บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2549
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
7 มิถุนายน 2549
 
All Blogs
 

...100 ปีพุทธทาสภิกขุปฏิรูปการเมืองวิถีพุทธ(จบ)--ยุค ศรีอาริยะ...




วันก่อนเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่อเมริกา โทร.มาคุยเรื่องโลกาภิวัตน์ ท่านกล่าวว่า

“เราต้องขอบคุณนายบุช และพวกสายเหยี่ยว เพราะการกระทำของเขาได้ผลักให้พลังประชาชนในประเทศอเมริกา และในลาตินอเมริกา รวมทั้งกระแสต้านโลกาภิวัตน์ ก่อตัวแพร่กระจายขึ้นทั่วโลก”

ผมก็เลยพูดเสริมว่า

“นี่คงไม่ต่างจากประเทศไทย คนไทยต้องขอบคุณ ท่านทักษิณ เช่นกัน เพราะความพยายามในการรวบอำนาจและความมั่งคั่งของเขา ได้สร้างความตื่นตัวให้ประชาชนไทย ทำให้คนไทยรวมตัวกัน และส่งผลให้กระแสต้านโลกาภิวัตน์ ก่อตัวได้ในประเทศไทย”

ถ้าเราใช้หลักท่านพุทธทาส เรื่องดุลยภาพและการเสียดุล เราจะพบว่าระบบโลกาภิวัตน์คือระบบโลกในลักษณะที่ทำลายตัวเอง และเป็นระบบที่นำสู่การเสียดุลยภาพอย่างยิ่ง เนื่องจากระบบนี้จะก่อให้เกิดภาวะรวยกระจุก จนกระจาย

เกิดกลุ่มคนรวยจำนวนน้อยเท่านั้นกลายเป็นกลุ่มอภิมหาร่ำรวย อย่างเช่นคุณทักษิณ กลุ่มชินวัตร และในเวลาเดียวกัน ภายใต้ระบบนี้ คนชั้นกลาง และคนจน จะตกเป็นหนี้ และยากจนล้มละลาย

นี่คือ ที่มาของพลังประชาชนแบบต้านกระแสทักษิโณมิกส์ ที่มีพันธมิตรหลากหลาย

การเกิดขึ้นของพลังพันธมิตร ในตัวเองคือ การเกิดขึ้นของพลังดุลยภาพใหม่ (ทางการเมือง) ในสังคมไทย

ดุลยภาพใหม่นี้ คือจุดเริ่มของการปฏิรูปการเมืองไทย

ในเวลาเดียวกัน หมายความว่า การปฏิรูปการเมืองไทยครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ กลับไม่ใช้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับมาอยู่ที่การอภิวัฒน์กลุ่มพลังพันธมิตรดังกล่าวให้เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถดุลย์กำลังกับฝ่ายโลกาภิวัตน์ หรือทักษิโณมิกส์ได้

การที่คุณทักษิณจะยังอยู่กับระบบการเมืองไทย และยังคงพยายามครอบครองประเทศไทย จึงก่อประโยชน์ในด้านกลับให้แก่ฝ่ายพลังประชาชน เพราะทำให้พลังประชาชนที่ก่อตัวกันอย่างหลวมๆ รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุด กลุ่มพลังต้านทักษิโณมิกส์ดังกล่าว จะพัฒนาเป็นกลุ่มพลังที่ก้าวหน้า และนำสู่การเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์ไทย

ในเมื่อประวัติศาสตร์โลกจะอภิวัฒน์ครั้งใหญ่ดังที่ผมได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ประวัติศาสตร์ไทยก็จะเกิดการอภิวัฒน์ครั้งใหม่เช่นกัน บนเส้นทางที่คล้ายคลึงกัน

ถ้าเราอ่านอนาคตโลกออกว่าโลกจะเคลื่อนตัวไปบนเส้นทางเช่นไร พลังต้านกระแสทักษิโณมิกส์ ก็จะตระหนักรู้ ว่าจะผลักดันกระแสประเทศไทยไปในทิศทางไหน

นี่คือ ประโยชน์ของการเข้าใจโลกแบบบูรณาการ เพราะการเห็นภาพกว้างจะทำให้เรารู้ว่า อะไรคืออนาคต และ อะไรคือสิ่งที่ต้องสิ้นไป(อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้) เราจะมีหน้าที่ทางประวัติศาสตร์อนาคตอย่างไร

หัวใจของการอภิวัฒน์โลกครั้งใหม่

แนวคิดแบบพุทธ กับแนวคิดแบบตะวันตก จะมองวิถีการอภิวัฒน์ที่ต่างกัน พุทธจะเน้นเรื่องการอภิวัฒน์ทางด้านจิตใจ หรือ จิตวิญญาณ ในขณะที่ชาวตะวันตกมองการอภิวัฒน์ในแง่เศรษฐกิจการเมือง

สูตรสำเร็จของแนวตะวันตก จึงคล้ายๆ กัน นั้นคือ การยึดอำนาจรัฐ การแก้รัฐธรรมนูญ และสร้างวิถีเศรษฐกิจใหม่ แต่ชาวพุทธจะย้ำว่า เราต้องคิดให้ถูกเสียก่อน หรือต้องเข้าใจว่า อะไรคือ วิชชา อะไรคือ อวิชชา ถ้าเรายังแยกแยะไม่ถูก เราจะสร้างระบบเศรษฐกิจการเมืองที่งดงามขึ้นมาไม่ได้

พูดในอีกแบบหนึ่งก็คือ ก่อนที่จะการอภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจ และการเมือง เราต้องอภิวัฒน์ในด้านจิตใจ (ภายใน) หรือการปฏิวัติภูมิปัญญาก่อน

แต่คำว่า อภิวัฒน์จาก “ภายใน” ไม่ได้หมายความแค่ภายในจิตใจของเราเท่านั้น เพราะสำหรับชาวพุทธ ในก็คือ นอก นอกก็คือ ใน

คำว่า “อวิชชา” ไม่ได้ดำรงอยู่อย่างลอยๆโดยไม่มีฐานรองรับ ความจริงแล้ว อวิชชาที่ครอบโลกอยู่ทุกวันนี้ ถูกผลิตซ้ำ ทุกวัน บนฐานผลิตที่เราเรียกว่า ระบบวัฒนธรรม

หากเราย้อนไปมองที่โลกทั้งระบบ ถามว่า อะไรคือ ฐานแห่งอวิชชา คำตอบที่ชัดๆ ก็คือ อารยธรรมตะวันตก หรือสิ่งที่นักวิชาการเรียกว่า Westernization

ระบบโลกโดยภาพรวมกำลังก้าวตัวสู่ยุคที่เรียกว่า หลังตะวันตก และกำลังหันกลับสู่ความเป็นตะวันออก

ก่อนอื่น เราคงต้องตอบว่า อะไรคือ อารยธรรมตะวันตก

ผมขอตอบแบบสั้นๆ อารยธรรมนี้ก่อตัวขึ้นจากชนเผ่าร่อนเร่ในโลกตะวันตก ที่มีชีวิตอยู่กับการปล้นชิง อย่างเช่น ชนเผ่าไวกิ้ง ชาวอารยันในยุโรป พวกมองโกลในเอเชีย ชนเผ่าเหล่านี้มีชีวิตอยู่กับสงคราม มักจะบูชาเทพเจ้า เช่น พระอาทิตย์ นับถือผู้ชายเป็นใหญ่ และสะสมความมั่งคั่งด้วยการปล้นชิง เป็นแบบวัฒนธรรมที่เน้นความเจริญ และเน้นในด้านวัตถุ มองโลกแบบปัจเจกชนเป็นหลัก มักจะยกย่องคนเก่ง อย่างเช่น คนที่เก่งการรบว่าเป็น วีรบุรุษ )

ในช่วงศตวรรษที่ 14 ถึง 16 อารยธรรมของชนเผ่าเหล่านี้ ได้สถาปนาขึ้นเหนือยุโรป ในยุคที่ยุโรปเป็นใหญ่เหนือระบบโลก

ต่อมา อารยธรรม หรือวัฒนธรรมชุดนี้ รุ่งเรืองขึ้นด้วยการประสานกับการค้นพบสิ่งที่เราเรียกว่า วิทยาศาสตร์ (พิสูจน์ได้ และจริงแท้แน่นอน) ในทุกวันนี้

