บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 9
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว

คุณgoldensun: อาจจะเชื่อที่ทีนิสพูดแต่ว่าจะยอมร่วมมือด้วยรึเปล่านี่คงต้องลุ้นกันต่อไปแหละค่า ^ ^



บทที่ 9

เลโอน่ามองทีนิสที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นมาด้วยความยินดีหลังจากที่วิ่งกระหืดกระหอบมาจากห้องหนังสือทันทีเมื่อมีข้ารับใช้ที่เข้าไปช่วยหมอหลวงดูอาการของทีนิสบอกว่าเขาอยากจะพบนาง

“เป็นยังไงบ้างเลโอน่า” เขากล่าวทักทายเด็กสาวที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องเพราะไม่กล้าเข้าไปในห้องโดยที่เขาไม่ได้อนุญาต “เข้ามาก่อนสิ ไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก”

“หม่อมฉันมารบกวนหรือเปล่าเพคะ”

“ไม่หรอก ข้าดีขึ้นมาแล้วละ หมอบอกว่าข้าฟื้นตัวได้เร็ว” แล้วทีนิสก็พยักเพยิดไปที่เก้าอี้ตรงใกล้ๆ เตียงเขา “นั่งก่อนสิ ข้าอยากจะคุยกับเจ้า”

“องค์ชายมีเรื่องอะไรอยากจะคุยกับหม่อมฉันหรือเพคะ”

ทีนิสขยับตัวนั่งและพยายามลืมความปวดแปลบที่หน้าท้องแล้วกล่าว “ข้ามีเรื่องอยากจะขอไหว้วานเจ้า”

“เรื่องอะไรหรือเพคะ”

“เจ้ายังติดต่อกับพวกเพื่อนๆ ของเจ้าอยู่หรือเปล่า”

“องค์ชายทรงหมายถึงพวกเด็กขอทานและเด็กกำพร้าที่อยู่อาศัยอยู่ในละแวกบ้านเดิมของหม่อมฉันน่ะหรือเพคะ หม่อมฉันก็ติดต่ออยู่บ้างตอนที่แวะกลับไปดูสภาพบ้านแล้วก็เอาพวกอาหารและเสื้อผ้าที่พวกข้ารับใช้ไม่ใช้แล้วไปฝากบ้างเป็นครั้งคราวเพคะ”

“ดีแล้วล่ะ ข้าดีใจที่ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีชีวิตที่ดีแล้วก็ยังไม่ลืมเพื่อนเก่าๆ ของเจ้านะ... เลโอน่า ข้าอยากจะพบกับเพื่อนของเจ้า พาข้าไปพบพวกเขาหน่อยได้ไหม”

เด็กสาวขมวดคิ้วมุ่น “ทรงมีพระประสงค์อะไรจะให้พวกเพื่อนๆ ของหม่อมฉันถวายการรับใช้หรือเพคะ”

ทีนิสพยักหน้าก่อนจะยิ้มอย่างคนที่มีแผนการในใจ “มันก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาเกินกำลังของพวกเจ้าหรอก แต่ข้าเห็นว่าสิ่งนี้มันสำคัญและต้องเป็นพวกเจ้าเท่านั้นที่จะทำหน้าที่นี้ได้”


***************************


แน่นอนว่าแผนการของทีนิสนั้นก็ล่วงรู้ข้าไปถึงหูของไบรโอเนียเหมือนเช่นเคย นางจึงเข้ามาหาเขาในห้องและขอให้เขาอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการให้นางได้เข้าใจ

“ท่านคิดจะใช้เด็กพวกนั้นปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องที่เลกัสเป็นคนลอบปลงพระชมน์พระบิดาของท่านอย่างนั้นน่ะหรือ”

ทีนิสพยักหน้า “เลกัสขึ้นครองแคว้นได้ไม่นาน ข้าคิดว่าเราน่าจะปล่อยข่าวให้พวกชาวบ้านต่อต้านพวกขุนนางได้”

“แล้วท่านไม่คิดบ้างหรือว่าอาจจะมีพวกทหารหรือมือสังหารมาจัดการคนปล่อยข่าวอีกก็ได้”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะข้าไม่คิดจะปล่อยให้เด็กพวกนั้นไปเสี่ยงอันตรายกันตามลำพังแน่”

“แสดงว่าท่านคิดจะทำอะไรเสี่ยงๆ อีกแล้วใช่ไหม” นางถามพลางหรี่ตามองเขาอย่างรู้ทัน

“ทุกอย่างมีความเสี่ยง ถ้าข้าไม่คิดเสี่ยงแล้วจะเอาบัลลังก์คืนจากเลกัสได้ยังไงกันล่ะ” ทีนิสว่าพลางหัวเราะหึเมื่อเห็นไบรโอเนียตวัดตามองค้อนเขาเมื่อถูกย้อนเข้าให้

“เจ้าไม่คิดว่าแผนการนี้มันเข้าท่าบ้างเลยหรือ”

ไบรโอเนียทำท่าครุ่นคิด “ที่ท่านพูดมามันก็จริง แต่ท่านจะทำยังไงถึงจะทำให้คนเชื่อและลือต่อๆ กันไปได้อย่างรวดเร็วล่ะ”

“พวกชาวเมืองต่างชอบดูการละเล่น ถ้าหากเราแฝงไปเป็นพวกนักแสดงละครเร่ข้าคิดว่าการกระจายข่าวคงจะได้ผลมาก”

ดวงตาสีเขียวสว่างเบิกกว้างพร้อมกับอุทานออกมาอย่างคาดไม่ถึง “จริงด้วยสิ ถ้าหากใช้วิธีนี้พวกชาวเมืองก็จะบอกต่อๆ กันไปเรื่อยเอง... ไม่เสียแรงที่ข้าเคยได้ยินคนร่ำลือกันมานะว่าท่านเป็นคนฉลาด”

“นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกนะที่เจ้าพูดชมข้า” เขาพูดอย่างติดตลก ก่อนจะก้มลงมองผ้าพันแผลที่คาดอยู่รอบๆ ตัว “แต่ว่าในสภาพแบบนี้ข้าคงจะทำอะไรมากไม่ได้จนกว่าข้าจะหายดี”

“ก็ยังดีที่ท่านยังรู้ตัวว่าบาดเจ็บอยู่”

“ข้าไม่ใช่คนไม่รู้จักประมาณตัวเองเสียหน่อย เจ้ากล่าวหาข้าเกินไปแล้ว”

“ถ้าคิดได้อย่างนั้นจริงๆ ก็น่าจะหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้ท่านเสี่ยงตายบ้างก็คงจะดี” ไบรโอเนียแค่นเสียงขึ้นจมูกใส่เขา ก่อนจะบ่นต่อ “เพราะชอบดึงดันไม่เข้าเรื่อง ถึงได้นอนเจ็บอย่างนี้ไม่ใช่หรือ?”

ทีนิสถอนหายใจกับคำพูดที่ดูเหมือนแล้งน้ำใจของนางก่อนจะบ่น

“นี่เจ้าดูเหมือนจะถนัดในการพูดจาทำร้ายน้ำใจคนอื่นอยู่ไม่น้อยนะ”

“แล้วทำไมข้าจะต้องใจดีกับท่านด้วยเล่า ในเมื่อข้าต้องปวดหัวกับท่านมาตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แล้วยังไม่นับที่ท่าน...” ไบรโอเนียชะงักคำพูดสุดท้ายเอาไว้แล้วรู้สึกร้อนวาบขึ้นมาบนใบหน้า

“ข้าทำเรื่องอะไร” ทีนิสถาม หากเมื่อเห็นสีหน้าของนางแล้วเขาก็เข้าใจว่านางหมายถึงเรื่องอะไร และเขาเองก็พอเข้าใจว่านางคงไม่อยากให้เขารื้อฟื้นเรื่องนั้นมาพุดอีก

“เอาเป็นว่าแผนการที่ว่ามานั้นคงต้องรอให้ข้าหายดีก่อนถึงจะเริ่ม แต่ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะให้ใครก็ได้ไปฝึกเด็กพวกนั้นให้พร้อมก่อนที่เราจะออกเดินทางไปที่คิเรบัส”

ทีนิสดึงนางกลับมาที่หัวข้อเดิมซึ่งพอพูดถึงเรื่องแผนการ สีหน้าของไบรโอเนียก็กลับมาเป็นจริงจังตามปกติได้อีกครั้ง

“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะให้เอ็ดการ์คอยดูแลเอง รีบๆ รักษาตัวให้หายโดยไวเถอะ ไม่เช่นนั้นมันจะล่าช้าเกินกว่าที่จะทำอะไรได้”

“แล้วเจ้ามีอะไรอยากจะคุยข้าอีกไหม” เขาถามเมื่อเห็นนางยังคงดูเหมือนกับมีเรื่องบางอย่างในใจ

“เกี่ยวกับแม่ทัพกีเธอร์ ข้าอยากรู้ว่าหลังจากนี้เขาจะทำอย่างไรต่อไป”

“ก็คงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา ข้าเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่ากีเธอร์จะทำอย่างไรต่อไป”

“ถ้าอย่างนั้นก็ยังไม่อาจจะวางใจได้” นางสรุปก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นให้มากนักหรอก ข้ามีแผนที่จะรับมือกับกีเธอร์เอาไว้แล้วเหมือนกัน”

“นี่ท่านมีแผนอะไรนอกจากเรื่องการปล่อยข่าวในคิเรบัสอีกเหรอ?” นางถามพลางขมวดคิ้ว

ทีนิสไม่ตอบอะไรกับไบรโอเนียหากเพียงแค่ส่งรอยยิ้มให้กับนางที่ยังไม่อาจเข้าใจว่าเขากำลังคิดวางแผนการอะไรนอกเหนือจากนี้อยู่กันแน่




********************************



กีเธอร์ลงจากหลังม้าและปล่อยให้มันเล็มหญ้าอยู่ตรงนั้น ส่วนตัวเขาเดินไปตรงบริเวณยอดเขาที่สามารถมองเห็นป้อมปราการของดาร์ซีที่อยู่อีกฟากหนึ่งของภูเขาได้ค่อนข้างชัดเจน หลังจากที่ใช้กล้องส่องทางไกลสอดแนมดูแล้วแม่ทัพหนุ่มก็รู้สึกแปลกใจที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ภายในป้อมปราการของดาร์ซี ซึ่งก็ก็น่าแปลกเพราะถ้าหากฝ่ายนั้นรู้แล้วว่าเขายกทัพมาจ่อตรงชายแดนเพื่อเตรียมทำศึกก็น่าจะต้องมีการเตรียมพร้อมหรือระดมพลอะไรมากกว่าการลาดตระเวนตามชายแดนเหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเช่นนี้

“นี่คือแคว้นกบฏที่คิดจะแยกตัวออกจากคิเรบัสจริงๆ น่ะหรือ?” เขาพึมพำก่อนจะหันไปทางพุ่มไม้ที่มีใครบางคนกำลังยืนมองเขาอยู่นานแล้ว พร้อมกับดาบที่ชักออกมาเตรียมพร้อมสู้

“ชาวดาร์ซีถนัดการใช้กลวิธีอย่างลักลอบเข้าไปสอดแนมในดินแดนของศัตรูเพื่อขโมยข้อมูลหรือแอบตามใครมาโดยไม่ให้รู้ตัวอย่างนั้นหรือเปล่า”

“การหลอกให้ศัตรูตายใจก็เป็นหนึ่งในกลยุทธที่ใช้ได้ผลเสมอมา ท่านเองก็รู้ดีไม่ใช่หรือ ท่านแม่ทัพกีเธอร์... หรือว่าจะให้ข้าเรียกท่านว่าองค์ชายกีเธอร์ดี?”

กีเธอร์แค่นหัวเราะก่อนจะเล็งปลายดาบไปที่เอ็ดการ์ “ข้าเป็นแค่ทหารคนหนึ่งเท่านั้น”

“พ่อของท่านขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ครองแคว้นแล้ว ท่านไม่ยินดีกับการได้เป็นเจ้าชายหรือไงกัน?”

“ท่านพ่อก็ส่วนท่านพ่อ ข้าก็ส่วนข้า ถ้าหากข้ารับตำแหน่งเจ้าชายรัชทายาท แล้วใครจะมาเป็นแม่ทัพคอยป้องกันแคว้นกันเล่า... นี่ตกลงเจ้ามาเพื่อจะถามข้าว่าเจ้าควรจะเรียกข้าว่าอย่างไรดีเท่านั้นน่ะหรือ?”

เอ็ดการ์ส่ายหน้าก่อนจะล้วงเอาอะไรบางอย่างจากในเสื้อเกราะของตน ซึ่งนั่นก็ทำให้กีเธอร์กระชับด้ามดาบเตรียมพร้อม

“ข้าไม่ได้มาเพื่อสู้กับท่านหรอก องค์ชายทีนิสมีพระประสงค์ให้ข้านำจดหมายนี่มาให้กับท่าน” เอ็ดการ์กล่าวพร้อมกับยื่นจดหมายที่ผนึกด้วยครั่งให้กับกีเธอร์

กีเธอร์ปักดาบลงกับพื้นก่อนจะหยิบจดหมายจากมือของเอ็ดการ์มาเปิดอ่านเนื้อหาข้างในอย่างรวดเร็วแล้วก็ขมวดคิ้วพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเอ็ดการ์

“นี่องค์ชายทีนิสกำลังคิดทำอะไรอยู่กันแน่”

“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน พระองค์เพียงแค่ตรัสกับข้าว่าถ้าหากว่าท่านรู้จักองค์ชายทีนิสดีจริงๆ ก็จะเข้าใจสิ่งที่เขียนมาในจดหมายนี้... หมดเรื่องแล้ว ข้าคงจะต้องไปก่อน”

พูดยังไม่ทันจะจบประโยค กีเธอร์ก็ต้องรีบกระโดดถอยห่างจากจุดที่ยืนอยู่เมื่อเอ็ดการ์ขว้างอะไรบางอย่างลงบนพื้นจนทำให้เกิดกลุ่มควันสีเทาปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ และเมื่อกลุ่มควันจางลงเขาก็พบว่าเอ็ดการ์หายไปแล้ว

“พวกชาวดาร์ซีนี่ร่ำลาคนแบบปกติไม่เป็นหรือยังไงกันนะ” แม่ทัพหนุ่มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะยกจดหมายของทีนิสมาอ่านอีกครั้ง

‘ข้าจะกลับคิเรบัสในไม่ช้า ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเลือกแล้วว่าระหว่างความถูกต้องกับความจงรักภักดีกับคนที่คิดจะกำจัดเจ้าได้ทุกเมื่อที่ต้องการ และไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางใดข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะกลับคิเรบัสเพื่อล้างมลทินให้กับตัวเอง’

กีเธอร์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่จะก่อกองไฟขนาดย่อมและโยนจดหมายฉบับนั้นลงไปในกองไฟเพื่อเผาทำลายมันทิ้ง หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปหาม้าของเขาและควบขับมันกลับไปยังค่ายตรงชายแดนด้วยจิตใจที่ยังคงสับสนว่าเขาควรจะตัดสินใจเช่นไรดี




*****************************




ไบรโอเนียยืนกอดอกมองทีนิสที่กำลังฝึกการต่อสู้กับเอ็ดการ์แล้วก็พ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิดเพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ

นางเดินเข้าไปหาเข้าไปหาชายทั้งสองที่กำลังประดาบใส่กันกลางลานฝึกภายในปราสาทซึ่งหยุดมือทันทีที่เห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามาหาพวกตน

“ข้าสั่งให้เจ้าคอยดูแลองค์ชายทีนิสแต่ไม่ได้บอกว่าจะให้ตามใจจนถึงขั้นให้มาฟันดาบกันเล่นแบบนี้นะ”

เอ็ดการ์เก็บดาบใส่ฝักก่อนที่จะโค้งแสดงความเคารพให้กับนางก่อนจะตอบ

“องค์ชายทีนิสบอกหม่อมฉันว่าบาดแผลสมานตัวดีและทรงแข็งแรงดีขึ้นมากแล้ว และท่านหมอหลวงก็แนะนำว่าควรจะให้ทรงออกกำลังกายบ้างน่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“หมอหลวงพูดจริงๆ หรือว่าแกล้งกุเรื่องให้ท่านทำตามใจตัวเองหรือเปล่า?” ไบรโอเนียถามในขณะที่ตามองไปที่ทีนิสที่กำลังยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่โชกไปหมดทั้งใบหน้า

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ไปถามหมอหลวงเอาเองสิ ข้ารู้ตัวข้าดีว่าอยู่ในสภาพไหน ถ้าหากไม่มั่นใจว่าตัวเองแข็งแรงพอข้าก็คงไม่ออกมาฝึกหรอก”

“ก็แล้วถ้าเกิดพลาดทำตัวเจ็บหนักกว่าเดิมขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?”

“เจ้าพูดเหมือนข้าเป็นเด็กไปได้ ข้าฝึกการต่อสู้กับเจ้ามานานแค่ไหนแล้ว ฝึกเบาๆ แค่นี้ข้าไม่เป็นอะไรหรอก แล้วข้าก็ไม่อยากปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ด้วย”

“งั้นก็เรื่องของท่านเถอะ ถ้าหากว่าบาดเจ็บหนักกว่าเดิมอีกอย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน... เอ็ดการ์ อย่าออมมือให้องค์ชายทีนิสนะ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าออมมือให้ล่ะก็ โดนโทษหนักแน่”

แล้วนางก็สะบัดหน้าหนีและเดินดุ่มๆ กลับไปที่ปราสาทด้วยความโมโหปล่อยให้ชายหนุ่มสองคนมองตามหลังนางไปแล้วหันกลับมามองกันด้วยท่าทางงุนงง

“องค์หญิงของเจ้าดูจะอารมณ์แปรปรวนขึ้นนะ”

เอ็ดการ์นิ่งคิดไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มพลางโคลงศีรษะ

“คงเป็นเพราะองค์ชายทรงไม่ยอมทำตามพระประสงค์ขององค์หญิงมากกว่าน่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“สงสัยว่าข้าจะขัดใจนางมากไปจริงๆ” เขาว่าพลางโคลงศีรษะด้วยความอ่อนใจ “แล้วเรื่องที่เจ้าไปเจอกับกีเธอร์ล่ะเป็นยังไงบ้าง?”

“หม่อมฉันเองก็อ่านท่าทีของแม่ทัพกีเธอร์ไม่ออกเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงมั่นพระทัยแน่แล้วหรือว่าเขาจะยอมร่วมมือกับพระองค์จริงๆ”

“ถ้าหากเขาไม่ร่วมมือกับข้า จดหมายที่ข้าฝากเจ้าไปก็จะทำให้เขาไขว้เขว และนั่นก็จะช่วยซื้อเวลาให้เราดำเนินแผนการได้... ข้าเองก็ไม่คาดหวังให้กีเธอร์มาร่วมมือกับข้าตั้งแต่ทีแรกหรอก แต่เจ้าลองคิดดูสิว่าเจ้าจะยังรับใช้คนที่จ้องจะกำจัดเจ้าทิ้งเพื่อขจัดปัญหาได้อย่างสนิทใจอีกหรือ?”

เอ็ดการ์มองทีนิสด้วยความทึ่งเพราะเห็นแต่ด้านที่เขาด้อยกว่าไบรโอเนียมาตลอด และเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าราชนิกูลที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้จะสามารถวางกลยุทธได้อย่างแยบยล

“หม่อมฉันนึกว่าองค์ชายจะทรงปรีชาเป็นพิเศษเฉพาะเรื่องการแพทย์เสียอีก”

“ข้าสนใจเรื่องการแพทย์เพราะคิดว่ามันน่าสนใจ แต่เรื่องการเมืองหรือการทหารมันก็เป็นเรื่องปกติที่เจ้าชายรัชทายาทของแต่ละแคว้นจะต้องเรียนรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?”

ทีนิสว่าพลางยกดาบขึ้นตั้งท่าเตรียมพร้อม

“แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงวันยังค่ำ ข้าไม่เอาไหนเรื่องการต่อสู้อยู่ดี เริ่มฝึกกันต่อเถอะ ข้าอยากจะชดเชยเวลาที่เสียไปตอนที่ข้ายังนอนป่วยอยู่”

เอ็ดการ์มองสีหน้าเอาจริงเอาจังของเขาแล้วก็หัวเราะแล้วก็ยกดาบไม้ขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อม

“องค์หญิงทรงมีรับสั่งให้หม่อมฉันอย่าได้ออมมือกับพระองค์เสียด้วยสิ... หม่อมฉันหวังว่าพระองค์จะทรงตามการฝึกของหม่อมฉันทันนะพ่ะย่ะค่ะ ไม่เช่นนั้นหม่อมฉันคงจะต้องโดนลงโทษให้ไปช่วยพวกข้ารับใช้ดูแลสวนในปราสาทเป็นเดือนแน่ๆ”

แล้วสีหน้าของเอ็ดการ์ก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจังมากขึ้นและเริ่มฝึกซ้อมการต่อสู้ให้กับทีนิสอีกครั้งตามคำสั่งของไบรโอเนีย




*********************************




เมื่อร่างกายแข็งแรงดีแล้วทีนิสก็เริ่มแผนการที่ได้เตรียมเอาไว้ด้วยการจัดคณะละครเร่แบบอันประกอบไปด้วยตัวเขา ไบรโอเนีย เอ็ดการ์ เลโอน่า มอร์ธีและเซดจ์เพื่อนของเลโอน่าตั้งแต่สมัยยังเด็กที่ทีนิสสั่งให้เด็กสาวชักชวนเข้ามาร่วมแผนการนี้กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่แคว้นคิเรบัส

ไบรโอเนียค้อมตัวคำนับโลเอลที่ออกมายืนส่งพวกนางที่หน้าปราสาท

“พ่อคงห้ามอะไรเจ้าไม่ได้... เจ้าเองก็คงรู้ตัวดีใช่ไหมว่าจะพ่อคงจะช่วยเจ้าไม่ได้ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้น”

“เพคะเสด็จพ่อ ลูกจะระวังตัว”

“ระวังตัวให้ดีนะ ลูกรัก” โลเอลดึงร่างของนางมากอดแน่นๆ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่านี่คือหน้าที่ของนางที่จะต้องไปทำแต่หัวอกของคนเป็นพ่อก็ทำให้โลเอลอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ แล้วกษัตริย์แห่งแคว้นดาร์ซีก็ผละออกห่างจากไบรโอเนียแล้วหันไปทางทีนิสที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“ข้าได้มอบความช่วยเหลือทุกอย่างให้กับท่านแล้ว ที่เหลือต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านแล้วนะว่าจะทำสำเร็จหรือไม่”

“หม่อมฉันเองก็ต้องขอบพระทัยฝ่าบาทที่เอื้อเฟื้อให้ความช่วยเหลือหม่อมฉันมาตลอด ถ้าหากทุกอย่างประสบความสำเร็จ หม่อมฉันจะไม่มีวันลืมว่าชาวดาร์ซีได้ช่วยเหลือหม่อมฉันไว้เช่นไรบ้าง”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย เอาไว้ถ้าหากท่านสามารถทวงคืนบัลลังก์ของตัวเองคืนได้เมื่อไหร่แล้วค่อยพูดก็ยังไม่สายหรอก” แล้วโลเอลก็บีบไหล่ของทีนิสที่ค้อมคำนับตนก่อนจะกล่าวกับเอ็ดการ์

“เจ้าดูแลไบรโอเนียด้วยนะ”

“ทรงวางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะปกป้ององค์หญิงด้วยชีวิตของหม่อมฉันเอง”

แล้วเอ็ดการ์ก็โค้งลาโลเอลแล้วก็เดินตามไปสมทบกับพวกไบรโอเนียที่อยู่บนหลังม้ารอตนอยู่ก่อนแล้ว

“หม่อมฉันทูลลานะพ่ะย่ะค่ะ”

โลเอลพยักหน้ารับก่อนจะโบกมือให้กับคณะเดินทางของไบรโอเนียและทีนิส

“ขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครองพวกเจ้า”

ไบรโอเนียค้อมศีรษะรับคำอวยพรจากพระบิดา แล้วนางก็กระตุ้นให้ม้าวิ่งออกไปจากตัวปราสาทโดยมีกษัตริย์ผู้ครองแคว้นของดาร์ซีมองตามหลังไปด้วยความเป็นห่วงปนกับความหวังที่คิดว่าแผนการของทีนิสนั้นจะประสบความสำเร็จอย่างที่คิดเอาไว้เพื่อเอกราชและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวดาร์ซี




*********************************




พวกทีนิสเดินทางจากเมืองธอร์กาเรียซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นดาร์ซีมุ่งตรงไปยังจุดนัดพบซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตรงชายแดนที่หน่วยหมาป่าดำของนางได้เตรียมการสำหรับการแฝงตัวเป็นหน่วยคณะละครเร่อยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว

“ที่นี่คือจุดนัดพบที่เจ้าว่าหรือ” ทีนิสเอ่ยถามเอ็ดการ์ในขณะที่บังคับม้าให้เดินไปในหมู่บ้าน

“พ่ะย่ะค่ะ คนของหน่วยหมาป่าดำถูกส่งมาที่นี่เพื่อเตรียมการทุกอย่างล่วงหน้าไว้ก่อนที่พวกเราจะมาถึงแล้ว”

ทีนิสพยักหน้าและมองไปรอบๆ บริเวณหมู่บ้านที่แม้จะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของแคว้น แต่สภาพความเป็นอยู่และสภาพของบ้านและสีหน้าของผู้คนก็ดูจะไม่ได้ลำบากยากเข็ญแต่อย่างใด

“น่าแปลกนะที่อยู่ถึงชายแดนแบบนี้แต่ผู้คนก็ดูจะมีความเป็นอยู่ดีพอสมควร”

“เมื่อก่อนอาชีพของคนในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่คือการทำเครื่องประดับและอัญมณีน่ะพ่ะย่ะค่ะ เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นหมู่บ้านนี้เคยเป็นทางผ่านของเหมืองแร่ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของแคว้น ชาวบ้านที่นี่ก็เลยมีความเป็นอยู่ค่อนข้างดีเพราะมีรายได้จากการทำงานฝีมือพวกเครื่องประดับและการทอผ้า แต่ว่าปัจจุบันเส้นทางการขนส่งพวกอัญมณีเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นที่สั้นกว่าและพวกชาวบ้านก็ไม่ได้ทำพวกงานเครื่องประดับอีกเลยทำให้คนสัญจรในช่วงหลายปีหลังจากนั้นไม่ค่อยรู้ว่ามีหมู่บ้านนี้อยู่”

“คนในหน่วยหมาป่าดำบอกข้ามาว่าคิเรบัสส่งคนเข้ามาคอยสืบดูการเคลื่อนไหวของทางเราอยู่บ่อยๆ ข้าจึงเลือกหมู่บ้านที่ไม่เป็นที่สังเกตและเข้าถึงได้ยาก และการที่หมู่บ้านนี้ปลอดภัยก็เพราะอยู่ในป่าลึกและไม่มีหุบเขาล้อมรอบ ทำให้ยากต่อการสังเกต เลยเหมาะสำหรับการเตรียมแผนการของเราในครั้งนี้”

ไบรโอเนียกล่าวขึ้นมาบ้าง ก่อนจะชักม้าให้หยุดเมื่อเดินมาถึงกลุ่มคนที่ยืนรวมตัวรอพวกตนอยู่แล้ว

เอ็ดการ์ไถลตัวลงจากหลังม้าและเดินเข้าไปหาชายที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านพร้อมกับค้อมศีรษะรับการทักทายของหัวหน้าหมู่บ้าน ก่อนจะมองเลยไปยังโรงนาหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหลังแทน

“ขอโทษที่ต้องรบกวนกันนะท่านหัวหน้าหมู่บ้าน”

“ไม่เป็นไรหรอกขอรับท่านอัศวิน ข้าและชาวหมู่บ้านทุกคนเต็มใจที่จะช่วยเหลือองค์ราชาและองค์หญิงเพื่อแคว้นของเราอยู่แล้ว เชิญทุกท่านเข้าไปพักผ่อนเถอะขอรับ ข้าได้จัดเตรียมที่พักและอาหารให้กับพวกท่านแล้ว... เชิญองค์หญิงและองค์ชายทางนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

แล้วหัวหน้าหมู่บ้านก็ผายมือนำทางทีนิสและไบรโอเนียไปที่บ้านหลังใหญ่ของตนที่ได้เตรียมการรับรองคนทั้งคู่เป็นพิเศษ ในขณะที่พวกของเอ็ดการ์ เลโอน่าและผู้ติดตามคนอื่นๆ นั้นก็แยกไปที่พักอีกที่หนึ่งที่ทางหมู่บ้านจัดเตรียมเอาไว้ให้

“จริงๆ ไม่ต้องเป็นพิธีรีตองกับพวกข้ามากนักก็ได้ ข้ามาที่นี่ในฐานะของคนธรรมดาไม่อยากจะให้เป็นที่สังเกต”

ไบรโอเนียกล่าวเมื่อนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่หัวหน้าหมู่บ้านจัดเตรียมอาหารที่แม้จะไม่หรูหราแต่ก็พอมองออกว่านี่คงเป็นของที่ดีที่สุดที่ทางหมู่บ้านจะหาได้ ซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านนั้นทำสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยก่อนจะตอบ

“นานๆ ครั้งหมู่บ้านของหม่อมฉันจะมีโอกาสได้ถวายการต้อนรับขององค์หญิง ทรงวางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะเพราะไม่มีใครรู้แน่นอนว่าทรงประทับอยู่ที่นี่ พวกเราปิดกั้นคนนอกไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้านมาสักระยะตั้งแต่ได้รับคำสั่งจากองค์หญิงให้เตรียมการเกี่ยวกับการสร้างคณะละครเร่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจเจ้ามาก แต่มื้อต่อไปข้าขอให้กินอยู่แบบคนในหมู่บ้านของเจ้าเถอะนะ อย่ามาสิ้นเปลืองกับพวกข้าเลย”

“พ่ะย่ะค่ะ เชิญองค์หญิงและองค์ชายเสวยพระกระยาหารตามสบายนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทูลลาไปดูแลพวกท่านอัศวินและคณะติดตามก่อน หม่อมฉันจะให้ภรรยาคอยดูแลพวกพระองค์เผื่อมีอะไรขาดเหลือ”

พูดจบหัวหน้าหมู่บ้านก็โค้งเคารพคนทั้งคู่เมื่อไบรโอเนียพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอกบ้านซึ่งกำลังวุ่นวายอยู่กับการขนย้ายข้าวของและสัมภาระของพวกนางอยู่

“พวกเขาตั้งใจที่จะแสดงความเคารพด้วยการต้อนรับเจ้าอย่างดีแบบนี้ เจ้าไม่น่าจะไปตัดรอนน้ำใจพวกชาวบ้านนะ”

ทีนิสเอ่ยขึ้นมาในขณะที่เขาและนางกำลังรับประทานอาหารด้วยกัน

“ข้าไม่อยากให้การมาของพวกเราเอิกเกริกเกินไปน่ะ เพราะตอนนี้ข้าไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้าหญิงรัชทายาทของดาร์ซี แต่เป็นหัวหน้าของหน่วยหมาป่าดำที่ทำงานใต้ดินเพื่อช่วยท่านให้กลับคืนสู่บัลลังก์ ลืมไปแล้วหรือ?”

“เรื่องนั้นข้ารู้ดี แต่ในสายตาของพวกประชาชนยังไงเจ้าก็เป็นองค์หญิงของพวกเขาอยู่วันยังค่ำ ความจงรักภักดีของประชาชนน่ะแสดงออกได้ไม่กี่อย่าง การที่พวกเขาต้อนรับเจ้าอย่างดีแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งซึ่งข้าว่าเจ้าไม่ควรจะเมินเฉยกับมัน”

“นี่ท่านกำลังสอนข้า?” นางย้อนพลางตวัดสายตามองเขาคล้ายจะไม่พอใจอยู่บ้าง

“ข้าแค่แนะนำในสิ่งที่เจ้าควรจะทำในฐานะของเจ้าหญิงรัชทายาท การได้รับความเชื่อใจและเคารพนับถือจากประชาชนนั้นเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นผู้ปกครองแคว้น”

ไบรโอเนียกลอกตาใส่พร้อมกับหัวเราะอย่างเห็นขันกับคำพูดของเขา

“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะไบรโอเนีย” ทีนิสกล่าวย้ำเสียงหนักพร้อมกับมองนางด้วยสายตาที่ทำให้นางหยุดหัวเราะได้แทบจะในทันใด น่าแปลกที่เพียงแค่คำพูดเพียงประโยคเดียวและสายตาของเขานั้นทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่กำลังถูกตำหนิ และบรรยากาศระหว่างเขากับนางก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นตึงเครียดและน่าอึดอัด

“ท่านตำหนิข้า” นางกล่าวเสียงเบาในขณะที่สายตาของนางนั้นมองไปที่จานอาหาร

“ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้า แต่ข้ากำลังให้คำชี้แนะเจ้า ข้าอาจต่อสู้ไม่เก่งเหมือนเจ้า แต่เรื่องศาสตร์การปกครองคนนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ข้าเองคิดว่าเจ้าก็น่าจะได้เรียนรู้มาไม่น้อย แต่บางครั้งการที่เจ้ามัวแต่ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นสายสืบหาข้อมูลก็อาจทำให้เจ้าลืมหลักการในการปกครองคนไปได้”

แล้วเขาก็ใช้ปลายนิ้วดันปลายคางของนางให้หันมามองเขา

“เจ้าโกรธข้าหรือ”

“ข้าเปล่าโกรธ” นางตอบก่อนจะหันหน้าหนีเมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนที่เขามองมา

“ที่ท่านพูดมาก็ถูก คราวต่อไปข้าจะระวังคำพูดของตัวเองให้มากกว่านี้”

ทีนิสอมยิ้มกับท่าทางของนางก่อนจะยื่นขนมปังที่เขาฉีกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ให้

“คนในหมู่บ้านนี้อบขนมปังได้อร่อยดีนะ ลองชิมดูสิ”

“ไม่เป็นไร ข้าทานของข้าเองได้”

แล้วนางก็หยิบขนมปังจากตระกร้าใกล้มือออกมาบิใส่ปากและทำเป็นไม่สนใจทีนิสที่มองนางด้วยความเอ็นดูกับความดื้อดึงของนาง




***********************************




หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้วทีนิสและไบรโอเนียก็เรียกพวกคณะเดินทางมาประชุมเพื่อวางแผนการที่จะต้องเตรียมการก่อนที่จะเดินทางข้ามชายแดนไปยังคิเรบัส

“เราจะหยุดพักอยู่ที่หมู่บ้านนี้สักสองสัปดาห์เพื่อเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมและรอฟังข่าวจากสายที่ข้าส่งไปสืบข้อมูลก่อนหน้านี้ว่าเราจะสามารถเดินทางข้ามชายแดนไปได้โดยปลอดภัยได้ยังไง”

เอ็ดการ์กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่จุดหนึ่งในแผนที่ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่อยู่ตรงเส้นแบ่งชายแดนของระหว่างสองแคว้น

“แผนก็คือเราจะเข้าไปที่คิเรบัสด้วยเส้นทางนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการเดินทาง เพราะเส้นทางนี้กองทหารของคิเรบัสจะไม่ค่อยสนใจเท่าไรนักเนื่องจากเป็นเส้นทางเก่าและยากแก่การเดินทางสำหรับคนทั่วไป ซึ่งถ้าหากเราใช้เส้นทางนี้ก็จะปลอดภัยต่อการตรวจค้น”

ไบรโอเนียพยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับสิ่งที่เอ็ดการ์รายงาน

“ถ้าเช่นนั้นเราก็จะเริ่มต้นแผนการของเราที่เมืองนี้ และไล่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงทาลีน เมืองหลวงของคิเรบัส ซึ่งนั่นคือเป้าหมายหลักของเรา ในระหว่างนั้นพวกเราก็ต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้อย่างระมัดระวัง ในระหว่างที่เราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้นอกจากหัวหน้าหมู่บ้านแล้วไม่มีใครรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกเราคือใคร ข้าหวังว่าพวกเจ้าคงจะเข้าใจที่ข้าพูดนะ”

เมื่อเห็นทุกคนพยักหน้ารับคำสั่งของไบรโอเนีย นางก็หันมาทางทีนิสที่นั่งเงียบไม่พูดอะไรตั้งแต่เริ่มการประชุมแล้ว

“ท่านมีความคิดเห็นอะไรบ้างไหม?”

“หลังจากที่เราเดินทางเข้าเขตแดนของคิเรบัสแล้ว อาจจะมีเหตุการณ์อะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้ สิ่งเดียวที่ข้าอยากจะให้พวกเจ้าทำตามก็คือ ขอให้พวกเจ้าคิดถึงตัวเองก่อนข้า”

“หม่อมฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะเพคะ จะให้ทิ้งองค์ชายไว้แล้วหนีเอาตัวรอดได้เช่นไรกัน”

“พวกเจ้าอย่าลืมสิว่านี่เป็นเรื่องของข้ากับแคว้นคิเรบัส อย่าเอาชีวิตตัวเองต้องมาเสี่ยงตายที่ต่างแคว้นเช่นนี้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นพวกเจ้าจงรีบหนีไป อย่าให้ข้ามาเป็นตัวถ่วงของพวกเจ้าเลย”

“อย่าเพิ่งคิดถึงอะไรที่ยังไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าหากระวังตัวกันมากพอก็คงจะไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก” ไบรโอเนียตัดบท

“ในระหว่างที่เรารอข่าวและเตรียมการอยู่ พวกเจ้าก็คงใช้ช่วงเวลาที่ว่างอยู่นี่ฝึกฝนตัวเองทั้งการต่อสู้และการแสดงละครเร่ให้ชำนาญ...”

นางพยักหน้าเมื่อเห็นทุกคนรับคำก่อนที่จะกล่าวทิ้งท้าย

“พวกเจ้ารีบนอนพักผ่อนเถอะ และพรุ่งนี้เช้ามาก็คอยช่วยงานของพวกชาวบ้านในหมู่บ้านด้วย จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต”

เมื่อได้รับคำสั่งของนางแล้วทุกคนก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพแล้วก็พากันแยกย้ายไป โดยเหลือไว้แค่ทีนิสกับไบรโอเนียที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม

“ทำไมท่านถึงได้พูดแบบนั้นออกมาล่ะ มันจะทำให้คนเสียกำลังใจนะรู้ไหม?”

“เพราะมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ทุกอย่างจะสำเร็จและลุล่วงไปตามที่วางแผนเอาไว้โดยไม่มีอุปสรรคอะไร และข้าเองก็รู้ดีว่าพวกเจ้าเสียสละมากแค่ไหนที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือข้าในครั้งนี้”

“ก็ข้าบอกแล้วว่า...”

นางหยุดพูดเมื่อเขาแตะมือลงบนหลังมือของนาง ก่อนที่เขาจะชะโงกตัวเข้ามาใกล้จนนางเกือบจะผงะถอยห่างแต่ก็ตระหนักได้ว่านางจะต้องรักษาสีหน้าให้นิ่งเฉยเอาไว้

“ถือว่าข้อร้องเจ้าเถอะนะไบรโอเนีย ข้าไม่อยากจะเห็นใครต้องมาตายเพราะข้าเป็นต้นเหตุอีกแล้ว”

ถ้าหากว่าเป็นปกติแล้วนางคงจะเถียงกับเขาไปแล้ว แต่ทว่าในเวลานี้หัวใจของนางกลับเต้นรัวแรงและสิ่งที่นางทำได้ก็คือรีบชักมือกลับก่อนจะลุกขึ้นยืน

“เรื่องมันยังไม่เกิดขึ้นอย่าเพิ่งพูดให้มันเป็นลางร้ายเลย... นี่ก็ดึกแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะ ท่านเองก็ควรจะต้องพักผ่อนเหมือนกันจะได้ไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน”

องค์ชายหนุ่มมองร่างระหงที่เดินออกจากห้องที่ใช้ในการประชุมด้วยความหนักใจ เมื่อดูเหมือนว่าพวกนางจะไม่ยอมเข้าใจจุดประสงค์ในสิ่งที่เขาพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดเพราะเขาไม่คิดอยากให้ใครต้องมาบาดเจ็บหรือล้มตายเพราะเขาเป็นต้นเหตุอีกต่อไป


Be Continued


อ่านจบแล้วไม่รีบไปไหน แวะคุยกันก่อนได้นะคะ ^ ^

++ รักคนอ่านค่ะ ++




Create Date : 25 มีนาคม 2558
Last Update : 28 มีนาคม 2558 9:05:58 น.
Counter : 599 Pageviews.

1 comments
  
องค์ชายเริ่มมีมุมเก่งให้เห็นในแง่การวางกลยุทธบ้างแล้ว แถมยังขยันฝึกฝนการต่อสู้ด้วย ไม่เกิดเรื่อง เจ้าชายคงไม่เปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้
คนอยู่ด้วยกัน ผูกพันกัน จะให้ทิ้งเมื่อมีภัย ยากที่จะทำได้จริงๆ เจ้าชายน่าจะรู้
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 25 มีนาคม 2558 เวลา:19:53:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


มีนาคม 2558

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
15
16
17
18
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend