึ้นไม่มีรูป เอารูปขาลงมาให้ดู






ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงรถของเราก็มาจอดยังจุดที่เป็นไฮไลต์สำหรับวันนี้ Khardung La ที่ความสูง 18,380 ฟุตจากระดับน้ำทะเล มองออกไปทางซ้ายมือเห็นแถวของห้องน้ำที่สูงที่สุดในโลกเรียงรายเป็นแถวและมีผู้ใช้บริการอยู่พอประมาณ วันนี้สภาพอากาศกำลังดีทีเดียวไม่หนาวจนปวดกระดูกเหมือนวันที่ไป Chang La ประกอบกับสภาพร่างกายของทุกคนพร้อมกว่าวันก่อนจึงถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน จากนั้นจึงชักชวนกันไปพิชิตยอด Khardung La กัน ทุกคนค่อยๆปีนตามกันไปตามขั้นบันได แต่บันไดมีหิมะปกคลุมจนเต็มและถูกเหยียบจนละลายกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง ทำให้ลื่นยากต่อการเดิน ตอนแรกถอดใจว่าจะไม่ขึ้นแล้ว ให้คนอื่นขึ้นไปเถอะถ้าลื่นตกลงมาจะยุ่งกันใหญ่ แต่ปลากับตาลซึ่งลุยไปก่อนหน้า ไปเปิดเส้นทางใหม่ที่เป็นหิมะใหม่ๆยังเป็นปุยอยู่เดินง่ายกว่า และตะโกนบอกมาว่าให้ลุยได้เลยไม่ลื่น พวกเราก็เลยไต่ตามกันไป กว่าจะขึ้นถึงข้างบนได้ก็เล่นเอาหอบ ปลาซึ่งพกออกซิเจนกระป๋องติดมาด้วย ก็เลยหยิบออกมาแจกจ่ายให้สูดกันคนละฟืดสองฟืด ส่วนพี่นุช พี่อ๋อย ต่ายและชายแบงค์สมัครใจรออยู่ในรถ














6 ผู้พิชิต




เมื่อขึ้นไปถึงยอดก็พบกับอีกหนึ่งบรรยากาศที่สวยงามน่าประทับใจ หิมะขาวโพลนท่ามกลางแนวธงมนต์สีสันสดใสรวมกับกระแสลมแรงที่พัดมาอย่างต่อเนื่อง มองเผินๆก็ตื๊ต่างว่าอยู่ในยุโรปได้เหมือนกันนะ ใครจะคิดเนาะว่าเราได้มายืนเหยียบหิมะขาวโพลนบนยอดเขาสูงกว่า 18,380 ฟุตในประเทศอินเดีย พวกเราใช้เวลากันบนยอดนานทีเดียวตามคอนเซ็ปของวันแรมทาง นั่นคือไม่รีบไม่เร่ง จนกระทั่งคนขับรถมาเตือนว่าให้รีบลงมาเพื่อเดินทางกันต่อดีกว่า เดี๋ยวเกิดขบวนคอนวอยทหารตามมาทันเราจะเสียเวลานาน นั่นแหละพวกเราถึงได้ค่อยๆทะยอยลงมาจากยอดด้วยความเสียดาย ด้วยความรีบพวกเราก็เลยลืมที่จะเข้าไปซื้อของที่ระลึกในร้านค้าของทหาร ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะมาซื้อเสื้อยืดที่นี่เป็นที่ระลึก เพราะเห็นทริปก่อนๆซื้อใส่กัน







โค้งนี้น่าหวาดเสียวมาก



มองดีดีทางด้านซ้ายจะเห็นรถของเราสองคันแล่นตามกัน



น้ำแข็งข้างทาง




เส้นทางออกจาก Khardung La ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เป็นถนนดินปนหินก้อนใหญ่ขรุขระ และมีหลุมบ่อจากน้ำเซาะไปเป็นระยะทางไกลพอสมควรทีเดียว เราก็ได้แต่นั่งชมวิวไปเรื่อย บางช่วงก็ถ่ายรูปเก็บไว้บ้าง บางช่วงก็งีบหลับ ก็วันนี้นั่งรถนานและไกล ไม่มีไรทำก็ขอหลับหน่อย













แต่ไม่นานเราก็เริ่มเข้าสู่ถนนที่สภาพดีขึ้นมาก เป็นถนนลาดยางที่ถึงจะไม่เรียบกริบแต่ก็ดีพอควร ถนนยังคงเป็นเส้นทางที่ไต่เลาะไปตามเขาลูกแล้วลูกเล่า แต่เหนืออื่นใดคือ สองข้างทางแถบนี้สวยมาก ถึงแม้จะเป็นภูเขาหินที่ดูแห้งแล้งไม่มีต้นไม้ แต่สีสันและลักษณะของหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็มีเสน่ห์ชวนให้ชม บางช่วงภูเขาหินก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวบ้าง สีม่วงบ้าง ขึ้นอยู่สภาพแร่ธาติภายใน (อันนี้คุณพ่อบ้านนักธรณีวิทยาคอยให้ความรู้อยู่ข้างๆ) บางช่วงก็เป็นทะเลทราย ที่เห็นเนินทรายเป็นลอนพริ้วกระทบแดดระยิบระยับ สวยมากๆ ตลอดเส้นเราถ่ายรูปแถบจะทุกช็อตของวิวที่เข้ามาในสายตา ถึงแม้จะไม่มีโอกาสได้เล็งหาองค์ประกอบภาพใดๆเพราะรถวิ่งตลอด แต่ก็ขอกดไว้ก่อน




เทือกเขาตรงข้ามคือ คาราโครัม



พ้นเทือกเขาตรงข้ามไปก็เป็นเขตปากีสถาน



ข้างล่างเป็นแม่น้ำ จำชื่อไม่ได้




ก่อนแวะกินมื้อกลางวัน เราจอดรถถ่ายรูปข้างทาง ข้างล่างเป็นแม่น้ำอะไรจำชื่อไม่ได้แล้ว (ถามตั้ง 3 รอบนะนี่) แต่เป็นแม่น้ำที่พัดพาตะกอนดินและหินภูเขาแถบนั้นมารวมกัน พอน้ำลดเราจึงมองเห็นเป็นพื้นเรียบสีเทาสะอาดตา
ด้านหลังเป็นเทือกเขาคาราโครัม ที่กั้นเขตแดนระหว่างอินเดียและปากีสถาน




หมู่บ้านที่เราแวะกินกลางวัน



เด็กในหมู่บ้าน



Olthang Guest House




เราแวะกินมื้อกลางวันกันที่หมู่บ้านเล็กๆ ก่อนถึง Nubra Valley (อันที่จริง Nubra Valley กินพื้นที่กว้างมาก รวมถึงหมู่บ้านที่เราแวะกินข้าวก็จัดว่าอยู่ในนูบรา วาเลย์) อาหารกลางวันก็เหมือนเดิม ใช้เวลาไม่นานในการกินก็เดินทางต่อ ชมวิวเพลินๆ ไม่นานก็เข้าเขตหมู่บ้าน Diskit ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Guest house ที่เราจะพักคืนนี้ คือ Olthang Guest House เป็น guest house เล็กๆน่ารักๆดูอบอุ่นดี ตัวอาคารเป็นตึก 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องอาหาร และห้องครัว ห้องพักอยู่ชั้น 2 และ 3 ปลาให้เวลาพวกเราได้พักผ่อนกันประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนออกเที่ยวตามโปรแกรม

หุบเขานูบราอยู่ห่างจากเลห์ไปทางเหนือ 125 กม. โอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัยและเทือกเขาคาราโครัม ซึ่งเทือกเขาคาราโครัมนี้เป็นเขตแดนตามธรรมชาติกั้นอินเดียกับปากีสถาน ก่อนหน้าปี ค.ศ. 1994 ทางการอินเดียไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในหุบเขาเลย นูบราหมายถึงหุบเขาแห่งดอกไม้ เป็นแหล่งปลูก Apricot และผลไม้หลากหลายชนิดของลาดัก




ถนนในหมู่บ้านดิสกิต



ทางขึ้นวัดดิสกิต ที่เห็นมีคนเดินคือนักท่องเที่ยวฝรั่ง เดินขึ้นไปตั้งแต่ข้างล่าง สุดยอดอึดเลย




ก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงเราและคุณพ่อบ้านก็ออกเดินเล่นในบริเวณใกล้ๆ เพราะมองจากห้องนอนมาเห็นมีลำธารน้ำ เสียงน้ำไหลค่อนข้างแรงทีเดียวเลยกะจะไปเดินสำรวจกัน แล้วก็เดินเลยออกไปทางท้ายๆหมู่บ้าน เห็นทุ่งมัสตาดที่ชาวบ้านปลูกไว้กำลังออกดอกสวย กะว่าจะเข้าไปถ่ายรูปสักหน่อย แต่ไม่สามารถหาทางเข้าได้เลย ชาวบ้านแถบนี้ทำรั้วรอบขอบชิดบริเวณบ้าน และไร่นาของตัวเองกันอย่างแน่นหนา รั้วทำด้วยกิ่งไม้แห้งๆที่เต็มไปด้วยหนามเอามาสุมๆขัดกันไว้จนแน่น ไม่รู้ว่าเพราะขโมยเยอะหรือกลัวสัตว์เลี้ยงเข้าไปทำลาย




วัดดิสกิตมองจากข้างล่าง






บ่าย 2 โมง พวกเราก็มารวมตัวกัน Mr.Love พ่อบ้านเข้าไปชงชาผสมสมุนไพรพื้นเมืองมาให้บอกว่าชานี้ดีต่อคนที่เดินทางไกลอ่อนเพลีย และมีอาการแพ้ความสูง แต่พวกเรากินเข้าไปแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก จากนั้นออกไปเที่ยววัด Diskit วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1420 ออกจากหมู่บ้านมานิดเดียวเท่านั้น แต่ทางขึ้นนี่สิชันและสูงมากๆ แหงนมองขึ้นไปเห็นตัววัดตั้งตระง่านอยู่ชิดริมหน้าผา ทำให้รู้สึกทึ่งว่า คนสมัยก่อนช่างเก่งและมีความมานะพยายาม มีแรงศรัทธามหาศาล ที่สามารถสร้างวัดขนาดใหญ่บนเขาสูงๆนี้ได้










วิวจากวัดดิสกิต



เด็กหญิงจากเมืองเลห์




พวกเราค่อยลัดเลาะไต่บันไดของวัดขึ้นไปทีละช่วงๆ วันนี้ดูทุกคนมีแรงกำลังกันพอควร ไม่ค่อยจะบ่นกันแล้วหรือคงเพราะเริ่มชินก็ไม่รู้ ได้แต่ค่อยๆเดินตามกันไปเรื่อยๆ ช้าบ้างเร็วบ้าง คนเร็วก็ขึ้นไปถ่ายรูปรอก่อน ขึ้นไปถึงตัวอาคารที่อยู่สูงมากๆ ก็เป็นห้องที่เปิดให้เข้าไปสักการะแท่นบูชาได้ แต่ละห้องก็ต้องขึ้นบันไดไปทีละช่วง กว่าจะถึงห้องบนสุดก็หมดแรงกันแล้วไม่ขึ้นดีกว่า ระหว่างนั้นมีเด็กๆวิ่งขึ้นมากันเป็นพรวน พวกเรามองด้วยความอิจฉา เด็กๆช่างมีพลังงานกันมาก วิ่งขึ้นวิ่งลงกันหน้าตาเฉย สมควรแก่เวลาก็ค่อยเดินลงมา ตรงเชิงบันไดวัดเจอเด็กๆกลุ่มเดิมที่มาทัศนศึกษากับโรงเรียนกำลังซื้อขนมกันอยู่ มีเด็กหญิงคนหนึ่งดูหน้าตาแล้วน่าจะเป็นเชื้อสายทางทิเบต เดินเข้ามาทักเราด้วยภาษาอังกฤษที่ชัดเจน ถามว่ามาจากไหน คุยกันสองสามคำ จึงขอถ่ายรูปและเปิดให้ดู เธอตื่นเต้นดีใจมาก ผละจากกันเราก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เด็กหญิงคนเดิมเดินมาหาพร้อมส่งช็อคโกแลตแท่งบางๆให้เราหักกิน ตอนแรกเราปฏิเสธเห็นว่าเป็นแท่งเล็กๆที่เธอกินคำเดียวก็คงหมด แล้วอาจจะเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้กินบ่อยนัก แต่เด็กหญิงพยักหน้าคะยั้นคะยอ เราเลยหักมาเพียงคำเล็กๆ กับน้องต่ายคนละคำ ตอนนั้นมันเกิดความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูกเลย มิตรภาพเกิดขึ้นได้ง่ายๆทั้งๆที่อยู่คนละซีกโลก น้องต่ายเกิดอยากถ่ายภาพกับเด็กๆก็เลยไปนั่งรวมในหมู่เด็ก พอถ่ายแล้วเปิดให้ดู เด็กๆตื่นเต้นกันใหญ่ ทีนี้ความชุลมุนก็เกิด เด็กคนอื่นๆก็วิ่งกรูกันมาขอถ่ายภาพและขอดูบ้าง กลายเป็นนางงามรักเด็กกันไปเลย




นางงามรักเด็ก



ร้านขายผัก




ลงจากวัด Diskit ปลาพาพวกเราไปย่านชุมชนเพื่อหาซื้อผักสด มาทำกับข้าวกินกัน เกสท์เฮาส์ที่นี่น่ารักมากยอมให้พวกเราเข้าไปทำอาหารกินกันเองได้ด้วย ปลามาปูทางไว้ดีว่างั้นเถอะ แต่โชคไม่ดีวันนี้ไม่ค่อยมีแม่ค้ามาขาย เลยได้ผักมา 2-3 อย่าง ปลากะว่าจะทำผัดผักรวม และแกงจืดกระหล่ำปลี ระหว่างเดินพวกเราก็คิดเมนูกันใหญ่ตามแต่ใครนึกอยาก แล้วผลสรุปก็ออกมาว่า จะผัดมาม่าเพราะมีผักและพวกเราติดมาม่ากันมาเยอะจะได้เป็นการกำจัด (แต่ที่จริงอยากกินด้วยแหละ) บางคนก็อยากกินไข่เจียวฟูๆ เพราะที่ผ่านมาแขกเจียวให้กินมีแต่แบนๆด้านๆ

เมื่อถึงโรงแรมพ่อครัวแม่ครัวจำเป็นก็แห่เข้าไปเตรียมการกันจนเต็มห้องครัว โดยมีพี่นุชเป็นแม่ครัวใหญ่ เจ้าแบงค์เป็นพ่อครัวตัวเต็ง มีต่ายเป็นผู้ช่วย ปลาและตาลเป็นฝ่ายสนับสนุนเครื่องปรุง ส่วนเราและคนอื่นๆเป็นกองเชียร์และกองชิมอยู่ด้านนอก เพราะแค่นั้นก็เต็มครัวของพ่อเลิฟแล้ว







มื้อเย็นวันนั้นมีผัดมาม่าแซ่บๆฝีมือต่ายกับเจ้าแบงค์ ไข่เจียวฟูๆที่เจ้าแบงค์สาธิตวิธีทอดให้แขกงง ผัดผักและต้มจืดฝีมือพี่นุช พวกเราอิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า กินกันไปชมจันทร์ไปมีความสุขจริงจิ๊ง

หัวข้อสนทนาวันนี้ พี่นุชเป็นผู้เปิดประเด็น “ไหนในเวบบอกว่ามาตอนนี้ดอกไม้บานเต็มทุ่ง นั่งรถมาทั้งวัน ยังไม่เห็นดอกไม้สักดอกเลย ”
แล้วการถกก็เกิดขึ้น “เขาบอกว่า นูบรา วาเลย์ แปลว่า หุบเขาแห่งดอกไม้ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่ามาแล้วจะเห็นดอกไม้”
ป.ปลา “ก็ปีที่แล้วมาดอกไม้มันเยอะ จริงๆนะ”
บรา บรา บรา เอ..... หรือจะต้องมาตามหาดอกไม้กันอีกรอบ



ติดตามตอนอื่นๆ

Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...I

Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...II

Pangong Tso ทะเลสาบพันกอง - พันกอง...จริงๆนะ

Nubra Valley หุบเขาแห่งดอกไม้ ...ไม่ยักกะเห็นดอกไม้

Bye...Nubra Valley...แล้วจะกลับมาตามหาดอกไม้

Kargil ระยะทางสั้นๆแต่ช่างยาวนาน

Sonamarg ดินแดนแห่งเทพนิยาย

จากทะเลสาบดาล (Dal Lake)..สู่..กุลมาร์ค (Gulmarg)

Pahalgam กำเนิดนางเอกหนังแขกดวงใหม่

บอกลาศรีนาการ์ ..ชม นครแห่งรัก - จบการเดินทาง




Create Date : 18 กรกฎาคม 2552
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 9:08:09 น. 10 comments
Counter : 3760 Pageviews.

 
พี่ตุ๊กขา
น่าอิดสามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
น้องอยากไปๆๆๆๆๆๆ


โดย: Tiny IP: 124.121.144.29 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:13:58 น.  

 
พี่ตุ๊กจ้า ทำไมรูปถึงดูไม่ได้ มีแต่ข้อความขึ้นแหละค่ะ


โดย: ต่าย IP: 114.128.123.213 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:41:50 น.  

 
ใช่ ๆ เป็นอย่างต่ายว่าจริง ๆ รูปไม่ขึ้นจ้ะ มีแต่ข้อความ


โดย: พี่อ๋อย IP: 118.173.116.137 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:08:31 น.  

 
ขึ้นแล้ว ๆ ดีใจจังเลย สงสัยมันโหลดช้าไม่ทันใจ อิ อิ ใจเย็นนิดนึงมันก็ขึ้นจ้า


โดย: พี่อ๋อย IP: 118.173.116.137 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:41:42 น.  

 
ต่ายเปิดบล๊อคพี่ตุ๊ก บล๊อคเดียวเองนะ รูปขึ้นแค่ถึงเทือกเขาโคราโครัมเอง รูปอื่นดูไม่ได้ รอตั้งนานแล้ว ทำไงดีจ๊ะ


โดย: ต่าย IP: 114.128.123.213 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:20:33 น.  

 
อยากจะบอกต่ายให้เปลี่ยนcomไปเลยจ้าอิอิ


โดย: ป้านุช IP: 110.49.101.237 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:38:55 น.  

 
เห็นว่าเปิดตั้งแต่9โมงเช้ายันจะ9โมงเย็นแล้วเห็นแต่คาราโครัม แล้วเมื่อไรจะถึงนางรองละจ๊ะ


โดย: ป้านุช IP: 110.49.101.237 วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:42:26 น.  

 
ป้านุช ใจร้ายเน้อ สูมาเตอะเจ้า


โดย: ต่าย IP: 114.128.51.85 วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:37:15 น.  

 
น่าสงสารต่ายเนอะ ไม่เห็นรูปเลย สงสัยต้องเปลี่ยนคอมอย่างตุ๊กว่าซะแล้วล่ะ


โดย: พี่อ๋อย IP: 118.173.122.139 วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:57:08 น.  

 
สวยมากเลยค่ะ เดินทางน่าสนุกดีนะค่ะ


โดย: kidthung maanoy วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:56:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Cookie Nim
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 71 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์ภาพถ่ายทุกภาพในบล็อคนี้

มีหลายๆคนสงสัยว่าทำไมต้อง Cookie Nim (คุกกี้นิ่ม)
ที่มาของชื่อนี้มาจากชอบกิน soft cookie มาก หัดทำขนมใหม่ๆก็เริ่มจากเจ้านี่แหละ พอมาเล่นเนทนึกชื่อไม่ออก ก็เลยใช้ คุกกี้นิ่ม ตั้งแต่นั้น

หลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำให้มีเวลาว่างทำอะไรๆที่ชอบมากขึ้น ทำขนม ทำสบู่ และทำงานฝีมือ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ชอบนั้นจะไม่ก่อให้เกิดรายได้เท่ากับเงินเดือนที่เคยได้ แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำ
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณคนเดียวของเรา ซึ่งก็คือ"คุณพ่อบ้าน" นั่นเอง

สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้ภาพ หรือบทความในบล็อกนี้ไปใช้ในทางบริสุทธิ์ใจ เช่น อยากนำไปตกแต่งบล็อคของคุณ หรือสูตรขนมไปทำแล้วเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้หาผลประโยชน์ส่วนตน จขบ.ยินดีค่ะ รบกวนแค่อ้างอิงแหล่งที่มาสักหน่อยเท่านั้น
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Cookie Nim's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.