โลกที่ผ่านมา (ทั้งแบบทุนนิยม และสังคมนิยม) จึงกลายเป็นระบบโลกที่เชื่อในเรื่องการต่อสู้ และการเอาชนะ รวมทั้งความคิดว่า ต้องเอาชนะธรรมชาติ

ใครชนะ(ลัทธิตัวกู ของกู) หรือใครเข้มแข็งกว่า ก็ย่อมมีสิทธิ มีอำนาจ มากกว่าคนที่อ่อนแอกว่า

ระบบโลกทางการเมือง จึงถูกแบ่งเป็นประเทศ ที่มีประเทศมหาอำนาจเป็นใหญ่เหนือกว่าประเทศอื่นๆ ระบบสังคมที่เหลื่อมล้ำ และแบ่งแยกเป็นชนชาติ เป็นชนชั้น และชั้นชน มีสูงมีต่ำ จึงมีความเชื่อพื้นฐานว่า ใครมีอำนาจผู้นั้นก็ ชี้ถูก ชี้ผิด ได้

พูดอีกอย่างหนึ่ง “อำนาจ” ก็คือ ธรรม

สำหรับชาวพุทธแล้ว หัวใจของวัฒนธรรมตะวันตกคือ อวิชชา และในที่สุด อวิชชานี้เองจะนำมาซึ่งกลียุค

ชุดวัฒนธรรมตะวันตกชุดนี้ แตกต่างตรงกันข้ามกับชุดวัฒนธรรมตะวันออก (พุทธ และเต๋า) ที่วางอยู่บนฐานความเมตตา เกื้อกูลต่อกัน

ความจริงแล้ว ชุดวัฒนธรรมตะวันออก มีกำเนิดมานานแล้วเช่นกัน ก่อนกำเนิดพุทธศาสนาเสียอีก โดยก็มีฐานกำเนิดมาจากวัฒนธรรมชุมชนเช่นกัน แต่เป็นชุมชนที่ก่อตัวขึ้นในลุ่มน้ำ หรือสายน้ำขนาดใหญ่ ชุมชนเหล่านี้จะนับถือธรรมชาติ โดยเฉพาะสายน้ำว่าเป็น “แม่” อย่างเช่น คนไทยยังมีพิธีบูชาแม่ นั่นคือ ที่มาของวันสงกรานต์ และวันลอยกระทง

โดยปกติ วัฒนธรรมชุดนี้จะถือว่า ผู้หญิงเป็นใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากชุดวัฒนธรรมตะวันตกที่ถือว่า ผู้ชายเป็นใหญ่ จัดได้ว่าเป็นชุดวัฒนธรรมที่รักธรรมชาติ ไม่ชอบสงคราม และชอบการมีชีวิตอย่างสงบสันติ และเอื้ออาทรต่อกัน

ที่ผมกล่าว เรื่อง วัฒนธรรมโลก 2 แบบ เพื่อชี้ว่า ปัจจุบัน การพัฒนาการของระบบโลกในแง่วัฒนธรรมกำลังเกิดการเคลื่อนตัวพลิกผันครั้งใหม่ เช่นกัน

ในอดีต โลกทางวัฒนธรรมเคลื่อนจาก “ออก” ไป “ตก” มาวันนี้ โลกทางวัฒนธรรมกำลังเคลื่อนจาก “ตก” กลับมา “ออก”

การเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมนี้สำคัญมาก เพราะถ้าฐานวัฒนธรรมถูกอภิวัฒน์ จิตใจของมนุษย์ทั่วโลกเองก็จะก่อเกิดการอภิวัฒน์ครั้งใหญ่ด้วย

ปัจจุบัน ขบวนการรื้อถอนความเป็นตะวันตกกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ศูนย์ใหญ่ของการรื้อถอน คือ ปัญญาชน สื่อ และ NGO

กล่าวอย่างสรุปก็คือ ขบวนการต้านกระแสโลกาภิวัตน์ รวมทั้งขบวนการต้านทักษิโณมิกส์ ในประเทศไทย ต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจเรื่องการรื้อถอนวัฒนธรรมตะวันตก

การปฏิรูปการเมืองไทยจึงไม่ได้มีความหมายจำกัดในกรอบ หรือมิติทางการเมือง และเศรษฐกิจเป็นสำคัญ แต่กลับไปอยู่ที่การปฏิวัติวัฒนธรรม และการเรียนรู้ เป็นสำคัญ

ถ้าเราเข้าใจเรื่อง การสร้างวัฒนธรรมระบบโลกใหม่ ซึ่งหันกลับสู่รากวัฒนธรรมตะวันออก เราก็จะรู้ว่า เราจะปฏิรูป หรือสร้างระบบการเมือง และระบบเศรษฐกิจใหม่อย่างไร

ผมคิดว่า ท่านพุทธทาสได้นำเสนอไว้ส่วนหนึ่งแล้วในงานเขียนของท่าน นั่นคือ การสร้างระบบการเมือง และเศรษฐกิจใหม่บนฐานที่มีดุลยภาพขึ้นมาใหม่

กล่าวอย่างสรุปก็คือ

เราต้องช่วยกันสร้างวัฒนธรรมใหม่ ให้คนรักธรรมชาติ ให้คนเอื้ออาทรต่อกัน เราต้องกล้าสร้างระบบการเมืองใหม่ บนฐานระบบที่มีดุลยภาพและกระจายอำนาจ (ไม่ใช่ทุกอย่างคือ กรุงเทพ และรวมศูนย์ที่กรุงเทพ) เราต้องสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่เพื่อคนส่วนใหญ่ (แทนที่เศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ ที่รวยกระจุก จนกระจาย)

ท่านพุทธทาสเรียกแนวคิดนี้ว่า “ธรรมิกสังคมนิยม”


คำว่า สังคมนิยมของท่าน ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับแนวคิดสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในโลกตะวันตก แต่เป็นสังคมแบบพุทธในวิถีตะวันออก

ท่านพุทธทาสได้ชี้ข้อบกพร่องของสังคมนิยมแบบตะวันตกไว้ว่า ไม่ต่างจากระบบทุนนิยม ที่ยึดถือ ความเจริญในด้านวัตถุเป็นใหญ่

ไม่ตระหนักรู้ว่า การติดหลงความเจริญ คือการทำลายและวิบัติ

สังคมนิยมแบบของท่านจึงเป็นสังคมที่เน้นเรื่องความเจริญในแง่จิตใจเป็นหลัก ซึ่งก็คือ การสร้างสังคมแบบพุทธนั่นเอง

บทสรุป

แม้ท่านพุทธทาสจากไปแล้ว แต่แนวคิดในด้านพุทธของท่านยังอยู่กับเรา

ถ้าใจเราเป็นพุทธ เราก็จะพบความเป็นพุทธะ หรือหลักธรรมในทุกหนทุกแห่ง และเราก็จะพบคำสอนของท่านพุทธทาสในทุกที่ เช่นกัน

ธรรมก็คือ ธรรมชาติ ผู้พบธรรมก็คือ ผู้พบธรรมชาติ คนที่เข้าใจเรื่องจิตใจก็คือ ผู้พบธรรมในด้านจิตใจ คนที่เข้าใจและเข้าถึงเรื่องสังคมก็คือ ผู้พบธรรมในด้านสังคม

เรายิ่งเข้าถึง “ธรรม” ก็ยิ่งเข้าถึงธรรมชาติ เข้าถึงสภาวะอนัตตา และความเป็นอนิจจัง (พลิกผัน) และในที่สุดเราก็จะเข้าถึง “ธรรม” ที่ซ่อนอยู่ภายในของเรา

การเมืองกับธรรม จึงกลายเป็นเรื่องเดียวกัน ในขณะเดียวกับ การอภิวัฒน์โลก และการอภิวัฒน์ธรรม ก็คือเรื่องเดียวกัน

ผู้รักธรรมจึงต้องช่วยอภิวัฒน์โลกสู่โลกแห่งธรรม หรือโลกที่มีดุลยภาพที่งดงาม โลกที่มนุษย์กับธรรมชาติมีชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างเอื้ออาทรต่อกัน โลกที่ไร้สงคราม สังคมที่ไร้ชนชั้น และไร้ความเหลื่อมล้ำ

ท่านพุทธทาส ช่วยเราวาดภาพฝัน ถึงสังคมในอนาคต ที่งดงาม เราคนไทยทุกคนต้องช่วยกันสร้างฝันให้เป็นจริง













100 ปีพุทธทาสภิกขุปฏิรูปการเมืองวิถีพุทธ(2) --ยุค ศรีอาริยะ คลิกที่นี่ครับ




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2549
9 comments
Last Update : 7 มิถุนายน 2549 13:26:23 น.
Counter : 1698 Pageviews.

 

วันนี้เหนื่อนยมาก ๆ กับการจัดการบล็อกจ้ะ ทำไมมันเพี้ยน ๆ ทำเสร็จกลายเป็นคอมเม้นท์อะไรก็ไม่มีเลย

ขอพักหอบก่อนนะครับ
แต่คงเหนื่อยไม่เท่าประเทศไทยที่ยังคงเป็นสูญญากาศทางการเมืองเป็นเวลานานมาก

ดูแลตัวเองกันให้ดี ๆ ด้วยนะครับ

 

โดย: คนเดินดินฯ 7 มิถุนายน 2549 12:57:14 น.  

 



อยากให้ถึงวันนั้นก่อนที่เราจะไม่มีลมหายใจจังเลยค่ะ อยากเห็นเมืองไทยเป็นเมืองที่สวยงาม สงบเงียบ ผู้คนมีความสุข ไม่มีเรื่องวุ่นวายอย่างทุกวันนี้โดเยเฉพาะเรื่องของ การเมือง น่ะค่ะ

 

โดย: Malee30 7 มิถุนายน 2549 13:59:36 น.  

 

ปรากฎการณ์ไม่เอาทักษิณของแนวร่วมพันธมิตร
ได้หยั่งรากลึกแผ่กิ่งก้านผลิใบแห่งความเอื้ออาทร
และแบ่งปันให้สังคมไทยได้เรียนรู้
เป็นพลังใจให้สังคมมุ่งไปสู่สิ่งที่ดีกว่า......




 

โดย: โดม IP: 125.24.73.255 8 มิถุนายน 2549 17:44:25 น.  

 

อำนาจก็เป็นธรรมอย่างหนึ่งจริงๆ เป็นธรรมที่ที่ให้แต่ละคนได้ตั้งคำถามว่าเมื่ออำนาจมาถึง จะเลือกที่จะอยู่กับอำนาจต่อไปยังไง

บางคนก็ร่วมใช้อำนาจนั้นไปด้วย
บ้างก็สยบ

บ้างก็ขัดขืน...

 

โดย: นายเบียร์ 10 มิถุนายน 2549 11:08:24 น.  

 


สบายดีไหมคะ แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ

 

โดย: p_tham 10 มิถุนายน 2549 16:07:43 น.  

 

เอามิตรภาพ..มาฝากค่ะ..

 

โดย: catt.&.cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) 10 มิถุนายน 2549 21:47:06 น.  

 

อำนาจคือธรรม
วินัย (กฎหมาย) ต้องกำหนดตามธรรมะในยุค สมัย และสังคม
แล้วธรรมะก็คือธรรมชาติ คือสภาพที่จริงแท้
เสี้ยวเข้าใจถูกหรือเปล่าคะ

แต่ใครจะกำหนดว่าธรรมะนั้นคืออะไร

กำลังศึกษา รัฐธรรมในอดีต เขียนโดย อ.วีระ สมบูรณ์อยู่ค่ะ

ยังไม่ตกผลึกทางความคิด

 

โดย: gluhp 12 กรกฎาคม 2551 10:07:58 น.  

 

ผมได้อ่านหนังสือของอาจารย์แล้วครับ

ประทับใจมากๆ

เต๋าแห่งสังคมศาสตร์ครับ


ผมเป็นครูฟิสิกส์ เคยอ่านงานของอาจารย์เล่มแรก สุดยอดเลยครับ

อ่านจบเพียงวันเดียว วางไม่ลงเลยครับ

เป็นกำลังใจให้ครับผม

ครูสุริยะ ป้องขันธ์

ya_kaset@hotmail.com

 

โดย: ครูสุริยะ IP: 112.142.171.193 19 ธันวาคม 2552 21:33:04 น.  

 

มได้เคลื่อนย้ายจากฝั่งใดสู่ฝังหนึ่ง
หากแต่อยู่ในวังวน สู่วัฒนธรรมใหม่
คือวัฒนธรรมโลก

 

โดย: สิงห์คาราวะ IP: 117.47.209.247 16 กุมภาพันธ์ 2553 11:58:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.