บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 3

บทที่ 3


ไบรโอเนียพาทีนิสมายังย่านค้าขายใจกลางเมืองธอกาเรีย ซึ่งย่านนี้คือศูนย์กลางการค้าของดาร์ซี ทีนิสชักม้าให้ชะลอฝีเท้าลงเมื่อเข้าสู่เขตชุมชนที่มีอาคารต่างๆ ซึ่งก่อด้วยอิฐแต่งทาสีสันสวยงามเรียงรายไปตลอดสองข้างทางดูแปลกตาสำหรับเขาเป็นยิ่งนัก แล้วเขาก็เห็นจำนวนผู้คนที่เริ่มเยอะมากขึ้นเมื่อใกล้บริเวณที่เป็นตลาดพ่อค้าเร่แล้วก็ยิ้ม “ท่าทางคึกคักดีจัง”

ไบรโอเนียชักบังเหียนของม้าให้ขยับเข้าไปใกล้กับม้าของเขาแล้วก็หันมาพูด

“ก่อนที่เราจะเข้าไปเยี่ยมชมตลาดข้ามีเรื่องที่ต้องบอกให้ท่านทราบก่อนว่าเราเดินทางแบบไม่เปิดเผยฐานะ เพราะฉะนั้นท่านอย่าแสดงท่าทางแปลกๆ ที่จะเป็นพิรุธให้คนสงสัยนะ เผื่อว่าคนของคิเรบัสอาจจะลอบเข้ามาสอดแนมอยู่”

“แล้วไม่มีใครรู้เลยหรือว่าเจ้าเป็นใคร”

นางยกมุมปากยิ้มก่อนจะหัวเราะหึ “ท่านไม่ต้องห่วงแทนตัวข้าหรอก เพราะไม่มีใครจำข้าได้หรอกว่าข้าเป็นใคร”

แล้วนางก็หันไปพยักหน้ากับเอ็ดการ์ที่นำทางพวกเขาไปยังที่ฝากม้า ราชองครักษ์หนุ่มในชุดคนทั่วไปลงจากม้าแล้วพูดคุยกับคนที่รับฝากม้าเล็กน้อยแล้วชี้มือมาทางทีนิสและไบรโอเนีย ซึ่งคนฝากม้าก็พยักหน้าก่อนจะรับถุงใส่เหรียญเงินจากเอ็ดการ์แล้วก็ตบไหล่เขาอย่างคุ้นเคย หลังจากนั้นแล้วไบรโอเนียก็พาองค์ชายต่างแคว้นเดินเที่ยวชมย่านการค้าโดยที่เอ็ดการ์คอยเดินตามอารักขาแบบใกล้ชิด

ทีนิสมองภาพของผู้คนที่ทำมาค้าขายด้วยความสนใจ แผงขายสินค้าต่างๆ ทั้งที่เป็นแผงลอยและร้านค้าเนืองแน่นไปด้วยพ่อค้าและผู้ที่ต้องการจับจ่ายซื้อสินค้าที่ต้องการกันอย่างคึกคัก เขาคอยซักถามไบรโอเนียเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่ได้พบเห็นอยู่เกือบตลอดเวลาด้วยความสงสัย อาจจะเป็นเพราะด้วยความที่แตกต่างกันทางด้านวิถีชีวิต เขาเคยเห็นชาวคิเรบัสแต่งตัวสวยงามและบ้านเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมาเดินอยู่ในแหล่งการค้ากลางเมืองหลวงของแคว้นดาร์ซี สิ่งที่เขาได้พบก็คือผู้คนกำลังทำหน้าที่ของตนอย่างวุ่นวายไปตลอดสองฟากถนนที่พวกเขาเดินกันอยู่ ทั้งพ่อค้าตะโกนขายสินค้าดังโหวกเหวกน่าหนวกหูเพื่อเรียกให้คนมาสนใจ พวกคนงานหาบของเดินสวนกันไปมาอย่างขวักไขว่เหมือนของที่ตนเองแบกนั้นเป็นปุยนุ่น จนเขาต้องคอยเบี่ยงตัวหลบซึ่งก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับคนที่เคยเจอแต่การต้อนรับอย่างสมฐานะมาโดยตลอดเช่นเขาอยู่ไม่น้อย เพราะย่านการค้าแห่งนี้มีร้านค้าในทุกรูปแบบตั้งแต่แผงลอยที่ใช้ผ้าปูบนพื้นหินและนำสินค้ามาวางเรียงขายกันแบบง่ายๆ ไปจนถึงร้านค้าขนาดใหญ่ที่ประดับหน้าร้านด้วยตัวอย่างสินค้าที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามเรียกให้ผู้คนที่สนใจเดินเข้าไปชมข้างใน

และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นองค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นนั้นสามารถทำตัวกลมกลืนไปกับผู้คนที่เดินกันอย่างขวักไขว่ได้อย่างสบายๆ โดยไม่ถือตัวว่าตนเองนั้นเป็นใคร แล้วพอนางตรงรี่ไปที่ร้านขายผ้าไหมและหยิบจับผ้าไหมเนื้อดีที่ถูกทออย่างปราณีตเหล่านั้นด้วยความเพลิดเพลินตามประสาหญิงสาวทั่วไปแล้วเขาก็อดยิ้มไม่ได้

“ข้าขอผ้าไหมจากตะวันออกสองพับนี้และพรมของเปอร์เชียผืนนี้ด้วย” ไบรโอเนียบอกแล้วก็ยื่นถุงเหรียญเงินให้แก่หญิงเจ้าของร้านที่รีบกุลีกุจอไปจัดการห่อของที่นางเลือกไว้โดยไม่รอช้า แล้วนางก็ยังคงเดินชมผ้าในร้านต่อไปจนกระทั่งสะดุดเมื่อได้เห็นรอยยิ้มในดวงตาของทีนิสที่มองนางอย่างไม่วางตา

“ท่านมองข้าทำไม”

“ข้ามองเจ้าไม่ได้หรือ” เขาย้อนถามนางแล้วก็ยิ้มขันเมื่อเห็นแก้มของนางมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมา

“ข้าคงไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามสายตาของใครหรอก” นางตวัดเสียงห้วนใส่เขาก่อนจะเดินออกไปจากร้านขายผ้าไปโดยทำเป็นไม่สนใจเสียงหัวเราะของเขาที่เดินตามนางไปอย่างสบายอารมณ์และผ่อนคลายมากขึ้นกว่าที่เป็นก่อนหน้านี้


*********************



แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นเขตย่านการค้า พวกนางก็ได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายกันเสียงดังลั่น และพอมองไปตามต้นเสียงก็พบพวกพ่อค้าและชาวบ้านกำลังมุงดูกันเต็มไปหมด

“เกิดอะไรขึ้นตรงโน้นน่ะ” ทีนิสขมวดคิ้วสงสัยเมื่อได้ยินเสียงข้าวของแตกกระจายเหมือนกับคนทะเลาะวิวาทกัน

“เอ็ดการ์ เจ้าไปดูหน่อยสิว่ามีอะไรกัน” ไบรโอเนียหันไปบอกเอ็ดการ์ที่เดินตามหลังพวกตนเพื่อคอยอารักขา

“พ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์รับคำแล้วก็ขยิบตาล้อเลียนเมื่อไบรโอเนียขึงตาใส่กับคำพูดแสดงฐานะของนาง ก่อนจะเดินแหวกฝูงชนเข้าไปดูสักพักก็เดินกลับมาหาพวกไบรโอเนียพร้อมกับรายงานสิ่งที่ไปดูมาให้ฟัง

“ผู้ใหญ่กับเด็กหนุ่มทะเลาะกันน่ะพ่ะย่ะค่ะ แต่ดูท่าทางจะวุ่นเอาการอยู่เพราะอีกฝ่ายมีอาวุธ”

“แล้วทำไมเจ้าไปเข้าไปห้ามล่ะ เกิดฆ่ากันตายขึ้นมาจะทำยังไง”

เอ็ดการ์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระต่อคำต่อว่าของนาง “ก็องค์หญิงไม่ได้สั่งหม่อมฉัน”

“นี่เจ้า...” ไบรโอเนียตวาดแหวใส่องครักษ์คู่ใจอย่างเหลืออด แต่ก่อนที่นางจะได้ว่าอะไรต่อ ทีนิสก็กลับเป็นคนที่เดินฝ่าคนที่รุมล้อมอยู่นั้นเข้าไปอยู่กลางวงต่อสู้เสียเอง

“นั่นไงพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทีนิสทรงปฏิบัติหน้าที่แทนหม่อมฉันแล้ว”

นางกัดริมฝีปากด้วยความขัดใจกับความหุนหันพลันแล่นของทีนิส แล้วหันมาทำตาเขียวปั๊ดใส่เอ็ดการ์ที่ยืนทำทองไม่รู้ร้อน

“ถ้าหากเขาเป็นอะไรขึ้นมาข้าจะจับเจ้าขังคุกใต้ปราสาท!”

นางขู่ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามทีนิสที่กลืนหายไปกับฝูงชนอย่างไม่รอช้า

และก็เป็นไปดังคาดเมื่อทีนิสกำลังยืนอยู่กลางวงวิวาทซึ่งมีชายวัยกลางคนร่างท้วมถือดาบพร้อมกับตะโกนด่าลั่นจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ส่วนตัวเขาเองก็กำลังประคองร่างผอมบางเด็กผู้ชายที่ดูอายุน่าจะกำลังย่างเข้าช่วงวัยรุ่นซึ่งโดนทำร้ายจนบาดเจ็บให้ลุกขึ้นยืน

“มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกันสิ ทำไมต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายกันด้วย”

“ก็เจ้าเด็กรับใช้นี่มันแอบขโมยขนมปังของข้า ข้าเป็นนายจ้างของมันก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะลงโทษ เจ้าอย่ามาขวางทางข้านะ ถอยไป!”

ชายเจ้าของร้านขนมปังกล่าวพลางพยายามจะผลักให้ทีนิสถอยไปให้พ้นทางของตัวเอง หากทีนิสก็ไม่ยอมถอยแถมยังใช้ตัวบังเด็กหนุ่มคนนั้นไว้เสียอีก

“บ้านเมืองไม่มีกฎหมายหรือไงถึงจะได้ตั้งศาลเตี้ยลงโทษคนตามใจชอบแบบนี้ ถ้าหากเด็กคนนี้ทำผิดจริงเจ้าก็น่าจะส่งให้เจ้าเมืองเป็นคนไต่สวนสิ”

ชายร่างท้วมแค่นหัวเราะก่อนจะแสยะยิ้ม “กฏหมายน่ะหรือ มันไม่จำเป็นสำหรับพวกชั้นต่ำอย่างมันหรอก เมื่อก่อนก็เป็นแค่เด็กขอทานสกปรกที่ข้านึกสงสารให้มันมาช่วยทำงาน แต่ที่ไหนได้... มันกลับไม่ทิ้งสันดานขี้ขโมย คนแบบมันไม่ต้องถึงมือทหารหรอก”

“แต่เขาก็เป็นคนเหมือนกับเจ้านะ แล้วอีกอย่างหนึ่ง แค่ขนมปังไม่กี่ก้อนมันก็ไม่ได้ทำให้เจ้าเสียหายอะไรไม่ใช่หรือ” ทีนิสแย้งก่อนจะหันกลับไปถามคู่กรณีที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ด้านหลังเขา “เจ้าขโมยอะไรของเขามาบ้าง”

เด็กหนุ่มคู่กรณีเล่าให้ทีนิสฟังว่าตนแค่เอาเศษขนมปังที่เจ้าของร้านกำลังจะทิ้งกลับไปเท่านั้น เพราะเป็นสินค้าที่ขายไม่ได้แล้ว และหนึ่งในผู้คนที่มุงอยู่ก็ตะโกนบอกว่าชายเจ้าของร้านคนนี้ชอบทุบตีเด็กหนุ่มคนนี้ประจำแถมยังให้ค่าจ้างน้อยกว่าแรงงานที่ถูกที่สุดเสียด้วยซ้ำ ซึ่งทำให้คนที่ได้ยินนั้นส่งเสียงสาปแช่งใส่เจ้าของร้านขายขนมปังโดยทันที

และด้วยเสียงสาปแช่งกับการคาดคั้นของทีนิสทำให้เจ้าของร้านขนมปังรู้สึกทั้งอับอายและเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง

“ข้าจะทำอะไรกับเจ้าเด็กนี่มันก็เป็นเรื่องของข้า ถ้าหากเจ้าอยากจะยุ่งเกี่ยวนักก็ยอมรับผิดแทนมันก็แล้วกัน” เจ้าของร้านขนมปังตวาดเสียงดังลั่นก่อนที่จะเงื้อดาบขึ้นหมายจะฟันทั้งทีนิสและเด็กคนนั้นด้วยโทสะที่มีอยู่พุ่งสูงจนควบคุมไม่ได้อีกต่อไป

