บทที่ 2
ทีนิสมองผู้ที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับข้ารับใช้ที่หอบหนังสือมาเต็มสองแขน เจ้าขนอะไรเข้ามาเยอะแยะน่ะ
ข้าเอาหนังสือกับตำรามาให้ท่านอ่านแก้เบื่อ เจ้าหญิงรัชทายาทแห่งดาร์ซีบอกพลางชี้ให้คนพวกนั้นวางหนังสือลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างเตียงของทีนิส แต่ข้าไม่รู้ว่าท่านจะชอบอ่านหนังสือแนวไหนบ้าง ก็เลยหยิบแบบสุ่มๆ มาจากห้องหนังสือมาให้ท่านเลือกอ่านดู ถ้าชอบหนังสือประเภทไหนข้าจะให้คนเอามาเพิ่มให้
ทีนิสพยักหน้าก่อนจะขยับตัวลงจากเตียงโดยการช่วยเหลือของข้ารับใช้ที่คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
แปลกจังที่เจ้ามีหนังสือเล่มนี้ด้วย เขากล่าวเมื่อหยิบตำราการปกครองขึ้นมาดู ข้ายังอ่านตำราเล่มนี้ไม่จบเลยตอนอยู่ที่คิเรบัส โชคดีจริงๆ ที่ยังได้อ่านต่อ
ท่านอ่านตำราเล่มนี้ด้วยหรือ? นางถามเมื่อเห็นเขาหยิบหนังสือมาเปิดหาหน้าที่อ่านค้างไว้
ข้าเป็นรัชทายาทของคิเรบัสนะ ถ้าหากข้าไม่เรียนรู้เรื่องการปกครองแล้วข้าจะขึ้นครองราชย์ปกครองบ้านเมืองต่อจากพ่อของข้าได้เช่นไร... หรือเจ้าคิดว่าข้าจะทำตัวเสเพลไม่สนใจใฝ่หาความรู้เช่นนั้นหรือ?
ข้าไม่ได้ตั้งใจจะสบประมาทท่าน ขออภัยด้วย ไบรโอเนียกล่าวพลางเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อโดนเขาย้อนกลับเข้าให้และดูเหมือนนางจะเผลอสบประมาทเขาเกินไปจริงๆ
ทีนิสยักไหล่ก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้บุนวมที่ตั้งอยู่แถวนั้น ช่างเถอะ ถ้าหากเจ้าคิดกับข้าเช่นนั้นก็แสดงว่าคนส่วนใหญ่ก็คงคิดแบบนั้นเหมือนกันเพราะตอนนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้ว ว่าแต่เจ้าเถอะ เคยอ่านตำราเล่มนี้ไหม
หนังสือและตำราทั้งหมดที่ข้านำมาให้ท่านอ่านเป็นหนังสือที่ข้าเคยอ่านมาแล้วทั้งหมด
ทั้งหมดนี่เลยน่ะหรือ เขาย้อนถามนางเสียงสูง แล้วมองกองตำรานั้นด้วยความทึ่ง นอกจากจะชอบอาวุธและชอบอ่านหนังสือ องค์หญิงไบรโอเนีย... มีอะไรอีกหรือเปล่าที่ข้ายังไม่รู้เกี่ยวกับตัวเจ้า
ยังมีอีกหลายเรื่องที่ท่านคงจะค่อยๆ รู้ไปเองนั่นแหละ
ทีนิสมองนางอย่างพิจารณา จริงๆ แล้วข้ายังสงสัยอีกเรื่องหนึ่ง ทำไมข้าไม่เคยพบเจ้าก่อนหน้านี้เลย ทั้งที่ปกติข้าจะต้องเคยได้พบหรือได้พูดคุยกับทั้งเจ้าหญิงและเจ้าชายของแคว้นในปกครองเกือบทุกคนแล้วนี่นา
เป็นเพราะว่านอกจากการเป็นเจ้าหญิงแล้วข้าก็ยังมีงานอื่นที่จะต้องดูแลอีก ก็เลยทำให้ไม่ค่อยว่างไปร่วมงานสังสรรค์ของเหล่าผู้นำแคว้นทั้งหลายสักเท่าไรนัก
น่าเสียดายนะที่เจ้าไม่สามารถไปได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงจะได้ทำความรู้จักกับเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว เขากล่าวพลางมองมาด้วยดวงตาที่เป็นประกายแปลกๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ไบรโอเนียรู้สึกเหมือนทำตัวไม่ถูกกับสายตาของเขาและเลือกที่จะเบือนหน้าหนีไปทางหน้าต่างแทนเพื่อเลี่ยงสายตาของเขาที่มองมา
ทีนิสหัวเราะกับท่าทางของนางก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือแทนเมื่อนางไม่คิดจะชวนเขาคุยต่อไป
ท่านไม่สงสัยหรือว่าทำไมข้าถึงคิดว่าท่านเป็นองค์ชายที่ทำตัวเสเพลไปวันๆ เช่นนี้
ทีนิสเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมองนางพลางเลิกคิ้วมองนางที่พยายามหาหัวข้อสนทนามาชวนเขาคุยต่อ
เจ้าสนใจในตัวข้าหรือองค์หญิง
ถ้าท่านไม่อยากจะพูดก็ไม่เป็นไรนะ ข้าก็แค่ชวนคุยไม่ให้ตัวเองเบื่อเท่านั้นแหละ นางว่าพลางเบือนหน้าไปมองทางอื่นเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขาที่ทำให้นางรู้สึกหมั่นไส้เขาขึ้นมาติดหมัด
ทีนิสหัวเราะหึกับกิริยาของนางหากก็ยอมเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองให้นางฟังแต่โดยดี
ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้คนถึงคิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้น ทั้งที่ข้าเองก็ไม่ได้เสเพลหรือเอาแต่เถลไถลเลยสักนิด หรือการที่ข้าเดินทางไปเยี่ยมแคว้นในปกครองแต่ละแคว้นทำให้คนมองว่าข้าเอาแต่เที่ยวก็ได้กระมัง
นางพยักหน้าเมื่อคิดตาม ดูเหมือนการเป็นรัชทายาทของคิเรบัสจะไม่ใช่เพียงแค่ดูแลแคว้นของตนเท่านั้น เพราะถ้าหากไม่ดูแลแคว้นในปกครองอย่างทั่วถึงก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหากบฏได้ง่าย
ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงทำไมถึงไม่เคยมาที่ดาร์ซีเลย
ก็เพราะแคว้นของเจ้ามันไม่ปลอดภัยพอสำหรับข้าน่ะสิ หรือเจ้าจะปฏิเสธว่าไม่จริง แล้วเขาก็ยิ้มขันเมื่อเห็นดวงตาสีเขียวสว่างของนางวาววับขึ้นมาก่อนที่จะเอ่ยต่อ
แล้วข้าก็กำลังศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์อยู่ด้วยก็เลยทำให้ก่อนเกิดเรื่องข้าไม่ค่อยมีเวลาได้เดินทางไปเยี่ยมแคว้นในปกครองเหมือนอย่างแต่ก่อน
แคว้นข้าไม่คิดทำอะไรขลาดเขลาถึงขนาดจับผู้มาเยือนหรอกนะ ชาวคิเรบัสนี่ใจเสาะกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีกนะ นางแย้งพลางมองเขาอย่างเคืองขุ่น พวกเราชาวดาร์ซีถนัดทำอะไรอย่างตรงไปตรงมามากกว่า
อย่างเช่นการทำสงคราม? ทีนิสย้อนถามนาง
นางเชิดปลายคางขึ้นอย่างถือดีก่อนจะตอบ ถ้าหากจำเป็นก็คงต้องมีสงคราม
ทั้งที่จะต้องมีผู้คนมากมายต้องล้มตายเพียงเพื่อความต้องการของเจ้าอย่างนั้นน่ะหรือ
มันไม่ใช่แค่เพียงความต้องการของข้าหรือของใครหรอก แต่เป็นการปลดปล่อยพวกเราชาวดาร์ซีสู่อิสรภาพต่างหาก
ทีนิสแค่นหัวเราะ เอาชีวิตคนนับร้อยนับพันไปแลกกับอิสรภาพที่ไม่รู้ว่าจะได้คืนมาหรือเปล่า เจ้าประมาทความสามารถของกองทัพคิเรบัสมากไปนะองค์หญิงไบรโอเนีย
ยังไม่ทันที่ไบรโอเนียและทีนิสจะได้ถกเถียงอะไรกันต่อก็มีนกเหยี่ยวตัวหนึ่งโผมาเกาะตรงขอบหน้าต่างนางเดินไปหามันและหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่สอดอยู่ในกระบอกหนังที่ติดอยู่ตรงขานกออกมาแล้วมันก็โผบินจากไปอย่างรู้หน้าที่ เมื่ออ่านข้อความที่ปรากฏอยู่บนกระดาษ สีหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใด
เกิดอะไรขึ้นหรือ ทีนิสถามเมื่อเห็นสีหน้าของนาง
ไม่มีอะไรหรอก เป็นแค่ข่าวสารที่คนส่งมาให้ข้าเท่านั้นเอง
แต่สีหน้าของเจ้าไม่ได้บอกว่ามันไม่มีอะไรนี่ ทีนิสมองนางอย่างจับสังเกต
มันเป็นเรื่องภายในของแคว้นดาร์ซีซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับท่านที่จะต้องมารู้ ท่านพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้คนคอยอยู่ดูแลท่านเอง ไบรโอเนียไม่ยอมตอบคำถามของเขาในขณะกำกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่นก่อนที่จะเดินออกไป
พอไบรโอเนียออกจากห้องไป ทีนิสก็ถอนใจก่อนจะมองไปยังฟ้ากว้างที่อยู่นอกกรอบหน้าต่าง แม้จะยังไม่รู้ว่าดาร์ซีมีแผนการอะไรถึงได้ช่วยให้เขาหนีออกมาจากคุก แต่เขาก็แน่ใจว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้คงต้องหวังอะไรจากตัวเขาเป็นแน่
ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ต่างกันเลยสินะ อดีตรัชทายาทแห่งคิเรบัสเหยียดริมฝีปากยิ้มหยันกับความจริงที่ประจักษ์ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะนอนอยู่อย่างปลอดภัยในปราสาทหลังใหญ่ของผู้ครองแคว้นดาร์ซี ซึ่งมีทั้งเตียงนุ่มๆ และคนคอยปรนิบัติรับใช้เป็นอย่างดี แต่ว่ามันก็คือคุกในความรู้สึกของเขาอยู่ดี
***********************
สิ่งที่ทำให้ไบรโอเนียต้องมีท่าทีรีบร้อนหลังจากได้อ่านจดหมายจากเหยี่ยวส่งสารนั้นก็เป็นเพราะสายลับที่นางส่งไปคอยสืบดูความเคลื่อนไหวของคิเรบัสส่งข่าวมาว่ามีนักฆ่าฝีมือฉกาจลักลอบเข้ามาในแคว้นดาร์ซี นางจึงต้องรีบเรียกพวกแม่ทัพและหัวหน้ากองสอดแนมทุกคนให้เข้ามาประชุมหารือเพื่อหาวิธีการรับมือกับพวกเหล่ามือสังหารจากคิเรบัสที่กำลังจะลักลอบเข้ามารวมถึงการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนและส่งสายสืบคอยดูความเคลื่อนไหวของกองทหารตามเมืองต่างๆ ทั้งในคิเรบัสและดาร์ซี
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอารักขาองค์ชายทีนิสที่ยังคงบาดเจ็บให้รอดปลอดภัยจากพวกมือสังหารที่หมายปองจะปลิดขีวิตของเขาซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นไบรโอเนียนั่นเอง แต่การคุ้มครองเขาในวิธีของนางนั้นก็คือการปกป้องโดยที่ไม่ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย
เจ้าอึดอัดที่ต้องมาดูแลข้าสินะ ทีนิสถามนางหลังจากที่ได้ยินเสียงถอนหายใจของนางดังเป็นครั้งที่เจ็ดในขณะที่เขากำลังเล่นหมากรุกกับนาง
ข้าก็แค่รู้สึกเบื่อน่ะ ไม่มีอะไรหรอก นางตอบเขาแล้วมองไปรอบๆ ห้องแล้วก็นึกไปเรื่อยเปื่อย ขนาดตัวนางเองที่สามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบยังรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่ในห้องนี้นานๆ ได้ แล้วทีนิสที่ต้องอยู่แต่ในห้องนี้ตลอดเวลาจะรู้สึกเช่นไรบ้างนะ
มันก็น่าเบื่ออยู่หรอก แต่การที่ข้าบาดเจ็บก็ทำให้ตัวข้าไปไหนมาไหนไม่สะดวกนักด้วย ถ้าหากไม่ได้หนังสือที่เจ้าขนมาให้อ่านข้าก็คงไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกัน
แล้วทำไมท่านไม่บอกข้าก่อนเล่าว่าท่านเบื่อ ไม่เช่นนั้นข้าคงหาอะไรอย่างอื่นที่ดีกว่าการอุดอู้อยู่แต่ในห้องอย่างนี้ตั้งนานแล้ว
นางบ่นอุบแม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจที่เขารู้ได้เช่นไรว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ และด้วยเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมาทีนิสอาการดีขึ้นมาก แม้ว่าแขนข้างหนึ่งของเขายังคงต้องใส่เฝือกดามไว้อยู่ แต่อย่างน้อยในตอนนี้นางก็เห็นเขาเดินไปเดินมาในห้องพักได้แล้วโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยประคอง
ข้าออกไปจากห้องนี้ได้ด้วยหรือ
ถ้ามีข้าอยู่ด้วยท่านจะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น แล้วนางก็ลุกจากเก้าอี้แล้วหันไปสั่งนางกำนัลที่ยืนตรงประตูว่านางจะพาเขาออกไปเดินชมรอบๆ พระราชวังแห่งดาร์ซี และพวกนางก็ไปหยิบเสื้อคลุมมาให้เขาสวมก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
ทีนิสเดินไปตามโถงทางเดินของปราสาทและมองการตกแต่งโดยรอบด้วยความรู้สึกทึ่งในใจ สมแล้วที่เป็นแคว้นที่เป็นแหล่งผลิตอัญมณี เพราะสองข้างทางผนังถูกประดับประดาไว้ด้วยอัญมณีอย่างสวยงามสลับกับภาพวาดของผู้ครองแคว้นในอดีตเรียงสลับกันไปตลอดแนวทางเดิน โดยที่ไบรโอเนียคอยอธิบายเวลาที่สังเกตเห็นว่าเขาสนใจเป็นพิเศษไปเรื่อยๆ จนกระทั่งนางพาเขาเดินออกมาตรงสวนหย่อมที่อยู่ในเขตพระราชวัง ซึ่งดูร่มรื่นด้วยต้นไม่ใหญ่ที่แตกกิ่งก้านแผ่ขยายออกไปให้เงาร่มครึ้มเขียวขจีตัดกับสีสันสดใสของดอกไม้พันธุ์เฉพาะที่จะเห็นได้เฉพาะในแคว้นดาร์ซีเท่านั้นปลูกเรียงสลับสีกันอย่างสวยงาม ทีนิสสูดลมหายใจรับเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด ใบหน้าคมคายที่แม้จะรกครึ้มไปด้วยหนวดเครานั้นดูสดใสขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
สงสัยข้าจะคิดถูกที่ชวนท่านออกมาเดินเล่นบ้าง
ขอบใจเจ้ามาก ทีนิสหันมายิ้มให้กับนางแล้วมองไปรอบๆ ข้าเองมาอยู่ที่นี่เกือบสองเดือนแล้วก็เพิ่งรู้ว่าปราสาทของแคว้นดาร์ซีสวยงามมากถึงเพียงนี้ ทั้งภายในปราสาทและสวนหย่อมนี่ด้วย
เสด็จแม่ของข้าทรงโปรดต้นไม้มาก ก็เลยทรงรับสั่งให้คนหามาปลูกเอาไว้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เสด็จแม่จะไม่อยู่แล้ว แต่เสด็จพ่อก็ยังคงรักษาสวนหย่อมนี้ไว้เป็นอย่างดี สีหน้าของนางหม่นเศร้าลง เมื่อระลึกถึงวันคืนอันแสนปวดร้าวที่นางต้องประสบเมื่อต้องสูญเสียพระมารดาไปเพราะโรคร้ายที่ไม่มีวันรักษาให้หายได้
ข้าเสียใจด้วย... เขาพึมพำแผ่วเบาก่อนจะนั่งลงตรงม้าเก้าอี้ยาวที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ เสด็จแม่ของข้าก็จากไปตั้งแต่ข้ายังเล็กเช่นกัน ข้าพอจะเข้าใจว่าเจ้าจะรู้สึกเช่นไร
นางยิ้มเศร้าๆ ให้กับเขาก่อนจะเดินไปเด็ดดอกไฮเดรนเยียที่กำลังเบ่งบานอวดสีม่วงอ่อนของมันจรดจมูก ซึ่งนั่นก็ทำให้ทีนิสเกิดความรู้สึกแปลกๆ กับภาพที่เห็นตรงหน้า
แม้ว่าดอกไม้สวยเพียงจะเพียงใดแต่ก็เทียบไม่ได้กับใบหน้างดงามดุจดั่งเทพธิดาที่ล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลแดงทอประกายล้อแสงอาทิตย์ยามเย็นของนางเลยแม้แต่นิดเดียว และนี่คงเป็นครั้งแรกที่ทีนิสได้เห็นองค์หญิงรัชทายาทแห่งดาร์ซีแสดงท่าทีอ่อนโยนเหมือนอย่างสตรีทั่วไปที่เขาเคยพบเจอมา
ดอกไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้โปรดของเสด็จแม่ เพราะเช่นนั้นเสด็จพ่อจึงได้ปลูกมันเอาไว้มากเพื่อระลึกถึงพระองค์ เพราะเช่นนั้นเวลาที่ข้ารู้สึกวุ่นวายใจหรือว่าเศร้าใจข้ามักจะมาเดินเล่นที่สวนนี้ เพราะมันทำให้ข้าได้สัมผัสถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนของเสด็จแม่
มันเป็นสวนที่สวยมาก เสด็จพ่อของเจ้าคงรักนางมากสินะ
มากกว่าสิ่งใดทั้งหมดที่ข้าเคยรู้ นางหัวเราะหึพลางถอนใจ บางครั้งข้าก็อยากให้เสด็จพ่อหาผู้หญิงดีๆ สักคนมาอยู่ด้วยนะ แต่ว่าข้าก็ทำใจไม่ได้เหมือนกันที่จะเห็นใครคนอื่นมาอยู่ในจุดที่เสด็จแม่เคยยืน
ก็คงเหมือนกันกับเสด็จพ่อของข้านั่นแหละ เสด็จพ่อของข้าเป็นกษัตริย์ที่ดี... เขาหยุดพูดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พระบิดาของเขาถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตา ใบหน้าคมคายที่เบิกบานเมื่อครู่ก็หมองลงอีกครั้ง
พระองค์ไม่สมควรจะทรงสิ้นพระชนม์เยี่ยงนั้น
ถ้าเช่นนั้นท่านก็ไม่ควรปล่อยให้คนที่สังหารพระบิดาของท่านลอยนวลไปเช่นนี้
ทีนิสหันกลับมามองนาง ด้วยสถานะแบบนี้น่ะหรือ ข้าไม่เหลือทั้งอำนาจ กองทหาร หรือแม้กระทั่งมงกุฏ มิหนำซ้ำยังถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตรกรใจโหดเหี้ยมที่สังหารบิดาของตัวเองอีกด้วย เจ้าบอกหน่อยได้ไหมว่าข้าจะสามารถทำอะไรได้
ท่านยังเหลือสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่งอยู่กับตัว แล้วนางก็จ้องเข้าไปในดวงตาของเขาก่อนจะเอ่ยต่อ ตราบใดที่ท่านยังยืนได้และหายใจอยู่ ข้าว่าท่านไม่ควรจะยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้
ทีนิสนิ่งงันกับสิ่งที่นางพูดออกมา ถูกของนางที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ลำพังเพียงแค่ตัวเขาจะทำอะไรได้กัน ถึงแม้อย่างนั้น เลกัสก็กุมอำนาจการปกครองไว้ในมือหมดแล้ว ข้ายังคิดไม่ออกเลยว่าจะเอากำลังอะไรไปสู้กับมัน
เราจะช่วยเหลือท่านในการทวงคืนราชบัลลังก์คืน
แล้วสิ่งที่พวกเจ้าต้องการเป็นสิ่งตอบแทนคืออะไร?
ความเป็นเอกราช นางตอบเขา เราจะช่วยท่านทวงคืนบัลลังก์กลับมา แต่สิ่งตอบแทนที่เราต้องการก็คือการเป็นอิสระจากแคว้นในปกครองของท่าน
ทีนิสไม่แปลกใจกับคำตอบของนางเลย เพราะเหตุผลนี้เองแคว้นดาร์ซีถึงได้ช่วยเหลือเขา แต่ถ้าหากแคว้นดาร์ซีประกาศตัวเป็นเอกราชแล้วก็เท่ากับว่าคิเรบัสต้องสูญเสียแหล่งทรัพยากรที่สำคัญแห่งหนึ่งทีเดียว
แต่พวกเจ้ามีกำลังทหารมากพอที่จะเอาชนะกองทหารของคิเรบัสได้หรือ
เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วงหรอก เราจะไม่ทำสงครามถ้าหากไม่มั่นใจว่าจะชนะ นางตอบด้วยความมั่นใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้ทีนิสลอบถอนหายใจด้วยความรู้สึกหนักใจ และในขณะเดียวกันทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาทางพวกเขาก่อนจะโค้งถวายการเคารพก่อนจะพูด
ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้หม่อมฉันทูลเชิญองค์หญิงและองค์ชายทีนิสไปร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำพ่ะย่ะค่ะ
นางพยักหน้า ก่อนจะหันไปทางทีนิส เสด็จพ่อคงอยากพบท่าน
ทีนิสยักไหล่แต่ก็เดินตามนางไปโดยไม่พูดไม่จาอะไร ในขณะเดียวกันไบรโอเนียก็ได้ยินเสียงใบไม้ขยับและตามมาด้วยเสียงของบางอย่างแหวกอากาศใกล้เข้ามา นางรีบดึงแขนของทีนิสให้หลบไปทางด้านหนึ่งพร้อมกับชักมีดสั้นที่เหน็บไว้ตรงเอวกระโปรงขว้างไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ห่างจากกันไปนัก ซึ่งก็มีเสียงคนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและร่างสัดทันของชายคนหนึ่งก็โซเซออกมาพร้อมกับมีดสั้นที่ไบรโอเนียขว้างไปเมื่อกี้ปักอยู่ที่อก มันมองที่พวกนางด้วยดวงตาเบิกโพลงก่อนจะล้มฟุบลงไปและสิ้นลมหายใจในทันที
อารักขาองค์หญิงและเจ้าชายทีนิส! เสียงตะโกนบอกจากพวกทหารองครักษ์ดังขึ้นก่อนที่ไบรโอเนียจะรีบประคองทีนิสกลับเข้าไปในตัวปราสาท
พออยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไบรโอเนียก็รีบหันมาสำรวจทีนิสที่ยืนหน้าซีดทันที ทีนิส ท่านเป็นอะไรไหม
ทีนิสที่เพิ่งหายจากอาการตกตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ต้องทำหน้านิ่วเมื่อรู้สึกร้าวไปทั้งสีข้าง
ข้าไม่เป็นไรหรอก เขาพยายามจะหยัดตัวยืนตรง แต่แล้วก็ทรุดฮวบจนทหารที่ยืนอารักขาอยู่ใกล้ๆ ต้องรีบเข้ามาช่วยประคอง
คงจะเป็นเพราะตอนข้าดึงให้ท่านหลบเมื่อครู่... ลืมเลยไปว่าอาการบาดเจ็บของท่านยังไม่ฟื้นตัวดี ไบรโอเนียมองทีนิสที่หน้าซีดเผือดด้วยความเป็นห่วงก่อนจะรีบสั่งให้พวกองครักษ์รีบพาเขากลับไปที่ห้องพัก ส่วนอีกสองคนที่เหลือนางก็ให้รีบกลับไปทูลรายงานโลเอลว่าเกิดอะไรขึ้นและไปตามหมอมาดูอาการของทีนิสโดยไว
*************************
ภายในปราสาทยังคงวุ่นวายกับการถูกบุกรุกอย่างกะทันหัน ซึ่งเอ็ดการ์ก็เข้ามาควบคุมการดูแลความเรียบร้อยโดยทันทีที่รู้เรื่อง หัวหน้าราชองครักษ์ตรวจสอบร่างของมือสังหารที่สิ้นชีพด้วยน้ำมือของไบรโอเนีย
ไม่ใช่ไฮซิค สุดยอดมือสังหารของเลกัส...
เอ็ดการ์เดินไปหยิบลูกธนูที่ปักอยู่ตรงผนังปราสาทมาดู ลักษณะของดอกธนูที่ย้อมสีแดงชาดตรงปลายขนนกนั้นเป็นลักษณะพิเศษของลูกธนูของกลุ่มมือสังหารใต้ดินอันเลื่องชื่อซึ่งทำงานรับใช้ตระกูลของเลกัสมาช้านาน ดวงตาของหัวหน้าราชองครักษ์เรืองรองขึ้นมาอย่างน่ากลัว เพราะนี่นับว่าเป็นการส่งสัญญาณให้ทางดาร์ซีได้รู้ว่าเลกัสคงจะไม่นิ่งเฉยกับการชิงตัวองค์ชายทีนิสมาจากคิเรบัสเป็นแน่
ทั้งที่การดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพระราชวังค่อนข้างเข้มงวดนับตั้งแต่ที่ได้ข่าวว่ามีมือสังหารลอบเข้ามาในแคว้น แต่ไม่นึกว่าพวกมันจะฝ่าการป้องกันและเวรยามที่แน่นหนาเข้ามาแบบนี้ได้
พวกเจ้าจงถ่ายทอดคำสั่งของข้าไป นับจากวันนี้ไปเวรยามเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า และส่งข่าวให้หน่วยสอดแนมจับตาดูคนแปลกหน้าที่เข้ามาใหม่ให้มากกว่านี้ เขาสั่งทหารใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ค้อมศีรษะรับคำสั่งก่อนจะรีบไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาโดยทันที
*************************
รู้สึกเช่นไรบ้าง ไบรโอเนียเอ่ยถามทีนิสหลังจากที่หมอเข้ามาตรวจดูอาการของเขาและรายงานอาการว่ามีการกระทบกระเทือนตรงบริเวณกระดูกหักทว่าโชคยังดีที่กระดูกซึ่งกำลังสมานตัวนั้นไม่ได้เคลื่อนไปอย่างที่พวกหมอนึกหวั่น แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าซีดเผือดของเขาก็ทำให้นางรู้สึกเป็นกังวลว่าเขาจะเป็นอะไรมากกว่าที่หมอได้บอกนางเอาไว้หรือเปล่า
ทีนิสค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงโดยไม่ฟังเสียงห้ามของนางก่อนที่จะส่ายหน้า ยังเจ็บอยู่บ้าง แต่คงไม่มีอะไรแย่กว่าที่เป็นอยู่หรอก
มันเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ทันระวัง แถมยังทำให้ท่านบาดเจ็บอีก
พอเห็นเจ้าหญิงผู้ที่แสดงท่าทางเก่งกาจอยู่ตลอดเวลาอย่างนางแสดงท่าทางรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็อดที่จะยิ้มขันไม่ได้
ไม่เป็นไรหรอก ข้าเสียอีกที่ต้องขอบใจเจ้าที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้อีกครั้ง... แต่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าถึงแม้เจ้าจะสวมชุดแบบนี้นี้ก็ยังสามารถซ่อนอาวุธได้
มันติดเป็นนิสัยน่ะ ใครจะไปรู้ว่าอันตรายจะเกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อไหร่กันเล่า ไบรโอเนียว่าพลางตวัดตามองค้อนทีนิส
อย่าถือสาคำพูดของข้าเลยน่าองค์หญิง แต่ก็ต้องขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้อีกครั้ง เขากล่าวขอบคุณนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง
นางยกมุมปากยิ้มแล้วพยักหน้ารับคำขอบคุณจากเขา ซึ่งพอดีกันกับที่เอ็ดการ์ก็เดินเข้ามาในห้อง
หม่อมฉันจะมารายงานว่าหม่อมฉันจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ไบรโอเนียพยักหน้ารับ แล้วรู้หรือยังว่ามันเป็นใครมาจากไหน
เอ็ดการ์พยักหน้า ดูจากลักษณะอาวุธที่ใช้แล้ว น่าจะเป็นกลุ่มมือสังหารใต้ดินที่รับใช้ตระกูลของเลกัสพ่ะย่ะค่ะ
แล้วใช่คนที่เจ้าสงสัยอยู่หรือเปล่า นางถามต่อ โดยไม่นำพาต่ออาการหน้าซีดเผือดของทีนิสที่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่คิดว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน เพราะว่าอาวุธที่ใช้มีลักษณะคล้ายกันมาก
ไบรโอเนียกัดริมฝีปากด้วยความขัดใจ ก่อนจะหันกลับมาทางทีนิส ท่านพักผ่อนเถอะนะ เดี๋ยวข้าจะต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อก่อน
ทีนิสพยักหน้าแล้วมองร่างเพรียวระหงที่เดินออกจากห้องไปพร้อมกับหัวหน้าราชองครักษ์ เขาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ใดส่งมือสังหารมาปองร้ายเขา ซึ่งทีนิสก็พอจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาถอนหายใจออกมาอย่างทดท้อ ก่อนที่ยาทานไปจะเริ่มออกฤทธิ์และจมอยู่ในห้วงนิทรา
************************
ดูเหมือนว่าเลกัสจะไม่ได้นิ่งนอนใจกับการที่องค์ชายทีนิสหลบหนีมาอยู่ที่นี่สินะ ราชาผู้ครองแคว้นดาร์ซีตรัสถามบุตรสาว
เป็นความผิดพลาดของหม่อมฉันเองพ่ะย่ะค่ะ ที่วางเวรยามทหารได้ไม่แน่นหนาพอ เอ็ดการ์กล่าวขอยอมรับผิดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
ช่างมันเถอะ เราอาจจะประมาทฝ่ายนั้นมากเกินไปก็ได้ มือสังหารฝ่าเวรยามเข้ามาถึงในปราสาทได้ก็แสดงว่ามีฝีมือพอตัว แต่หลังจากนี้ก็ต้องเข้มงวดกับเวรยามให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน
พ่ะย่ะค่ะ เอ็ดการ์ค้อมศีรษะรับคำสั่ง
ถ้าหากว่าพวกมือสังหารเหล่านั้นมีฝีมือจริงๆ การเพิ่มเวรยามจะได้ผลจริงหรือเพคะ ไบรโอเนียที่ยืนทำหน้ากลุ้มเอ่ยถามมาบ้าง
มันเสียมือสังหารไปคนหนึ่งแล้ว คงจะไม่กล้าเสี่ยงส่งมาอีกหรอก... ตอนนี้หน้าที่สำคัญของเจ้าก็คือคอยดูแลและจับตามององค์ชายทีนิสให้ดี แล้วก็อย่าลืมว่าเจ้าต้องโน้มน้าวให้เขายอมตกลงร่วมมือกับเราให้ได้
แต่ดูท่าทางเหมือนกับเขาจะไม่ค่อยอยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไรเลยเพคะ
ถ้าเขาไม่อยาก เจ้าก็ต้องทำให้เขาอยากให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม
นางก้มหน้าก่อนจะรับคำสั่งเสียงแผ่ว ลูกเข้าใจแล้วเพคะ
โลเอลยิ้มด้วยความพอใจ ดีแล้ว พ่อฝากความหวังไว้กับเจ้านะ พ่อรู้ว่าเจ้าต้องทำได้
เพคะ เสด็จพ่อ
ส่วนสถานการณ์ทางชายแดนยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรมากนัก แต่ก็มีข่าวมาว่าแม่ทัพกีเธอร์เดินทางมาคุมค่ายตรงชายแดนด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ เอ็ดการ์กล่าวรายงานบ้าง
กีเธอร์รึ โลเอลกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดขึ้นพร้อมกับยกมือถูปลายคางตัวเองอย่างใช้ความคิดไปครู่ใหญ่ก่อนจะสั่งการกับเอ็ดการ์
สถานการณ์การเมืองภายในคิเรบัสยังไม่นิ่งพอ คงไม่คิดผลีผลามเสียกำลังทหารด้วยการเดินทัพมาบุกแคว้นเราหรอก ต่อจากนี้ไปเพิ่มการเฝ้าระวังทางชายแดนให้มากขึ้นกว่าเดิมก็แล้วกัน
พ่ะย่ะค่ะ
ข้าหมดเรื่องแล้ว พวกเจ้าแยกย้ายกันไปได้
เอ็ดการ์พยักหน้า ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ
พอเห็นเอ็ดการ์เดินออกไปจากห้อง ไบรโอเนียก็ค้อมกายกับพระบิดาก่อนจะเดินออกจากห้องไปบ้าง
เดี๋ยวก่อนไบรโอเนีย
นางหันกลับมาตามเสียงเรียก อะไรหรือเพคะเสด็จพ่อ
ถึงแม้ว่าพ่อจะมอบหมายให้เจ้าดูแลองค์ชายทีนิสแต่ก็อย่าลืมระวังเรื่องความปลอดภัยของตัวเจ้าเองด้วย ถ้าหากเหตุการณ์เมื่อครู่เจ้าเป็นอะไรไป พ่อคงไม่ลังเลที่จะสั่งให้กองทหารบุกโจมตีคิเรบัสเดี๋ยวนั้นแน่ๆ
ไบรโอเนียพยักหน้า ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงเป็นห่วง ลูกจะระวังตัว
แล้วโลเอลก็ยืนมองร่างเพรียวระหงของพระธิดาเดินจากไปด้วยความเป็นกังวล เพราะดูท่าทางคิเรบัสคงจะเอาจริงแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ส่งแม่ทัพที่เก่งกาจที่สุดมาดูแลชายแดนด้วยตัวเองแบบนี้แน่ๆ และนี่นับว่าเป็นบททดสอบอันสำคัญสำหรับไบรโอเนียในฐานะรัชทายาทว่าจะสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้ดีแค่ไหน...
************************
หลังจากเหตุการณ์ถูกลอบโจมตี การวางเวรยามภายในพระราชวังก็เพิ่มความเข้มงวดขึ้นเป็นเท่าตัว และโดยเฉพาะปราสาทบริเวณส่วนในของพระราชวังที่มีทหารยามยืนเฝ้าเกือบทุกจุด
ทีนิสมองทหารองครักษ์ที่กำลังเดินแถวเพื่อผลัดเปลี่ยนเวรยามผ่านทางหน้าต่างแล้วก็ถอนใจ เป็นเวลาสามสัปดาห์แล้วหลังจากที่เขาถูกลอบโจมตีและคงไม่รอดถ้าหากไม่ได้ไบรโอเนียช่วย แต่ถึงอย่างนั้นที่นางช่วยเขาก็เพื่อผลตอบแทนไม่ใช่การช่วยเหลือที่มาจากใจจริงสักหน่อย
เขาลุกจากขอบหน้าต่างแล้วเดินไปส่องกระจกแล้วขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจกับเงาสะท้อนของที่ปรากฏในกระจก สภาพของเขาดูไม่ค่อยดีเลยด้วยหนวดเคราที่ยาวรุงรังทำให้หน้าเขาดูเหมือนคนป่าและไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวาเสียเหลือเกิน หากทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดทำอะไร ไบรโอเนียก็เดินเข้ามาในห้องพอดี
อยากออกไปเที่ยวในเมืองกับข้าไหม ไบรโอเนียเอ่ยถามแล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขายืนตีหน้ายุ่งอยู่หน้ากระจก แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ
ทีนิสลูบหนวดเคราของตัวเองแล้วก็ส่ายหน้า ไม่มีอะไรหรอก แล้วจะไม่อันตรายหรือถ้าหากว่าข้าจะออกไปนอกปราสาท
ถ้าหากท่านไปกับข้า ก็ไม่มีอะไรจะต้องกังวลหรอก แล้วนางก็ยังขมวดคิ้วไม่หายเมื่อทีนิสยังคงผินหน้าซ้ายขวาส่องกระจกไม่ยอมหยุด ท่านทำอะไรของท่านตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ?
ข้าอยากอาบน้ำและโกนหนวดสักหน่อย
ไบรโอเนียมองสีหน้าของเขาแล้วก็ยิ้มขันก่อนจะพยักหน้า ได้สิ ข้าจะให้คนนำสิ่งที่ท่านต้องการมาให้
แล้วพอไบรโอเนียหันไปทางประตูห้อง นางกำนัลที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ โค้งให้กับพวกตนแล้วรีบเดินออกไปอย่างรู้หน้าที่เป็นอย่างดี แล้วก็กลับมาพร้อมกับของที่เขาต้องการ และยังมีอ่างน้ำและคนงานชายที่ช่วยกันยกถังไม้ขนาดใหญ่สำหรับอาบน้ำมาให้ด้วย และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วคนเหล่านั้นก็เดินออกจากห้องไป
เจ้าไม่ออกไปหรือ ทีนิสหันมาถามนางเมื่อเห็นว่านางยังไม่ยอมออกไป
ไบรโอเนียขมวดคิ้ว ทำไมข้าจะต้องออกไปด้วยเล่า
เจ้าจะยืนอยู่ตรงนี้จนข้าอาบน้ำเสร็จใช่ไหม ส่วนตัวข้าไม่เดือดร้อนหรอกนะถ้าหากว่าเจ้าอยากจะมอง
เขากล่าวพลางมองนางด้วยสายตาที่สื่อถึงความนัยบางอย่าง ซึ่งทำให้ใบหน้าของไบรโอเนียแดงระเรื่อขึ้นมาทันที ก่อนที่นางจะรีบกระแอมและปรับสีหน้าให้จริงจังขึ้น ถ้าท่านอาบน้ำและเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ให้คนมาตามข้าก็แล้วกัน ข้าจะอยู่ที่ห้องทำงานรอ
แล้วไบรโอเนียก็ออกจากห้องไปปล่อยให้ทีนิสยืนหัวเราะหึด้วยความชอบใจกับท่าทางที่พยายามปกปิดความเขินอายของนาง ซึ่งมันก็ทำให้ทีนิสได้รู้ว่าแม้ว่าจะเก่งกาจสามารถเพียงแค่ไหน แต่โดยเนื้อแท้แล้วเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งดาร์ซีก็ยังมีกิริยาเยี่ยงสตรีอยู่
ริมฝีปากของอดีตรัชทายาทแห่งแคว้นคิเรบัสคลี่ยิ้มด้วยความขบขันก่อนจะถอดชุดที่สวมอยู่ออกแล้วหย่อนร่างกายของตัวเองลงในอ่างอาบน้ำ เขาส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ เมื่อความร้อนในระดับที่พอดีของน้ำนั้นทำให้กล้ามเนื้อที่บางส่วนที่ยังปวดระบมของเขานั้นผ่อนคลายลงไปอย่างเห็นได้ชัด เขายังนึกสงสัยว่าไบรโอเนียมีเหตุผลอะไรถึงคิดชวนเขาให้ออกไปเที่ยวนอกปราสาททั้งที่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ยังดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจสักเท่าไรนัก
หรือนางกำลังหาทางโน้มน้าวให้เขาร่วมมือกับนางกระมัง ทีนิสโคลงศีรษะให้ตัวเองแล้วก็ถอนหายใจเมื่อตระหนักถึงสถานะของตนและสิ่งที่แคว้นดาร์ซีต้องการจากเขาในเวลานี้
************************
ไบรโอเนียก็นั่งอ่านรายงานการสังเกตการณ์ทางชายแดนในระหว่างที่รอทีนิสเตรียมตัวออกไปข้างนอกกับนาง รัชทายาทของแคว้นดาร์ซีถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม หลังจากที่กำจัดมือสังหารที่ลอบเข้ามาหมายจะกำจัดทีนิสได้ในครั้งก่อนแล้ว สถานการณ์ทางชายแดนดูเหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติม ซึ่งนั่นก็ทำให้คาดเดาได้ยากว่าทางแคว้นคิเรบัสกำลังวางแผนการอะไรอยู่หรือไม่
นางรู้ว่ามันเป็นไปได้ยากที่จะต่อกรกับแคว้นที่มีกองกำลังทหารที่เข้มแข็งอย่างคิเรบัส ไม่เช่นนั้นแคว้นดาร์ซีคงไม่กลายเป็นแคว้นในปกครองของคิเรบัสไปได้ แต่ทว่าในเวลานี้แคว้นของนางก็ถูกกดขี่มานานมากพอแล้ว มันจึงถึงเวลาเสียทีที่จะต่อสู้เพื่อความเป็นเอกราช และกุญแจสำคัญของภารกิจนี้ก็คือทีนิสนั่นเอง แต่การที่จะทำให้เขายอมร่วมมือนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ เสียด้วย
ความคิดของไบรโอเนียก็ต้องชะงักเมื่อข้ารับใช้เข้ามาทูลว่าทีนิสพร้อมแล้ว ไบรโอเนียจึงเดินกลับเข้าไปในห้องของตนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดกระโปรงผ้าไหมที่ตัดเย็บอย่างปราณีตมาเป็นชุดที่รัดกุมอย่างเสื้อขนสัตว์และกางเกงที่ทำจากหนังกวางแทน ก่อนที่จะเดินออกไปโดยไม่ลืมที่จะสั่งให้คนเตรียมม้าไว้สำหรับนางและทีนิสด้วย
พอมาถึงห้องของทีนิสอีกครั้ง นางก็เคาะประตูและเปิดเข้าไปก่อนจะกล่าว ข้าขออภัยที่ทำให้รอ...
คำพูดของนางเลือนหายไปเมื่อเห็นร่างสูงในชุดใหม่ที่ยืนอยู่กลางห้อง ก่อนหน้านี้นางก็พอรู้มาบ้างว่าทีนิสเป็นเจ้าชายรูปงามตามเสียงโจษจันท์ที่ได้ยินมาจากหลายๆ แคว้น แต่ด้วยความทรุดโทรมจากอาการบาดเจ็บและหนวดเครายาวจนรกรุงรังไปทั้งใบหน้าทำให้นางไม่ค่อยรู้สึกกับรูปลักษณ์ภายนอกของทีนิสสักเท่าไร หากเมื่อยามไร้หนวดเคราอย่างที่นางเคยเห็นแล้ว ไบรโอเนียก็ได้ประจักษ์ว่าใบหน้าของทีนิสดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคนด้วยโครงหน้าคมสันได้สัดส่วนเหมาะสมไปหมดทุกอย่างดุจดั่งรูปสลักจากช่างปั้นฝีมือล้ำเลิศนั้นยังไม่สะดุดตานางเท่าดวงตาสีฟ้าสว่างที่ตัดกับผมสีทองอร่ามซึ่งถูกหวีจนเข้าทรงเป็นอย่างดี ริมฝีปากบางยกมุมยิ้มเมื่อได้เห็นสีหน้าของนาง
ไบรโอเนียเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดชื่อเสียงในเรื่องความรูปงามของทีนิสนั้นถึงได้เลื่องลือกระจายไปทั่วทั้งมหาทวีป ในเมื่อยามที่เขาสลัดเสื้อตัวยาวที่ใช้สำหรับคนป่วยออกเป็นชุดเสื้อทูนิคสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงและรองเท้าบู๊ทหนังสัตว์ตามแบบชาวดาร์ซีเช่นนี้ก็ยังดูหล่อเหลาอย่างร้ายกาจแม้ว่าจะดูซูบเซียวลงไปบ้างเนื่องจากเพิ่งฟื้นจากการบาดเจ็บหนักก็ตามที
ทำไมถึงมองข้าแบบนั้น เขาถามพลางก้มลงสำรวจตัวเอง หรือว่าข้าแต่งตัวไม่เรียบร้อย
คำถามของทีนิสเรียกสติของไบรโอเนียกลับมา เปล่าหรอก ข้าเพิ่งเคยเห็นท่านแบบที่ไม่ใช่สภาพคนป่วยก็เท่านั้นเอง
ทีนิสหัวเราะหึก่อนที่จะมองมาทางนางบ้าง เจ้าเองก็กลับไปแต่งตัวแปลกๆ อีกแล้ว
มันสะดวกกว่าเวลาที่ข้าออกไปนอกปราสาทด้วยเรื่องส่วนตัว
แล้วจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องแต่งกายเช่นนี้
แล้วท่านมาเจ้ากี้เจ้าการอะไรกับการแต่งกายของข้าด้วย ไปกันเถอะ ข้าให้คนเตรียมม้าเอาไว้แล้ว นางตัดบทเมื่อดูเหมือนเขาจะช่างถามมากเกินไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องของนาง
ทีนิสได้แต่ยิ้มขันกับกิริยาของนางก่อนจะผายมือให้นางเดินนำเขาไปยังด้านหน้าของปราสาท ซึ่งก็พบว่านอกจากจะมีม้าแค่สองตัวอย่างที่คาดไว้แล้วก็ยังมีเอ็ดการ์ที่อยู่ในเครื่องแต่งกายแบบสามัญชนยืนรอพวกเขาพร้อมกับม้าคู่ใจของตนเช่นกัน ซึ่งทำให้ไบรโอเนียรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
ข้าไม่ได้สั่งให้เจ้ามากับข้าด้วยนะเอ็ดการ์
ราชองครักษ์หนุ่มหัวเราะก่อนจะค้อมศีรษะแสดงความเคารพแก่ทั้งคู่แล้วตอบ ได้โปรดประทานอภัยแก่หม่อมฉันด้วยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทำตามรับสั่งของฝ่าบาทที่ให้คอยติดตามดูแลพวกพระองค์อย่างใกล้ชิด
แล้วถ้าข้าสั่งไม่ให้เจ้าตามข้าไปล่ะ นางถามพลางเลิกคิ้วใส่อีกฝ่ายอย่างท้าทาย
นี่องค์หญิงทรงอยากให้หม่อมฉันโดนสั่งประหารหรือพ่ะย่ะค่ะ
นางหัวเราะพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก็น่าสนใจอยู่นะ จะได้ไม่มีใครมาคอยขัดใจข้าไง
เอ็ดการ์ทำหน้าย่นใส่นาง ทรงอย่าล้อกระหม่อมเล่นแบบนั้นสิพ่ะย่ะค่ะ
แต่เจ้าก็ดูเตรียมพร้อมดีนะ ถึงกับลงทุนเปลี่ยนชุดองครักษ์เป็นชุดชาวบ้านธรรมดารอพวกข้าเชียว
ก็กระหม่อมเป็นองครักษ์ติดตามตัวองค์หญิงนี่พ่ะย่ะค่ะ ทำไมจะไม่รู้ว่าถ้าองค์หญิงออกไปนอกปราสาทจะต้องแต่งตัวเช่นไร แล้วเอ็ดการ์ก็เปลี่ยนมามองทีนิสด้วยความประหลาดใจกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยถาม ได้ยินว่าพระองค์ทรงแข็งแรงขึ้นแล้ว ไม่ทราบว่าจะทรงม้าได้หรือยังพ่ะย่ะค่ะ
ดีขึ้นมากแล้วล่ะ ขอบใจที่เป็นห่วง เมื่อกล่าวจบทีนิสก็โหนตัวขึ้นขี่หลังม้า
เจ้าก็รีบขึ้นม้าสิเอ็ดการ์ มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวก็ไม่ได้ออกจากปราสาทกันพอดีหรอก ไบรโอเนียเอ่ยเร่งองครักษ์ของตัวเองที่ยังคงยืนมองพวกตนโดยไม่ยอมขึ้นม้า
เอ็ดการ์ยิ้มขันกับท่าทางหงุดหงิดของไบรโอเนียแล้วโหนตัวขึ้นหลังม้าตามคำสั่งโดยไม่ต้องให้บอกซ้ำ ก่อนที่จะพากันควบม้าออกนอกบริเวณปราสาททั้งที่ในใจขององครักษ์หนุ่มยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของทั้งทีนิสและไบรโอเนีย แต่ถ้าหากไบรโอเนียตัดสินใจจะทำเช่นนั้นก็แสดงว่านางคงมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่ๆ
Be Continued
ตอนเจ้าหญิงพูดถึงไฮเตรนเยีย มีคำเพราะเช่นนั้นติดๆ กัน ทำให้อ่านขัดๆ นะคะ
เจ้าชายรักสงบเลยสู้ไม่เก่ง หรือยังเจ็บอยู่เลยไม่สู้กันแน่คะ ดูเจ้าหญิงจะบู๊เก่งกว่านะนี่