บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 7

บทที่ 7


นายทหารหนึ่งเดินเข้าไปในห้องของแม่ทัพแล้วเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดเข้าไปเมื่ออีกฝ่ายขานเสียงอนุญาต

“ท่านแม่ทัพ มีพ่อค้าหาบเร่คนหนึ่งนำจดหมายนี้มาแล้วบอกว่ามีคนนำฝากมาให้แก่ท่านครับ”

“จดหมายถึงข้าหรือ เจ้ารู้ไหมว่าใครส่งมา” กีเธอร์มองทหารที่เดินเข้ามาพร้อมกับจดหมายที่ถูกเก็บไว้ในซองหนังกวาง

“ไม่ทราบครับ ข้าพยายามถามแล้วแต่พ่อค้าคนนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคนที่ฝากมาเป็นใครเพราะรับมาจากคนอื่นอีกทีหนึ่ง”

แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “แปลกจริง จดหมายที่ไม่บอกชื่อผู้ส่งอย่างนั้นน่ะหรือ”

“ท่านจะให้ข้าเอามันไปทิ้งไหมครับ”

เขาส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เจ้าวางมันไว้ที่โต๊ะแล้วไปได้”

“ครับ ท่านแม่ทัพ” พอวางจดหมายลงบนโต๊ะทำงานของกีเธอร์แล้ว ทหารคนนั้นจึงยืนตรงทำความเคารพเขาก่อนจะเดินออกจากห้องไป

พอทหารใต้บังคับบัญชาออกไปแล้วกีเธอร์ก็หยิบซองหนังที่ใส่จดหมายนั้นมาดู จดหมายนั้นถูกผนึกด้วยครั่งและประทับตราด้วยสัญลักษณ์ของแคว้นดาร์ซี เขาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะเปิดจดหมายนั้นอ่านอย่างไม่รีรอ แล้วริมฝีปากของแม่ทัพผู้เก่งกาจแห่งคิเรบัสก็เหยียดยิ้มเครียดพร้อมกับโยนจดหมายเข้าไปในเตาผิงเพื่อเผาทำลาย

ใครจะไปคิดว่านักโทษที่หลบหนีมาอยู่ต่างแคว้นอย่างทีนิสจะเป็นผู้เขียนจดหมายฉบับนี้หาเขา แถมเนื้อความจดหมายนั้นยังบอกว่าต้องการพบเขาเพื่อที่จะเจรจาเป็นการส่วนตัวอีกด้วย และเขากำลังคิดว่าถ้าหากนี่เป็นแผลกลลวงของดาร์ซีเขาก็คิดว่าพวกนั้นคงจะเอาเด็กอมมือมาเป็นคนคิดแผนการเป็นแน่ถึงได้คิดแผนการแบบสิ้นคิดเช่นนี้

แต่ทว่าข้อความในจดหมายนั้นถูกเขียนด้วยลายมือที่เขาจำได้จนขึ้นใจว่าเป็นลายมือของทีนิสไม่ผิดเพี้ยน เพราะเช่นนั้นเขาถึงได้รู้สึกสงสัยมากกว่าที่จะนึกขัน มันผิดปกติเกินไป... ธรรมชาติของคนที่มีความผิดติดตัวน่าจะหลบหนีไปมากกว่าที่จะทำแบบนี้

“ในเมื่อกล้าส่งจดหมายมาแบบนี้ เห็นทีว่าข้าคงจะต้องทำตามพระประสงค์ล่ะนะ องค์ชายทีนิส” กีเธอร์พึมพำเสียงแผ่วต่ำพร้อมกับทำดวงตาวาววับอย่างน่ากลัว

ถ้าหากเป็นหลุมพราง เขาก็อยากจะให้พวกดาร์ซีได้รู้ว่าการมาแหย่เสือร้ายอย่างกีเธอร์แห่งคิเรบัสจะเป็นเช่นไร!




*************************


“ข้ามีเรื่องจะต้องคุยกับท่าน”

น้ำเสียงราบเรียบหากฟังแล้วรู้สึกหนาวยะเยือกนั้นทำให้ทีนิสที่กำลังสอนหนังสือแก่เลโอน่าหันไปมองที่ประตูแทบจะพร้อมกัน และสิ่งที่เห็นก็คือไบรโอเนียยืนเกาะขอบประตูห้องในขณะที่มืออีกข้างกุมสีข้างของตัวเองด้วยใบหน้าซีดเผือดหากดวงตาสีเขียวสว่างนั้นกลับทอประกายเรืองแสงด้วยโทสะจนเลโอน่าถึงกลับกลืนน้ำลายอย่างนึกขยาด

“เอาไว้แค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะเลโอน่า เจ้าไปได้แล้ว” ทีนิสหันไปกล่าวกับเลโอน่า ซึ่งเด็กสาวก็พยักหน้าและรีบเก็บหนังสือและออกจากห้องไปราวกับนกรู้ ปล่อยให้ทีนิสเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าประตูห้องตามลำพัง

“ที่จริงให้พวกข้ารับใช้มาบอกข้าก็ได้นี่ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเดินมาหาข้าด้วยตัวเองแบบนี้เลย เจ้ายังไม่หายดีพอที่จะเดินไปไหนมาไหนนะ”

“ที่นี่มันปราสาทของข้า ข้าจะเดินไปไหนมาไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาอนุญาตหรอก” นาง กระชากเสียงห้วนใส่เขาแล้วพยายามจะเดินเข้าไปหา หากอาการบาดเจ็บที่ยังมีอยู่ก็ทำให้ไบรโอเนียทำท่าจะล้มลงซึ่งทีนิสก็รีบเข้าไปประคองนางทันที

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้ายังไม่แข็งแรงพอ”

หากไบรโอเนียผลักเขาออกห่าง “ข้าเดินเองได้”

ทีนิสทำหน้านิ่วกับกิริยาของนางที่มีต่อเขา “นี่เจ้าเป็นอะไรไปหรือไบรโอเนีย”

“ไหนท่านบอกว่าท่านจะปรึกษาข้าถ้าหากว่าคิดจะทำอะไรไม่ใช่หรือ แล้วนี่ทำไมถึงได้ส่งจดหมายไปนัดพบกับแม่ทัพกีเธอร์โดยที่ไม่ปรึกษาข้าก่อนสักคำว่าข้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจแบบนั้นของท่านหรือไม่”

เขาถอนใจเมื่อนึกแล้วว่าที่นางทำท่าทางปึงปังใส่เขาเช่นนี้ก็เพราะสาเหตุนี้นี่เอง

“ข้ามีเหตุผลที่ข้าต้องทำแบบนั้นนะไบรโอเนีย แต่เชื่อเถอะว่าข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรที่ข้ามหน้าข้ามตาเจ้าเลย”

“ท่านขอให้ข้าเชื่อในขณะที่ท่านทำไปแล้วน่ะหรือ แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร “ นางย้อนเขาเสียงหยัน แต่แล้วก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหันเพราะร่างกายของนางยังไม่ฟื้นตัวดีพอซึ่งทำให้นางทำท่าจะล้มลงไปกองกับพื้นถ้าหากว่าทีนิสไม่ปราดเข้ามาประคองนางเอาไว้เสียก่อน

“เห็นไหมว่าถ้าเจ้าฝืนตัวเองมากเกินไปจะเป็นยังไง” เขาบ่นก่อนจะช้อนร่าง นางขึ้นอุ้มและเดินไปที่ห้องของนาง

“ท่านคิดจะทำอะไร ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ!” ไบรโอเนียเอ่ยถามเขาด้วยความตกใจ

“พาเจ้ากลับไปที่ห้องของตัวเองน่ะสิ” เขาตอบแล้วก็ทำเสียงดุเมื่อนางเริ่มดิ้น “อย่าดิ้นได้ไหม เดี๋ยวถ้าตกลงมาแล้วแผลฉีกหายช้ากว่าเดิมอย่ามาโทษข้านะ”

พอได้ยินคำขู่ของเขาไบรโอเนียจึงยอมนิ่งปล่อยให้เขาพานางกลับไปที่ห้องนอนแต่โดยดี นางรู้สึกอายเป็นอย่างยิ่งเมื่อพวกข้ารับใช้ต่างอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นทีนิสอุ้มนางเดินไปยังโถงทางเดิน

พอเข้ามาในห้องของนางแล้วทีนิสก็วางร่างของนางลงบนเตียงก่อนจะถอยห่างออกมาก่อนจะเข้าเรื่องที่คุยกันค้างไว้ต่อ

“ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้าก่อน เพราะข้าเชื่อว่าถ้าหากเจ้ารู้แล้วเจ้าจะต้องห้ามข้าแน่”

“มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ข้าไม่ยอมปล่อยให้ท่านวิ่งกลับไปหาแม่ทัพคนเก่งของท่านแล้วถูกจับตัวกลับไปประหารหรอก”

“ที่เจ้าคิดแบบนั้นก็เป็นเพราะว่าเจ้าไม่รู้จักกีเธอร์ดีน่ะสิ”

“แล้วท่านรู้จักเขาดีจนมั่นใจว่าเขาจะไม่นำกำลังทหารมาจับท่านกลับไปประหารล่ะสิ” นางประชดเขาแล้วก็ทำท่าทางฮึดฮัดเมื่อเห็นทีนิสเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบคำถามของนาง

“ข้าไม่เข้าใจความคิดท่านเอาเสียเลยทีนิส ข้าหรือสู้อุตส่าห์สั่งให้คนคอยปกปิดข่าวเอาไว้โดยตลอดเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านอยู่ที่นี่ แต่ท่านกลับเป็นคนที่ประกาศให้พวกนั้นรู้เสียเอง... หรือว่าที่แท้จริงแล้วพวกเป็นแผนการของทางคิเรบัสที่แกล้งส่งท่านมาบ่อนทำลายพวกเราใช่ไหม”

“ไปกันใหญ่แล้วนะไบรโอเนีย เจ้ามองข้าในแง่ร้ายเกินไปแล้ว ที่ข้าทำแบบนี้ก็เพราะว่าจะได้ไม่ต้องส่งใครไปเสี่ยงเพราะข้าอีกต่างหาก แค่เห็นเจ้าบาดเจ็บเพราะข้าเป็นต้นเหตุแค่นี้ก็ทำให้ข้ารู้สึกผิดมากพอแล้ว”

นางรีบแย้งเขาทันที “ข้าก็บอกท่านแล้วว่ามันไม่ใช่เป็นเพราะท่าน แต่มันเป็นเพราะข้าประมาทเองต่างหาก”

“แต่เจ้าก็ไปสอดแนมตามคำขอร้องที่เอาแต่ใจของข้าไม่ใช่หรือไง ข้าจะไม่ให้แคว้นดาร์ซีต้องเอาชีวิตรัชทายาทของพวกเขามาเสี่ยงเพราะข้าอีก” สีหน้าของเขาเครียดเคร่งมากขึ้นเมื่อกล่าวต่อ “ตอนนี้กีเธอร์รู้แล้วว่าดาร์ซีส่งคนมาสอดแนม เจ้าคิดว่าทางนั้นจะอยู่เฉยๆ รอให้แคว้นของเจ้าทำอะไรก่อนหรือไง”

“แล้วท่านคิดว่าแค่ส่งจดหมายไปแล้วกีเธอร์จะยอมทำตามที่ท่านขอร้องหรือไง”

“ข้าถือว่าเป็นการวางเดิมพัน เรื่องใหญ่เช่นนี้ถึงอย่างไรมันก็ต้องมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ถ้าหากข้าถูกจับไปเจ้าก็ยังพอจะมีหนทางอื่นอยู่ไม่ใช่หรือ”

“แต่ที่ข้าเข้าใจอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่การเดิมพันหรอกนะทีนิส นี่มันเป็นการเอาชีวิตของท่านไปทิ้งชัดๆ”

แล้วนางก็กระชากคอเสื้อของเขาให้ก้มลงมาประจันหน้ากับนาง “ล้มเลิกความคิดแบบนั้นเสีย ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าท่านเสียตรงนี้แหละ”

“ในสภาพแบบนี้น่ะหรือ” เขาเลิกคิ้วท้าทายนาง

และในขณะที่ไบรโอเนียไม่ทันได้ระวังตัว ทีนิสก็ฉวยข้อมือทั้งสองข้างของนางไปตรึงเหนือศีรษะของนาง ดวงตาของไบรโอเนียเบิกกว้างด้วยความตกใจกับการกระทำของเขา

“นี่ท่านเป็นบ้าอะไรของท่านขึ้นมาอีกเนี่ย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” นางตะคอกใส่เขาแล้วก็พยายามบิดข้อมือให้หลุดแต่สภาพของนางตอนนี้ก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะสู้แรงเขาได้

“ข้าจะไปพบกับกีเธอร์เพียงลำพัง” เขายังคงยืนกราน

“ท่านคิดว่าจะสามารถปกป้องตัวเองจากนักรบที่ผ่านศึกมามากมายอย่างกีเธอร์ได้หรือไงกัน อย่างน้อยก็น่าจะรอให้ข้าหายดีเสียก่อนสิ”

ทีนิสส่ายหน้า “ข้าจะไปพบกับกีเธอร์คืนพรุ่งนี้แล้ว เจ้าไม่มีทางหายทันหรอกไบรโอเนีย”

“ข้าจะไม่ยอมให้ท่านไปไหนทั้งนั้น” นางกระซิบบอกเขาเสียงเข้ม ก่อนจะอ้าปากหมายจะตะโกนเรียกให้ทหารที่อยู่แถวๆ นั้นเข้ามา แต่ทว่าทีนิสกลับก้มลงไปปิดปากนางด้วยริมฝีปากของเขาแทน

ไบรโอเนียตัวแข็ง ทื่อในวินาทีแรกด้วยความตกใจ ก่อนที่จะได้สติและพยายามดิ้นขัดขืนหากทว่ามือทั้งสองข้างที่ถูกเขาตรึงเอาไว้อยู่เหนือศีรษะและความเจ็บปลาบที่บาดแผลนั้นไม่สามารถทำให้นางขยับกายได้ดังที่ใจคิด

ทีนิสตั้งใจเพียงแค่จะหยุดไม่ให้นางร้องตะโกนหากเมื่อเขาได้ลิ้มรสความอ่อนหวานจากริมฝีปากของนางแล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะลืมความตั้งใจแต่แรกไปเสียหมด เขาขบใช้ฟันขบริมฝีปากอิ่มที่เม้มเข้าหากันแน่นเบาๆ จนนางเผลออ้าปากเพื่อหอบหายใจ ซึ่งนั่นก็เป็นโอกาสให้เขาสอดปลายลิ้นเข้าไปซอกซอนหาความหวานภายในได้ และนั่นก็ทำให้จากที่นางกำลังดิ้นรนขัดขืนต้องอ่อนกำลังลง และเขาก็ปล่อยมือทั้งสองข้างของนางให้เป็นอิสระเมื่อไม่รู้สึกถึงการขัดขืนของนางอีกต่อไป

ไบรโอเนียเกาะบ่ากว้างและจิกกำเสื้อของ ทีนิสแน่นเมื่อทีนิ สเพิ่มน้ำหนักของจุมพิตให้ดื่มด่ำยิ่งขึ้น หัวใจของนางเต้นถี่รัวจนเจ็บหน้าอกไปหมด จุมพิตของเขา ปล้นชิง เรี่ยวแรงของนางไปจนหมดสิ้น นางไม่สามารถคิดอะไรได้นอกจากขยับริมฝีปากตอบสนองเขาและเลื่อน มือขึ้นไปจิกขยุ้มกำเส้นผมของเขากับความเสน่หาที่นางเพิ่งเคยได้พบเจอเป็นครั้งแรก

จนกระทั่งเมื่อทีนิสถอนริมฝีปากออก ใบหน้าของนางแดงก่ำและริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อด้วยแรงบดเบียดจากจุมพิตจเมื่อครู่เผยอออกเล็กน้อยเพื่อหอบหายใจโกยเอาอากาศเข้าปอด เมื่อนางกลับคืนสติมาได้ ดวงตาของนางก็เบิกกว้างด้วยความตกใจกับปฏิกิริยาของตัวเอง ก่อนที่จะ ตวัดมือฟาดลงบนใบหน้าของทีนิสเข้าเต็มแรงจนหน้าหัน

“ท่านดูหมิ่นข้า!” นาง เค้นเสียงลอดไรฟันที่ขบเข้าหากันแน่น และดวงตา เรืองรองด้วยแรงโทสะจนไม่ทันได้สังเกตว่าดวงตาของ ทีนิสทอประกายหมองเศร้าอยู่แว่บหนึ่งกับคำบริภาษของนาง

“ใครดูหมิ่นใครก่อนกันแน่?” เขาถามนางแล้วชักดาบสั้นของนางที่วางอยู่ตรงหัวเตียงออกจากฝักยัดใส่มือของนาง

“นี่คิดจะทำบ้าอะไรอีกเนี่ย?”

ทีนิสจับปลายดาบในมือของนางมาจรดตรงอกซ้าย “เจ้าคงไม่รู้ว่าเจ้าดูหมิ่นข้าตั้งแต่วันแรกที่เจ้าช่วยข้าออกมาจากคุก แม้ว่าข้าน่ะไม่ได้เก่งกาจเรื่องต่อสู้เหมือนอย่างเจ้า แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นลูกผู้ชาย ถ้าหากว่าข้าเอาแต่ยืมมือเจ้าซึ่งเป็นผู้หญิงอยู่ตลอดแล้วข้าจะมีศักดิ์ศรีที่ไหนเหลือกลับไปปกครองคิเรบัสกัน และถ้าหากว่าเจ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ข้ากำลังจะทำ ก็ฆ่าข้าให้ตายเสียตรงนี้เถอะ”

ไบรโอเนียมองตาเขานิ่งในขณะที่ริมฝีปากก็เม้มแน่นจนสั่นระริก ภายในใจของนางในเวลานี้กำลัง ปั่นป่วนอย่างรุนแรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น นางไม่อาจโกหกตัวเองได้ว่านางไม่รู้สึกคล้อยตามไปกับจุมพิตของเขา แต่ถึงเช่นนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะมาฉวยโอกาสตอนที่นางอยู่ในสภาพที่ต่อต้านเขาไม่ได้เช่นนี้

และทั้งที่โกรธเขามากจนนางอาจจะเสือกปลายดาบแทงทะลุอกเขาโดยไม่ลังเลแล้วแท้ๆ หากเมื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาแล้วนางก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นความเศร้าและเสียใจปรากฏอยู่ในนั้น ไบรโอเนียลดดาบในมือลงก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่เขา

“จะทำอะไรก็ตามแต่ใจของท่าน แต่จงจำไว้ว่าถ้าหากท่านถูกทหารของคิเรบัสจับไปอีก ข้าจะไม่เข้าไปช่วยท่านเหมือนอย่างคราวที่แล้ว ท่านอยากจะถูกขังจนตายอยู่ในคุกใต้ดินหรือถูกประหารด้วยข้อกล่าวหาฆาตกรที่ฆ่าพ่อตัวเองก็เรื่องของท่าน เพราะมันเป็นความเขลาของท่านเองที่คิดตัดสินใจทำแบบนั้น”

“ก็ดีแล้วที่เจ้าพูดแบบนี้ ข้าจะได้สบายใจ” ริมฝีปากของทีนิสบิดยิ้มคล้ายจะหยัน แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปออกไปจากห้องของนาง

เมื่อทีนิสออกแล้วไบรโอเนียก็พ่นลมหายใจออกมายาวเหยียดเพื่อระบายอารมณ์กรุ่นโกรธของตนที่ปะทุขึ้นให้บรรเทาลง นางแค่นเสียงใส่ตัวเองเมื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ตรงดวงตาของนาง นางเงยหน้าขึ้นและกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตาไม่ให้ไหล เขาไม่คู่ควรจะให้นางต้องเสียน้ำตาจากการหมิ่นเกียรติของนางเช่นนี้ แต่อีกใจหนึ่งนางก็อดที่จะเป็นห่วงเขาไม่ได้ถึงแม้ว่านางจะพูดจาตัดเยื่อใยกับเขาเช่นนั้นก็ ตาม

ถ้าหากไม่บาดเจ็บเช่นนี้ก็คงจะดีอยู่หรอก แต่ในสภาพแบบนี้ข้าจะทำอะไรได้กันเล่า รัชทายาทแห่งดาร์ซีถอนใจยาวด้วยความกลุ้มใจ ในขณะเดียวกันริมฝีปากของนางก็เม้มเข้าหากันแน่นเมื่อยังรู้สึกได้ถึงรอยประทับจากทีนิสในเหตุการณ์เมื่อครู่ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากตัวเองแรงๆ เพื่อให้รอยสัมผัสนั้นเลือนหายไปแล้วก็นึกโกรธขึ้นมาอีกรอบพร้อมกับความร้อนวูบที่ไหลมากระจุกตัวอยู่ตรงใบหน้าของนางเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นั้นแว่บเข้ามาในความคิด

“จะเป็นตายร้ายดียังไงข้าก็จะไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว!”



************************



ทีนิสเดินกลับมาที่ห้องพักของตนแล้วก็พบว่าเอ็ดการ์กำลังยืนรอเขาอยู่ที่หน้าห้อง ราชองครักษ์โค้งคำนับเขาก่อนจะกล่าว

“ทุกอย่างที่ทรงรับสั่งให้หม่อมฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบใจมากเอ็ดการ์” เขากล่าวขอบคุณเอ็ดการ์แล้วเดินเลี่ยงเข้าไปในห้อง หากเอ็ดการ์ก็ขยับมายืนขวางทางเขาเอาไว้

“หม่อมฉันจะไปกับองค์ชายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าจัดการเรื่องนี้เองได้ เจ้าไม่ต้องตามข้าไปหรอก”

“หม่อมฉันจำเป็นต้องไปเพื่อจะได้แน่ใจว่าพระองค์จะไม่ถูกพวกนั้นจับตัวไปอีกครั้ง ถ้าหากทรงไม่ตกลง หม่อมฉันเกรงว่าอาจจะต้องกักบริเวณองค์ชายเอาไว้”

“ไบรโอเนียสั่งเจ้ามาหรือ” เขาถามพลางเลิกคิ้วขึ้น

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เป็นคำสั่งจากฝ่าบาท”

ทีนิสเลิกคิ้ว “นี่องค์ราชาทรงทราบเรื่องนี้แล้วหรือ”

เอ็ดการ์พยักหน้า “หวังว่าพระองค์จะทรงเข้าใจนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะให้ทหารมาคอยดูแลพระองค์ในระหว่างที่จะถึงคืนพรุ่งนี้ ถ้าหากว่านั่นทำให้ทรงรู้สึกอึดอัดหม่อมฉันก็ขอประทานอภัยล่วงหน้าด้วย แต่นี่ก็เพื่อความปลอดภัยและเกี่ยวกับความมั่นคงภายในของแคว้นดาร์ซีพ่ะย่ะค่ะ”

แล้วเอ็ดการ์ก็เบี่ยงตัวหลบให้ทีนิสเดินเข้าไปในห้องได้

ทีนิสแค่นหัวเราะพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ข้าชินเสียแล้วล่ะ”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นหม่อมฉันก็คงจะเบาใจไปได้บ้างถ้าหากทรงทำตามที่ตรัสไว้จริงๆ และหม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลขอพระกรุณาจากพระองค์อีกเรื่องหนึ่ง” แล้วดวงตาของเอ็ดการ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นฉายแววกร้าวเมื่อเอ่ยประโยคต่อไป

“หม่อมฉันอยาก ให้องค์ชายทรงปฏิบัติกับองค์ รัชทายาทอย่างให้เกียรติด้วย การที่พระองค์ทรงอุ้มองค์หญิงเข้าไปในห้องท่ามกลางสายตาของข้ารับใช้นั่นทำให้องค์หญิงทรงเสื่อมเสียได้ อย่าทำอะไรแบบนั้นอีก ไม่เช่นนั้นหม่อมฉันอาจจะได้รับมอบหมายหน้าที่อื่นในทางตรงกันข้ามกับที่ทำอยู่ก็เป็นได้”

“นี่เป็นคำขู่หรือคำเตือนล่ะ”

หากเอ็ดการ์ก็ไม่ได้โต้ตอบก่อนจะโค้งคำนับเขา “หม่อมฉันทูลลา”

ทีนิสมองทหารสองคนที่เดินเข้ามาเฝ้าหน้าห้องแล้วก็แค่นเสียงหัวเราะในลำคอแล้วปิดประตูก่อนจะถอนใจยาว การตัดสินใจของเขาในครั้งนี้มันอาจจะดูโง่ แต่เขาไม่ยอมให้ใครต้องมาเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อเขาอีกต่อไปแล้ว

หวังว่ากีเธอร์จะเข้าใจนะว่าการพบเพื่อเจรจากันตามลำพังจะหมายความตามนั้นจริงๆ อดีตรัชทายาทแห่งคิเรบัสภาวนาในใจ กับการเดิมพันกับตัวเองในครั้งนี้


**************************


เปลวเทียนที่ให้แสงสว่างในห้องวูบไหวทำให้ผู้ที่อยู่ในนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือหันไปทางหน้าต่างและพบว่าเงาตะคุ่มของใครบางคนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งที่ในห้องนี้ไม่ควรจะมีใครคนอื่นอีกนอกจากผู้ที่เป็นเจ้าของห้อง

“เจ้าทำให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามากไฮซิค ทำไมมาจนถึงป่านนี้เจ้าถึงยังปลิดชีวิตเจ้าชายทีนิสไม่ได้อีก” เลกัสกล่าวกับมือสังหารลับของตนด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

“หม่อมฉันขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ คนคุ้มกันของพวกมันเก่งกว่าที่หม่อมฉันคาดเอาไว้มากพ่ะย่ะค่ะ ขนาดว่าฉวยโอกาสที่ดีที่สุดแต่คนของหม่อมฉันก็ยังพลาด แต่ทรงวางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะครั้งต่อไปหม่อมฉันจะเป็นผู้ลงมือเอง”

“ เรื่องแบบนี้ปล่อยทิ้งไว้นานข้าก็จะยิ่งเป็นที่ครหาเอาได้ว่าแค่นักโทษคนเดียวทำไมถึงจับไม่ได้สักที แล้วถ้าหากว่าเจ้ายังจัดการมันไม่ได้ เจ้านี่แหละที่จะถูกกำจัด เข้าใจไหม”

ไฮซิครีบพยักหน้า “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว”

“แล้วอีกอย่างหนึ่ง พักนี้ข้ารู้สึกว่าการรายงานข่าวจากทางชายแดนดูไม่ค่อยมีความคืบหน้าเท่าไร เจ้าไปเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวกีเธอร์แล้วรายงานข่าวให้กับข้าทุกระยะด้วย”

“ฝ่าบาทกลัวว่าท่านแม่ทัพจะทรยศฝ่าบาทงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เลกัสพยักหน้า “ก็ไม่เชิงหรอก กีเธอร์ยังมีความคลางแคลงใจในเรื่องการลอบปลงพระชนม์อยู่ รีบจำกัดองค์ชายทีนิสให้ได้ก่อนที่เขาจะได้เจอกับกีเธอร์ เข้าใจไหม”

“พ่ะย่ะค่ะ” ไฮซิครับคำเขาอย่างหนักแน่นก่อนจะกระโดดออกจากหน้าต่างหายไปอย่างเงียบเชียบเช่นเดียวกับที่เข้ามา

เลกัสลุกจากโต๊ะทำงานไปปิดหน้าต่างห้องแล้วก็อดรู้สึกเป็นกังวลไม่ได้ ตราบใดที่เจ้าชายทีนิสยังมีชีวิตอยู่ ความมั่นคงในบัลลังก์ก็ยังคงหาได้ยากเพราะตอนนี้พวกขุนนางฝ่ายตรงข้ามเขามีอยู่ไม่กี่คนก็กำลังพยายามที่จะแข็งข้อกับการขึ้นครองบัลลังก์ของเขาในครั้งนี้เป็นระยะๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องกำจัดเจ้าชายทีนิสให้ได้ก่อน ส่วนขุนนางพวกนั้นเขาจะเก็บไว้จัดการพวกมันทีหลัง

แต่สิ่งที่เลกัสเป็นกังวลมากอีกเรื่องหนึ่งก็คือกีเธอร์ซึ่งเป็นคนที่จงรักภักดีต่อกษัตริย์องค์ก่อนเป็นอย่างยิ่งอาจจะทราบความจริงที่ว่าจริงๆ แล้วผู้ที่สังหารพระราชาไททัสนั้นไม่ใช่ทีนิส และนั่นก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดหากว่าเสือร้ายที่เลกัสอุตส่าห์ชุบเลี้ยงไว้จะแว้งมากัดเขาเอง

และถ้าหากว่าเจ้ากีเธอร์คิดจะร่วมมือกับทีนิสล่ะก็... เลกัสก็พร้อมที่จะปลิดชีวิตบุตรบุญธรรมของเขาเช่นกัน ริมฝีปากของผู้ครองแคว้นคิเรบัสคนใหม่บิดยิ้มอย่างเหี้ยมโหด

จะไม่มีใครมาแย่งชิงบัลลังก์นี้จากเขาได้ และถ้าหากมีเขาก็พร้อมที่จะกำจัดมันทุกคนแม้ว่าจะเป็นใคร...


***********************



กีเธอร์เดินผ่านพวกทหารไปยังม้าของ เขาหลังจากที่ สั่งให้พวกทหารจัดเวรยามลาดตระเวนอย่างเข้มงวดเหมือนเคยแต่ก็ไม่ได้ให้ทหารคนไหนติดตามเขาไปด้วย เหตุผลก็เป็นเพราะเขากำลังจะไปพบกับทีนิสเพื่อเจรจาอะไรบางอย่างตามที่ฝ่ายนั้นได้เขียนในจดหมาย

มันจะเป็นกับดักที่ล่อลวงเขามากำจัดหรือเปล่านะ? กีเธอร์ถามตัวเองในใจ หากเขาก็เชื่อในลายมือของทีนิสที่อยู่ในจดหมายว่าอดีตรัชทายาทซึ่งในตอนนี้กลายเป็นนักโทษหลบหนีของแคว้นนั้นจะมีเกียรติเหลือมากพอที่จะรักษาคำพูดของตนไว้ได้ แล้วแม่ทัพแห่งคิเรบัสก็เหวี่ยงตัวขึ้นหลังม้าและควบออกไปจากค่ายโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีใครบางคนจับตามองเขาอยู่



*************************


ทีนิสในชุดสำหรับเดินทางไกล เดินออกมาจากห้องพร้อมกับเลโอน่าที่คอยช่วยเขาเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทางไปยังสถานที่ที่ได้นัดหมายกับกีเธอร์ไว้ แต่พลันก็ต้องชะงักเมื่อเห็นไบรโอเนียที่ยืน อยู่ตรงโถงทางเดินพรัอมกับข้ารับใช้

นางสวมชุดกระโปรงของสตรีสูงศักดิ์สีน้ำเงินเข้มและประสานมือกันเอาไว้ตรงหน้าในขณะที่ใบหน้าของนางนั้นไม่แสดงความรู้สึกอะไร นางเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อยซึ่งทีนิสก็ไม่แปลกใจอะไรกับท่าทีของนางเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับนางก่อนหน้านี้

“เอ็ดการ์จะไปกับท่านด้วยใช่ไหม” นางถามเขาด้วยสีหน้าเฉยเมยและเหินห่าง

ทีนิสยักไหล่ “ก็เสด็จพ่อของเจ้าเป็นคนสั่งให้ตามข้าไปไม่ใช่หรือ”

องค์หญิงรัชทายาทแห่งดาร์ซียกมุมปากยิ้มแม้จะไม่ได้นึกขันในคำพูดของเขาก็ตาม “ทรงเป็นห่วงว่าท่านอาจจะเล่นตุกติกล่ะมั้ง”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าหากว่าข้าคิดจะทำแบบนั้นจริงๆ ข้าคงจะหนีไปตั้งนานแล้วล่ะ”

“มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่ข้าจะต้องคิดระแวงเอาไว้ก่อน” แล้วนางก็ค้อมศีรษะให้กับเขาแล้วกล่าวลาอย่าง สุภาพ “ขอให้ท่านโชคดี”

ทีนิสมองร่างระหงที่เดินกลับไปที่ห้องพักโดยมีข้ารับใช้คอยประคองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าหากไบรโอเนียอ่านใจเขาออกได้นางคงจะเข้าใจว่าที่เขาตัดสินใจทำแบบนี้เพราะอะไร แล้วเอ็ดการ์ที่อยู่ในชุดเกราะอ่อนสีดำสนิทแบบเดียวกับที่ครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันเดินตรงมาหาทีนิส ราชองครักษ์โค้งคำนับทีนิสก่อนจะผายมือเชิญเขาให้ไปทางด้านหน้าปราสาท

“หม่อมฉันเตรียมม้าไว้ให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

สีหน้าของทีนิสแปรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ตัวว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องไปแล้ว เขาพยักหน้าให้กับเอ็ดการ์แล้วเดินไปตามทางโดยมีราชองครักษ์เดินตามหลังไปติดๆ เหลือไว้เพียงแต่เลโอน่าที่มองตามแผ่นหลังกว้างทั้งสองนั้นไปด้วยความเป็นห่วงไม่หาย เด็กสาวได้แต่นึกภาวนาในใจว่าขอให้ทั้งคู่กลับมาที่ดาร์ซีอย่างปลอดภัยและนำข่าวดีมาให้แก่แคว้นของตน




*************************




สถานที่ที่ทีนิสนัดกีเธอร์ไว้ก็คือป่าใกล้ชายแดนระหว่างคิเรบัสและดาร์ซี เขาสั่งให้เอ็ดการ์หยุดม้าห่างจากจุดนัดพบเล็กน้อยเพื่อที่จะไม่ทำให้กีเธอร์เข้าใจผิดว่าเขาเล่นตุกติกกับการเจรจาในครั้งนี้

เขาก้าวไปตามแนวไม้อย่างระมัดระวัง เพราะในขณะที่กีเธอร์จะไม่แน่ใจในตัวเขา ทีนิสเองก็ไม่อาจจะวางใจได้เช่นกันว่าจะไม่มีทหารจากคิเรบัสซุ่มรอโจมตีเขาเช่นกัน

และในที่สุดทีนิสก็พบจุดที่เขานัดพบกีเธอร์ มันเป็นที่ราบโล่งในป่าที่เขาเคยได้ยินเอ็ดการ์กับไบรโอเนียเคยพูดถึง และดูเหมือนว่ามัน จะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการพบเจอกันจริงๆ เพราะทางเข้าออกที่จะเข้าถึงที่ราบนี้มีเพียงทางเดียวเท่านั้น เพราะอีกด้านหนึ่งเป็นผาสูงชัน ซึ่งเป็นไปได้ยากถ้า จะวางกองทหารดักซุ่มโจมตี เพราะถ้าหากมีจริง เอ็ดการ์คงรู้แล้ว

เขามองไปรอบๆ บริเวณนั้นซึ่งยังไม่ปรากฏแม้แต่เงาของผู้ที่เขานัดหมายเอาไว้ แม้เอ็ดการ์จะยืนยันกับเขาว่าไม่พบร่องรอยของกองทหารหรือคนกลุ่มคนแต่ทีนิสก็ไม่อาจจะประมาทได้

“หวังว่าหม่อมฉันจะไม่มาสายนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสขยับมือไปยังด้ามดาบพร้อมกับหันไปตามเสียงแล้วก็พบกันกีเธอร์ที่กำลังยืนพิงต้นไม้และมองมาทางเขาด้วยท่วงท่าสบายๆ หากเขาก็ยังรับรู้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

“ไม่เจอกันเสียนานเลยนะกีเธอร์” ทีนิสกล่าวทักทายอีกฝ่ายแล้วก็เหยียดยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องบางเรื่องได้ “ไม่สิ... ข้าต้องเรียกว่าเจ้าว่าองค์ชายกีเธอร์ไหม”

“หม่อมฉันเป็นแค่ทหาร ไม่คิดจะเป็นอะไรนอกเหนือจากนี้หรอก” กีเธอร์เอ่ยแล้วก็มองทีนิสอย่างพิจารณา “แต่องค์ชายเองก็ทรงดูเปลี่ยนไปมาก”

“ก็ไม่มากนักเท่าที่ข้าต้องการหรอก” แล้วทีนิสก็เดินไปนั่งลงบนตอไม้เก่าๆ

“ข้าอยากจะแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ แต่ในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้ก็ทำให้ข้ารู้สึกพอใจพอสมควร”

“แต่นั่นก็ทำให้พระองค์ดูเปลี่ยนไปมาก” แล้วสีหน้ากีเธอร์ก็แปรเปลี่ยนไป

“เข้าเรื่องเลยดีกว่าองค์ชาย มีเรื่องอะไรที่จะต้องนัดให้หม่อมฉันมาเจรจากับพระองค์ตามลำพัง”

“เกี่ยวกับเรื่องที่เสด็จพ่อถูกลอบปลงพระชนม์”

แม่ทัพแห่งคิเรบัสแค่นหัวเราะ “กะแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องนี้ หม่อมฉันไม่หูเบาขนาดนั้นหรอกนะ”

“ ถ้าหากว่าเจ้าไม่หูเบา เจ้าก็ควรจะรู้ว่าข้าถูกใส่ความ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉาก มีใครบางคนหวังที่จะกำจัดข้าและเสด็จพ่อมานานแล้ว แต่ข้าก็ไม่คิดว่าจะโดนเล่นงานด้วยวิธีสกปรกอย่างนั้น เจ้าคิดหรือว่าข้าจะสังหารเสด็จพ่อได้ มีเหตุจูงใจอะไรที่ข้าจะต้องทำแบบนั้นด้วย “

“ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมถึงไม่มีใครออกมาโต้แย้ง “

ริมฝีปากของทีนิสเหยียดยิ้ม ไม่แปลกที่กีเธอร์จะคิดเช่นนั้น เพราะช่วงที่เกิดเรื่องนั้นกีเธอร์กำลังอยู่ในภารกิจยกกองทหารไปช่วยแคว้นในปกครองแคว้นหนึ่งเพื่อต่อต้านพวกกบฏที่เกิดขึ้นภายในแคว้น และกว่าจะกลับมาเลกัสก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ไปแล้ว

“แล้วเจ้าไม่แปลกใจหรือไงที่ทำไมพ่อบุญธรรมของเจ้าถึงได้กลายเป็นราชาผู้ครองแคว้นได้โดยไม่มีใครคัดค้านหรือไง” ทีนิสย้อนถาม

“เรื่องการเมืองภายในหม่อมฉันไม่เคยไปยุ่มย่าม การที่ท่านพ่อเป็นกษัตริย์นั้นอาจจะเป็นการเห็นพ้องถึงความเหมาะสมของเหล่าขุนนางทุกคนแล้วก็ได้”

“แต่พวกขุนนางที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับพ่อของเจ้าทำไมถึงไม่ออกมาคัดค้าน การขึ้นครองราชบัลลังก์จากคนที่ไม่ใช่เชื้อสายกษัตริย์จำต้องได้รับความเห็นชอบจากขุนนางมากกว่าครึ่งหนึ่งของขุนนางทั้งหมดถึงจะสามารถขึ้นครองราชย์ได้ ถึงแม้ว่าเลกัสจะเป็นเสนาบดีใหญ่แต่ก็ไม่ได้มีขุนนางที่สนับสนุนมากเกินครึ่งหนึ่ง แล้วเช่นนั้นเจ้ายังไม่คิดว่ามันผิดสังเกตอีกหรือ?”

กีเธอร์นิ่งเงียบไปอย่างจนคำพูดที่จะมาโต้แย้งกับทีนิส เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยเถียงชนะทีนิสเลยสักครั้ง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อที่จะทำให้ตัวเองพ้นผิดก็ได้

“หม่อมฉันจะเชื่อในสิ่งที่องค์ชายตรัสมาได้เช่นไร คนผิดมักจะโกหกเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดกันอยู่แล้ว”

“ถ้าหากว่าข้ามีความผิดจริง เหตุใดข้าถึงต้องยอมเอาความปลอดภัยของตัวเองมาเสี่ยงอธิบายถึงเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าที่สามารถจับข้ากลับไปลงโทษที่คิเรบัสได้โดยไม่ลำบากเพียงลำพังทำไมกันเล่า แล้วข้ามีเหตุผลอะไรที่จะต้องลอบปลงพระชนม์สเด็จพ่อทั้งที่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เรื่องพวกนี้เจ้าไม่ติดใจบ้างเหรอว่าทำไมตุลาการถึงได้ด่วนสรุปความผิดของข้าได้เร็วนักโดยที่ไม่ฟังคำชี้แจงจากข้าเลย”

กีเธอร์มองทีนิสอย่างพิจารณา จริงอยู่ที่เขาเองก็ยังคลางแคลงใจว่าเพราะเหตุใดพวกตุลาการถึงได้ด่วนสรุปว่าเจ้าชายทีนิสเป็นผู้ลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ไททัสผู้เป็นพระบิดาทั้งที่เหตุการณ์สำคัญเช่นนี้น่าจะมีการไต่สวนที่ละเอียดและยาวนานกว่าที่ควรจะเป็น

“ถ้าหากว่าไม่ใช่ฝีมือขององค์ชาย แล้วใครกันล่ะที่เป็นผู้ลอบปลงพระชนม์องค์ราชาไททัส”

“ถ้าหากข้าบอกไปเจ้าคงไม่เชื่อแน่” ทีนิสแค่นหัวเราะ “คนที่ลอบปลงพระชมน์เสด็จพ่อก็คือ...”

ยังไม่ทันที่ทีนิสจะได้บอก ดวงตาขององค์ชายหนุ่มก็เบิกกว้างเมื่อเห็นเงาเคลื่อนไหวอยู่ในพงไม้ และมีวัตถุเงินวาวกำลังพุ่งมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว ทีนิสจึงรีบผลักให้กีเธอร์หลบไปอีกด้านแต่อาวุธนั้นก็ยังเฉี่ยวแขนกีเธอร์เรียกเลือดจากแม่ทัพหนุ่มจนได้

“นั่นใครกัน แสดงตัวออกมานะ!” กีเธอร์ตะโกนใส่คนที่ลอบทำร้ายเขาด้วยความเคืองขุ่นแล้วทำท่าจะยันตัวลุกขึ้นยืน หากก็ต้องทรุดฮวบลงเมื่อรู้สึกชาไปหมดทั้งร่าง

ทีนิสรีบเข้ามาดูอาการของกีเธอร์โดยทันทีก่อนจะถามอีกฝ่ายด้วยความตระหนก และเมื่อเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลเป็นสีคล้ำ เขาก็สบถออกมา “มีดอาบยาพิษ!”

กีเธอร์กัดฟันแน่นแล้วมองทีนิส “ไหนฝ่าบาทบอกว่าอยากพบหม่อมฉันตามลำพังไง แล้วทำไมถึงส่งมือสังหารมาลอบฆ่าหม่อมฉันแบบนี้”

“ข้าไม่ได้สั่งให้ใครตามมา” เขาปฏิเสธคำกล่าวหาของอีกฝ่ายโดยทันทีเพราะเขาทำตามจดหมายที่เขียนไว้ทุกประการว่าอยากจะเจรจากับกีเธอร์ตามลำพังโดยไม่มีทหารหรือผู้ติดตาม ยกเว้นแต่เอ็ดการ์ที่อยู่ห่างออกไปจากจุดนัดพบนี้ไม่มากนักและเขาก็กำชับแล้วว่าห้ามเข้ามายุ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

แล้วจู่ๆ ก็มีเงาคนโผล่มาจากพุ่มไม้และเดินตรงมายังพวกเขา ทีนิสจ้องมองคนที่ย่างสามขุมเข้ามาเขม็งแล้วขนลุกชันเมื่อรับรู้ได้ว่าภาพเหตุการณ์ในคืนที่พระบิดาของเขาถูกลอบปลงพระชนม์นั้นกำลังหวนกลับมาอีกครั้ง

“หม่อมฉันยินดีที่ได้พบกับองค์ชายอีกครั้งนะพ่ะย่ะค่ะ” ไฮซิคโค้งคำนับให้กับทีนิสพลางยิ้มแสยะใส่เขาพร้อมกับโยนดาบสั้นในมือสลับกันไปมาอย่างย่ามใจ “ดูเหมือนว่าคนคุ้มครองของพระองค์จะเก่งกว่าที่หม่อมฉันคาดเอาไว้มากนะพ่ะย่ะค่ะ เพราะสังหารมือสังหารของหม่อมฉันไปตั้งหลายคนจนหม่อมฉันต้องมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

ทีนิสกัดฟันกรอด “เจ้าต้องการอะไรจากข้า”

“ พระองค์ก็น่าจะทรงทราบว่าหม่อมฉันต้องการอะไร” แล้วมือสังหารก็ยิ้มอย่างโหดเหี้ยม

“หม่อมฉันแค่อยากจะให้ พระองค์ตามพระบิดาไปอยู่ด้วยกันในนรกก็เท่านั้นเอง”

ทีนิสชักดาบที่พกติดตัวไว้ออกมาตั้งท่าเตรียมสู้ “มันคงไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก”

“ ผิดคาดที่คิดจะสู้กับหม่อมฉัน” ไฮซิคแค่นเสียงหยัน “ถ้าอย่างนั้นก็ขอดูหน่อยก็แล้วกันพวกดาร์ซีสอนอะไรกับองค์ชายบ้าง “

“ก็เพราะว่าข้ารู้ว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องได้จบเจอกันเจ้า ข้าถึงได้ฝึกเอาไว้น่ะสิ” แล้วทีนิสก็เบี่ยงดาบเปลี่ยนเป็นท่าตั้งรับเมื่อไฮซิคย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

“หม่อมฉันไม่ได้สนุกในการฆ่าคนมานานแล้ว หวังว่าจะไม่ทรงทำให้หม่อมฉันผิดหวังนะพะย่ะค่ะ” แล้วไฮซิคก็ปรายตาไปมองทางกีเธอร์ที่นอนเอนอยู่กับพื้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และจ้องมาที่ตนเขม็ง

“ท่านไม่ต้องมองข้าแบบนั้นหรอก เพราะหลังจากสังหารองค์ชายทีนิสแล้ว รายต่อไปก็จะเป็นท่าน เพราะข้าคงไม่อาจจะปล่อยให้ความลับรั่วไหลไปได้”

กีเธอร์พยายามจะขยับตัวลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงไปอีกรอบเมื่อรู้สึกว่าแขนขาไร้เรี่ยวแรงไปหมด

“ความลับอะไร”

“ก็เรื่องที่ข้าบอกเจ้าเมื่อกี้ไงว่าข้าไม่ได้เป็นฆาตรกที่ปลงพระชนม์เสด็จพ่อน่ะสิ” ทีนิส ตอบแทนในขณะที่ดวงตาของเขายังคงจ้องเขม็งไปที่ไฮซิคอย่างไม่วางตา

“นี่หมายความว่าเจ้าคือคนที่ปลงพระชนม์องค์กษัตริย์ไททัสเองหรือ?”

ไฮซิคยิ้มแล้วน้อมศีรษะรับด้วยความภูมิใจ “ถูกต้องแล้ว และเพราะเช่นนั้นข้าจำเป็นที่จะต้องฆ่าพวกท่านทั้งสองคน”

พูดจบไฮซิคก็พุ่งเข้าไปโจมตีทีนิสโดยทันที และเป็นโชคดีของเขาที่ฝึกการต่อสู้กับไบรโอเนียซึ่งสอนการต่อสู้ให้กับเขาในหลากหลายรูปแบบมาโดยตลอดจึงทำให้เขาเบี่ยงตัวหลบได้อย่างไม่ยากนัก

“ดูท่า จะประมาท ไม่ได้เสียแล้ว” ไฮซิคยิ้มเหี้ยมก่อนจะเพิ่มความเร็วในการโจมตีมากขึ้น

ทีนิสตั้งรับการโจมตีของไฮซิคอย่างรอบคอบ เขาจะไม่ปล่อยให้โทสะที่เกิดขึ้นจากความแค้นที่ไฮซิคปลิดพระชนม์ชีพของพระบิดามาครอบงำจนทำให้เขาไม่ระวัง การโจมตีมีทั้งความรวดเร็วและรุนแรงในการประดาบแต่ละครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นด้วยประสบการณ์ที่ต่างกันก็ทำให้ทีนิสเพลี่ยงพล้ำจนถูกดาบของไฮซิคถาก ต้นแขนจนเลือดไหลซึมออกมา

มือสังหารหัวเราะด้วยความชอบใจ “ฝีมือไม่เลวนี่องค์ชาย แต่น่าเสียดายที่หมดเวลาเล่นสนุกเสียแล้ว”

แล้วไฮซิคก็โผนเข้าหาทีนิสอย่างรวดเร็วแล้ว พุ่งปลายดาบสั้นตรงเข้าที่อกซ้ายของทีนิสโดยหมายจะปลิดชีวิตของเขาให้ได้

ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น ทีนิสก็นึกถึงสิ่งที่ไบรโอเนียสอนเขาขึ้นมาได้ ทีนิสใช้ดาบปัดดาบสั้นของไฮซิคให้เบี่ยงทางอย่างรวดเร็วพร้อมกับ พลิกตัวหลบไปทางด้านข้าง ก่อนจะตวัดปลายดาบกรีดแผ่นหลังของไฮซิคเป็นแผลยาวเรียกเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากมือสังหารออกมาได้

“อย่าได้ใจไปหน่อยเลย” ดวงตาของไฮซิคเรืองรองด้วยโทสะขึ้นมาทันทีที่ถูกโต้กลับได้

ทีนิสไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะแผ่รังสีอำมหิตออกมามากขนาดไหน เขาพยายามทำใจให้สงบเพื่อที่จะคอยหาช่องโหว่ในการโจมตีของอีกฝ่ายซึ่งกำลังโหมบุกเข้ามาหมายจะเอาชีวิตของเขาให้ได้



**************************


ในขณะที่กีเธอร์มองภาพทีนิสต่อสู้กับไฮซิคอย่างเต็มที่แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ว่าเจ้าชายคนที่เขาเคยรู้จักมาตลอดนั้นจะสามารถจับดาบต่อสู้กับคนอื่นได้อย่างคล่องแคล่ว หากทว่าจู่ๆ ก็มีคนมาฉุดให้เขาลุกขึ้นยืนและ ลากไปอยู่ในที่ที่สามารถใช้เป็นที่กำบังได้

“เจ้าเป็นใคร...” กีเธอร์ถามคนที่มาช่วยเขาเสียงแผ่วพยายามที่จะขยับตัวหนีแต่ด้วยพิษที่ได้รับนั้นก็ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้อย่างที่ใจคิด

“อย่าเพิ่งพูด” เอ็ดการ์ซึ่งอยู่ในชุดของสายลับหน่วยหมาป่าดำบอกก่อนจะนำมีดที่ปักอยู่ตรงต้นไม้มาราดยาที่อยู่ในขวดเล็กๆ ที่พกมาด้วยซึ่งทำให้ใบมีดนั้นกลายเป็นสีม่วงเข้มแล้วก็ล้วงเอาขวดยาอีกขวดจากกระเป๋าที่คาดเอวมาจรดตรงปากกีเธอร์ “กินยานี่ซะ มันจะช่วยถอนพิษให้กับท่าน”

เมื่อกีเธอร์ดื่มยานั้นไปแต่โดยดีแล้วเอ็ดการ์ก็ผละออกห่าง ก่อนจะชักดาบและมีดสั้นออกมาในขณะที่ดวงตาก็จ้องเขม็งไปยังพวกทีนิสที่ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด

“ท่านอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวข้าจะไปช่วยองค์ชายทีนิสเอง” เขาสั่งกีเธอร์แล้วก็เคลื่อนกายเข้าไปช่วยเหลือทีนิสโดยทันที


*************************


ทีนิสกระโดดหลบการโจมตีของไฮซิคได้อีกครั้ง ซึ่งนั่นก็ทำให้มือสังหารรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าอดีตรัชทายาทแห่งคิเรบัสจะมีฝีมือมากกว่าที่ประเมินไว้มาก

“เก่งแต่เรื่องหลบเท่านั้นน่ะหรือองค์ชาย”

ไฮซิคเอ่ยยั่วเพื่อหวังว่าทีนิสจะบุกกลับมาบ้าง หากทีนิสก็ไม่หลงกลเพราะยังคงตั้งรับอยู่อย่างเหนียวแน่น และเป็นอีกครั้งที่ทีนิสสามารถสวนกลับและเรียกบาดแผลให้กับไฮซิคได้อีกหนึ่งแผลจนต้องคำรามด้วยความโกรธและบุกโจมตีทีนิสอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ไฮซิคอาศัยจังหวะที่ทีนิสมัวแต่ตั้งรับกำผงดินขว้างใส่หน้าทีนิสจนทำให้เขาชะงักจังหวะการรับดาบและฉวยโอกาสนี้กระแทกให้เขาล้มลงไปกองกับพื้นได้สำเร็จ

ทีนิสพยายามจะยันตัวลุกขึ้น หากก็ทรุดลงไปนอนกับพื้นเพราะปวดแปลบตรงช่วงท้องเมื่อพอก้มไปดูเขาก็พบว่ามีดสั้นของไฮซิคนั้นปักคาอยู่ที่หน้าท้องของเขา

“เจ้า... เล่นสกปรกนี่” ทีนิสคำรามออกมาพร้อมกับกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

ไฮซิคหัวเราะลั่นเมื่อเห็นทีนิสพยายามลุกขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะมีดสั้นเล่มนั้นนั้นอาบยาพิษเอาไว้ ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาทีนิสพร้อมกับกระชับดาบสั้นในมือเอาไว้แน่น

“ต้องขอชื่นชมว่าทรงปรีชาในเรื่องการต่อสู้ขึ้นมากจริงๆ แต่ว่าตอนนี้คงหมดเวลาที่เราจะเล่นสนุกกันแล้ว” ไฮซิคกล่าวพร้อมกับเงื้อดาบขึ้น “อโหสิให้หม่อมฉันด้วยก็แล้วกันนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสมองคมดาบที่กำลังจะปลิดชีวิตของเขาเองแล้วก็ได้แต่รู้สึกเจ็บใจที่จะต้องมาถูกคร่าชีวิตด้วยฝีมือของคนคนเดียวกับพระบิดา

“องค์ชายทีนิส!”

เสียงเรียกของเอ็ดการ์ทำให้ไฮซิคชะงักดาบที่กำลังจะฟันลงบนร่างของทีนิสแล้วยกขึ้นปัดมีดสั้นที่กำลังพุ่งตรงมาทางตนเองแทนพร้อมกับที่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งทะลุเข้ามาในร่างกายของตน

“นี่สำหรับที่เจ้าสังหารพ่อของข้า” ทีนิสเข่นเสียงลอดไรฟันออกมาแล้วชักดาบออก ไฮซิคร่างทรุดฮวบลงทันทีและจ้องมองใบหน้าของทีนิสที่มองตนอย่างเคียดแค้นแล้วก็หัวเราะเสียงพร่า

“ไม่นึกเลยว่าจุดจบของชีวิตของข้าจะเป็นเช่นนี้...” พูดจบไฮซิคก็ไอออกมาพร้อมกับลิ่มเลือดและล้มลงนอนแผ่โดยรู้ตัวดีว่าดวงไฟแห่งชีวิตใกล้มอดลงทุกทีแล้ว

“ใครส่งเจ้ามาสังหารข้า” ทีนิสถามในขณะที่จรดปลายดาบจ่อคอมือสังหารที่หมดสิ้นฤทธิ์และใกล้จะหมดลมหายใจ

“หม่อมฉันว่าองค์ชายน่าจะทรงทราบว่าผู้ที่ส่งหม่อมฉันมาน่ะเป็นใคร” ไฮซิคแค่นยิ้มหยันใส่เขา ก่อนจะทำหน้าบิดเบี้ยวเมื่อต่อสู้กับความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา

“ถึงแม้ว่าข้าจะตายก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะจบลง ทรงระวังตัวให้ดีเถอะองค์ชายทีนิส...”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของมือสังหารก่อนที่ลมหายใจของไฮซิคจะหยุดลง ทีนิสทิ้งดาบลงบนพื้นแล้วทรุดฮวบเมื่อใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ไปจนหมดสิ้น ด้วยพิษที่ได้รับไปนั้นทำให้สติเขาเริ่มเลือนรางหากก็พยายามที่จะครองสติไว้ยามที่เอ็ดการ์และกีเธอร์เดินตรงมาที่เขา

“ข้าบอกให้เจ้ารออยู่ห่างๆ ไม่ใช่หรือไง” ทีนิสเอ่ยกับเอ็ดการ์เสียงระโหย

“ดูเหมือนว่าที่องค์หญิงทรงเคี่ยวเข็ญฝึกการต่อสู้ให้กับพระองค์มาโดยตลอดจะไม่เสียเปล่านะพ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสหัวเราะหึกับคำพูดของกีเธอร์ “ข้าอุตส่าห์ฝึกหนักมามันก็ต้องเห็นผลบ้างสิ”

พูดไปไม่ทันเท่าไรทีนิสก็ทำหน้านิ่วเมื่อดูเหมือนพิษที่อาบอยู่บนคมมีดสั้นที่ปักอยู่นั้นจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

“พระองค์ถูกพิษชนิดเดียวกันกับเขา เสวยยานี่ก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์ป้อนขวดยาแก้พิษให้ทีนิสดื่มแล้วก็หันไปสำรวจร่างไร้วิญญาณของไฮซิคว่าเจ้ามือสังหารนี้ตายไปแล้วจริงๆ ก่อนจะถอนใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วก็หันกลับมาดูอาการของทีนิส

“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นของจากคนที่สั่งให้มันมานะพ่ะย่ะค่ะ” แล้วเอ็ดการ์ก็ยื่นสิ่งของบางอย่างที่เก็บได้จากร่างไร้วิญญาณของไฮซิคให้ทีนิสดู

“ก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ นั่นแหละ” ทีนิสกล่าวปนหัวเราะเหมือนเห็นขันแล้วมองกีเธอร์ที่กำลังยืนมองเขาอยู่ “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหมกีเธอร์”

กีเธอร์ส่ายหน้าแล้วถามกลับ “ทรงช่วยหม่อมฉันไว้ทำไม แล้วเจ้าเป็นใคร”

เอ็ดการ์ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวแนะนำตัว “ข้าชื่อเอ็ดการ์ เป็นคนของแคว้นดาร์ซี”

“แล้วใครเป็นคนส่งเจ้ามือสังหารนั่นมา” กีเธอร์ถามในขณะที่มองร่างไร้วิญญาณของไฮซิคอย่างระแวงว่ามันอาจจะยังไม่ตายดี

“ชื่อของมันคือไฮซิค เป็นมือสังหารที่เลื่องชื่อมากในวงการใต้ดินและมีลูกสมุนฝีมือดีอีกมากมาย ส่วนคนที่มันทำงานให้นั้นก็คือ...” เอ็ดการ์หยุดเมื่อลังเลที่จะพูดเพราะไม่รู้ว่าถ้าหากบอกไปแล้วกีเธอร์จะเชื่อหรือไม่

“ใครเป็นคนนายของมัน” กีเธอร์เค้นถามเมื่อเห็นเอ็ดการ์หยุดพูดไปเสียดื้อๆ “เจ้าบอกข้ามาสิเอ็ดการ์ ทำไมถึงได้เงียบไปแบบนั้น”

ทีนิสถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าของเอ็ดการ์ “ถ้าเอ็ดการ์บอกแล้วเจ้าจะเชื่อหรือ”

“ทรงหมายความว่าเช่นไร” แม่ทัพแห่งคิเรบัสขมวดคิ้วมุ่น “ทำไมหม่อมฉันจะต้องไม่เชื่อด้วยล่ะ”

ทีนิสหันไปพยักหน้าให้เอ็ดการ์นำของที่ค้นเจอจากร่างของไฮซิคให้กีเธอร์ดู แล้วดวงตาของแม่ทัพหนุ่มก็เบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อของสิ่งนั้นคือตราสัญลักษณ์ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

“นี่มัน...”

“เจ้าจำตราสัญลักษณ์ของพ่อเจ้าไม่ได้หรือกีเธอร์ เจ้าว่ามันไม่แปลกไปหน่อยหรือที่มือสังหารจะมีตราสัญลักษณ์แบบนี้อยู่กับตัว”

ทีนิสถามในขณะมองไปที่กีเธอร์ที่ยังคงยืนนิ่งงันไปกับความจริงที่ปรากฏ เขาเพิ่งเคยเห็นกีเธอร์เป็นแบบนี้ แต่มันก็น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้พบกับความจริงเช่นนี้

“ทำไมท่านพ่อจะต้องทำแบบนั้นด้วย”

“เสด็จพ่อและเลกัสมีเรื่องขัดแย้งกันอย่างหนักเรื่องการขยายเขตการปกครองของคิเรบัส เสด็จพ่อทรงตระหนักว่าการเอาแต่ส่งทหารไปสู้รบเพื่อยึดเมืองอื่นให้มาเป็นแคว้นในปกครองเรื่อยๆ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คิเรบัสมั่นคงอะไร แต่พ่อบุญธรรมของเจ้าก็ยังคงยืนกรานเช่นนั้นและได้ทุ่มเถียงกับพระองค์อย่างหนักในวันก่อนที่พระองค์จะถูกลอบปลงพระชนม์

และหลังจากนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดก็เกิดขึ้น มีข้ารับใช้มาบอกข้าว่าเสด็จพ่อต้องการที่จะให้ข้าไปเข้าเฝ้าที่ห้องบรรทมของพระองค์ และทันทีที่ข้าเข้าไปข้าก็พบกับเจ้ามือสังหารคนนี้กำลังใช้ดาบปาดปลิดชีวิตของเสด็จพ่อของข้าโดยที่มีเลกัสยืนมองอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่ข้าจะถูกตีจนสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาข้าก็พบว่าดาบที่มือสังหารนั่นใช้สังหารเสด็จพ่อได้มาอยู่ในมือของข้าพร้อมกับพวกทหารองครักษ์ที่กรูกันเข้ามาจับข้า และข้าก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรที่ลอบปลงพระชนม์องค์กษัตริย์... เจ้าลองไตร่ตรองดูสิกีเธอร์ ถ้าหากเลกัสขึ้นครองบัลลังก์ด้วยความชอบธรรมจริงๆ แล้วทำไมถึงต้องส่งมือสังหารมาปลิดชีวิตข้าด้วย”

กีเธอร์เงียบไปอีกครั้งกับเหตุผลของทีนิสแล้วก็ถอนใจยาวก่อนจะมองอดีตรัชทายาทที่ใบหน้ากำลังเปลี่ยนไปสีม่วงคล้ำเพราะฤทธิ์ของยาพิษ

“ทรงรีบกลับไปให้หมอรักษาก่อนที่พิษจะลุกลามไปมากกว่านี้จะดีกว่านะ” แล้วกีเธอร์ก็ทำท่าจะเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อนสิกีเธอร์” ทีนิสเรียกกีเธอร์เอาไว้ “หมายความว่าเจ้าเชื่อที่ข้าพูดหรือ”

“เรื่องนี้คงต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าหม่อมฉันจะเชื่อว่าองค์ชายเป็นผู้บริสุทธิ์ ครั้งนี้หม่อมฉันจะถือว่าไม่ได้มาพบใคร แต่ถ้าหากเป็นครั้งต่อไปหม่อมฉันคงต้องทำตามหน้าที่”

กีเธอร์พูดแค่นั้นแล้วก็เดินลับหายไปกับพุ่มไม้เหมือนตอนที่ปรากฏตัว เอ็ดการ์ขยับจะตามกีเธอร์ไปหากทีนิสก็ห้ามเอาไว้เสียก่อน

“ปล่อยเขาไปเถอะเอ็ดการ์ จับเขาไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”

“ทรงแน่ใจแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้าหากปล่อยเขาไปอาจจะเป็นภัยในภายหลังก็ได้”

ทีนิสส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกเอ็ดการ์ ข้ารู้จักนิสัยของกีเธอร์ดี และข้าเชื่อว่าเขาจะต้องเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง...”

ยังไม่ทันพูดจบทีนิสก็ร้องครางออกอย่างทรมานซึ่งเอ็ดการ์ที่เห็นอาการของเขาเช่นนั้นก็รีบป้อนยาถอนพิษให้กับทีนิสอีกครั้ง ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะกำเริบหนักกว่ากีเธอร์

“หม่อมฉันจำเป็นจะต้องดึงมีดออก ไม่เช่นนั้นพิษคงจะลุกลามไปทั่ว”

“เจ้ารู้วิธีใช่ไหมว่าจะต้องทำเช่นไร”

เอ็ดการ์พยักหน้าก่อนจะฉีกชายเสื้อคลุมออกมาเป็นแถบยาวหลายอันเพื่อเตรียมเอาไว้สำหรับพันแผล และห้ามเลือด หลังจากนั้นก็หันมาหาทีนิสและจับด้ามดาบที่ปักคาอยู่บนตัวเขาด้วยความระมัดระวัง

“ทรงอดทนหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าดึงมันออกตรงๆ ก็แล้วกัน ข้าคิดว่ามันคงไม่กระทบกระเทือนอวัยวะภายในหรอก” ทีนิสพูดแล้วก็สะดุ้งเฮือกไปทั้งร่างเมื่อเอ็ดการ์ดึงมีดออกจากตัวเขาโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

เอ็ดการ์สบถออกมาเบาๆ เมื่อทันทีที่ชักมีดออกลิ่มเลือดสีคล้ำกว่าปกติก็ไหลทะลักออกมาจากบาดแผล เขารีบใช้ผ้าที่ฉีกเอาไว้เมื่อครู่กดลงไปบนแผลแน่นๆ เพื่อทำให้เลือดหยุดไหลโดยเร็วที่สุดแต่ทว่าแรงกดอย่างหนักลงบนบาดแผลโดยตรงนั้นก็ทำให้ทีนิสคำรามลอดไรฟันออกมาด้วยความเจ็บปวด

“พระโลหิตออกมาก” เอ็ดการ์กล่าวอย่างเป็นกังวล

“อาจจะมีอาการเลือดตกใน...” ทีนิสพูดออกมาน้ำเสียงเลื่อนลอยเต็มที “ข้าคิดว่าข้าคงไม่รอดแล้วล่ะเอ็ดการ์”

“อย่าตรัสอะไรเช่นนั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์กล่าวพร้อมกับหยิบกระบอกพลุส่งสัญญาณออกมา ราชองครักษ์ควักเอาดินปืนที่บรรจุอยู่ภายในมาโรยตรงบาดแผลแล้วตีหินเหล็กไฟใส่ดินปืนที่อยู่ตรงบาดแผลให้ลุกโชนขึ้นโดยหวังให้ไฟและความร้อนช่วยหยุดการไหลของเลือดจากบาดแผลแต่นั่นก็ทำให้ทีนิสร้องออกมาเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวดและทรมานเหลือคณา หลังจากที่สามารถห้ามเลือดได้แล้วเอ็ดการ์จึงรีบนำยาพอกลงบนแผลพร้อมกับพันผ้าปิด เอาไว้ให้แน่นก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน

“ทรงประทับอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปเตรียมม้ามานำเสด็จกลับ ขอให้อดทนเอาไว้จนกว่าจะถึงปราสาทนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสพยักหน้ารับหากก็เริ่มรู้สึกว่าสติเลือนรางและทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับวูบลงไปโดยไม่รับรู้แม้กระทั่งเสียงเรียกจากเอ็ดการ์ที่เรียกชื่อเขาอย่างตื่นตระหนก


Be Continued


อ่านจบแล้วไม่รีบไปไหน แวะคุยกันก่อนได้นะคะ ^ ^

++ รักคนอ่านค่ะ ++




Create Date : 19 มีนาคม 2558
Last Update : 19 มีนาคม 2558 6:21:50 น.
Counter : 580 Pageviews.

1 comments
  
ทีนิสถูกแทงด้วยมีด ตอนเอ็ดการ์จะดึงมีดออก กลายเป็นด้ามดาบค่ะ
หัวหน้ามือสังหารตายง่ายจริง ถ้าไม่เสียสมาธิ ทีนิสจะรอดและแทงไฮซิคได้รึเปล่า โชคดีที่เอ็ดการ์มาด้วย และน่าจะช่วยชีวิตทัน
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 20 มีนาคม 2558 เวลา:19:54:18 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


มีนาคม 2558

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
15
16
17
18
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend