บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
27 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
จิตสำนึกแห่งทางเลือกในยุคทักษิณครองเมือง(22)--ดร.สุวินัย ภรณวิลัย










จิตสำนึกแห่งทางเลือกในยุคทักษิณครองเมือง (ตอนที่ 22)

โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย 24 มกราคม 2549 22:07 น.




22. ขุมพลังทางการเมืองแห่งสังคมเครือข่าย

รายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” ได้กลายเป็น ปรากฏการณ์ทางประวัติศาสตร์ ครั้งสำคัญของพัฒนาการของ การเมืองภาคประชาชนยุคใหม่ ในการต่อสู้กับ ระบอบทักษิณ ไปเสียแล้ว เพราะยิ่งเวลาผ่านไป การเข้ามาฟังรายการนี้ก็ยิ่งกลายเป็นการชุมนุมรวมตัวของชนชั้นกลางไทยที่โดยพื้นฐานแล้ว ไม่มีการ “จัดตั้ง” มีแต่ความกระหายใคร่รู้ในข้อเท็จจริง และเบื้องหลัง ความไม่ชอบมาพากล ความไม่ถูกต้องของเครือข่ายการเมืองของ “ทุนใหญ่” ที่เข้ามาเถลิงอำนาจรัฐแบบมูมมามภายใต้ระบอบทักษิณ เพราะข้อเท็จจริงเหล่านี้ พวกเขาไม่สามารถรับรู้จากสื่อส่วนใหญ่ทั่วไปได้


ในขณะเดียวกัน ระบอบทักษิณก็ได้ใช้อำนาจรัฐ และทุนที่เหนือกว่าชั่วคราวทำการตอบโต้ทุกรูปแบบทุกวิถีทาง เพื่อยับยั้งการเคลื่อนไหวอันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งมูลค่าเป็นพันล้านบาท ใช้มาตรการทางศาลเพื่อปิดปาก ใช้นายทหารชั้นผู้ใหญ่บางคนออกมาแสดงปฏิกิริยากดดัน สกัดกั้นการเผยแพร่แผ่นวีซีดีรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” บีบไม่ให้เคเบิลทีวีภูมิภาคถ่ายทอดสดรายการนี้จากระบบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ข่มขู่ที่จะปิดเว็บไซต์ของผู้จัดการออนไลน์ ฯลฯ


สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้แทบไม่ต่างจาก สงครามข่าวสาร ระหว่าง ระบอบทักษิณที่ใช้ “สื่อเก่า” ของรัฐ กับ การเมืองภาคประชาชนยุคใหม่ที่ใช้ “สื่อใหม่” (New Media) อันเป็นผลพวงจากนวัตกรรมแห่งยุคดิจิตอล แต่อย่างใดเลย


“สื่อเก่า” (อย่างฟรีทีวีและหนังสือพิมพ์หัวสีที่ศิโรราบให้กับรัฐบาล) อยู่ในกำมือของ อำนาจการเมืองเก่า ซึ่งเป็นตัวแทนของ ทุนใหญ่ ขณะที่ “สื่อใหม่” เป็นอาวุธที่ทรงพลังของการเมืองภาคประชาชนยุคใหม่ที่ใช้ความรู้ ข้อเท็จจริง ข่าวสาร และภูมิปัญญาเป็นที่พึ่ง โดยมีความต้องการใคร่รู้ของประชาชนชนชั้นกลางเป็นตัวกำหนด


เป็นที่เห็นได้ชัดแล้วว่า ความพยายามใดๆ ทั้งปวงของอำนาจรัฐภายใต้ระบอบทักษิณที่พยายามปิดกั้นการสื่อสารระหว่างประชาชนในยุคดิจิตอลนั้น ไม่มีทางกระทำสำเร็จได้


คนที่อ้างตัวเองว่าเป็น “อัศวินแห่งคลื่นลูกที่สาม” อัน จอมปลอม เพราะยังใช้ สื่อเก่า แบบ คลื่นลูกที่สอง อยู่เลยในการปิดหูปิดตาประชาชนกำลังถูกระบบการสื่อสารดิจิตอลแห่ง คลื่นลูกที่สามของจริง “ก้าวข้าม”ไปแล้วอย่างน่าสมเพช เพราะสื่อกระแสหลักที่อยู่ในมือรัฐบาลภายใต้ระบอบทักษิณนี้ นอกจากล้าสมัยแล้วยังขาดความน่าเชื่อถือในการถ่ายทอดความจริง ความเป็นไปของบ้านเมืองอย่างร้ายแรงด้วย


ทุกวันนี้ สื่อเก่ากระแสหลักในกำมือของรัฐบาลแทบไม่ต่างไปจาก กระบอกเสียงโฆษณาชวนเชื่อฝ่ายเดียวของรัฐบาล หรือไม่ก็เป็นเครื่องมือในการมอมเมาประชาชนอย่างร้ายแรง


ยิ่งระบอบทักษิณพยายามจะคุกคามสื่อ และลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชนมากเท่าไร การเกิดและแพร่กระจายของสื่อใหม่ที่เป็นสื่อทางเลือกอย่างอินเทอร์เน็ต ก็จะเร่งความเร็วขึ้นมากเพียงนั้น และสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม โดยการรวมตัวของประชาชนจำนวนมหาศาลที่ออกมาแสดงความรู้สึกร่วมในการต่อต้านการปิดหูปิดตาโดยการเข้ามาฟังรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” ด้วยตนเองโดยตรง อีกทั้งยังไม่นับประชาชนจำนวนนับแสนที่ต้องขวนขวายแสวงหาความจริงด้วยตนเอง ผ่านสื่อยุคดิจิตอลทั้งหลายทั้งปวง


พร้อม ๆ กับการต่อสู้กับระบอบทักษิณของการเมืองภาคประชาชนยุคใหม่ สิ่งที่กำลังก่อตัวและเกิดขึ้นในขณะนี้คือ การเมืองแห่งสังคมเครือข่าย ที่ทรงพลังยิ่ง และอาจกล่าวได้ว่า นี่คือ รูปธรรมที่จับต้องได้ของ การเมืองแห่งคลื่นลูกที่สาม หรือ ประชาธิปไตยแห่งยุคดิจิตอล


เรื่องนี้สมควรทำความเข้าใจจาก ทฤษฎีเชิงระบบ (system theory) ที่เป็นการประยุกต์เอามุมมองความเข้าใจ ชีวิตเชิงระบบแบบใหม่มาใช้ในการวิเคราะห์สังคมและการเมือง


การขยาย ความเข้าใจเชิงระบบ เข้าไปในปริมณฑลทางสังคม และการเมืองจึงหมายถึงการประยุกต์ความรู้เรื่อง แบบแผนพื้นฐาน และหลักการของการจัดองค์กรของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเข้าใจเรื่อง เครือข่ายที่มีชีวิต เข้าไปสู่ความเป็นจริงทางสังคมและการเมือง


เพราะ เครือข่ายทางสังคมและการเมือง ก็เป็นแบบแผนการจัดองค์กรแบบไม่เป็นเชิงเส้น (ไม่เป็นเส้นตรง) เพราะเป็น ระบบแห่งความซับซ้อน (พลศาสตร์แบบไม่เป็นเชิงเส้น) ชนิดหนึ่งเช่นกัน เพียงแต่ ปม และ จุดเชื่อมของเครือข่ายทางสังคมและการเมือง ไม่ใช่เครือข่ายทางชีวเคมีเหมือนอย่าง “ชีวิต” แต่เป็น เครือข่ายของการสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับภาษาสัญลักษณ์ มีกรอบกดดันทางวัฒนธรรม และมีความสัมพันธ์เชิงอำนาจ เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ


เครือข่ายทางสังคมและการเมืองจึงเป็น กระบวนการสร้างตัวเองทางสังคม อย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับตัวมนุษย์ที่มีชีวิตเท่านั้น หากยัง เกี่ยวพันกับภาษา จิตสำนึก และวัฒนธรรม หรือพูดในอีกแง่หนึ่งได้ว่า มันเกี่ยวพันกับระบบการเรียนรู้ และรับรู้ของผู้คนอย่างเห็นได้ชัด โดยที่เครือข่ายทางสังคมและการเมืองนี้ ใช้การสื่อสารมาเป็นรูปแบบของการผลิตซ้ำในการสร้างตัวเอง อย่างหนึ่ง


องค์ประกอบของเครือข่ายทางสังคมและการเมือง (ในกรณีนี้คือเครือข่ายที่วิพากษ์และต่อต้าน ระบอบทักษิณ) ก็คือ การสื่อสารที่ผลิตและถูกผลิตซ้ำอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยตัวของเครือข่ายของการสื่อสารนั้นเอง


เครือข่ายของการสื่อสารเหล่านี้เป็น การก่อเกิดขึ้นเอง การสื่อสารแต่ละครั้ง (ในกรณีนี้คือ ข่าวสารจากรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร” รวมทั้งข่าวสารในเครือสื่อผู้จัดการทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนที่วิพากษ์เปิดโปงระบอบทักษิณ) จะสร้าง “ความคิดและความหมาย” ซึ่งทำให้เกิดการสื่อสารครั้งต่อๆ ไป


ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายทั้งหมดจึงให้กำเนิดตัวเอง และเป็นการสร้างตัวเอง โดยที่การสื่อสารทั้งหลายจะกลับมาเกิดขึ้นอีกในวงจรป้อนกลับอันหลากหลาย ระบบเครือข่ายนี้จะทำการผลิตระบบความเชื่อ คำอธิบาย และระบบค่านิยมชุดหนึ่งร่วมกัน (เช่น ไม่เอาทักษิณ เทิดทูนสถาบันหลัก ต่อต้านคอร์รัปชันที่เกิดจากการเล่นพวกของระบอบทักษิณ ฯลฯ) ซึ่งดำรงคงอยู่ได้ด้วยการสื่อสารที่ยังคงดำเนินสืบเนื่องต่อไป


ด้วย บริบทแห่งความหมาย ที่มีร่วมกันนี้ ในที่สุดปัจเจกบุคคลจะได้มาซึ่ง เอกลักษณ์สมาชิกแห่งเครือข่ายสังคม นี้ในวิถีทางนี้เองที่ตัวเครือข่ายเองก็ได้สร้าง ขอบเขต ของมันเองขึ้นมา ขอบเขตนี้มิใช่ขอบเขตทางกายภาพ แต่เป็น ขอบเขตของความคาดหวัง ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความผูกพันภักดี ซึ่งจะได้รับการดำรงรักษา และมีการเจรจาต่อรองใหม่ๆ เสมอโดยตัวเครือข่ายเอง


แน่นอนว่า เครือข่ายทางสังคมและการเมืองทั้งหลายย่อมมีองค์ประกอบทางโครงสร้างวัตถุด้วย แต่โครงสร้างทางวัตถุเหล่านี้มีไว้เพื่อ แฝงฝังความหมาย เป็นหลักเท่านั้น


การเมืองแห่งสังคมเครือข่าย จึงมุ่งที่จะให้ “ความหมาย” แก่สมาชิกในเครือข่ายให้มี จินตภาพเกี่ยวกับอนาคตบางอย่างร่วมกัน เพื่อที่จะทำให้สมาชิกของเครือข่ายสามารถกระทำการออกมาด้วยความเชื่อมั่นว่า สิ่งใดถูกต้องและสิ่งใดไม่ถูกต้อง ทำให้การกระทำของพวกเขาล้วนเป็นไปโดยสมัครใจ ตั้งใจ และมีเป้าหมาย


เพราะมีแต่การกระทำที่บุคคลผู้นั้นตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะทำออกมาเองเท่านั้น ถึงจะทำให้คนผู้นั้นมีประสบการณ์แห่งความเป็นอิสรภาพของมนุษย์ได้


จะเป็นความโฉดเขลาอย่างยิ่ง หากผู้กุมอำนาจรัฐในระบอบทักษิณกำลังคิดว่า “ศัตรู” ของพวกเขาคือ “สนธิ” เท่านั้น พวกเขาคงยังไม่ได้สำนึกและสำเหนียกกระมังว่า สิ่งที่ระบอบทักษิณกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้นั้น คือ ขุมพลังทางการเมืองแห่งสังคมเครือข่ายของชนชั้นกลางไทย ที่เป็นอิสระโดยสัมพัทธ์จากพรรคการเมืองใดๆ เพราะมันเป็นระบบเครือข่ายที่เกิดขึ้นเอง และสร้างตัวเองขึ้นมาอย่างมีพลวัตแบบไม่เป็นเชิงเส้น ขุมพลังทางการเมืองแห่งสังคมเครือข่ายของชนชั้นกลางไทยนี้ทรงพลังกว่าที่ระบอบทักษิณคาดคิดเอาไว้มากนัก ซึ่งคงจะได้เป็นที่ประจักษ์ในอีกไม่ช้า







บล็อกเมื่อวาน คลิกที่นี่







Create Date : 27 มกราคม 2549
Last Update : 27 มกราคม 2549 17:01:53 น. 6 comments
Counter : 539 Pageviews.

 
ยิ่งปิด คนก็ยิ่งอยากรู้ อยากเห็นนะผมว่า
ยิ่งช่วงนี้ ท่านสนธิ เดินสายไปตาม ตจว.อีก
คนเราส่วนมากพอยิ่งใหญ่ก็มักจะประมาทคู่ต่อสู้นะครับ
แถมชอบพูดจาถากถางอีก ซักวันครับปากพาซวยแน่
ยิ่งพวกสมุนข้างๆอีกพวกนายว่าขี้ข้าพลอยทั้งนั้นแหละครับ


โดย: คนรู้(ไม่)ทันทักษิณ (merf1970 ) วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:15:46:08 น.  

 
เบื่อทักษิณ และดีใจที่ไม่ได้เลือกส.ส. พรรคไทยรักไทย เลยกล้าด่า อืมมม เห็นเขาว่าด่าเพราะอิจฉาเขา ไม่อิจฉานะ และยังใช้มือถือระบบ GSM ด้วย


โดย: nuyo (CooKiiE ) วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:16:05:08 น.  

 


โดย: rebel วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:17:58:46 น.  

 
ไม่อยากวิจารณ์รัฐบาลชุดนี้เลย

รู้สึกไม่ดี ไม่มีความศรัทธาเหลืออยู่


โดย: ju (กระจ้อน ) วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:18:13:50 น.  

 
เคาะผ่านค่ะ ไม่ออกความเห็นดีกว่า เดี๋ยวยาววววว


โดย: Xenosaga วันที่: 28 มกราคม 2549 เวลา:10:16:36 น.  

 
ร่ำรวยเงินทอง ประสบความสุขความสำเร็จ ตลอดไปนะคะ

Image hosting by Photobucket


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 28 มกราคม 2549 เวลา:12:52:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.