ทีนิสคลำที่เอวเพื่อจะชักดาบออกมาป้องกันตัวเอง แต่เขาก็ต้องใจหายวาบเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่มีอาวุธติดตัวมาด้วย เขาจึงดันเด็กหนุ่มคนนั้นให้หลบไปอีกทาง ส่วนตัวเขาก็กระโจนหลบไปอีกทางเช่นกัน แต่ทว่าด้วยร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บหนักนั้นก็ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้เร็วอย่างที่ใจต้องการ และกลายเป็นเป้านิ่งให้ชายเจ้าของร้านขนมปังที่กำลังตวัดคมดาบลงมาที่เขาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล เขาแช่งชักกับร่างกายที่อ่อนแอของตนในใจก่อนที่จะหลับตารับกับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น

ทว่าเขาก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกันเสียงดังสนั่นจนแสบแก้วหู พอลืมตามองและก็พบว่าดาบที่เจ้าของร้านขนมปังฟันลงหมายจะทำร้ายเขานั้นกำลังขัดกับดาบสั้นที่สลักลวดลายลงบนใบดาบอย่างสวยงามบ่งบอกเอกลักษณ์ของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี

และแน่นอนว่าเจ้าของดาบสั้นเล่มนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากร่างเพรียวระหงที่กำลังยืนหันหลังให้กับเขา

“ไม่ละอายบ้างหรือไงที่หันคมดาบเข้าหาคนไร้อาวุธแบบนี้” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแล้วเบี่ยงตัวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เจ้าของร้านที่ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงมาที่ดาบนั้นเสียหลักและล้มลงไปนอนเค้เก้กับพื้น

แล้วก็พอดีกับเอ็ดการ์ที่พาทหารรักษาความปลอดภัยประจำย่านนี้เข้ามาถึงที่เกิดเหตุ โดยหัวหน้าราชองครักษ์หนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับสภาพการณ์ที่เห็นตรงหน้า เขาพยักหน้าให้ทหารเข้าไปควบคุมตัวเจ้าของร้านขนมปังไว้เพื่อให้ระงับสติอารมณ์เสียก่อน

ไบรโอเนียเก็บดาบสั้นเข้าฝักแล้วหันมาเอ็ดทีนิสด้วยความโมโห “ถ้าหากข้ารู้ว่าท่านชอบหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนได้ง่ายขนาดนี้ข้าจะไม่พาท่านออกมาเด็ดขาด”

“ก็คนกำลังเดือดร้อนอยู่ จะให้ข้านิ่งดูดายได้ยังไง” ทีนิสตอบแล้วหันไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังเขาแล้วถาม “เจ้าชื่ออะไร”

“เลโอ...” เด็กคนดังกล่าวหยุดพูดก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าชื่อเลโอครับ”

ทีนิสพยักหน้า “เจ้าบาดเจ็บตรงไหนอีกไหมเลโอ”

เลโอส่ายหน้าก่อนจะทำหน้าเศร้า “ข้าคงตกงานถ้าหากว่าท่านเจ้าของร้านถูกจับ”

“เขาทำร้ายเจ้ามากถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังคิดจะทำงานที่ร้านนี้อีกหรือ” ทีนิสขมวดคิ้ว

“ข้าไม่มีทางเลือกนี่ ถ้าหากว่าข้าไม่ทำงานที่นี่ ข้าก็จะไม่มีเงินไปซื้ออาหารและยารักษาน้องสาวข้า”

“น้องเจ้าป่วยงั้นหรือ แล้วตอนนี้น้องสาวเจ้าอยู่ไหน”

“อยู่ที่บ้านข้าตรงนอกเมือง”

“นี่ท่านอย่าบอกนะว่าท่านจะตามเด็กคนนี้ไป” ไบรโอเนียรีบขัดทันทีที่นางเห็นว่าทีนิสกำลังคิดจะทำอะไร

“ข้าแค่จะตามเขาไปดูว่าพอจะช่วยอะไรน้องสาวของเขาได้บ้าง”

นางรีบก้าวเข้ามาขวางเขาพร้อมกับกระซิบเสียงห้วน “ข้าจะไม่ว่าอะไรท่านหรอกนะ ถ้าหากว่าท่านไม่ลืมว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน”

“แต่เด็กคนนี้กำลังเดือดร้อน เจ้าจะยอมปล่อยให้ข้านิ่งดูดายมองเขาและน้องสาวต้องอดตายหรือไง” เขาว่าพลางจ้องหน้านาง “หรือว่าเด็กกำพร้าและยากจนพวกนี้ไม่มีค่าในสายตาของเจ้า ทั้งที่เขาก็เป็นชาวดาร์ซีเช่นเดียวกัน”

เอ็ดการ์ที่ยืนมองทั้งทีนิสและไบรโอเนียเถียงกันแล้วทำท่าจะไปกันใหญ่ และคงลืมไปอีกว่าคู่กรณีของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ยังคงถูกทหารคุมตัวอยู่ จึงเดินเข้าไปกระซิบถามนาง

“จะทรงรับสั่งให้พวกทหารทำยังไงกับชายคนนั้นดีพ่ะย่ะค่ะ”

ไบรโอเนียหันกลับมามองทางเจ้าของร้านขนมปังที่นั่งทำหน้าซีดอยู่กับพวกทหาร “พาตัวไปให้ผู้คุมกฎของเมืองนี้ไต่สวน ถ้าหากผิดจริงก็ลงโทษไปตามสมควร”

เอ็ดการ์พยักหน้าน้อยๆ รับคำสั่งของนางก่อนจะเดินไปบอกกับคนที่เป็นหัวหน้าของพวกทหาร ซึ่งอีกฝ่ายก็ค้อมศีรษะกับเขาแล้วพาเจ้าของร้านขนมปังที่ร้องโวยวายเสียงหลงไป

พอจัดการเรื่องหนึ่งเสร็จแล้ว ไบรโอเนียก็หันกลับมาทางทีนิสที่ยังคงยืนมองนางอย่างดื้อดึง

“ตกลงว่าท่านจะให้เด็กคนนี้พาท่านไปที่บ้านของเขาใช่ไหม”

ทีนิสพยักหน้า “ถึงห้ามข้าก็จะไป”

ไบรโอเนียกลอกตากับสิ่งที่นางเพิ่งรู้ว่าอดีตรัชทายาทของคิเรบัสนั้นเป็นคนที่ดื้อด้านเอาเรื่องทีเดียว แล้วนางก็ตัดใจไม่ต่อล้อต่อเถียงเขาอีกให้เสียเวลาก่อนจะเอ่ยถามเลโอ “บ้านของเจ้าไปทางไหน”

เลโอชี้มือย้อนไปทางทิศที่พวกทีนิสเดินมา “อยู่ทางนั้น เลยจากที่นี่ไปประมาณห้าไมล์”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเดินนำพวกข้าไป”

เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินนำพวกทีนิสไปบ้านของตนตามคำบอกของไบรโอเนีย ทีนิสมองไบรโอเนียที่ตีหน้ายุ่ง ก่อนจะเอียงศีรษะไปกระซิบคุยกับนางในระดับที่ได้ยินกันแค่สองคน

“ขอบใจที่ยอมให้ข้าตามเขาไป”

“ไม่ต้องมาขอบคุณข้าหรอก ท่านระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน อย่าลืมว่ามีคนคอยลอบปองร้ายท่านอยู่”

ทีนิสยักไหล่กับคำเตือนของนางแต่ก็ไมได้ต่อความอะไรกับนางอีก


*************************

 


เลโอพาพวกเขามาที่บ้านซึ่งตั้งอยู่ตรงชุมชนอาศัยย่านชานเมือง ซึ่งสภาพโดยรอบนั้นแตกต่างจากย่านการค้าเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง ทั้งถนนทางเดินที่เป็นเพียงพื้นดินแข็งๆ ที่อัดกันให้แน่นพอใช้เป็นทางสัญจรได้แทนที่จะเป็นทางปูด้วยหินอย่างดีเหมือนในตัวเมืองที่เขาเพิ่งผ่านมา แม้กระทั่งที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นบ้านที่ทำจากไม้ต่อกันเป็นผนังและกำแพงบ้านอย่างหยาบๆ หรือถ้าดีหน่อยก็จะเป็นบ้านที่ก่อแบบกึ่งไม้กึ่งหินซึ่งดูแข็งแรงทนทานกว่าแต่สภาพก็ดูไม่แตกต่างกับแบบแรกสักเท่าไรนัก และนอกไปกว่านั้นก็คือสภาพของผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ที่ดูย่ำแย่ไม่ต่างกับบ้านเลยสักนิด

“ทำไมทั้งที่ในตัวเมืองก็ดูเจริญดีแต่พอออกมานอกเมืองได้นิดหน่อยถึงได้ดูชำรุดทรุดโทรมถึงขนาดนี้เล่า” ทีนิสถามเมื่อมองไปรอบๆ ตัว

“แถวนี้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนที่มีฐานะยากจนพ่ะย่ะค่ะ คนที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างแคว้นที่อพยพหนีภัยสงครามหรือความแห้งแล้งของแคว้นอื่นมาอยู่ที่นี่ คนพวกนี้ถ้าหากไม่เป็นคนงานตามไร่ปศุสัตว์ หรือพวกแรงงานที่เดินเร่หางานในตัวเมืองก็จะเป็นหัวขโมยหรือไม่ก็ขอทานกันเสียเป็นส่วนมาก” เอ็ดการ์ตอบแทนไบรโอเนีย

“แล้วไม่มีทางไหนที่จะทำให้คนพวกนี้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเลยหรือ” ทีนิสถามพลางขมวดคิ้วแล้วพวกเขาก็หยุดเดินเมื่อเลโอหยุดอยู่ตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง

“หลังนี้แหละ บ้านของข้า” เลโอบอกพวกเขา ก่อนจะเปิดประตูบ้านและเดินเข้าไป

ทีนิสมองสภาพของบ้านของเลโอซึ่งก็น่าแปลกใจที่บ้านของเด็กหนุ่มดูหลังใหญ่เกินกว่าที่จะเป็นบ้านที่มีเพียงแค่เด็กสองคนอาศัยอยู่ และสภาพของบ้านก็ดูไม่ทรุดโทรมเหมือนอย่างบ้านหลังอื่นๆ เลยสักนิด

พวกเขาเดินผ่านประตูเข้าไปในบ้านตามหลังเลโอเข้าไป ซึ่งก็ได้พบว่าเลโอกำลังนั่งพูดคุยกับเด็กสาวคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียงในห้องนอน

“ทำไมวันนี้พี่กลับมาเร็วจังเลยล่ะ แล้วทำไมหน้าถึงได้เป็นแบบนั้น โดนใครทำร้ายมาหรือเปล่า” เด็กสาวใบหน้าซีดเซียวเอ่ยถามเลโอ

เด็กหนุ่มยิ้มเศร้าๆ ให้กับน้องสาวก่อนจะส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก พอดีว่าวันนี้เจ้าของร้านใจดีให้พี่เลิกงานมาดูแลเจ้าไวๆ น่ะ... นี่จ้ะ ขนมปังที่ท่านเจ้าของร้านฝากมาให้เจ้า” เลโอหยิบขนมปังที่แอบซ่อนไว้ในถุงย่ามออกมาก่อนจะลุกไปตักซุปที่เหลือติดก้นหม้อใส่ชามให้กับน้องสาว

“เอ้า กินซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่หายนะ”

“แล้วพี่ไม่กินหรือ”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่กินจากที่ร้านมาแล้ว เจ้ารีบกินเถอะเดี๋ยวจะได้กินยา”

พอได้ยินเลโอพูดแบบนั้น ผู้เป็นน้องสาวก็ตักซุปกินแกล้มกับขนมปังด้วยความหิวโหย ซึ่งภาพที่เห็นนั้นทำให้พวกทีนิสต้องเบือนหน้าหนีด้วยความสะท้อนใจ

“แล้วคนพวกนั้นเป็นใครกัน เพื่อนของพี่หรือเปล่า”

เลโอหันไปมองพวกทีนิสแล้วก็พยักหน้า “ทำนองนั้นแหละ เขาอยากรู้จักเจ้าน่ะ ก็เลยตามพี่มา”

ไบรโอเนียเดินเข้าไปหาเด็กสาวคนนั้นก่อนจะส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้ “ข้าชื่อไบรโอเนีย เจ้าชื่ออะไรหรือสาวน้อย”

“ข้าชื่อเลร่า”

ไบรโอเนียพยักหน้าก่อนจะหันมาถามเลโอ “พวกเจ้าอยู่กันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นเองเหรอ”

“พ่อข้าตายเมื่อหลายปีก่อน ส่วนแม่ของข้าทนความลำบากไม่ไหวหนีไปตั้งแต่เลร่ายังเดินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

“คงลำบากพอดูสินะ” แล้วนางก็มองไปรอบๆ บ้าน “แต่ดูจากสภาพข้าวของในบ้านแล้วพวกเจ้าคงจะไม่ใช่คนจากแคว้นอื่นอพยพมาใช่ไหม”

เลโอส่ายหน้า “ครอบครัวของเราเป็นคนดาร์ซี พ่อของข้าเป็นคนคุมเกวียนส่งสินค้าจากดาร์ซีไปยังแคว้นต่างๆ เมื่อก่อนครอบครัวของข้าไม่ได้เป็นย่ำแย่อย่างนี้หรอก แต่ว่าพ่อของข้าถูกพวกโจรที่อยู่แถวชายแดนฆ่าตายพร้อมกับปล้นสินค้าไปจนหมด แล้วเงินที่พ่อของข้าเหลือทิ้งไว้ก็ใช้มาเป็นค่ารักษาเลร่า ข้าก็เลยต้องเข้าไปหางานทำในตัวเมืองทั้งที่ไม่ค่อยจะมีคนจ้างเด็กไปทำงานสักเท่าไร”

ทีนิสเงียบฟังเรื่องที่เลโอเล่าแล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้ เด็กที่กำลังจะย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นต้องมาทำงานหนักและได้ค่าตอบแทนที่แสนจะน้อยนิดเพียงเพื่อแลกกับค่าอาหารและค่ารักษาของน้องที่เอาแต่นอนซมอยู่บนเตียง

เขามองเลร่าอย่างพิจารณา เด็กหญิงที่มีใบหน้าซูบซีด ผิวแห้งไม่มีน้ำนวลและรูปร่างผ่ายผอมผิดวัยบ่งบอกได้ว่าเด็กน้อยไม่ได้รับอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายติดต่อกันเป็นเวลานาน และด้วยสภาพแวดล้อมโดยรอบและความเป็นอยู่เช่นนี้ก็ไม่แปลกที่จะรักษาเท่าไรก็ไม่หายสักที

“เด็กยากจนขนาดนี้แล้ว ยังไม่ยอมรับเข้าทำงานอีก แล้วอย่างนั้นพวกเขาจะเอาเงินที่ไหนมาซื้ออาหารกินกันล่ะ”

ไบรโอเนียถอนใจ “พวกพ่อค้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากจะจ้างเด็กวัยกำลังโตมาทำงานกันหรอก เพราะกลัวว่าเด็กพวกนี้จะเป็นขโมย หรืออีกอย่างหนึ่งก็เป็นเพราะเด็กจะทำงานหนักมากไม่ได้น่ะ”

“ใช่ เพราะอย่างนั้นข้าถึงต้องยอมทำงานที่ร้านขายขนมปังนั่นแม้ว่าเจ้าของร้านจะไม่ค่อยชอบข้าเท่าไร แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำงานที่นั่น เพราะไม่อย่างนั้นเราทั้งคู่ต้องอดตายแน่ๆ”

ไบรโอเนียถอนหายใจกับสิ่งที่ได้ยิน ปัญหาเรื่องความยากจนของประชาชนส่วนหนึ่งนั้นเป็นปัญหาที่หาทางแก้ไขยากเพราะแคว้นดาร์ซีเองก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแคว้นที่ร่ำรวยอะไรมากนัก ประกอบกับการเรียกเก็บภาษีแบบที่เรียกว่าเป็นการขูดรีดจากทางคิเรบัส ทำให้การแก้ปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนในแคว้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลงมือทำเลย


***********************



“แล้วหลังจากนี้เจ้าจะทำยังไง” ทีนิสถามเลโอที่นั่งทำหน้ากลุ้มหลังจากที่ดูแลจนเลร่าหลับพักผ่อนไปแล้ว

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พรุ่งนี้ข้าจะลองไปเดินหางานในย่านนั้นดูอีกครั้งเผื่อว่าจะมีคนจ้างข้าไปทำงาน” เลโอตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีความหวังน้อยเหลือเกิน

“แล้วถ้าเจ้าเจอนายจ้างที่ใจร้ายแบบที่เจ้าเจอวันนี้ล่ะจะทำเช่นไร”

“ข้าก็ต้องทนน่ะสิ ยอมเจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ ยังดีกว่าอดตายเพราะไม่มีเงินซื้ออาหารกิน”

อดีตรัชทายาทแห่งคิเรบัสถอนใจยาวกับสิ่งที่ได้ยิน “ไม่มีทางไหนที่จะช่วยเจ้าได้เลยหรือไงนะ”

เขาอยากจะช่วยเด็กหนุ่มคนนี้รวมทั้งน้องสาวของเหลือเกิน แต่ทว่าด้วยสถานะของเขาตอนนี้ลำพังเพียงตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเลย ทีนิสจึงมองหันไปมองไบรโอเนีย

“อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นนะ” นางกล่าวดักคอทันทีเพราะรู้ว่าทีนิสกำลังคิดอะไรอยู่

“แต่ว่าจะให้ข้านิ่งดูดายปล่อยให้เด็กสองคนนี้อดตายไม่ได้เหมือนกัน” เขากล่าวกับนางด้วยความดื้อดึง

ไบรโอเนียมองเขาด้วยความเหนื่อยใจ ตอนแรกนางตั้งใจแค่ว่าจะพาให้เขามาเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในแคว้นของนางเพื่อที่อาจจะช่วยกระตุ้นให้เขาตัดสินใจที่จะร่วมมือกับพวกนาง แต่นึกไม่ถึงว่าทีนิสจะหาเรื่องวุ่นๆ มาให้นางปวดหัวแบบนี้

รัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีถอนใจก่อนจะหันไปทางเอ็ดการ์ที่ยืนกลั้นยิ้มมองพวกนางอยู่ “เจ้าไม่ต้องแกล้งทำหน้าบึ้งเลยนะเอ็ดการ์ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังแอบหัวเราะข้าอยู่”

เอ็ดการ์กลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อนจะค้อมศีรษะให้กับนาง “หม่อมฉันมิบังอาจหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

นางกลอกตาพลางบ่นพึมพำแช่งชักองครักษ์ส่วนตัวก่อนจะหันกลับไปทางทีนิส “แล้วท่านคิดจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ จะให้ข้ามอบเงินให้พวกเขาหรือ”

ทีนิสส่ายหน้า “ถ้าหากเจ้าให้เงินเด็กคนนี้ ไม่นานเงินก็จะต้องหมด แล้วถ้าหากเงินหมดเขาก็ต้องออกไปเดินเร่หางานทำและอาจจะต้องโดนทารุณอีกอยู่ดี”

“ถ้าไม่ให้เงินแก่เขา แล้วท่านจะทำอะไรได้ล่ะ” นางย้อนถามเขาแม้จะนึกแปลกใจที่เขาดูมีท่าทางเปลี่ยนไปแบบปุบปับ

ทีนิสนิ่งคิดหาทางอยู่ครู่ใหญ่ แล้วเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “แล้วเจ้าอ่านออกเขียนได้บ้างไหม”

“ข้าเคยเรียนหนังสือ แต่ต้องออกจากโรงเรียนตอนที่พ่อข้าตายเพื่อทำงานหาเงินมาเลี้ยงตัวข้าเองและเลร่า”

ทีนิสพยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับคำตอบที่ได้รับ แล้วมองมาทางไบรโอเนียที่มองเขาด้วยความสงสัยว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

“ข้าจะสอนหนังสือให้เด็กคนนี้จนกว่าเขาจะมีคุณสมบัติที่จะเข้าฝึกทหารได้ เจ้าคิดว่าเป็นยังไง”

“ขอบคุณนะที่ยังอุตส่าห์ถามความเห็นจากข้า” นางประชดพลางทำหน้าง้ำ “ท่านต้องหาเรื่องให้ข้าต้องวุ่นอยู่เรื่อยเลยใช่ไหม”

เลโอมองพวกไบรโอเนียด้วยความไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้กำลังทำอะไรกันอยู่ และจากคำพูดและท่าทางที่พวกเขาคุยกันอยู่นั้นทำให้เลโอยิ่งสงสัยหนักไปอีกว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรจากตัวเขาอยู่หรือเปล่า

“พวกท่านเป็นใครกัน”

ไบรโอเนียแตะไหล่เด็กหนุ่มก่อนจะยิ้ม “เจ้าน่ะโชคดีแล้วที่ได้เจอกับคนที่ชอบจุ้นจ้านเรื่องชีวิตของคนอื่น ไปเก็บเสื้อผ้าและข้าวของของเจ้าและเลร่าซะ”

“ท่านจะให้พวกข้าไปไหน บ้านของพวกข้าอยู่ที่นี่นะ” เลโอถามพลางมองพวกนางอย่างระแวง

“เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เองแหละ” นางว่าพลางหันไปทางเอ็ดการ์ที่ยืนคอยว่านางจะสั่งให้เขาทำอะไรหรือไม่

“ไปพาหมอของเรามาตรวจดูอาการของเลร่าว่าตกลงป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ แล้วก็จัดการให้คนมาดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านนี้ด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์ขยับตัวยืนตรงก่อนจะโค้งตัวทำความเคารพก่อนจะเดินออกไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่นางสั่งอย่างแข็งขัน


********************



เมื่อพวกของไบรโอเนียพาเขามายังพระราชวัง เลโอก็แทบจะเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นเมื่อได้ทราบความจริงว่าฐานะที่แท้จริงคนแปลกหน้าท่าทางแปลกๆ ที่บังคับให้ตนและน้องสาวต้องทิ้งบ้านมานั้นเป็นใคร

“หม่อมฉันขอประทานอภัยที่เสียมารยาทต่อพวกพระองค์” เด็กหนุ่มคุกเข่าพลางก้มหน้างุดอย่างหวาดกลัวว่าตัวเองจะโดนลงโทษ

ไบรโอเนียกลั้นยิ้มก่อนจะกระแอมแล้วทำเสียงให้ดูน่าเกรงขาม “เงยหน้าขึ้นมาสิเลโอ”

“พ่ะย่ะค่ะ” เลโอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองไบรโอเนียด้วยความกล้าๆ กลัวๆ

“นับตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะมีหน้าที่คอยรับใช้องค์ชายทีนิส และเพื่อความสะดวกในการทำงานข้าจะให้เจ้าไปอยู่เรือนพักของข้ารับใช้กับน้องสาวของเจ้า และถ้าน้องสาวของเจ้าหายป่วยดีแล้วข้าก็จะให้นางไปฝึกหัดการทำงานกับพวกข้ารับใช้คนอื่นๆ เจ้ามีอะไรสงสัยกับสิ่งที่ข้าพูดไหม”

เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถาม “แล้ว... บ้านของหม่อมฉันล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก บ้านของเจ้าข้าจะให้คนคอยดูแลให้ ไม่ปล่อยไว้ให้รกร้างหรอก” แล้วไบรโอเนียก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเด็กหนุ่ม “ส่วนเรื่องของเลร่าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ หมอบอกข้าว่าจะรักษาให้นางดีขึ้นจนหายเป็นปกติได้”

เด็กหนุ่มน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความซาบซึ้งใจกับความช่วยเหลือจากไบรโอเนีย เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นก่อนจะโค้งตัวแสดงความนับถือนางจากใจจริง “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ พระมหากรุณาธิคุณขององค์หญิงในครั้งนี้หม่อมฉันจะตอบแทนด้วยชีวิต”

องค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีพยักหน้าด้วยความพอใจ “คิดได้แบบนั้นก็ดี จากนี้ไปเจ้าก็ทำหน้าที่ที่ข้ามอบหมายให้อย่างตั้งใจก็แล้วกัน”

“พ่ะย่ะค่ะ” แล้วเลโอก็หันไปทางทีนิสที่ยืนส่งยิ้มให้กับตน “ขอบพระทัยองค์ชายทีนิสที่ทรงช่วยเหลือหม่อมฉันไว้”

ทีนิสส่ายหน้าก่อนจะยกมือแต่บ่าเด็กหนุ่ม “จากนี้ไปเจ้าก็ต้องตั้งใจเรียนหนังสือเป็นการตอบแทนข้าก็แล้วกัน”

“พ่ะย่ะค่ะ” เด็กหนุ่มรับคำอย่างแข็งขัน

“หมดเรื่องแล้ว เดี๋ยวข้าจะให้หัวหน้าข้ารับใช้พาเจ้าไปที่พักที่ข้าสั่งให้คนจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนน้องสาวของเจ้า ข้าให้คนพานางไปที่พักแล้ว เจ้าไปได้แล้วละ”

พอเลโอและข้ารับใช้คนอื่นๆ ออกไปแล้วไบรโอเนียก็หันมาพูดกับทีนิส “รู้ไหมว่าที่ข้ายอมทำตามคำขอร้องของท่านเพราะอะไร”

ทีนิสหัวเราะกับคำพูดของนางซึ่งเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่านางไม่ได้คิดจะช่วยเขาเปล่าๆ แน่ “แล้วเจ้าต้องการให้ข้าตอบแทนเจ้าอย่างไรล่ะ?”

“ท่านเองก็ทราบดีนี่ว่าสิ่งเดียวที่แคว้นของข้าต้องการคืออะไร”

“เจ้ากำลังบอกให้ข้าทรยศแคว้นของข้าเองนะ”

คำตอบของเขาทำให้ไบรโอเนียชักดาบออกมาและจรดปลายแหลมกับคอของเขา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“ถ้าหากไม่ยอมร่วมมือ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกเราจะเสี่ยงกับการให้ทท่านอยู่ที่ดาร์ซี”

ไบรโอเนียจ้องเขาเขม็งแม้ที่ถึงแม้ปลายดาบจะของนางกำลังกดน้ำหนักลงบนคอเขา แต่ก็ไม่มีความหวาดหวั่นอยู่ในดวงตาของเขาเลย

“สงครามไม่ใช่ทางที่จะทำให้แคว้นของเจ้าเป็นเอกราช”

“พูดแบบนี้ก็แสดงว่าไม่ได้มีใจที่จะคิดช่วยดาร์ซีตั้งแต่อยู่แล้วใช่ไหม ก็ได้... ถ้าหากว่าท่านต้องการเช่นนั้น” ไบรโอเนียเก็บดาบเข้าฝักก่อนจะตะโกนสั่งเอ็ดการ์ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ “เอ็ดการ์ เอาตัวเลโอกับน้องสาวกลับมาที่นี่”

“พ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์ค้อมศีรษะรับคำสั่งนางแล้วเดินออกไป

“เจ้าคิดจะทำอะไร” ทีนิสมองนางอย่างไม่วางใจ

“ในเมื่อท่านไม่ให้ความร่วมมือกับแคว้นของเรา ข้าก็ไม่มีทางเลือก”

ทีนิสก้าวเข้ามาประชิดนางทันที “เจ้าคิดจะทำอะไรกับเด็กพวกนั้น”

“เด็กสองคนนั่นรู้จักท่านแล้ว ถ้าหากปล่อยไปเรื่องที่ท่านอยู่ที่ดาร์ซีอาจจะรั่วไหลไปถึงหูของพวกทหารของคิเรบัสได้” นางยักไหล่ “ท่านน่าจะพอเดาออกว่าข้าควรจะทำเช่นไรถึงจะเก็บความลับนี้ คนตายไม่มีวันพูดอะไรได้”

“แต่เด็กพวกนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” เขาคำรามลอดไรฟัน “อย่าทำอะไรกับพวกเขา!”

“ถ้าเช่นนั้นก็ยอมตกลงเสียสิ แล้วข้าจะไม่ยุ่งอะไรกับเด็กสองคนนั่น”

เขามองหน้านางอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านางจะทำได้ “นี่เจ้าเอาเด็กสองคนนั้นมาบีบบังคับข้าหรือ”

“ฟังนะทีนิส ท่านอาจจะไม่เคยรู้หรืออาจจะไม่เคยสนใจ แต่พวกข้า... เหล่าแคว้นในปกครองของคิเรบัสต้องเจอกับความชั่วร้ายของเลกัสตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นมหาเสนาบดีที่คอยขูดรีดเอาภาษีและทรัพยากรต่างๆ ไปมานานโดยที่ปิดบังกับพระบิดาของท่านว่าเป็นการส่งมอบบรรณาการให้ด้วยความเต็มใจ คนอย่างเลกัสไม่มีทางที่จะเป็นกษัตริย์ที่ดีได้ และในตอนนี้เขาก็ได้อำนาจที่ต้องการมาอยู่ในมือแล้วและความต้องการของเขาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก มหาทวีปจะเข้าสู่กลียุคก็เพราะการก่อสงครามครั้งใหญ่ซึ่งจะนำมาสู่การสูญเสียอย่างมหาศาลไม่รู้จักจบจักสิ้น และข้าจะปล่อยให้เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าหากท่านยอมร่วมมือกับพวกเรา ข้าก็จะไม่ทำอะไรเด็กสองคนนั้น และจะดูแลให้พวกเขามีชีวิตที่ดีอย่างที่ต้องการ”

ทีนิสอ่านสายตาของนางอย่างพิจารณา เขาไม่รู้ว่าจะไว้ใจชาวดาร์ซีได้มากเพียงใดสำหรับเรื่องนี้ แต่ทว่าคำพูดของนางก็ฟังดูมีน้ำหนักที่น่าเชื่อถือเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาประสบมา เขากำลังถามตัวเองว่า ถ้าหากแค่สองชีวิตของเลโอและเลร่าเขายังไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ แล้วเขาจะมีความสามารถไปกอบกู้บัลลังก์และล้างมลทินที่ตัวไม่ได้เป็นผู้กระทำได้อย่างไร

“ถ้าหากข้าตอบตกลงกับเจ้าแล้ว เจ้าให้สัญญากับข้าได้ไหมว่าอย่าทำร้ายเด็กสองคนนั้นโดยเด็ดขาด”

“หมายความว่าท่านจะยอมร่วมมือกับแคว้นเรา?” นางถามย้ำเขาอีกครั้งความแน่ใจ

“ก็ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่”

“อย่ายอมรับต่อสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้วแบบเสียไม่ได้ ท่านจะต้องรู้สึกด้วยตัวท่านเอง ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นการพยายามที่ไร้แรงจูงใจซึ่งจะทำให้เกิดผลตรงกันข้ามกับที่หวังเอาไว้ ข้าเองก็เผชิญความยากลำบากมามากมายเช่นกันกว่าจะได้รับการยอมรับอย่างเช่นทุกวันนี้” ในขณะที่นางพูด มีความขมขื่นอยู่ในแววตาของไบรโอเนียเมื่อนึกถึงหลายต่อหลายสิ่งที่ได้ฟันฝ่ามา

“ข้ารู้ว่าท่านสูญเสีย แต่อย่าให้ความสูญเสียทำให้ท่านลืมสิ่งที่ท่านเคยเป็น... รัชทายาทของแคว้นคิเรบัสคนที่ข้าเคยได้ยินเสียงร่ำลือว่าเขาจะเป็นกษัตริย์ผู้ครองแคว้นที่ดีในอนาคตได้ด้วยสติปัญญาอันปราชญ์เปรื่องและมีคุณธรรมเปี่ยมล้นไม่ใช่คนข้าเห็นในเวลานี้”

ไบรโอเนียเห็นทีนิสยังคงเงียบและไม่พูดอะไรออกมาก็ได้แต่ลอบถอนใจ นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางพูดไปนั้นจะทำให้เขาตระหนักถึงหน้าที่ที่แท้จริงของเขาได้หรือไม่

“คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้าในเวลานี้ไม่ใช่เจ้าชายคนที่ข้าพูดถึง อย่ากลายเป็นคนที่ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งอยู่ในความโศกเศร้าจนไม่กล้าที่จะก้าวเดินออกมาต่อสู้เพื่อทวงคืนในสิ่งที่สูญเสียไปกลับมา”

ทีนิสคิดตามสิ่งที่นางพูด นางพูดถูกที่ว่าเขาในเวลานี้ไม่ใช่องค์ชายทีนิสผู้ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสติปัญญาอันปราชญ์เปรื่องเหมือนอย่างเมื่อก่อน ความสูญเสียและการถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินมาตลอดปีกว่าที่ผ่านมาทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป ตอนแรกที่เกิดเรื่องเขายังมีความหวังว่าความยุติธรรมจะพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ หากมันกลับตรงกันข้าม การทรยศหักหลังจากขุนนางที่เขาเชื่อใจและการขึ้นครองราชย์ของเลกัสทำให้เขาหมดหวังไปโดยสิ้นเชิง เขารู้ว่าไม่มีทางที่จะเรียกคือความยุติธรรมกลับคืนมาได้อีก เพราะเช่นนั้นแม้ว่าไบรโอเนียจะพาเขาให้รอดพ้นความตายในคุกใต้ดินมาได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขามีความหวังอะไรเพราะเขาหมดศรัทธาในตนเองและเหล่าขุนนางทั้งหลายที่เขาเคยไว้วางใจจนหมดสิ้นแล้ว

แต่เขายังจะสามารถหวังได้อยู่อีกหรือไม่... เขาจะไว้ใจใครได้มากพอที่จะช่วยเขาทวงบัลลังก์กลับคืนมาเป็นของเขาอีกครั้งหรือไม่... อดีตรัชทายาทที่แท้จริงแห่งคิเรบัสยกมือลูบหน้าตัวเองก่อนจะถอนหายใจยาว

“ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอร้องให้เจ้าช่วย”

นางพยักหน้า “ถ้าหากไม่เกินกำลังของข้าก็คงได้”

“ช่วยฝึกการต่อสู้ให้ข้าด้วย”

นางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจกับคำขอร้องของเขา “นี่ท่านต่อสู้ไม่เป็นหรอกหรือ เป็นรัชทายาทประสาอะไร”

“ชื่อเสียงของข้าที่เคยร่ำลือกันมามีกล่าวถึงฝีมือการต่อสู้ของข้าบ้างไหมล่ะ”

ไบรโอเนียกัดริมฝีปากเมื่อเห็นรอยยิ้มของผู้ชนะที่สามารถย้อนนางกลับด้วยเหตุผลเดียวกับที่นางยกมาโน้มน้าวเขา

เรื่องความเฉลียวฉลาดในการพูดจาก็สมดังที่ร่ำลือกันมาจริงๆ

“เฉพาะแค่การต่อสู้เท่านั้นหรือ?”

“ใช่ แค่การต่อสู้” เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าของนางที่มองเขามาอย่างนึกสงสัยในความคิดของเขา “อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรกับข้ามากนักก็แล้วกัน เพราะครูฝึกดาบที่คิเรบัสบอกข้าว่าเป็นนักดาบที่แย่มาก”

ไบรโอเนียพยายามกลั้นยิ้มคำพูดของเขาพร้อมกับรู้สึกโล่งใจที่เขายอมรับเงื่อนไขที่นางเสนอมา เพราะใจจริงของนางนั้นก็ไม่ได้อยากจะกระทำการอันแสนโหดเหี้ยมกับเด็กที่ไม่รู้เดียงสาอย่างเลโอหรือเลร่าหรอก

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ข้ามั่นใจว่าจะทำให้ท่านเก่งจนครูฝึกคนเก่าของท่านต้องตกใจแน่ๆ”

ทีนิสเห็นท่าทางของนางที่เชิดปลายคางอย่างทะนงในความสามารถของตนแล้วก็ได้แต่โคลงศีรษะด้วยความระอาใจกับพฤติกรรมที่ดูไม่สมกับเป็นอิสตรีเอาเสียเลย

“น่าเสียดายนักที่ความงามของเจ้าไม่เคยเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเจ้าชายจากแคว้นต่างๆ ในมหาทวีป เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคงต้องทำสงครามชิงหัวใจเจ้ากันให้วุ่นแน่ๆ แม้ว่าเจ้าจะไม่ค่อยชอบทำตัวให้สมกับเป็นเจ้าหญิงสักเท่าไรก็ตาม”

ใบหน้างามที่งอง้ำอยู่นั้นพลันแดงระเรื่อขึ้นมาในทันใดที่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก่อนนางจะกลบเกลื่อนอาการเขินอายของนางด้วยการเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น

“อย่าใช้สิ่งที่ข้าเคยได้ยินคนร่ำลือถึงท่านมาทำให้ข้าไขว้ขเวเลยทีนิส เสน่ห์ของท่านใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก... ข้าจะไปกราบทูลเสด็จพ่อเรื่องที่ท่านยอมร่วมมือกับเราและเรื่องเด็กสองคนนั่นก่อนก็แล้วกัน”

แล้วนางก็รีบเดินจากไปโดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจสายตาขบขันของทีนิสที่ทำให้นางรู้สึกเหมือนหน้ากำลังร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เมื่อไบรโอเนียเดินจากไปแล้ว อดีตรัชทายาทของคิเรบัสถอนหายใจออกมายาวเหยียดกับสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจลงไป ในเวลานี้คงไม่มีสิ่งใดที่ควรจะทำนอกเหนือจากการทวงบัลลังก์กลับมาเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นการที่เขาจะต้องกลายมาเป็นศัตรูกับผู้คนในแผ่นดินเกิดของเขาก็ตาม


Be Continued




Create Date : 12 มีนาคม 2558
Last Update : 12 มีนาคม 2558 5:13:05 น.
Counter : 259 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


มีนาคม 2558

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
15
16
17
18
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend