Welcome to my blog…………..http://cookie-nim.bloggang.com
Be my guest I baked I churned I cooked I quilted I made I traveled

Shangri La มนต์เสน่ห์...ดินแดนสุดขอบฟ้า 6



21 ต.ค.50 วันที่ห้า วันนี้ต้องแพ็กกระเป๋าใบเล็กเพื่อเตรียมเดินทางไปค้างคืนที่เต๋อชิง(Di Quing)สองคืน โดยกระเป๋าใบใหญ่ฝากไว้ที่โรงแรมในจงเตี้ยน แล้วมารับวันกลับเนื่องจากต้องมาขึ้นเครื่องบินที่จงเตี้ยนกลับคุนหมิง หลังอาหารเช้า(ข้าวต้ม ไข่ต้ม หมั่นโถว ผัดผัก กาแฟจืดๆ) ไกด์พาเราไปซื้อออกซิเจนกระป๋องเพิ่มสำหรับคนที่ไม่พอ ในราคากระป๋องละ 40 หยวนพร้อมเช่าชุดราคา 20 หยวน เป็นชุดเหมือนเสื้อกันฝนแต่เป็นกางเกงสำหรับป้องกันความสกปรกจากดินกระเด็นเวลาที่ม้าเดินตอนขี่ม้าขึ้นภูเขาเหมยหลี่เพื่อสัมผัสกับธารน้ำแข็งหมิงหย่ง(glacier)

ระหว่างทางจากจงเตี้ยนไปยังเต๋อชิง เราจะผ่านส่วนที่เรียกว่าทุ่งหญ้านาพาไห่ เป็นทุ่งหญ้ากว้างโล่งเตียนมีเนื้อที่กว่า 2,400 เอเคอร์ ห่างจากเมืองจงเตี้ยนประมาณ 8 กิโลเมตร ในฤดูน้ำหลากที่นี่จะเป็นทะเลสาบที่มีน้ำที่เกิดจากน้ำแข็งละลายอยู่เต็มไปหมด แต่พอถึงก่อนเข้าฤดูหนาวระดับน้ำจะลดลงจึงกลายเป็นที่ราบกว้างใหญ่ให้ฝูงจามรีเดินและเล็มหญ้ากันอย่างอิสระและเพลิดเพลิน ไกด์จะแวะให้เราถ่ายรูปวันที่เราเดินทางกลับมาเส้นเดิม


ในหุบเขาที่ลึกที่สุดนั่นแหละค่ะที่เราจะลงไปกินอาหารกลางวัน




จากนั้นการเดินทางลัดเลาะไปตามภูเขาจึงเริ่มขึ้น ทิวทัศน์สองข้างทางจะพบเห็นการเริ่มต้นของป่าเปลี่ยนสี จากสีเขียวเริ่มเป็นสีเหลืองและบางส่วนเปลี่ยนเป็นสีแดงบ้างสวยงามมาก ตลอดเส้นทางรถที่เรานั่งลัดเลาะไต่ขึ้นสู่ยอดเขาบ้าง ไต่ระดับลงสู่หุบเขาบ้าง ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านทิเบตเล็กๆที่ตั้งอยู่ในหุบเขาริมแม่น้ำโขง เพื่อทานอาหารกลางวันและเข้าห้องน้ำ

เรื่องห้องน้ำเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับผู้หญิงอย่างมาก ถึงเวลาที่อยากจะเข้าห้องน้ำกันทีไรจะต้องตั้งหลักทำใจกันทุกครั้ง เส้นทางนี้เดินทางไกลหาห้องน้ำดีๆเข้ายาก เวลามีใครอยากเข้าห้องน้ำไกด์สาวชาวจีนก็จะบอกให้พวกเรารู้ตัวก่อนว่า พี่ห้องน้ำแถวนี้ไม่ดีนะจะเข้ามั้ย หรือว่าจะเข้าห้องน้ำธรรมชาติกัน ทริปนี้เราได้เข้าห้องน้ำทุกรูปแบบ ตั้งแต่ห้องน้ำดีๆเป็นชักโครกในโรงแรม ห้องน้ำส้วมซึมที่มีประตูแต่ไม่มีกลอน บางทีมีประตูแค่ครึ่งเดียว ห้องน้ำรางหมู(ฉายาที่พี่มรกรุ๊ปเรียก)ที่ไม่มีประตูมีแค่ฝาปูกั้นไว้เตี้ยๆ ข้างล่างก็เป็นรางน้ำที่ไหลถึงกันหมด และห้องน้ำธรรมชาติในป่าริมถนนน ข้อสรุปของสาวๆทริปนี้คือยอมเข้าห้องน้ำธรรมชาติในป่าริมถนนดีกว่าไปเข้าห้องน้ำตามบ้านที่สภาพอุดจาดทั้งภาพและกลิ่น โดยมีร่มเป็นอุปกรณ์ประจำตัวกันคนละคัน


โค้งเสี้ยวพระจันทร์หรือโค้งหลังเต่า





หลังอาหารกลางวันเริ่มเดินทางกันต่อ เส้นทางต่อไปเริ่มเป็นภูเขาหินที่ไม่ค่อยมีต้นไม้ปกคลุมมองดูแล้วเหมือนจะร้อนและแห้งแล้ง แต่พอเราออกจากรถไปถึงได้รู้ว่าอากาศไม่ได้ร้อนอย่างที่คิด นั่งรถไปสัก 20 นาทีเราก็ถึง โค้งหลังเต่าหรือโค้งเสี้ยวพระจันทร์ เป็นโค้งแม่น้ำโขง(แม่น้ำล้านช้าง) สวยงามมาก


วัดตงจู่หลิน





ถ่ายภาพชื่นชมความงามกันพอประมาณก็เดินทางต่ออีกประมาณ 15 นาทีก็ถึงวัดตงจู่หลิน เป็นวัดลามะทิเบตนิกายหมวกเหลือง ตัวอาคารตั้งตระหง่านอยู่หน้าหุบเขาสูงเด่นเป็นสง่าสวยงาม บริเวณโดยรอบเป็นกุฏิลามะ มีพระพุทธรูปจากเมืองลาซาสมัยราชวงค์ถังประดิษฐานอยู่


ลามะในวัดตงจู่หลินนั่งอาบแดดแก้หนาว











ออกจากวัดเราเดินทางต่อโดยเป็นเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามแนวเขาที่ค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆจากเมืองตงเจี้ยนที่ระดับประมาณสองพันกว่าเมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นระดับกว่าสามพันเมตรและเมื่อถึงเมืองเต๋อชิงจะอยู่ที่ระดับกว่าสี่พันเมตรทีเดียว

รถวิ่งลัดเลาะไปมาตามแนวเขากว่าสองชั่วโมงเราจึงมาถึงบริเวณห้องน้ำสาธารณะที่สูงที่สุดในโลก รถหยุดเพื่อให้สาวๆในคณะได้ใช้บริการห้องน้ำกันแต่ปรากฏว่าต้องผิดหวังไปตามๆกัน เนื่องจากวันนี้ห้องน้ำไม่เปิดให้บริการ ไหนๆก็จอดรถแล้วนี่ สาวๆในคณะเลยต้องพึ่งพาบริการห้องน้ำธรรมชาติคละเคล้าไปกับสายลมแรงและแสงแดดด้านหลังของห้องน้ำที่ปิดนั่นแหละ





วิวตรงจุดนี้สวยมากๆ โชคดีที่วันนี้แดดจัดท้องฟ้าเป็นสีฟ้าใส ถึงจะมีเมฆบ้างก็ยังดีกว่าอากาศขมุกขมัวทั้งวัน พวกเราเลยได้เก็บภาพสวยๆตรงบริเวณนี้กันอย่างจุใจ เห็นแดดใสๆแบบนั้นเถอะแต่ว่าหนาวจับใจจนมือชาทั้งๆที่ใส่ถุงมือกัน



ขอหวีดหน่อยนะ





ตลอดเส้นทางกว่าจะถึงเต๋อชิง เราแทบจะให้รถจอดไปตลอดทางถ้าไม่เกรงใจเพื่อนร่วมทัวร์ วิวสองข้างทางแถบนี้สวยเหลือเกิน นี่ถ้าเดินทางมากันแต่พี่น้องหรือเพื่อนสนิท กว่าจะถึงเต๋อชิงคงได้ภาพถ่ายกันหลายร้อยภาพ


เห็นถนนที่พาดผ่านหุบเขาไหมคะ นั่นแหละค่ะที่รถเราวิ่งพับไปพับมากว่าจะถึงเต๋อชิง





ทิวท้ศน์สองข้างทางเริ่มเป็นป่าสนมากขึ้นและเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวสลับกับสีเหลืองเป็นช่วงๆ นอกจากนี้แนวยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมของแนวเทือกเขาไป๋หม่าเริ่มปรากฏให้เราได้เห็นเป็นระยะๆ ยิ่งเราเข้าใกล้เมืองเต๋อชิงมากขึ้นเท่าไหร่เราก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าเทือกเขาหิมะไป๋หม่าขยับมาอยู่ใกล้เรามากขึ้นมากขึ้นทุกที จนสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นและความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้า นี่แหละมั้งที่เค้าเรียกขานกันว่า “เชียงกรีล่า” แดนสวรรค์ของขอบฟ้าที่หายไป








เมื่อเข้าเขตเมืองเต๋อชิงเราจะพบประตูเมืองและเจดีย์ 13 องค์ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวทิเบตและนักท่องเที่ยวหยุดพักถ่ายภาพ ชมความงามของธารน้ำแข็งที่มองเห็นอยู่ไกล และสักการะยอดเขาตามความเชื่อของชาวทิเบต มีธงมนต์ปลิวล้อลมหนาวเต็มไปหมด







กว่าจะถึงตัวเมืองเต๋อชิงก็เย็นมากแล้ว อากาศหนาวมาก เนื่องจากเต๋อชิงเป็นเมืองในหุบเขาที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,000 เมตร ที่นี่นับเป็นเขตภูเขาหิมาลัยด้านตะวันออก(ในดินแดนของจีน) เปรียบดั่งเป็นชายคาของโลก หากนับว่าทิเบตเป็นหลังคาของโลก ทางด้านตะวันตกของเต๋อชิง มีแนวเทือกเขาสูงชันนามเทือกเขาไป๋หม่า อันมีเทือกเขาสูงสุดนาม เหมยลี่ (สูงเฉลี่ยกว่า 6,000 เมตร) เทือกหิมะเหมยหลี่ เป็นหนึ่งในแปดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวทิเบตต้องเดินทางมาจาริกแสวงบุญกันทุกปี ความยิ่งใหญ่และงดงามตระการตาจากการรังสรรค์โดยธรรมชาติที่มนุษยชาติมิอาจจะเลียนแบบได้ ของภูเขาหิมะเหมยหลี่ ที่มีถึง 13 ยอดเขา มีความสูงเฉลี่ยเกินกว่า 6,000 เมตร โดยยอดเขาคาเกโบ(Kagebo) เป็นยอดเขาสูงสุดที่มีความสูงถึง 6,740 เมตร








ที่เต๋อชิงเราเข้าพักที่โรงแรม Zang Xiang Hotel เมื่อถึงโรงแรมพนักงานสาวๆของโรงแรมมารับกระเป๋าและช่วยยกกระเป๋าไปส่งให้ถึงห้องพัก โดยพนักงานสาวหนึ่งคนยกกระเป๋าสองใบ เนื่องจากโรงแรมนี้ไม่มีลิฟท์ สภาพในห้องพักก็คล้ายๆกับโรงแรมตามต่างจังหวัดของไทยเมื่อประมาณสักสิบปีที่แล้ว และข้อมูลที่เรารับทราบจากไกด์คือโรงแรมนี้ไม่มีฮีทเตอร์แต่มีที่นอนไฟฟ้าให้บริการ เอาละหวาจะเป็นยังไงหนอคืนนี้ ขนาดตอนเย็นยังไม่มืดความหนาวของอากาศยังหนาวจนจับใจ ถ้าถึงตอนค่ำ ตอนดึก ตอนเช้าจะหนาวถึงขนาดไหน ลองทดสอบน้ำร้อนในห้องพักเปิดน้ำก๊อกที่ระดับน้ำร้อนแรงสุด ปรากฎว่าสิ่งที่ไหลผ่านก๊อกคือน้ำเย็นจัดราวกับน้ำจากช่องแช่แข็ง เวลาผ่านไปนานกว่า 8 นาทีน้ำจึงจะเริ่มมีความร้อนให้ได้รู้สึก ตัดสินใจได้ในฉับพลัน วันนี้ฉันไม่อาบน้ำ อิอิ


ให้เห็นว่าอยู่หุบเขาจริงๆ รูปนี้ถ่ายจากหน้าต่างห้องพัก





6 โมงเย็นเดินฝ่าความหนาวจากโรงแรมไปประมาณ 10 เมตรเพื่อทานอาหารเย็นบนชั้น 3 ของภัตตาคาร นอกจากผัดผักหลายอย่าง ไข่เจียว ปลา ฟักทองนึ่ง และที่พิเศษสุดคือต้มยำหมูฝีมือไกด์จีน แต่เมื่อลองชิมต้มยำพวกเราก็เริ่มทำหน้าแปลกๆว่าต้มยำอะไรหว่ารสประหลาดดี สอบถามดูว่าเป็นต้มยำอะไร คำตอบที่ได้รับทำเอาขำกลิ้งกันไปทั้งโต๊ะเมื่อไกด์ไทยบอกว่า ที่จริงมันคือเครื่องแกงพแนงหมู แต่สื่อสารกันผิดไปหน่อยพแนงหมูจากเมืองไทยเลยกลายเป็นต้มยำหมูที่เมืองเต๋อชิง สงสัยความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอาหารไทย

หลังอาหารเย็นทั้งคณะพากันไปเดินเล่นชมเมืองเต๋อชิง บรรยากาศช่างให้ความรู้สึกแบบบ้านๆดีมาก วัฒนธรรมของชาวทิเบตมักจะออกมาทำกิจกรรมต่างๆที่หน้าบ้าน ไม่ว่าจะแปรงฟัน ล้างหน้า ทำกับข้าว ล้างจาน ซักผ้า ยกเว้นเพียงอาบน้ำกับห้องน้ำ ร้านค้าในเต๋อชิงส่วนใหญ่จะเป็นร้านคูหาเดียวมีทั้งร้านสังฆภัณฑ์ ร้านขายของชำ ร้านเบเกอรี่ ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายรองเท้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และแผงขายของปิ้งย่างแบบทิเบต สินค้าที่ขายส่วนมากรับมาจากคุนหมิงและจงเตี้ยน ดังนั้นราคาที่ขายจึงถูกบวกความยากลำบากในการขนส่งไปด้วย เดินไปสักพักจะรู้สึกคล้ายกับการได้ไปเดิน ณ อำเภอเล็กๆไกลปืนเที่ยงของไทยย้อนหลังไปในอดีตประมาณ 10 ถึง 15 ปี ประมาณครึ่งชั่วโมงก็พากันกลับไปโรงแรมเพื่อพักผ่อน


ติดตามการเดินทางในวันที่หก ได้ในบล๊อคต่อไปค่ะ





 

Create Date : 31 ตุลาคม 2550
13 comments
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2550 22:14:50 น.
Counter : 2878 Pageviews.

 

อ่านตรงที่บรรยายถึงห้องสุขา นางฟ้าคิดสภาพออกเลยค่ะ
เพราะเคยไปเที่ยวจีนเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว วิ่งเข้าไป...วิ่งออกมาทันทีเลย

ไกด์จีน...เก่งจัง...ทำต้มยำพแนงหมู 55

 

โดย: นางฟ้าของชาลี IP: 24.16.244.108 1 พฤศจิกายน 2550 0:06:26 น.  

 

แวะมาอีกครั้งค่ะ



สุขสันต์วันฮาโลวีนค่ะ

 

โดย: นางฟ้าของชาลี 1 พฤศจิกายน 2550 5:24:50 น.  

 

วิวสวยมากๆๆๆๆเลยพี่ตุ๊ก

 

โดย: ปูลม IP: 203.130.143.243 1 พฤศจิกายน 2550 16:34:33 น.  

 

เห็นหนทางสู่ร้านอาหารในรูปแรกแล้ว ไกลเน๊อะ .. (แต่เส้นทางสวยอะ)

อยากดูภาพบรรยากาศเมืองเต๋อชิงด้วยจัง จขบ.เล่าแล้วยิ่งน่าไป นอกจากเดิมที่มี เมืองเก่าลี่เจียง เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้สนใจเส้นทางนี้

รอชมตอนต่อไปค่ะ

 

โดย: ขอโทษนะคร้าบ ขอแจมด้วยคน 1 พฤศจิกายน 2550 18:32:26 น.  

 

ลืมไปค่ะ ว่าจะถามว่าระหว่างเดินทางนั่งรถอะไรอะคะ เพราะถ้าจำไม่ผิดทริปนี้แค่ 10 คนเองใช่ป่าว .. แล้วก็เหมือนๆ ว่าใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีมากเท่าไหร่รึปล่าวคะ (ดูจากสีภูเขา)

 

โดย: ขอโทษนะคร้าบ ขอแจมด้วยคน 1 พฤศจิกายน 2550 18:35:11 น.  

 

คุณนางฟ้าฯ ไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ห้องน้ำมิยิ่งแย่กว่านี้เหรอค่ะ โอ๊ยไม่อยากนึกภาพเลยค่ะ อิอิ Happy Halloween ค่ะ

เปิ้ล เดี๋ยวมีสวยกว่านี้อีกน๊า ตามมาดูตอนต่อไป

คุณขอโทษฯ กว่ารถจะลงไปถึงข้างก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยค่ะ เรานั่งรถบัสขนาดเล็ก 20 ที่นั่งค่ะ ที่นั่งปรับเอนไม่ได้ยืดขาได้นิดหน่อยเท่านั้นเอง นั่งนานๆก็ปวดหลังเหมือนกันค่ะ บรรยากาศในเมืองเต๋อชิงไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยค่ะ เพราะไปถึงก็ฟ้ามืดแล้ว เช้าก้ออกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี
ที่จริงปกติเดือนตุลานี้ใบไม้ต้องเปลี่ยนสีแล้ว แต่ช่วงที่เราไปไกด์บอกว่าฝนตกติดต่อกันมาหลายวันก่อนเราไปถึง และช่วงเราอยู่ 3 วันแรกก็ฝนตกตลอดเลยค่ะ แต่ได้ข่าวว่าขณะเดียวกันที่จิ่วฯหิมะตก

 

โดย: Cookie Nim 1 พฤศจิกายน 2550 19:23:49 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคำตอบอีกครั้งค่ะคุณคุ๊กกี้ (กว่าจะจบทริปนี้ คงต้องขอบคุณกันอีกหลายรอบ 55) .. ใช่ค่ะ จิ่วฯ ปีนี้ผิดคาดมากๆ หิมะตกเร็ว แต่ก็เป็นโชคดีของคนไปหลังหิมะตก เพราะใบไม้เปลี่ยนสีเร็วขึ้น สวยมากๆ ค่ะ (ดูจากกระทู้ในบีพี) ตอนแรกยังแอบคิดว่า ถ้าจิ่ว หิมะตกแล้ว ที่แชง สงสัยยิ่งกว่า แต่ที่ใหนได้ .. แล้วถ้าปีหน้าจะไปตอนใหนดีเนี่ยะ .. มึน

 

โดย: ขอโทษนะคร้าบ ขอแจมด้วยคน 1 พฤศจิกายน 2550 20:31:58 น.  

 

ภาพสวย อากาศคงดีมากๆเลยนะคะ
น่าไปจัง

 

โดย: My name is h-n-u-n-a 1 พฤศจิกายน 2550 21:22:28 น.  

 

คุณขอโทษฯ ยินดีค่ะ

คุณ Hnuna หวัดดีค่ะ ไม่ได้ไปเยี่ยมที่บล็อคนานแล้ว ไว้จะแวะไปนะคะ

 

โดย: Cookie Nim 3 พฤศจิกายน 2550 8:12:22 น.  

 

เส้นทางนี้เคยไปเมื่อหลายปีมาแล้ว
ยังสวยอยู่นะคะ
คราวนั้นไปติดหิมะอยู่บนยอดเขาไป๋หมางตอนกลางคืน ตั้งค่อนคืน
กลัวก็กลัว แต่ประทับใจค่ะ ได้ลุ้นและตื่นเต้นดี

 

โดย: ชิงดวง 15 พฤศจิกายน 2550 19:47:32 น.  

 

เราเพิ่งไปช่วงวันที่ 13-20 ตุลาคม 2550 ฝนตกตลอดตั้งแต่ไปจนกลับ จุดชมวิว มีแต่หมอกบัง ก็เลยถ่ายภาพมาไม่สวยอย่างนี้ เดินทางไปก่อนกันแค่อาทิตย์เดียวเอง เสียดายจัง

 

โดย: ชินจัง IP: 210.203.182.7 1 ธันวาคม 2550 10:23:05 น.  

 

แชงกรีล่า สวรรค์บนดินจริงๆค่ะ สวยจนอิจฉาคนที่ไปมาแล้วน่ะค่ะ

 

โดย: มาเรีย ณ ไกลบ้าน 4 ธันวาคม 2550 13:39:12 น.  

 

คุณชินจัง ไปแล้วเจอฝนนี่เซ็งไปเลยนะคะ เจอเข้าสามวันแรกเหมือนกันยังนึกว่าอุตสาห์ดันดั้นมาไม่รู้จะได้รูปสวยๆกลับไปหรือป่าว

คุณมาเรียฯ หาโอกาสไปให้ได้นะคะ ดูจากรูปก็ไม่เหมือนไปเห็นด้วยตาตัวเองคะ

 

โดย: Cookie Nim 4 ธันวาคม 2550 17:52:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Cookie Nim
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 71 คน [?]




ขอสงวนสิทธิ์ภาพถ่ายทุกภาพในบล็อคนี้

มีหลายๆคนสงสัยว่าทำไมต้อง Cookie Nim (คุกกี้นิ่ม)
ที่มาของชื่อนี้มาจากชอบกิน soft cookie มาก หัดทำขนมใหม่ๆก็เริ่มจากเจ้านี่แหละ พอมาเล่นเนทนึกชื่อไม่ออก ก็เลยใช้ คุกกี้นิ่ม ตั้งแต่นั้น

หลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำให้มีเวลาว่างทำอะไรๆที่ชอบมากขึ้น ทำขนม ทำสบู่ และทำงานฝีมือ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ชอบนั้นจะไม่ก่อให้เกิดรายได้เท่ากับเงินเดือนที่เคยได้ แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำ
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณคนเดียวของเรา ซึ่งก็คือ"คุณพ่อบ้าน" นั่นเอง

สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้ภาพ หรือบทความในบล็อกนี้ไปใช้ในทางบริสุทธิ์ใจ เช่น อยากนำไปตกแต่งบล็อคของคุณ หรือสูตรขนมไปทำแล้วเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้หาผลประโยชน์ส่วนตน จขบ.ยินดีค่ะ รบกวนแค่อ้างอิงแหล่งที่มาสักหน่อยเท่านั้น
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
31 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Cookie Nim's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.