บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 5

บทที่ 5


“ข้าบอกให้ทิ้งอาวุธของเจ้าซะ”

 

กีเธอร์กดปลายดาบลงไปหนักกว่าเดิมเป็นการย้ำเมื่อดูเหมือนว่าคนชุดดำจะยังยืนนิ่งอยู่ในท่าเดิมเขากำลังจะเดินทางกลับค่ายหลังจากที่ออกไปสอดแนมความเคลื่อนไหวภายในดาร์ซีแต่ก็แลไปเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ตรงพุ่มไม้เขาจึงเดินมาดูแล้วก็พบว่าเป็นผู้บุกรุกในชุดดำนี้นั่นเอง

พอคนในชุดดำทิ้งดาบสั้นลงบนพื้นแล้ว เขาก็สั่งต่อ “ดี...ทีนี้ก็หันหน้ากลับมาช้าๆ”

คนชุดดำทำตามที่เขาสั่งอย่างช้าๆมันปิดบังหน้าตาเอาไว้ด้วยผ้าคลุมสีดำจนแลเห็นเพียงแค่ดวงตาสีเขียวที่สว่างสุกใสแม้อยู่ในความมืดเช่นนี้

“ใครส่งเจ้ามา” เมื่อคนในชุดดำยังคงเงียบกีเธอร์จึงจรดปลายดาบจ่อคอของอีกฝ่าย “บอกข้ามาเสียดีๆ ว่าใครส่งเจ้ามา”

แม้จะไม่ยอมพูดอะไรออกมาแต่กีเธอร์ก็อ่านสายตาของมันออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มันท้าทายเขาอยู่กีเธอร์คิดอย่างเคืองขุ่น เขาเอื้อมมือออกไปหมายจะกระชากผ้าคลุมหน้านั้นออกหากคนในชุดดำก็ไวกว่าเขาด้วยการตีลังกากลับหลังแล้วใช้ปลายเท้าเตะดาบให้หลุดจากมือเขา

กีเธอร์สบถออกมาอย่างเคืองขุ่นเขารีบชักดาบสั้นอีกอันแล้วพุ่งเข้าโจมตีคนชุดดำในทันที มันปัดดาบแรกของเขาได้และหลบดาบที่สองของเขาได้อย่างฉิวเฉียดก่อนจะสวนกลับด้วยการพุ่งปลายดาบเข้ามาถากสีข้างของเขาจนเสื้อคลุมขาดวิ่นกีเธอร์จึงรีบถอยฉากออกห่างมาทันที

ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว เจ้าคนชุดดำนี่มีฝีมือมากกว่าที่เขาคิดกีเธอร์ตั้งท่าอย่างระมัดระวังมากขึ้น ดวงตาจ้องเขม็งที่คู่ต่อสู้ดาบของเขาปลิวตกไปทางด้านหนึ่ง เสียเวลาเปล่าที่จะไปเก็บมัน เขาชิงจังหวะได้และเริ่มบุกก่อนแต่มันก็ยังสู้เขาได้อย่างไม่ลำบากนักมันไม่ใช่ทหารแน่นอนเพราะด้วยรูปร่างเล็กเกินกว่าที่จะเหมาะสมกับการเป็นทหารอีกทั้งวิธีการต่อสู้ก็เช่นกันมันเป็นลักษณะการสู้แบบนักฆ่าที่เน้นความรวดเร็วแต่แม่นยำไม่ได้เอาพละกำลังเข้าห้ำหั่นเหมือนอย่างทหารแต่แน่นอนว่าฝีมืออย่างมันยังห่างชั้นจากคนที่โชกโชนในการต่อสู้ในสนามรบเช่นกีเธอร์

เขารอจังหวะที่ถูกบุกเข้ามาหลังจากตั้งรับการโจมตีอยู่นานพอคนชุดดำบุกเข้ามาอีกครั้งเขาก็หลบฉากไปทางด้านข้างและตวัดปลายดาบสั้นบาดลึกเข้าไปตรงสีข้างของมันกีเธอร์ได้ยินเสียงร้องออกมาเบาๆด้วยความเจ็บปวดเขาจึงฉวยโอกาสนี้เหวี่ยงหมัดอัดย้ำที่แผลนั้นจนเสียหลักไปชนกับต้นไม้ก่อนจะทรุดตัวล้มลงแม่ทัพหนุ่มกระชากผ้าคลุมหน้าของมันออกและหมายจะลงดาบซ้ำแต่แล้วก็ต้องชะงักและเบิกตาโพลงด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็น

ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าโจรชุดดำที่ประมือกับเขาได้อย่างสูสีนั้นจะมีหน้าตางดงามดุจดั่งเทพธิดาและดวงตาสีเขียวสว่างนั่นก็กำลังจ้องเขม็งมาที่เขาเหมือนกับจะเผาให้เป็นจุล

“นี่เจ้าเป็นผู้หญิง...” กีเธอร์พึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเองและก่อนที่จะได้ทำอะไรต่อ คนในชุดดำนั้นก็พ่นผงบางอย่างใส่หน้าเขากีเธอร์รีบหลับตาและเบี่ยงหน้าหนีแต่มันก็ช้าไปเพราะสิ่งนั้นทำให้เขารู้สึกแสบตาจนแทบจะลืมไม่ขึ้นดาบสั้นในมือที่เงื้อง่าอยู่เมื่อครู่ตวัดลงฟันในทันทีหากสิ่งที่ดาบไปกระทบกลับเป็นเพียงวัตถุแข็งๆ เท่านั้น

พออาการแสบตาเริ่มทุเลาลง กีเธอร์ก็พบว่าคนชุดดำนั้นหายไปเสียแล้วแม่ทัพหนุ่มแห่งคิเรบัสสบถอย่างเคืองขุ่นที่ไม่น่าเผลอปล่อยช่องว่างให้อีกฝ่ายโจมตีได้ ความมืดทำให้เขามองอะไรได้ไม่ชัดเจนนักและการตามไล่ล่าอีกฝ่ายโดยลำพังจะทำให้เสี่ยงมากจนเกินไป ดูเหมือนเขาจะคาดเดาได้ถูกจริงๆว่าแคว้นดาร์ซีแสร้งทำเป็นไม่ก่อความเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อหลอกให้เขาตายใจนั่นเอง

กีเธอร์มองผ้าสีดำที่อยู่ในมือแล้วยกมุมปากยิ้มหยันไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหญิงในชุดดำคนนั้นต้องเป็นคนของแคว้นดาร์ซีแน่เห็นทีว่าเขาจะต้องรีบกลับไปที่ค่ายเพื่อหาแผนการเตรียมรับมือแคว้นดาร์ซีที่อาจจะบุกมาในเร็วๆนี้เสียแล้วสิ


***************************


ทีนิสถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายที่เขาต้องมานั่งอยู่โยงรอให้ไบรโอเนียกลับมาจากการไปดูลาดเลาของค่ายทหารของกีเธอร์จากที่นางดูมีท่าทางมั่นใจมากถึงเพียงนั้นทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงเพราะถึงแม้ว่านางจะมีทักษะการต่อสู้และเป็นทำงานเป็นสายลับแถวหน้าของดาร์ซีก็ตามแต่เขาก็คิดว่าถ้าหากนางถูกกีเธอร์จับตัวได้ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะหลบหนีออกมาได้

แต่ที่น่าขันไปกว่านั้นก็คือถ้าหากว่านางโดนจับตัวไปจริงเขาจะสามารถช่วยนางออกมาได้หรือเปล่าในเมื่อทั้งฝีมือการต่อสู้ที่อ่อนด้อยกว่านางอยู่มากแล้วไหนจะยังไม่เหลืออะไรสักอย่างนอกจากตำแหน่งรัชทายาทพลัดถิ่นที่หลบหนีโทษประหารมาอยู่ในแคว้นอื่นเช่นนี้ริมฝีปากบางได้รูปเหยียดยิ้มด้วยความสมเพชตัวเองทั้งการที่ถูกคนพวกนั้นพรากชีวิตพระบิดาซึ่งเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาและโดนใส่ความว่าเป็นฆาตรกรถูกริดรอนอำนาจและทำให้เสื่อมเสียซึ่งเกียรติยศที่เคยมีมาทั้งหมดแถมยังถูกหมายปองเอาชีวิตทั้งหมดนั้นเกิดจากน้ำมือของคนที่มีแผ่นเดินเกิดผืนเดียวกับเขาแต่คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกลับเป็นคนจากต่างแคว้นและถึงแม้จะเป็นการช่วยเหลือโดยหวังผลตอบแทนก็ตามแต่มันก็ยังพอช่วยให้เขาได้รับรู้และเข้าใจถึงหน้าที่สำคัญของตัวเองที่ควรจะต้องกระทำหาไม่ใช่นั้นแล้วเขาก็คงไม่ได้แตกต่างอะไรกับ...

“กษัตริย์ที่ไร้บัลลังก์ก็ไม่ต่างอะไรคนที่ไร้ค่าสินะ” เขากล่าวกับตัวเองพลางหัวเราะเสียงหยันแล้วพลันก็ต้องหันขวับพร้อมกับชักดาบที่ไบรโอเนียทิ้งไว้ให้เขาป้องกันตัวเมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางด้านหนึ่งแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อคนที่ปรากฏกายนั้นก็คือองค์หญิงรัชทายาทของแคว้นดาร์ซีนั่นเอง

“ขอโทษที่ทำให้รอนาน ท่านคงไม่ว่าอะไรข้านะ” นางกล่าวแล้วเดินไปยังกองสัมภาระที่นางทิ้งเอาไว้

“กีเธอร์วางกองทหารไว้มากกว่าที่คิดเห็นทีคงจะต้องกลับไปวางแผนที่จะลอบบุกเข้าไปในค่ายที่ปราสาทเสียก่อนแล้วล่ะ”

ทีนิสพยักหน้ากับคำบอกเล่าของนางอย่างยอมรับแต่โดยดีเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาคาดคะเนเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่พลันก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อสังเกตว่าสีหน้าของนางไม่ค่อยสู้ดีนัก

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงได้หน้าซีดแบบนั้น”

“ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ท่านอย่าเป็นห่วงข้าไปเลยข้าไปสอดแนมได้ข้อมูลที่ต้องการมาเพียงพอแล้ว ก็เลยกลับมา” นางตอบคำถามของเขาแล้วลุกขึ้นยืน“รีบไปกันเถอะ ป่านนี้เอ็ดการ์คงรอเราจนสัปหงกไปแล้วกระมัง”

เขาพยักหน้าก่อนจะเดินลัดเลาะเส้นทางเดิมที่พวกเขาผ่านมาในระหว่างนั้นทีนิสก็สังเกตความผิดปกติอีกอย่างได้เมื่อเห็นนางเคลื่อนไหวได้ช้าลงกว่าตอนขามามาก

“ข้าว่าเจ้ามีท่าทางแปลกๆ นะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

ไบรโอเนียชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินแล้วส่ายหน้า “เปล่านี่ไม่มีอะไรหรอก”

“จริงหรือ” ทีนิสทวนคำของนางอย่างไม่เชื่อนัก เขาดึงให้นางหันกลับมาหาเขาอีกครั้งและก็เป็นจริงอย่างที่เขาสงสัยไว้จริงๆเพราะใบหน้าที่ดูซีดเซียวของนางไม่ใช่เป็นเพราะแสงสลัวจากดวงจันทร์ เหงื่อที่ผุดซึมออกมาทั่วใบหน้านั้นทำให้ทีนิสรู้ทันทีว่าสภาพของไบรโอเนียเวลานี้ห่างไกลจากคำว่าไม่มีอะไรหรอกของนางอยู่มาก

“ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ท่านอย่าคิดมากไปเลย”

แต่ถึงนางจะพูดเช่นนั้นร่างของนางก็ซวนเซและคงจะล้มไปแล้วถ้าหากว่าทีนิสไม่คว้าแขนของนางมาประคองเอาไว้ก่อนแล้วทีนิสก็พบถึงความเปียกชื้นตรงสีข้างของนางพอยกมือขึ้นมาดูเขาก็พบว่ามันเป็นเลือดจากบาดแผลตรงสีข้างของนาง

“นี่เจ้าบาดเจ็บนี่!” เขาหันถามนางด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“ท่านอย่าโวยวายได้ไหม ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกน่า” นางเอ็ดเขาเสียงระโหยหมดแรงที่จะทำท่าทางเป็นปกติอีกต่อไป

“จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงนี่แสดงว่าเจ้าประมือกับพวกทหารของคิเรบัสมาแล้วใช่ไหม?” แล้วเขาก็หันซ้ายหันขวามองหาพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะดูอาการของนางได้แล้วก็ต้องสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดเมื่อมองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้และวัชพืชที่ขึ้นรกไปหมด

ไบรโอเนียเห็นท่าทางหงุดหงิดของเขาแล้วก็ฝืนยิ้มก่อนจะเอ่ย “ท่านไม่ต้องหงุดหงิดไปหรอกข้าห้ามเลือดเอาไว้แล้วคงทนได้อีกสักพัก”

ทีนิสทำหน้านิ่วกับคำพูดของนาง “นี่เจ้าคิดว่าเจ้าจะทนเดินไปได้อีกครึ่งไมล์อย่างนั้นน่ะหรือขืนปล่อยเอาไว้อย่างนี้แผลของเจ้าจะติดเชื้อ และยิ่งจะเป็นอันตรายถึงตายได้เลยนะ”

“แต่การที่ท่านยืนเถียงกับข้าเช่นนี้ก็จะทำให้ข้าเลือดออกจนหมดตัวตายเช่นกัน”แล้วนางก็กัดฟันแน่นพร้อมกับแข็งใจก้าวขาเดินต่อไปโดยทำเป็นไม่สนใจต่อความเจ็บปวดที่เสียดเข้ามาในช่องท้องของนาง

ทีนิสมองร่างระหงที่พยายามทำท่าทางเป็นปกติแบบนั้นแล้วก็ได้แต่พ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะช้อนร่างของนางขึ้นมาอยู่ในวงแขนซึ่งทำให้ไบรโอเนียร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“นี่ท่านคิดจะทำอะไร ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ!” นางเอ็ดเขาแล้วก็ทำหน้านิ่วเมื่อแผลกระเทือนในขณะที่นางพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของเขา

“อยู่เฉยๆ ได้ไหม เดี๋ยวข้าก็เผลอทำเจ้าหลุดมือลงไปนอนกับพื้นเข้าหรอก”

เขาบ่นใส่นางแล้วก็ก้าวเดินออกไปท่ามกลางความมืดโดยไม่นำพาต่อการดิ้นต่อต้านของนางเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาอยากไปถึงจุดนัดพบให้เร็วที่สุด


***************************


ทีนิสใช้เวลาไม่นานนักที่เดินมาถึงจุดที่เอ็ดการ์รอพวกเขาอยู่พอเอ็ดการ์เห็นทีนิสอุ้มไบรโอเนียก็รีบวิ่งเข้าไปหาโดยทันที

“เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์เอ่ยถามพลางมองไบรโอเนียซึ่งหน้าซีดเผือดอยู่ในอ้อมแขนของทีนิส

“ข้าต้องทำแผลให้นางด่วนที่สุด” ทีนิสพูดพลางประคองร่างนางลงบนเสื้อคลุมผ้าขนสัตว์เนื้อหนาที่เอ็ดการ์ปูไว้ให้แล้วก็สบถออกมาเมื่อเห็นว่าเลือดซึมออกมาจากบาดแผลของนางอีกแล้วซึ่งมันคงเป็นเพราะแรงกระเทือนที่เขาอุ้มนางมาหาเอ็ดการ์

“เจ้าพอจะหาที่เหมาะๆ ที่จะให้ข้ารักษานางได้สะดวกหน่อยได้ไหม”

เอ็ดการ์นิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะรีบบอกเขา “ไม่ไกลจากจุดที่เราอยู่นี่มีกระท่อมของพวกนายพรานที่เอาไว้เป็นที่พักในช่วงฤดูล่าสัตว์ในป่าพ่ะย่ะค่ะ”

สีหน้าของทีนิสดูมีความหวังขึ้นมาบ้าง “ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลยเจ้ารีบไปเตรียมม้าเถอะ เดี๋ยวข้าจะห้ามเลือดให้นางอีกรอบ”

“แล้วองค์หญิงทรงเป็นอะไรมากไหมพ่ะย่ะค่ะ” ยังไม่วายที่องครักษ์หนุ่มจะถามถึงอาการของไบรโอเนียด้วยความเป็นห่วงเพราะดูไม่มีวี่แววที่นางจะได้สติเลย

“นางไม่ได้มีอาการหนักมากหรอกแต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้เช่นนี้ก็คงอันตรายมากเช่นกัน”

เขาตอบในขณะที่มือก็วุ่นกับการห้ามเลือดนางด้วยการพันผ้ารัดรอบเอวของนางไว้แน่นจนแน่ใจว่าจะช่วยพอห้ามเลือดเอาไว้ได้ชั่วคราวแล้วก็พอดีว่าเอ็ดการ์จูงม้ามาถึงพวกเขาพอดี

“ทนอีกหน่อยนะ แล้วเจ้าจะปลอดภัย”

เขากระซิบบอกไบรโอเนียก่อนจะอุ้มร่างของนางไว้ในอ้อมแขนและส่งตัวนางให้ขึ้นไปอยู่บนหลังม้าตามด้วยตัวเขาที่โหนตัวขึ้นไปนั่งซ้อนตัวนางเอาไว้เมื่อเอ็ดการ์เห็นว่าทีนิสพร้อมแล้วจึงชักม้าให้วิ่งเหยาะๆ ไปยังจุดหมายที่ต้องการทีนิสประคองร่างบอบบางที่โอนเอนไปมาตามจังหวะการก้าวเดินของม้าอย่างระมัดระวังไปตามทางอันมืดมิดของป่าโดยหารู้ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นกำลังถูกใครบางคนจับตามองอยู่


***************************


กระท่อมของนายพรานที่เอ็ดการ์บอกเขาไว้นั้นมีสภาพดีสมกับเป็นบ้านพักชั่วคราวของพวกนายพรานที่มักจะเข้ามาอาศัยในช่วงฤดูล่าสัตว์แต่ในช่วงนอกฤดูล่าสัตว์เช่นนี้จึงไม่มีผู้อยู่อาศัยหากก็ไม่ได้รกร้างว่างเปล่าแต่อย่างใด เพราะข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นหลายๆอย่างยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ดี

หลังจากที่สำรวจภายในจนแน่ใจว่าไม่มีพวกโจรหรือสัตว์อันตรายอาศัยอยู่แล้วเอ็ดการ์ก็เดินออกมาส่งสัญญาณให้ทีนิสนำไบรโอเนียเข้ามาในบ้านได้

ทีนิสอุ้มไบรโอเนียเข้ามาพลางหันไปมองรอบๆบ้านซึ่งสร้างมาในลักษณะที่เน้นความแข็งแรงทนทานมากกว่าที่จะเน้นความสวยงามเพราะเป็นเพียงที่พักอาศัยชั่วคราวก่อนจะมองไปที่เอ็ดการ์ซึ่งกำลังก่อไฟตรงเตาผิงเพื่อสร้างความสว่างและความอบอุ่นให้เกิดขึ้นบ้านเอ็ดการ์โยนท่อนฟืนเข้าไปในเตาไฟเพิ่มอีกหลายอันเพื่อเร่งสร้างความอบอุ่นให้เร็วขึ้นก่อนจะหันกลับมาทางทีนิสซึ่งกำลังวางร่างของไบรโอเนียลงบนเตียงที่ต่อจากไม้สนด้วยความระมัดระวัง

“หม่อมฉันเห็นหีบยาวางอยู่ตรงมุมห้องนั่น” เอ็ดการ์ว่าพลางชี้ให้ทีนิสดูซึ่งเขารีบหยิบหีบสี่เหลี่ยมที่หุ้มด้วยหนังกวางนั้นมาเปิดดูโดยทันทีแล้วทีนิสก็ยิ้มอย่างพึงพอใจกับสิ่งของที่อยู่ด้านใน

“สงสัยว่าพวกนายพรานคงจะโดนพวกสัตว์ทำร้ายจนมีแผลติดตัวกลับมาเป็นประจำนะ”เขาว่าพลางหยิบโถยาสมุนไพรและอุปกรณ์การทำแผลต่างๆออกมาวางเรียงกันบนโต๊ะ แล้วก็หันมาพูดกับเอ็ดการ์

“เจ้าช่วยต้มน้ำให้ข้าหน่อยได้ไหมเอาให้มากพอที่จะให้ข้าต้มยาให้นางและลวกเครื่องมือเหล่านี้นะ”

“พ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์พยักหน้าแล้วหิ้วหม้อน้ำเดินออกไปเพื่อไปตักน้ำจากบ่อน้ำที่พวกนายพรานขุดเอาไว้เป็นแหล่งน้ำซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหลังนี้ไปเพียงไม่กี่สิบก้าวแล้วก็เดินกลับมาพร้อมกับน้ำที่อยู่เต็มหม้อองครักษ์หนุ่มแขวนหม้อไว้กับขาหยั่งตรงเตาผิงแล้วถอยห่างออกมามองทีนิสที่กำลังวุ่นกับการเตรียมยาองครักษ์หนุ่มมองไปทางไบรโอเนียที่นอนหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง

“พระอาการขององค์หญิงเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าคิดว่านางคงเสียเลือดมากไปหน่อยแต่ก็หวังว่านางจะไม่มีอาการเลือดเป็นพิษ”

ทีนิสตอบในขณะที่มือกำลังวุ่นวายกับการนำสมุนไพรที่อยู่ในโถแก้วสองสามอย่างมาวางรวมกันในเศษผ้าสะอาดที่ถูกตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้วผูกมันให้เป็นถุงเล็กๆแล้วหย่อนลงในกาที่เขาตวงน้ำมาจากหม้อนำไปแขวนตรงเตาผิงเพื่อต้มให้มันเดือดหลังจากนั้นเขาก็หันกลับมาที่ไบรโอเนีย เขาแก้เศษผ้าคลุมที่เขาฉีกมันเป็นแถบๆเพื่อพันตรงแผลนางเพื่อห้ามเลือดเอาไว้ออก ก่อนจะเลิกชายเสื้อของนางขึ้นเพื่อที่จะตรวจดูบาดแผล

เอ็ดการ์รีบเบือนหน้าหนีทันทีเพราะเขาไม่บังอาจที่จะมองร่างกายของผู้เป็นนายเหนือหัวได้“หม่อมฉันขอออกไปอารักขาอยู่ด้านนอกนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสพยักหน้าให้กับเอ็ดการ์ที่รีบเดินออกไปแล้วเขาก็หันกลับมาให้ความสนใจต่อคนเจ็บที่นอนอยู่เบื้องหน้าต่อ แล้วก็ถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเปลือกตาของนางขยับอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะปรือขึ้นมา

“ข้าอยู่ที่ไหน...” นางเอ่ยถามเขาเสียงระโหย

“เอ็ดการ์พาเรามาที่กระท่อมนายพรานที่อยู่ตรงชายป่าที่เราเข้าไปน่ะ”เขาตอบนางแล้วรีบหยิบกาที่ต้มยาไว้จนเดือดแล้วมารินใส่แก้วไม้ก่อนจะยื่นให้แก่นาง

“นั่นคืออะไรน่ะ” นางมองยาที่อยู่ในแก้วแล้วย่นคิ้วกับสีของมันที่ดูน่ากลัวพิลึก

“ดื่มซะ มันจะทำให้เจ้าไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนักตอนข้าเย็บแผลให้เจ้า”แล้วเขาก็กดไหล่ให้นางนอนดังเดิมแล้วเลิกชายเสื้อของนางขึ้นพร้อมกับหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดแถบผ้าสีดำที่รัดรอบๆช่วงเอวของนางที่ยังชุ่มไปด้วยเลือดออกไปและพอได้เห็นแผลแล้วทีนิสก็ต้องทำเสียงคำรามในลำคอด้วยความโมโหตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้นางมีบาดแผลเช่นนี้

แผลของนางเป็นลักษณะของการถูกดาบฟันซึ่งปากแผลแคบและยาวเป็นเส้นตรงโชคดีที่แผลนั้นไม่ได้ลึกไปถึงอวัยวะภายในหรือกระดูกแต่อาการบวมแดงโดยรอบของแผลนั้นแสดงถึงอาการอักเสบที่กำลังจะเกิดขึ้น

“มันเกิดขึ้นจากที่ข้าไม่ระวังตัวเอง ท่านอย่าโทษตัวเองเลย” นางพูดเมื่อเห็นสีหน้าของทีนิส

“ข้าจะล้างแผลให้เจ้า แต่ว่ามันจะปวดแสบปวดร้อนมาก” เขาหยิบผ้าสะอาดม้วนหนึ่งให้แก่นาง“กัดมันไว้ซะข้าคิดว่าเจ้าคงไม่อยากจะร้องลั่นป่าจนกระทั่งปลุกพวกหมีหรือหมาป่ามากินพวกเราหรอกนะ”

ไบรโอเนียพยักหน้าก่อนจะหยิบผ้ามาคาบไว้ก่อนจะหลับตาเพื่อรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นทีนิสเห็นท่าทางของนางแบบนั้นแล้วก็รู้สึกสงสารนางขึ้นมาจับใจเขาจับมือของนางข้างหนึ่งมาวางไว้บนต้นขาของเขา

“เจ้าจะจิกต้นขาของข้าไว้ก็ได้นะถ้ารู้สึกเจ็บ”

เขาบอกให้นางรู้ก่อนจะราดเหล้าที่กลั่นมาจากข้าวโพดลงบนแผลของนางไบรโอเนียสะดุ้งไปทั้งร่าง นางรู้ว่ามันต้องปวดแสบปวดร้อนแต่ไม่คาดคิดว่ามันจะมากถึงขนาดนี้ นางพยายามที่จะไม่ส่งเสียงแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยและเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดทีนิสถึงได้ให้นางคาบผ้าเอาไว้

ทีนิสเห็นอาการของนางแล้วก็ได้แต่ขบกรามแน่นเหมือนกับเขานั้นรู้สึกเจ็บไปกับนางด้วยเขาลูบมือของนางที่จิกตรงต้นขาเขาแน่นแล้วกล่าวปลอบประโลมนางด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำในขณะที่มือก็ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัดเช็ดแผลเพื่อกำจัดเศษสิ่งสกปรกออกจนหมดและทำให้ขอบแผลของนางกลายเป็นสีขาวซีดหลังจากนั้นเขาจึงใช้กรรไกรสะอาดขลิบขอบแผลให้เรียบเพื่อที่จะเตรียมเย็บปิดบาดแผล

“ตอนนี้เจ้ารู้สึกเป็นเช่นไรบ้าง” เขาเอ่ยถามในขณะที่จุ่มด้ายและเข็มลงในถ้วยที่เขาเทเหล้าเอาไว้เพื่อทำความสะอาดมัน

“ก็เจ็บน่ะสิ ถามมาได้” นางกระซิบตอบเขาทั้งที่ยังขบฟันแน่นเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

“โชคไม่ค่อยดีที่ข้าต้องรีบทำก่อนยาที่เจ้าเพิ่งดื่มไปจะออกฤทธิ์แต่ตอนที่ข้าเย็บแผลให้กับเจ้าข้าคิดว่าเจ้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกแล้วล่ะ”

นางทำเสียงขัดใจ “แล้วทำไมท่านไม่รอให้ยาออกฤทธิ์ก่อนแล้วค่อยทำเล่า”

“แผลอย่างเจ้าน่ะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานอาจจะทำให้เจ้าตายได้ข้าถึงต้องรีบล้างแผลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะสิ” เขาทดสอบความรู้สึกของนางด้วยการลองแทงเข็มลงไปบนผิวเหนือบาดแผลของนางแล้วเอ่ยถาม“รู้สึกเจ็บไหม”

นางส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากเริ่มชาไปทั้งตัว”

ทีนิสยกมุมปากยิ้มด้วยความพอใจ “นั่นเป็นเรื่องดีมันจะทำให้เจ้าสามารถหลับได้อย่างไม่ทรมานมากนัก”

แล้วทีนิสก็เริ่มลงมือเย็บแผลให้นางอย่างปราณีตพอเย็บแผลให้นางเสร็จเขาก็พอกยาสมุนไพรบดที่มีคุณสมบัติลดอาการอักเสบลงบนแผลแล้วค่อยๆดึงร่างของนางให้ลุกขึ้นนั่งเพื่อที่จะได้พันผ้าพันแผลให้

“ถึงแม้ว่าข้าจะรักษาบาดแผลให้เจ้าแล้วแต่ข้าคงต้องบอกเจ้าว่ามันอาจจะกลายเป็นแผลเป็นนะ”

“จะเป็นแผลเป็นหรือไม่เป็นข้าไม่ได้สนใจหรอกแต่ว่าตอนนี้ทำไมข้าถึงง่วงนัก นี่ท่านเอาอะไรมาให้ข้ากินเนี่ย” นางบอกเขาเสียงงัวเงียขณะที่เอนตัวซบกับเขาอย่างหมดแรงตอนที่เขากำลังง่วนกับการพันผ้าพันแผลรอบๆตัวนาง

เขาหัวเราะเสียงแห้งอย่างพยายามที่จะไม่ให้สมาธิวอกแวกไปกับความร่างบอบบางที่ซุกซบกับเขาอยู่“ข้ายังปล่อยให้เจ้าหลับไม่ได้หรอกถ้าหากว่าเจ้ายังใส่เสื้อผ้าสกปรกพวกนั้นอยู่”

“มีชุดสำรองอยู่ในถุงสัมภาระของข้า” นางบอกเขาด้วยน้ำเสียงง่วงงุนเต็มที

ทีนิสพยักหน้าก่อนจะล้วงถุงสัมภาระของนางแล้วก็พบเสื้อผ้าอย่างที่นางว่าจริงๆแล้วเขาก็ยื่นมันให้แก่นางก่อนที่จะหันหน้าไปทางเตาผิงซึ่งมีหม้ออีกใบที่เขาต้มยาทิ้งไว้ระหว่างที่เย็บแผลให้กับนางทีนิสได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีพร้อมกับเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเหมือนคนกำลังพยายามข่มความเจ็บปวด ซึ่งเขาก็นึกทึ่งในความอดทนของนางที่ยังสามารถขยับตัวได้ทั้งที่บาดเจ็บหนักถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ

“ยังเหลือยาอีกขนานที่เจ้าจะต้องดื่มก่อนที่จะหลับไปไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะต้องทรมานด้วยพิษไข้”

แต่ทีนิสก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อคนเจ็บไม่ได้โต้เถียงเขาเหมือนอย่างเมื่อครู่พอหันกลับไปเขาก็พบว่าร่างบางนั้นหลับไปเสียแล้ว

เขาถอนใจแล้วเดินตรงไปหาคนที่หลับอยู่บนเตียงเพื่อสะกิดให้ตื่นแต่ไม่ว่าจะเขย่าตัวแรงเท่าไรไบรโอเนียก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย

“ตื่นมาดื่มยาก่อนสิไบรโอเนีย” เขาลองเรียกนางอีกครั้งแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ “ลืมไปเสียสนิทเลยว่ายาที่ให้ไปก่อนหน้านี้จะทำให้หลับสนิท”

ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้วทีนิสจึงตัดสินใจยกถ้วยยานั้นมาดื่มก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากและส่งผ่านของเหลวรสชาติเฝื่อนขมนั้นให้กับนางทุกหยาดหยดเขาทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งยาหมดถ้วย

ทีนิสถอนริมฝีปากออกจากนางเมื่อป้อนยาครั้งสุดท้ายให้จนหมดก่อนจะผละออกห่างจากนางทีนิสมองไบรโอเนียอย่างพิจารณาอีกครั้งก่อนที่จะถอนหายใจออกมายาวเหยียดกับสภาพของนางในตอนนี้

พอบาดเจ็บและสลบจนไม่ได้สติเช่นนี้ก็ทำให้นางดูอ่อนแอและเปราะบางเหลือเกินถ้าเทียบกับในยามปกติที่นางมักจะดูเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวทั้งยังหยิ่งทะนงในศักดิ์ของตัวเองอย่างเหลือหลายแต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกผิดเหลือเกินที่เป็นสาเหตุที่ทำให้นางต้องมาเจ็บตัวเพราะแผนการของเขา

เขาเกลี่ยปลายนิ้วปัดไรผมที่ตกระใบหน้าของนางออกแล้วก็ก้มลงไปจุมพิตแผ่วเบาตรงหน้าผากของนาง

“ข้าขอโทษนะ เจ้าไม่ควรจะต้องมาบาดเจ็บเพราะข้าเลย” เขาพึมพำบอกนางอย่างรู้สึกผิดก่อนจะถอนใจยาวและเดินออกไปหาเอ็ดการ์ที่ยังคงยืนเฝ้ายามอยู่ด้านนอก

“องค์หญิงทรงเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์ถามทันทีที่ทีนิสเดินออกมาจากกระท่อม

“นางปลอดภัยดีแล้วล่ะ ข้าว่าเราควรพักที่นี่สักคืนแล้วค่อยพานางกลับไปที่ธอกาเรียก็แล้วกันนะ”

“แต่การค้างแรมในป่าเช่นนี้มันไม่ค่อยปลอดภัยนักนะพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์แย้งเพราะมีโอกาสเป็นไปได้มากที่พวกมือสังหารอาจจะฉวยโอกาสในช่วงเวลาแบบนี้ลงมือโจมตีพวกเขาก็เป็นได้

“ถ้าหากเดินทางในตอนนี้ไบรโอเนียคงจะอาการทรุดหนักลงไปอีกการขี่ม้าอาจทำให้แผลของนางฉีกและติดเชื้อได้ข้าว่าเราพักค้างแรมที่นี่ก่อนแล้วพรุ่งนี้เจ้าไปหาเกวียนจากหมู่บ้านใกล้ๆนี้มาไม่ดีกว่าหรือ”

เอ็ดการ์นิ่งคิดเพื่อไตร่ตรองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก่อนจะถอนใจและกล่าวกับทีนิส

“ถ้าเช่นนั้นเชิญองค์ชายทรงประทับอยู่ในกระท่อมเถอะพ่ะย่ะค่ะหม่อมฉันจะอยู่เฝ้ายามให้ตรงนี้จนกว่าจะรุ่งสางแล้วหม่อมฉันจะเข้าไปหาเกวียนเพื่อมาพาองค์หญิงเสด็จกลับธอกาเรีย”

“เจ้าจะอยู่ตรงนี้ทั้งคืนเลยหรือ” ทีนิสถามด้วยความประหลาดใจ

“มันเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันน่ะพ่ะย่ะค่ะองค์ชายทรงกลับเข้าไปในกระท่อมเถอะที่นี่อาจจะมีมือสังหารที่ฉวยโอกาสคอยลงมืออยู่ก็ได้”

ทีนิสพยักหน้าแล้วก็เดินกลับเข้าไปในกระท่อมแต่ในขณะนั้นเองเขาก็ถูกเอ็ดการ์ผลักให้ล้มลงไปทางหนึ่งซึ่งทำให้ลูกธนูที่พุ่งมาหมายจะปลิดชีวิตของทีนิสนั้นพลาดเป้าไปปักตรงกำแพงของกระท่อมแทน

“องค์ชายรีบหลบเข้าไปข้างในกระท่อมเถอะพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์บอกทีนิสพร้อมกับดันเขาให้เข้าไปอยู่ในกระท่อมพร้อมกับปิดประตูเพื่อป้องกันไม่ให้ทีนิสถูกอีกฝ่ายลอบโจมตีได้อีกส่วนตัวเขานั้นก็เคลื่อนตัวไปอยู่หลังต้นไม้เพื่อหาที่กำบังพร้อมกับชักดาบออกมา

“เกิดอะไรขึ้นหรือเอ็ดการ์” ทีนิสเอ่ยถามเอ็ดการ์ในขณะที่เขาก็ลนลานไปหยิบดาบของตัวเองที่กองรวมกับสัมภาระของไบรโอเนียมากำไว้แน่น

“มือสังหารลอบโจมตีพ่ะย่ะค่ะ ทรงอารักขาองค์หญิงแทนหม่อมฉันด้วยและอย่าเปิดประตูจนกว่าหม่อมฉันจะมาเรียกนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เข้าใจแล้ว เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย”

ทีนิสตะโกนตอบไปแล้วชักดาบออกมาและหันไปมองร่างบอบบางของไบรโอเนียที่ยังคงพริ้มตาหลับอยู่บนเตียงโดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นด้วยความเป็นห่วงแล้วเขาก็กระชับดาบในมือแน่นพร้อมปกป้องนางหากว่ามีใครบุกเข้ามาภายในกระท่อมได้

“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำอะไรข้าได้ง่ายๆ หรอกนะเลกัส”

เขากระซิบบอกกับตัวเองในขณะที่ตาจ้องเขม็งไปที่ประตูกระท่อมโดยไม่ละสายตาพลันหูของเขาก็แว่วเสียงอาวุธกระทบกันซึ่งทำให้ประสาททั่วทั้งร่างของทีนิสตื่นตัวขึ้นมาในทันใดเพราะทีนิสรู้ว่าเอ็ดการ์คงกำลังประมือกับมือสังหารที่ซุ่มโจมตีอยู่เป็นแน่และไม่นานนักมันก็เงียบลง

ทีนิสกำด้ามดาบแน่นและตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้กับประตูเพราะเขาไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นผู้รอดในการต่อสู้ข้างนอกอาจจะเป็นเอ็ดการ์ หรืออาจจะเป็นมือสังหารก็ได้เขาเงื้อดาบขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่อยู่อีกฟากหนึ่งของประตูใกล้เข้ามา

“องค์ชายทีนิส ปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เสียงที่ดังผ่านประตูออกมานั้นน่าจะทำให้ทีนิสถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่เขาก็ยังไม่คลายความระแวงลงไปเพราะก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นมือสังหารแกล้งแปลงเสียงเป็นเอ็ดการ์ก็ได้และเมื่อทันทีที่ประตูเปิดออกทีนิสก็แทงดาบใส่คนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาทันทีทว่าผู้ที่เปิดประตูเข้ามานั้นดันเป็นเอ็ดการ์และเขาเองก็โถมเข้ามาเสียเต็มแรงจึงทำให้เขาไม่อาจจะขืนตัวหยุดได้

เอ็ดการ์อุทานเบาๆ ด้วยความตกใจที่จู่ๆคนที่อยู่ในกระท่อมนั้นพุ่งปลายดาบมาหมายจะทำร้ายตน แต่เขาก็ใช้ดาบปัดปลายดาบของทีนิสให้เบี่ยงออกข้างไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

“ข้าขอโทษนะเอ็ดการ์ ข้าไม่ทันได้ยั้งมือ” ทีนิสกล่าวขอลุแก่โทษต่ออีกฝ่ายโดยทันทีพลางมองสำรวจอีกฝ่ายว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

“ไม่เป็นไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเข้าใจว่าทรงทำไปเพราะระแวงว่าจะเป็นศัตรู”แล้วเอ็ดการ์ก็ถอดเสื้อเกราะอ่อนที่เปื้อนเลือดออกพร้อมกับถอนใจยาว“โชคดีที่เจ้ามือสังหารที่เจอนี่เป็นพวกปลายแถวนะพ่ะย่ะค่ะไม่เช่นนั้นคงจะลำบากกว่านี้ไม่ใช่น้อย”

“นี่ถ้าหากไบรโอเนียรู้ว่ามีมือสังหารตามพวกเรามาคงจะเต้นเป็นเจ้าเข้าแน่ๆ”ทีนิสว่าพลางเหลือบไปมองไบรโอเนียที่นอนหลับอยู่บนเตียงก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นเลือดไหลลงมาตามมือของเอ็ดการ์

“เจ้าบาดเจ็บหรือ”

เอ็ดการ์มองที่แขนแล้วก็หัวเราะหึเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติ “แค่แผลถากๆน่ะพ่ะย่ะค่ะไม่เป็นอะไรมากหรอก หม่อมฉันเองก็เป็นทหาร เรื่องทำแผลตัวเองน่ะจัดการได้อยู่แล้วอย่าทรงห่วงไปเลย”

“แน่ใจนะว่าเจ้าไม่เป็นอะไร”

“พ่ะย่ะค่ะองค์ชายทรงพักผ่อนเอาแรงเพื่อเดินทางกลับธอกาเรียวันพรุ่งนี้เถอะนะพ่ะย่ะค่ะหม่อมฉันจะออกไปเฝ้ายามข้างนอกให้”

แล้วเอ็ดการ์ก็เดินออกไปเฝ้ายามตรงนอกกระท่อมเหมือนเดิม ทีนิสมองราชองครักษ์หนุ่มที่เดินออกไปแล้วก็ถอนใจยาวด้วยความโล่งอกพลันก็รู้สึกผิดขึ้นมาในทันใดที่ดูเหมือนแผนการที่เขาวางเอาไว้นั้นดูเหมือนจะสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ทั้งไบรโอเนียและเอ็ดการ์อยู่ไม่น้อยเพราะพวกเขาต่างก็ต้องมาเจ็บตัวก็เพราะเขาแท้ๆ

เห็นทีว่ากลับไปธอกาเรียคราวนี้เขาคงจะต้องคิดและหาหนทางในการที่จะเข้าถึงตัวกีเธอร์ใหม่อีกครั้งว่าจะทำเช่นไรดีแต่ที่แน่ๆ เขาจะไม่ยอมให้ไบรโอเนียต้องมาบาดเจ็บเพราะเขาอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน


***************************


เช้าวันรุ่งขึ้น ทีนิสที่นั่งหลับพิงผนังกระท่อมบนเก้าอี้ตัวเดียวที่เหลืออยู่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อเขาได้ยินเสียงเตียงไม้ขยับเขาผุดลุกขึ้นแล้วชักดาบออกโดยทันทีเพราะคิดว่ามีคนบุกรุกแต่เมื่อดวงตาปรับสภาพมองเห็นอะไรได้ชัดแล้วเขาก็ต้องตกใจยิ่งกว่ากับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

“ตื่นแล้วหรือ”

ทีนิสมองไบรโอเนียที่ยืนต่อหน้าเขาแล้วก็ขมวดคิ้ว “เจ้าไม่น่าจะลุกขึ้นได้นะ”

“ทำไมข้าจะลุกไม่ได้ล่ะ” นางย้อนเขา

“ทำไมถึงไม่น่าจะลุกขึ้นได้น่ะหรือ ขอให้ข้าลองนึกดูก่อนนะ” เขาแกล้งทำท่าคิดแม้จะยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมนางถึงได้ดูมีท่าทางที่เป็นปกติถึงขนาดนั้น

“อย่างแรก เจ้าถูกฟันเป็นแผลลึกและยาวจนข้าต้องเย็บแผลที่สีข้างของเจ้าประการที่สองเจ้าเสียเลือดไปประมาณครึ่งไพน์ได้ซึ่งนั่นน่าจะทำให้เจ้าอ่อนเพลียและต้องการพักฟื้นอย่างน้อยก็สองวันแล้วมันเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะยืนคุยกับข้าเหมือนกับคนที่ไม่ได้ถูกฟันจนเลือดอาบแบบเมื่อคืนนี้”

“อาจจะเป็นเพราะข้าแข็งแรงกว่าที่ท่านคิดกระมัง” นางตอบเขาง่ายๆก่อนจะเดินไปหากองสัมภาระของนางที่วางอยู่ตรงมุมห้องและนั่นก็ทำให้ทีนิสสังเกตเห็นว่านางแกล้งทำท่าทางเป็นปกติต่างหากเพราะอาการเดินลากขาและนางแสดงความเจ็บปวดออกมาทางสีหน้าเวลาที่ยกแขนขึ้นไปหยิบของ

“เจ้าโกหกข้า” เขาหรี่ตามองนางแล้วยกมือขึ้นจะแตะแก้มที่ซีดเผือดนั้นแต่ไบรโอเนียก็เบี่ยงตัวหลบเขาและการขยับตัวอย่างกะทันหันเช่นนั้นก็ทำให้นางต้องทำหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด

“ข้าไม่ได้โกหกท่าน ข้าบอกแล้วไงว่าข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว...” นางเถียงเขาเสียงแข็งแต่ทว่าจู่ๆก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหันจนทำท่าจะล้ม หากทีนิสก็เข้ามาประคองนางได้ทัน

“เห็นไหมว่าเจ้ายังไม่ดีขึ้นอย่างที่เจ้าพูดหรอก เจ้าจะฝืนตัวเองไปทำไม”เขาบ่นก่อนจะประคองให้นางกลับมานั่งที่เตียงดังเดิม

“ข้าก็แค่ไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก” แล้วนางก็พยายามจะลุกขึ้นอีกหากทีนิสก็กดไหล่นางให้นั่งลงตามเดิม

“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานนักเล่า”

“ก็มันไม่ปลอดภัย หน่วยอารักขาอะไรก็ไม่มีแล้วถ้าเกิดว่ามีมือสังหารฉวยโอกาสนี้บุกเข้ามาโจมตี...”

“เอ็ดการ์จัดการมันไปแล้ว” เขาตอบนางโดยไม่ต้องรอให้นางพูดจบประโยคซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่กำลังจะพูดอ้าปากค้างด้วยความตกใจทันที

“ท่านว่าอะไรนะ?”

ทีนิสยักไหล่ก่อนจะเล่าให้นางฟัง “อย่างที่เจ้าคิดระวังเมื่อคืนมีมือสังหารฉวยโอกาสตอนที่เจ้าบาดเจ็บบุกเข้าโจมตีพวกเราจริงๆแต่ว่าโชคดีที่เอ็ดการ์สามารถรับมือมันได้พวกเราก็เลยรอดมาถึงตอนนี้ไงเล่า”

ไบรโอเนียพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด “ให้ตายสิข้าทำพลาดไปหลายเรื่องเลยสินะ แล้วนี่เอ็ดการ์อยู่ที่ไหนล่ะ”

และทันทีที่นางพูดจบ เอ็ดการ์ก็เปิดประตูเข้ามาในกระท่อมโดยทันที “หม่อมฉันอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

ไบรโอเนียมองสภาพของราชองครักษ์ของตนแล้วก็ทำหน้านิ่วเมื่อเห็นผ้าพันแผลที่ต้นแขนของเขา“นี่เจ้าบาดเจ็บหรือเอ็ดการ์”

เอ็ดการ์ค้อมศีรษะ “เล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง”

นางแค่นเสียงขึ้นจมูกกับคำขอบคุณของเอ็ดการ์ “ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้าหรอกข้าก็แค่สงสัยว่าฝีมือระดับเจ้ายังถูกมือสังหารปลายแถวทำให้เป็นแผลได้ด้วยหรือต่างหาก”

“กลางคืนมันมืดนะพ่ะย่ะค่ะ ของแบบนี้มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้างใครจะไปทรงมีพระปรีชาสามารถเหมือนอย่างเช่นองค์หญิงเล่าพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์แกล้งกระเซ้านางกลับเพราะรู้ว่าไบรโอเนียกำลังเขินที่เขากล่าวขอบคุณนาง

“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องมาย้ำให้ข้ารู้หรอก” นางตอบรับพลางเชิดปลายคางขึ้นอย่างถือดี

ทีนิสเห็นท่าทางของนางก็ได้แค่โคลงศีรษะด้วยความระอาแล้วก็รินยาที่เขาต้มทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนใส่ถ้วยให้แก่นาง

“เจ้ายังมีไข้อยู่ ดื่มยานี่เสียสิ มันจะช่วยลดไข้ให้เจ้าได้”

ไบรโอเนียรับถ้วยยาจากเขาแล้วทำคิ้วย่นด้วยความไม่ชอบใจกับสีและกลิ่นของมัน“นี่มันใช่ยาแน่หรือ”

“กินซะถ้าหากว่าเจ้าอยากจะหายไวขึ้น” ทีนิสย้ำเสียงหนักและมองนางยกถ้วยยาขึ้นดื่มอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนักจนหมดแล้วเขาก็รับถ้วยคืนจากนางที่ทำหน้าพะอืดพะอมกับรสชาติเฝื่อนขมของยาที่นางได้ดื่มไปพร้อมกับกลั้นหัวเราะด้วยความขบขันกับสีหน้าของนาง

“หม่อมฉันจะเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อจะหาอาหารและเกวียนเทียมม้ามาพาองค์หญิงกลับไปที่ธอกาเรียนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้องหรอก ข้าขี่ม้ากลับเองได้” ไบรโอเนียปฏิเสธแต่ทีนิสก็เอ่ยขัดนางขึ้นมาโดยทันที

“เจ้ายังขี่ม้าเองไม่ได้หรอกไบรโอเนียยกเว้นว่าเจ้าอยากจะทำให้แผลฉีกและเราต้องหยุดพักเพื่อเย็บแผลใหม่ให้กับเจ้าทุกๆครึ่งไมล์” แล้วเขาก็อมยิ้มพร้อมกับเลิกคิ้วใส่อย่างท้าทายเมื่อเห็นสีหน้าของไบรโอเนีย“ข้าไม่เดือดร้อนหรอกนะถ้าหากว่าเจ้าจะเลือกเช่นนั้น”

ไบรโอเนียมองทีนิสด้วยความเคืองขุ่นที่ดูเหมือนเขาจะคอยขัดให้นางไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจเลยสักอย่าง

“ก็ได้ เจ้าจะไปทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถอะ ข้าจะอยู่ที่นี่รอ”

“พ่ะย่ะค่ะ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันทูลลา”

แล้วเอ็ดการ์ก็โค้งคำนับนางก่อนจะเดินออกจากกระท่อมไปเมื่ออยู่กันตามลำพังแล้วทีนิสก็หยิบกล่องยาที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าเตาผิงแล้วเดินมาหานาง

“ขอข้าดูแผลเจ้าหน่อยได้ไหม”

ไบรโอเนียพยักหน้าและค่อยๆ เอนตัวนอนลงบนเตียงอย่างว่าง่ายแต่พอเขาเลิกชายเสื้อของนางขึ้น ไบรโอเนียก็รีบดึงมันกลับลงไปอย่างเดิมโดยทันทีทีนิสเลิกคิ้วก่อนจะมองนางด้วยความสงสัย

“ถ้าเจ้าไม่เลิกชายเสื้อขึ้นแล้วข้าจะดูแผลของเจ้าได้ยังไง” แล้วเขาก็เลิกชายเสื้อของนางขึ้นอีกครั้งแต่นางก็ยังทำแบบเดิมจนเขาส่ายหน้าด้วยความระอา“เจ้าจะมาอายข้าทำไม ข้าก็แค่จะดูแผลและล้างแผลให้เจ้านะ”

ใบหน้างามของนางแดงระเรื่อขึ้นมาโดยทันทีก่อนจะปล่อยให้เขาจัดการในสิ่งที่เขาควรจะทำไปเงียบๆแทน

ทีนิสมองแผลของนางแล้วก็รู้สึกพอใจเล็กน้อยที่อาการบวมแดงนั้นหายไปแล้วแต่ว่าแผลของนางยังไม่สมานตัวกันดีนัก เขาจึงใช้ผ้าชุบเหล้าเช็ดที่รอบแผลของนางอีกครั้งเพื่อฆ่าเชื้อโรคซึ่งนั่นทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อย

“เจ็บหรือ” เขาถามนางด้วยความเป็นห่วง

นางพยักหน้าก่อนจะตอบ “นิดหน่อย แต่ดีกว่าเมื่อคืนเยอะ”

เขาหัวเราะก่อนจะพอกสมุนไพรที่ช่วยลดอาการติดเชื้อและช่วยทำให้แผลสมานตัวเร็วขึ้นก่อนจะปิดทับด้วยผ้าสะอาด

“แผลเจ้าไม่อักเสบแต่ก็ไม่ควรให้กระทบกระเทือนมากส่วนยาที่ข้าพอกลงบนแผลเจ้าจะช่วยไม่ให้เจ้ารู้สึกเจ็บมากตอนที่เราจะเดินทางกัน”

“ข้าอยากรู้จริงถ้าหากว่าเสด็จพ่อรู้ว่าข้าถูกทำร้ายจนบาดเจ็บขนาดนี้แล้วจะทรงตรัสเช่นไรบ้างก็ไม่รู้”นางพูดออกมาอย่างเป็นกังวลเมื่อนึกถึงพระราชบิดาที่ทรงเป็นห่วงนางแม้ว่าจะมอบหมายภารกิจให้นางคอยช่วยเหลือทีนิสในทุกๆด้านก็ตาม

“ข้าจะอธิบายและขอประทานอภัยกับพระองค์เอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะการที่เจ้าต้องมาบาดเจ็บเช่นนี้ก็เพราะข้า”

“มันไม่ใช่ความผิดของท่านคนเดียวหรอกทีนิส มันเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของข้าด้วยเสด็จพ่อเคยบอกข้าแล้วว่าความประมาทจะทำให้ข้าเดือดร้อนแต่ข้าไม่ฟังเองผลมันก็เลยกลายเป็นเช่นนี้”

ทีนิสมองหน้านางแล้วก็ถอนใจยาว เขาล่ะนึกสงสัยจริงๆว่าสตรีที่มีรูปร่างบอบบางเช่นนางทำไมถึงต้องมาแบกรับอะไรต่างๆ มากมายเยี่ยงบุรุษเช่นนี้ด้วย

“เพราะข้าเป็นลูกกษัตริย์ไงล่ะทีนิสข้าถึงต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อแคว้นของข้า ทั้งความสดใส ความสนุกสนาน ชีวิต...หรือแม้แต่หัวใจ” นางพูดเหมือนกับจะเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“เจ้าบอกว่าแม้แต่หัวใจเช่นนั้นน่ะหรือ หมายความว่าเช่นไร”

นางเหยียดริมฝีปากยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าหากเป็นสามัญชนหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้าคงแต่งงานและมีลูกไปแล้ว แต่สำหรับข้า...งานของข้าคืออุทิศตัวเองเพื่อทำให้แคว้นของข้ามีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดแล้วข้าจะเอาเวลาไหนคบหากับใครกันเล่า ข้าก็เลยไม่เคยคบหากับชายใดมาก่อนเลยน่ะสิถ้าหากว่าข้ามีพี่ชายหรือน้องชายข้าก็คงจะใช้ชีวิตเหมือนอย่างเจ้าหญิงแคว้นอื่นๆได้เหมือนกัน”

“ถึงเช่นไรเจ้าก็เป็นสตรี สตรีไม่ควรจับดาบหรือสู้รบหรอกและเรื่องที่เกิดขึ้นถ้าหากว่าเลือกได้ข้าก็คงจะเลือกเป็นคนเจ็บแทนที่จะเป็นเจ้า”

ดวงตาคู่งามของนางนิ่งงันไปกับคำพูดของเขาและเมื่อเห็นความรู้สึกที่ฉายออกมาผ่านดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาแล้วนางก็รู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นผิดจังหวะขึ้นมากะทันหันพร้อมกับความอบอุ่นที่นางไม่เคยรู้จักแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของนาง

“ทำเป็นพูดดีไป จะเอาชนะข้ายังทำไม่ได้แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับศัตรูกัน”ไบรโอเนียเบือนหน้าหนีสายตาเขาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองที่เกิดขึ้นก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกเมื่อเขาขอร้องให้นางลุกขึ้นนั่งเพื่อจะได้พันผ้าพันแผลรอบเอวของนางให้สะดวกขึ้น

“ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าพลาดท่าถูกทำร้ายได้อย่างไร”

ไบรโอเนียแค่นหัวเราะกับความผิดพลาดของตัวเอง “ส่วนหนึ่งเพราะข้าไม่ทันได้ระวังตัวและคู่ประมือของข้าก็มีฝีมือมากข้าคิดว่าคงเป็นทหารของคิเรบัสนั่นแหละ”

“ทหารของคิเรบัสงั้นหรือ” เขาย้อนคำตอบของนางพลางครุ่นคิดทหารของแคว้นเขาคนไหนกันที่มีฝีมือสูงถึงขนาดทำให้ไบรโอเนียบาดเจ็บได้แต่แล้วเขาก็ปัดความสงสัยทิ้งไปชั่วคราวเมื่อเอ็ดการ์กลับมาพร้อมกับอาหารและเกวียนเทียมม้า

พวกเขารับประทานอาหารที่เอ็ดการ์หามาได้อย่างเงียบๆและรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นไบรโอเนียรับประทานสตูว์เนื้อแกะและขนมปังกับเนยแข็งอย่างหิวโหยซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่านางไม่ได้มีอาการป่วยไข้จนทำให้ไม่อยากอาหารอย่างที่เขานึกหวั่นไว้ตอนแรกและหลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วทีนิสและเอ็ดการ์ก็ช่วยกันประคองไบรโอเนียขึ้นบนเกวียนโดยไม่ฟังคำทัดทานของคนดื้อที่จะเดินออกมาเองแล้วเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้ากลับพระราชวังที่ธอกาเรีย

“เจ้านอนหลับไปเถอะ ข้าจะคอยช่วยเปลี่ยนผลัดการคุมเกวียนให้เอ็ดการ์ได้พักบ้างเขาเฝ้ายามให้พวกเราทั้งคืนโดยไม่ได้พักเลย” ทีนิสบอกกับนางแล้วก็ถอนใจยาวด้วยความเป็นกังวล“พอไปถึงที่ธอกาเรียแล้วข้าหวังว่าเสด็จพ่อของเจ้าจะไม่กริ้วจนยกทหารไปรบกับคิเรบัสโดยทันทีหรอกนะ”

“ท่านอย่างห่วงไปเลย เรื่องของเสด็จพ่อข้าจะเป็นคนรับมือกับพระองค์เอง”

นางว่าพร้อมกับส่งยิ้มเซียวๆ ให้แก่เขาหากในใจนั้นก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ว่าถ้าหากโลเอลมาเห็นสภาพของนางในตอนนี้จะกริ้วถึงขนาดไหน


***************************


ที่ค่ายทหารตรงชายแดนคิเรบัสหลังจากประชุมกับพวกนายกองเกี่ยวกับการความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างคิเรบัสและดาร์ซีแล้วกีเธอร์ก็กลับมาที่ห้องของเขาแล้วก็ถอนใจยาวเมื่อคิดว่าเขาจะต้องส่งข่าวให้กับเลกัสรู้ด้วยเช่นกันพลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผ้าคลุมหน้าสีดำเขาชิงมาจากหญิงชุดดำในคืนก่อนเช้าวันนี้กีเธอร์ได้ลอบเข้าไปในดาร์ซีเพื่อสืบหาดูว่านางเป็นใครแต่ก็ไม่พบเบาะแสเลยทั้งที่นางไม่ควรจะไปไหนได้ไกลเพราะเขาทำให้นางบาดเจ็บ

เขาหยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมาแล้วขมวดคิ้วครุ่นคิดใครจะไปคิดว่าดาร์ซีจะส่งสายสืบผู้หญิงมาสอดแนมค่ายของเขามิหนำซ้ำนางอาจจะเก่งกว่านายกองของเขาบางคนเสียด้วยซ้ำ

“ดูท่าทางว่าดาร์ซีจะมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่คิดเสียแล้วสิ”

เขากล่าวพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเขียนจดหมายรายงานความคืบหน้าทางชายแดนส่งกลับไปยังเมืองหลวงของคิเรบัส


Be Continued




Create Date : 13 มีนาคม 2558
Last Update : 13 มีนาคม 2558 23:43:59 น.
Counter : 485 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


มีนาคม 2558

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
15
16
17
18
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend