บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 18
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว

คุณgoldensun: ต้องตามดูกันต่อค่ะ เพราะตัวพ่อเองก็เหมือนจะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร อิอิ

คุณพี่สุ...จ้า: อ่านต่อเลยค่ะ :)



บทที่ 18


ทีนิสยกมงกุฎของกษัตริย์แห่งแคว้นคิเรบัสที่วางอยู่บนแท่นพิธีขึ้นมาสวม ก่อนที่จะยืนสงบนิ่งรับพรจากหัวหน้านักบวชที่กำลังให้พรแก่เขา และเมื่อเสร็จสิ้นแล้วเขาก็เดินไปนั่งบนบัลลังก์ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆ ท้องพระโรงที่มีทั้งขุนนางในราชสำนักและผู้ครองแคว้นต่างๆ ที่มาเป็นสักขีพยานในการขึ้นครองราชย์ และสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ผู้ครองแคว้นดาร์ซีและพระธิดาที่นั่งอยู่ข้างๆ

แม้ว่านางจะดูงดงามสมฐานะรัชทายาทของแคว้นดาร์ซี ใบหน้าของนางราบเรียบไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ปรากฏออกมา หากเมื่อรู้ว่าทีนิสกำลังมองนางอยู่ นัยน์ตาสีเขียวสว่างของนางทอประกายไหววูบอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะเบือนหน้าหลบสายตาของเขา

ทีนิสลอบถอนหายใจแล้วก็ทำสีหน้าเป็นปกติเมื่อระลึกได้ว่าเขายังอยู่ในพิธีราชาภิเษกอยู่แล้วหันไปให้ความสนใจกับกีเธอร์ที่ก้าวออกมายืนตรงกลางท้องพระโรงแทน

แม่ทัพแห่งแคว้นคิเรบัสที่ในวันนี้แต่งกายด้วยชุดพิธีการเต็มยศค้อมศีรษะให้กับเขาก่อนจะย่อตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมกับเอามือข้างขวายกขึ้นมาแตะหน้าอกด้านซ้ายเอาไว้พร้อมกับกล่าวคำปฏิญาณตน

“เกล้ากระหม่อมกีเธอร์ ผู้นำแห่งกองทัพคิเรบัสขอน้อมถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่าเกล้ากระหม่อมทั้งหลายจะจงรักภักดีและปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์เพื่อสร้างความมั่นคงเป็นปึกแผ่นให้แก่แคว้นของเรา และเพื่อนำพาสันติสุขให้กลับคืนสู่มหาทวีปตามพระประสงค์ที่ทรงตั้งมั่นพระทัยเอาไว้ทุกประการ... ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ”

เมื่อกีเธอร์กล่าวจบ เหล่าทหารและขุนนางที่ยืนเรียงแถวอยู่ด้านหลังทีนิสนั้นก็พากันคุกเข่าลงพร้อมกับกล่าวตามคำพูดของกีเธอร์โดยพร้อมเพรียงกันดังกึกก้องไปทั่วทั้งท้องพระโรง

ทีนิสพยักหน้ารับคำอวยพรเหล่านั้นก่อนที่จะยกมือเป็นเชิงบอกให้ทุกคนเงียบ

“องค์ราชาไททัสผู้เป็นพระบิดาของข้าเคยกล่าวกับข้าไว้เสมอว่า การสร้างสันติสุขนั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปต่อสู้หรือแย่งชิงเอาสิ่งใดที่เป็นของคนอื่นมาเป็นของตนเพื่อควบคุมให้เป็นไปในทิศทางที่ตนเองต้องการ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้สันติภาพเกิดขึ้น แต่เป็นแค่การควบคุมซึ่งแน่นอนว่าการควบคุมย่อมมีวันที่จะต้องเสื่อมถอยและไร้ซึ่งอำนาจเข้าสักวัน เพราะเช่นนั้นพระบิดาของข้าจึงได้มีความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาและหวังจะดำเนินการให้เป็นความจริง แต่น่าเสียดายที่ต้องสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อนที่จะได้เริ่ม”

ทีนิสหยุดพูดไปครู่หนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มที่แฝงด้วยความเศร้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายนั้น ก่อนที่จะกล่าวต่อ

“ในเมื่อข้าได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากพระองค์แล้ว ข้าเองก็จะสืบทอดเจตนารมย์ของพระบิดาในเรื่องการสร้างสันติภาพให้กับทุกแคว้นในมหาทวีป ซึ่งมันอาจต้องใช้เวลาเพราะเรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากข้อตกลงที่แต่ละแคว้นมีร่วมกัน ซึ่งในเวลานี้นับว่าเป็นโอกาสดีที่ผู้ครองแคว้นทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่นี่”

ทีนิสกล่าวพลางมองไปที่โลเอลและไบรโอเนียซึ่งกำลังมองเขาด้วยความสนใจว่าเขาจะว่าเช่นไรต่อไป

“ข้าขอประกาศให้แคว้นดาร์ซีเป็นอิสระจากการเป็นแคว้นในปกครองของคิเรบัส”

เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีที่ทีนิสพูดจบ ผู้ครองแคว้นในปกครองหลายแคว้นทำหน้าไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างมากและหันไปพูดคุยกันเสียงดังอื้ออึงไปทั่วทั้งท้องพระโรงจนทีนิสต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้เงียบ

“ถ้าหากพวกท่านมีข้อกังขาอะไรก็เชิญพูดได้เลย”

“เพราะเหตุผลใดท่านถึงได้ยอมให้แคว้นดาร์ซีเป็นเอกราช แล้วแคว้นในปกครองอื่นๆ เช่นพวกเราเล่า ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าพวกเราก็อยากเป็นเอกราชเช่นกัน”

ทีนิสหันไปมองผู้ครองแคว้นมาเดเลียซึ่งเป็นหนึ่งในแคว้นในปกครองซึ่งเป็นผู้ถามคำถามนี้กับเขา

“ที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้ก็เพราะแคว้นดาร์ซีแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะเป็นแคว้นที่อยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นใดๆ มันคงไม่ใช่เรื่องดีหรอกถ้าหากแคว้นดาร์ซีจะเลือกก่อสงครามเพื่อเป็นเอกราชในอนาคต”

พอทีนิสย้อนมาแบบนั้นผู้ครองแคว้นมาเดเลียก็ทำสีหน้าเจื่อนลงไปเพราะทุกแคว้นต่างก็รู้จักความฉกาจของกองทัพของแคว้นดาร์ซีที่แสนยานุภาพเป็นรองแต่เฉพาะแคว้นคิเรบัสที่มีจำนวนทหารที่มากกว่า และมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่เพราะคิเรบัสคงจะต้องระดมกำลังทหารจากทั้งในแคว้นของตนและจากแคว้นในปกครอง ซึ่งก็เท่ากับการที่จะต้องสูญเสียกำลังทหารโดยใช่เหตุ

“สันติภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าหากว่าไม่มีเสรีภาพ แต่เสรีภาพทั้งหมดไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาทันที และในวันนี้ ข้าจะเริ่มต้นการสร้างสันติภาพให้กับมหาทวีปด้วยการให้เสรีภาพกับแคว้นดาร์ซีก่อน”

โลเอลลุกขึ้นยืนหลังจากที่ทีนิสพูดจบ ราชาผู้ครองแคว้นดาร์ซีมองทีนิสที่นั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างชื่นชม วิธีการที่ทีนิสรับมือกับผู้ครองแคว้นอื่นที่แสดงท่าทีไม่พอใจได้อย่างสงบนิ่งและทักษะการเจรจาที่สมคำร่ำลือแล้วว่ากษัตริย์องค์ใหม่ของแคว้นคิเรบัสนั้นปรีชาสามารถมากเพียงใด

“ข้าขอยืนยันว่าแม้จะเป็นเอกราชแล้ว ดาร์ซีก็ยังอยากจะมีความสัมพันธ์อันดีกับคิเรบัสอยู่ เรื่องของปัญหาขัดแย้งทางด้านการทหารนั้นขอให้ท่านสบายใจได้”

“ข้ายินดีรับไมตรีจากดาร์ซีด้วยความยินดีเช่นกัน หลังจากเสร็จงานราชาภิเษกแล้ว ข้าจะส่งทูตไปเจรจาเพื่อหาข้อตกลงในเรื่องการค้าและความร่วมมือระหว่างแคว้นให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด”

“ข้าและชาวดาร์ซีจะจดจำน้ำใจของท่านในครั้งนี้ไว้ไม่ลืมเลือน”

ทีนิสพยักหน้ารับแล้วสายตาของเขาก็มองเลยไปทางไบรโอเนียที่ค้อมศีรษะให้กับเขาพร้อมกับขยับปากกล่าวคำขอบคุณแล้วนางก็หลุบตามองมือของตนที่ประสานกันอยู่บนหน้าตักเพื่อหลบสายตาของเขาอีกครั้ง ทีนิสยิ้มกับท่าทางของนางที่แม้จะไม่ได้แสดงออกอะไรมากแต่ก็ยังดีที่นางรับรู้แล้วว่าเขาได้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้

แล้วทีนิสลุกขึ้นยืนในฐานะกษัตริย์องค์ใหม่ของแคว้นคิเรบัส เขากวาดสายตามองไปทั่วท้องพระโรงซึ่งทุกคนต่างกำลังรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ

“ข้าอยากจะขอความร่วมมือจากพวกเหล่าผู้ครองแคว้นในการช่วยกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในมหาทวีป ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาแต่ข้าขอรับรองว่าในอนาคตอีกไม่นานหลังจากนี้ จะไม่มีแคว้นใดถูกยึดครองหรือเป็นผู้ปกครองอีกต่อไป แต่จะเป็นการอยู่ร่วมกันโดยการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน” ทีนิสค้อมศีรษะให้กับเหล่าผู้ครองแคว้นเมื่อกล่าวจบก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนในฐานะกษัตริย์องค์ใหม่ของแคว้นคิเรบัส

“และสำหรับประชาชนชาวคิเรบัสทุกคน ข้าให้สัญญาว่าข้าจะปกครองคิเรบัสด้วยความเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สุขของชาวคิเรบัสทุกคนในภายภาคหน้า ขอให้สันติสุขจงเกิดแก่คิเรบัสและมหาทวีป ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการขึ้นครองบัลลังก์ของข้าในครั้งนี้”

ทันทีที่ทีนิสพูดจบ เสียงตะโกนกู่ร้องอวยพรจากทั้งประชาชนและขุนนางทั้งที่อยู่ในและนอกปราสาทดังประสานกันกับเสียงดนตรีจากวงดนตรีที่บรรเลงเพลงเฉลิมฉลอง



******************************



ทีนิสก้าวลงมาจากแท่นบัลลังก์เพื่อจับมือและพูดคุยกับเหล่าผู้ครองแคว้นที่ยืนรอแสดงความยินดีกับเขาทีละคนด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม จนกระทั่งมาถึงผู้ครองแคว้นดาร์ซีและพระธิดา

“ข้าขอบคุณที่ท่านรักษาสัญญา” โลเอลกล่าวขอบคุณเขาในขณะที่จับมือกับเขา

“ต้องเป็นฝ่ายข้าต่างหากที่ต้องเป็นผู้กล่าวขอบคุณ” ท้ายประโยคเขาหันไปทางไบรโอเนีย “ถ้าหากไม่มีพวกท่านแล้วข้าอาจจะไม่มีวันนี้ก็ได้ ข้าได้แต่หวังว่าหลังจากนี้พวกเราจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นให้ดีเช่นนี้ไปตลอด”

“พระองค์รักษาสัญญาที่ทรงให้เอาไว้แล้ว ดาร์ซีเองก็จะรักษาคำสัตย์ที่ให้ไว้กับพระองค์เช่นกันเพคะ ทรงสบายพระทัยได้” ไบรโอเนียตอบเขาอย่างนอบน้อม

“หลังจากนี้ข้าคงคิดถึงเวลาที่ข้าอาศัยอยู่ที่ดาร์ซีอยู่ไม่น้อย... ถ้าหากไม่เป็นการขอที่มากเกินไป ข้าขอฝากให้องค์หญิงช่วยดูแลเลโอน่าและพวกเพื่อนๆ ที่เคยช่วยเหลือข้าจะได้ไหม”

“คนที่ทำคุณงามความดีให้กับแคว้นดาร์ซีย่อมได้รับการปูนบำเหน็จอย่างดีอยู่แล้ว ส่วนเลโอน่าตอนนี้หม่อมฉันให้นางมาช่วยงานหม่อมฉันอยู่แล้ว พระองค์ไม่ต้องทรงเป็นห่วงเรื่องนั้นมากหรอก”

โลเอลแสร้งกระแอมให้คนทั้งคู่รู้ตัวว่าพูดคุยกันนานเกินไปจนคนอาจจะผิดสังเกตได้ นางหันไปมองพระบิดาของตนแล้วก็พยักหน้า

“ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งเพคะ ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ” นางกล่าวพลางย่อตัวทำความเคารพกับเขา หากทว่าทีนิสกลับยื่นมือออกมาเพื่อขอจับมือกับนางแล้วเขาก็ยกมือของนางขึ้นมาประทับจุมพิตแนบแน่นจนทำให้ไบรโอเนียรีบชักมือกลับพร้อมกับทำสีหน้าให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ข้าหวังว่าคิเรบัสคงจะสร้างความประทับใจให้กับองค์หญิงบ้างนะ”

คำพูดที่แฝงความนัยและสายตาของทีนิสที่มองมานั้นทำให้ไบรโอเนียบีบมือเข้าหากันแน่นเมื่อนางยังคงจำได้ดีว่าระหว่างเขากับนางนั้นมีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง นางกล้ำกลืนความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นลงคอก่อนที่จะคลี่ริมฝีปากยิ้มให้กับเขาพร้อมกับค้อมศีรษะ

“เพคะ เป็นความประทับใจที่หม่อมฉันคงจะจดจำไปอีกนาน คงไม่รบกวนเวลาของฝ่าบาทแล้ว หม่อมฉันและพระบิดาขอทูลลาตรงนี้เลยนะเพคะ”

แล้วนางก็ถอยออกห่างไปสอดมือคล้องแขนโลเอลที่ยืนรออยู่แล้วก็เดินจากไป ทีนิสมองตามหลังไปด้วยความรู้สึกอาวรณ์หากก็ไม่อาจจะสามารถแสดงมันออกมาได้เพราะเขายังต้องกล่าวขอบคุณและพูดคุยกับผู้ครองแคว้นคนอื่นๆ อยู่



****************************



โลเอลและไบรโอเนียนั้นได้เดินทางกลับดาร์ซีทันทีหลังจากเสร็จสิ้นพิธี ในขณะที่นั่งรถม้ากลับไปที่ดาร์ซีด้วยกันนั้นโลเอลมองพระธิดาของตนอย่างจับสังเกตว่านางกำลังรู้สึกเช่นไร หากทว่าไบรโอเนียก็ซ่อนมันเอาไว้ด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยเสียจนไม่สามารถอ่านความรู้สึกของนางได้ว่านางรู้สึกเช่นไร

“ลูกดูเงียบไปนะ กำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า”

ไบรโอเนียที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดพิธีการกลับมาเป็นชุดแบบธรรมดาแล้วหันมามองโลเอลก่อนจะส่ายหน้า

“เปล่านี่เพคะ หม่อมฉันก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”

“ที่ว่าเรื่อยเปื่อยน่ะเกี่ยวกับเรื่องขององค์ราชาทีนิสหรือเปล่า” คำถามที่เหมือนเอาธนูมายิงกลางใจนางนั้นทำให้ไบรโอเนียนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนจะแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน

“ทำไมสเด็จพ่อถึงได้ถามลูกเช่นนี้ล่ะเพคะ”

“ก็ก่อนหน้านี้พ่อเห็นลูกกับองค์ราชาทีนิสสนิทสนมกันดีไม่ใช่หรือไง”

“ภารกิจของลูกที่เกี่ยวข้องกับเขาน่ะจบลงไปแล้ว หลังจากนี้ลูกกับเขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเกี่ยวข้องกันอีกแล้วก็คงจะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้ลูกคิดถึงเขาแล้วล่ะเพคะ”

โลเอลมองพระธิดาของตนอย่างพิจารณาหากก็ไม่ได้ซักถามอะไรนางต่อแม้จะรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทีนิสกับนางเป็นแน่ แต่เมื่อนางเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมาก็แสดงว่านางคงตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้ว และนั่นคงเป็นสาเหตุที่นางเอาแต่นั่งเงียบในระหว่างที่เดินทางกลับเช่นกัน

ไบรโอเนียลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อพระบิดาของนางไม่คิดจะถามอะไรนางต่อเพราะนางไม่มั่นใจตัวเองว่าจะเก็บซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดจากการจากลาเขาเอาไว้ได้ลึกพอที่โลเอลจะไม่สังเกตเห็นหรือไม่

เรื่องระหว่างเขากับนางมันจบลงแล้ว และนางก็ไม่มีเวลาจะมาเศร้าหรือเสียใจกับสิ่งที่เลือกเพราะยังมีอะไรอีกหลายอย่างรอให้นางกลับไปจัดการที่ดาร์ซี แต่ทว่าไบรโอเนียก็รู้อยู่เต็มอกว่านางได้ทิ้งหัวใจของนางเอาไว้ที่คิเรบัสแล้ว และหวังว่าวันเวลาที่ผ่านเลยไปนั้นจะช่วยให้นางลืมความรู้สึกนั้นไปได้ในที่สุด



******************************



หลังจากงานพิธีราชาภิเษกแล้วทีนิสก็ต้องวุ่นวายกับเกี่ยวกับการบริหารงานปกครองแผ่นดินจนแทบจะไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นเอาเสียเลย กษัตริย์องค์ใหม่แห่งแคว้นคิเรบัสถอนหายใจแล้วยกมือนวดขมับเพื่อไล่ความเครียดหลังจากที่เขาอ่านบันทึกรายงานทั้งหมดจากเสนาบดีที่ดูแลด้านต่างๆ ที่เขาแต่งตั้งขึ้นหลังจากที่จัดการพวกขุนนางที่อยู่ข้างเลกัสไปจนหมดแล้ว นับตั้งแต่วันที่เขาขึ้นครองราชย์ถ้าหากไม่โหมงานหนักจนเหนื่อยและหลับไปเองแล้วนั้นเขาก็ไม่อาจจะข่มตาให้นอนหลับได้ด้วยตัวเองเลย

ทีนิสมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วคิดถึงใครบางคนที่อยู่ห่างไกลออกไปอย่างใจลอย ยังคงนึกเสียดายที่ไม่ได้พูดจาร่ำลากับนางให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เขาก็เข้าใจว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนางที่จะเก็บความรู้สึกเอาไว้เช่นเดียวกับเขา นางจึงเลือกที่จะไปจากเขาให้เร็วที่สุดก่อนที่จะเปลี่ยนใจกระมัง และดูเหมือนว่านางพยายามจะตัดขาดกับเขาให้ได้จริงๆ เพราะเขาไม่ได้ยินข่าวคราวของนางเลยแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นนั้นจะเป็นไปในทางที่ดีแล้วก็ตาม

ป่านนี้แล้วนางจะเป็นเช่นไรบ้าง จะนั่งคิดถึงเขาเหมือนอย่างที่เขากำลังคิดถึงนางอยู่ทุกลมหายใจเช่นนี้หรือไม่...

ทีนิสนึกแล้วก็ยิ้มเศร้าๆ ให้กับตัวเองก่อนจะดับตะเกียงที่อยู่บนโต๊ะแล้วเดินไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนก่อนจะหลับตาและจมตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเหนื่อยอ่อน

ขอเพียงแค่ได้พบเจอในฝันบ้างก็คงจะทำให้เขามีความสุขได้บ้างแม้มันจะไม่จริงก็ตาม...



********************************



เลโอน่ามองไบรโอเนียที่เอาแต่โหมงานทั้งช่วยองค์ราชาดูแลราชการเมืองรวมถึงคิดริเริ่มการช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่ต้องเร่ร่อนไปหางานในตัวเมืองด้วยความหนักใจ เพราะตั้งแต่กลับมาจากแคว้นคิเรบัสนางก็มีท่าทีแปลกๆ ไปมาก

“เป็นอะไรไปหรือเลโอน่า ทำไมถึงได้ขมวดคิ้วมุ่นเชียว” เอ็ดการ์เอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นท่าทางของลูกศิษย์ของตนหลังจากที่เสร็จงานจากการช่วยงานของไบรโอเนียแล้ว

“ข้ารู้สึกว่าองค์หญิงทรงดูแปลกไปน่ะค่ะท่านอาจารย์ พระองค์แลดูไม่สดใสหรือมีชีวิตชีวาเอาเสียเลย แถมทรงงานหนักจนข้ากลัวว่าอาจจะทรงประชวรเข้าสักวันก็ได้”

เอ็ดการ์ถอนใจเมื่อได้ทราบถึงความไม่สบายใจของเลโอน่าและรู้ดีว่าเพราะเหตุใดไบรโอเนียจึงเป็นเช่นนี้

“มีหลายเรื่องเกิดขึ้นที่นั่น ข้าเองก็เป็นห่วงองค์หญิงอยู่เหมือนกัน”

เลโอน่าทำท่าทางสนใจกับสิ่งที่เขาพูดขึ้นมาทันที “ถ้าเช่นนั้นเราจะทำเช่นไรให้องค์หญิงทรงกลับมาเป็นปกติได้ล่ะคะ”

“เราทำอะไรไม่ได้หรอกเลโอน่า เรื่องแบบนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ว่าโชคชะตาจะกำหนดให้เป็นอย่างไรเท่านั้นแหละ”



******************************



ไบรโอเนียพยักหน้าให้กับข้ารับใช้หญิงที่เพิ่งเสร็จจากการช่วยนางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดสตรีสูงศักดิ์ที่มาเป็นชุดนอน นางห่อไหล่เมื่อลมหนาวของปลายฤดูใบไม้ร่วงที่พัดเข้ากรูเข้ามากระทบผิวกายที่มีแต่เพียงชุดนอนเนื้อบางเบาสวมอยู่ และนั่นก็ทำให้นางตระหนักได้ว่าเวลาล่วงผ่านไปนานเท่าไรแล้วนับตั้งแต่ดาร์ซีเป็นเอกราชจากคิเรบัส และอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้นางยกมือขึ้นแตะหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังบีบรัดหัวใจของนางเอาไว้

นี่ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้วกระมังที่นางจากเขามา...

ไบรโอเนียถอนหายใจเมื่อมองดวงจันทร์ที่กระจ่างอยู่บนท้องฟ้า ดวงจันทร์หรือดวงดาวไม่เคยสวยงามอีกเลยนับตั้งแต่วันที่นางทิ้งหัวใจของตัวเองเอาไว้ที่คิเรบัส

ทั้งที่พร่ำบอกกับตัวเองเอาไว้เสมอว่าเรื่องระหว่างนางกับเขาที่จะครองรักคู่กันนั้นคงไม่มีวันเป็นไปได้ และถ้าหากปล่อยเวลาให้ผ่านล่วงเลยไปทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นเองแท้ๆ หากทว่าในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม

ในแต่ละวันที่ผ่านมาไบรโอเนียบังคับร่างกายและสมองของนางให้มุ่งอยู่กับหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมายมาราวกับเป็นหุ่นกระบอกที่ไร้วิญญาณแม้ว่ากว่าจะผ่านพ้นไปได้ในแต่ละวันนั้นช่างยาวนานเหลือเกินในความรู้สึกของนาง แต่ว่าอย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าปล่อยให้ตัวเองต้องมานั่งจมตัวเองอยู่กับเรื่องหัวใจของตัวเองจนไม่เป็นอันทำอะไร

และนอกเหนือจากช่วยงานราชกิจของพระบิดาแล้ว ไบรโอเนียก็ยังกลายเป็นเจ้าหญิงที่น่าหมายปองมากที่สุดคนหนึ่งในมหาทวีปหลังจากที่นางได้แสดงความเป็นเลิศทั้งทางด้านสติปัญญาและฝีมือการต่อสู้ให้ประจักษ์ต่อสายตาพวกผู้ครองแคว้นและรัชทายาทจากแคว้นต่างๆ ในการประลองกับทีนิสในครั้งนั้น จึงทำให้มีทั้งเจ้าชายรัชทายาทจากหลายแคว้นแวะเวียนมาที่ดาร์ซีเพื่อที่จะทำความรู้จักและสร้างความสนิทสนมกับนาง

แต่แม้ถึงเป็นเช่นนั้นไบรโอเนียก็รู้ดีว่านางไม่อาจจะตอบรับไมตรีให้กับผู้ใดได้อย่างที่ต้องการเพราะว่าหัวใจของนางนั้นไม่ได้อยู่กับตัวอีกต่อไปแล้ว และสภาพของนางในเวลานี้ก็ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้ที่รอวันแห้งเฉาไปตามกาลเวลาเท่านั้น

นางแค่นหัวเราะตัวเองเสียงหยันเมื่อหยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนางก่อนที่จะปาดมันทิ้ง ทั้งที่รู้ว่าป่วยการที่จะมานั่งเสียอกเสียใจกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว แต่ถ้าหากนางบังคับความรู้สึกของตัวเองได้อย่างใจก็คงจะไม่มานั่งเสียใจทุกครั้งเวลาที่คิดถึงเขาเช่นนี้หรอก

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนกับเป็นความฝันที่มันจบลงและนางต้องตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริงที่แสนปวดร้าวว่านางไม่อาจอยู่เคียงข้างเขาได้แม้ว่าก้นบึ้งของใจนางจะกรีดร้องหามันมากแค่ไหนก็ตาม...



********************************** 



โลเอลมองพระธิดาของตนที่เอาแต่นั่งเหม่อในขณะที่พวกตนกำลังอยู่ในรถม้าเพื่อเดินทางกลับพระราชวังหลังจากเสร็จการตรวจราชกิจในเมืองธอกาเรียด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าไบรโอเนียจะทำท่าทางเหมือนนางเป็นปกติเพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น หากในความเป็นจริงแล้วทุกคนต่างรู้ดีว่านางเปลี่ยนไปนับตั้งแต่กลับมาจากคิเรบัส และด้วยเพราะสาเหตุอะไรนั้นโลเอลก็รู้ดี

ทีนิสและไบรโอเนียอาจไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วโลเอลได้จับตามองความสัมพันธ์ของทั้งเขาและนางอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดผ่านทางการรายงานของเอ็ดการ์ และแน่นอนว่าสาเหตุที่ทำให้ไบรโอเนียดูซึมเศร้าและไม่สดใสเหมือนแต่ก่อนก็เป็นเพราะอาการตรอมใจที่ต้องจากคนรักมานั่นเอง

“ลูกกำลังคิดอะไรอยู่หรือไบรโอเนีย”

ไบรโอเนียสะดุ้งเมื่อถูกดึงออกมาจากห้วงคำนึงก่อนที่จะยิ้มกลบเกลื่อน “ลูกก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพคะ”

“นับตั้งแต่เจ้ากลับมาจากคิเรบัสพ่อสังเกตว่าเจ้าเอาแต่ทำงานหนักจนแทบจะไม่มีเวลาพักเลยนะ เจ้ามีเรื่องอะไรทุกข์ใจอยู่หรือเปล่า”

“ลูกแค่กำลังคิดถึงเรื่องงานที่จะต้องจัดการต่อหลังจากไปตรวจการในเมืองวันนี้เท่านั้นเอง ไม่ได้ทุกข์ใจหรือเป็นอะไรอย่างที่เสด็จพ่อตรัสมาหรอกเพคะ”

โลเอลหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูดนัก “จริงหรือ”

นางลอบกลืนน้ำลายเมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันที่ดูเหมือนว่าพระบิดากำลังไล่ต้อนนางให้จนมุม แม้ว่าในเวลานี้นางจะยังตีหน้านิ่งเฉยอยู่ได้ก็ตามที

“อย่าทรงเป็นกังวลมากเลยเพคะเสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ทรงเคยบ่นเอาไว้ว่าลูกเอาแต่ยุ่งกับงานสายสืบจนไม่ยอมทำหน้าที่รัชทายาท พอมาถึงตอนนี้ลูกกลับมาทำหน้าที่ตามปกติแล้วทำไมถึงทรงบ่นอีกล่ะเพคะ”

“อย่ามาเบี่ยงประเด็นหน่อยเลยน่าไบรโอเนีย เจ้าคิดว่าพ่อไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังปิดบังอะไรกับพ่ออยู่” โลเอลกล่าวดักคอนางพลางหัวเราะด้วยความชอบใจ ก่อนจะเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ที่พ่อเป็นห่วงก็คือลูกมีความสุขดีไหมไบรโอเนีย ตั้งแต่กลับมาจากคิเรบัสพ่อไม่เห็นรอยยิ้มในใบหน้าหรือแม้กระทั่งดวงตาของลูกเลย”

“ลูกก็มีความสุขเป็นปกติเพคะ” นางตอบแล้วก็ปั้นยิ้มให้แก่โลเอล “ที่เสด็จพ่อทรงเห็นเป็นแบบนั้นก็อาจจะเพราะว่าลูกเหนื่อยกับการช่วยราชกิจกระมังเพคะ”

โลเอถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อดูเหมือนนางจะไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวนางโดยง่าย “แต่พ่อไม่คิดเช่นนั้นนะลูกรัก รู้ไหมว่าท่าทางของเจ้าในตอนนี้น่ะ มันทำให้พ่อนึกถึงตอนที่พ่อสูญเสียพระมารดาของเจ้าไปใหม่ๆ เลย สีหน้าหมองเศร้าเหมือนกับใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้ในแต่ละวันเท่านั้น... บอกพ่อมาตามตรงเถอะว่าเจ้ากับองค์ราชาทีนิสน่ะรักกันใช่ไหม”

ไบรโอเนียอ้าปากค้างเมื่อรู้สึกเหมือนถูกจี้ตรงจุด “ลูกไม่ได้...”

“เจ้าโกหกพ่อได้นะไบรโอเนีย แต่เจ้าโกหกใจของเจ้าได้หรือ แค่เห็นสายตาที่พวกเจ้ามองกันพ่อก็รู้แล้วว่าพวกเจ้าคิดเช่นไรต่อกัน”

“แต่ถึงเช่นนั้นลูกก็ไม่อาจเอาเรื่องส่วนตัวเป็นใหญ่กว่าเรื่องของแคว้นเราได้หรอกเพคะ” นางแย้งก่อนจะถอนใจยาว “ลูกไม่อาจละทิ้งเสด็จพ่อได้เช่นกัน”

โลเอลย่นคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ “เจ้านี่พูดเหมือนกับว่าพ่อนี่แก่เฒ่าเสียเต็มทีทั้งที่จริงๆ พ่อยังแข็งแรงดีจนอยู่รออุ้มลูกคนที่สิบของเจ้าได้เลยด้วยซ้ำ”

ใบหน้าของนางแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างกะทันหันซึ่งนั่นก็ทำให้โลเอลที่สังเกตอาการของนางอยู่แค่นหัวเราะใส่นาง

“ดูหน้าของเจ้าสิ... ถึงปากเจ้าจะไม่ยอมรับแต่สีหน้าของเจ้าน่ะบอกให้พ่อรู้หมดทุกอย่างแล้ว”

“ถ้าหากว่าลูกเลือกที่จะอยู่กับเขา แล้วใครจะมาสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากเสด็จพ่อล่ะเพคะ” นางย้อนถามก่อนจะกล่าวตัดบท “ลูกรู้ตัวดีว่าทุกอย่างมันไม่มีทางเป็นไปได้ตั้งแต่ต้น และถึงแม้มันจะทำให้ลูกต้องรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ของลูกที่จะต้องทำในฐานะรัชทายาทของดาร์ซีไม่ใช่หรือเพคะ”

ถ้อยคำที่ยืนยันต่อความคิดอันดื้อรั้นของนางนั้นทำให้โลเอลส่ายหน้าด้วยความระอา

“รู้หรือเปล่าว่าเจ้านี่หัวแข็งเหมือนแม่ของเจ้าไม่มีผิดเลย”

แล้วโลเอลก็มองพระธิดาของตนที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีกด้วยสายตาครุ่นคิด จริงอยู่ที่นางเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์จากตนเพียงผู้เดียว แต่ทว่าการได้เห็นนางระทมทุกข์เช่นนี้หัวอกคนเป็นพ่อเช่นตนก็อาจทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

ขนาดนักรบที่แข่งแกร่งที่สุดยังมีวันอ่อนแอได้ แล้วนับประสาอะไรกับไบรโอเนียเล่า... เห็นทีว่าเขาจะยื่นมือเข้าไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเสียที




Be Continued


มาลุ้นกันต่อตอนหน้านะคะ

++ รักคนอ่านค่ะ ++




Create Date : 12 พฤษภาคม 2558
Last Update : 12 พฤษภาคม 2558 22:10:17 น.
Counter : 485 Pageviews.

2 comments
  
เย้...มีคนมาช่วยแล้ว
โดย: พี่สุ...จ้า IP: 171.96.182.120 วันที่: 13 พฤษภาคม 2558 เวลา:16:13:48 น.
  
ไม่คิดว่าทีนิสจะยอมปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเกือบปีโดยไม่รุกต่อ สงสัยโลเอลที่สงสารลูกคงต้องกระทุ้งบ้างแล้ว
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 14 พฤษภาคม 2558 เวลา:17:50:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


พฤษภาคม 2558

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend