|
หลังยุคทักษิโณมิกส์ปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่(3)--ยุค ศรีอารยะ
หลังยุคทักษิโณมิกส์ ปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่ (3) โดย ยุค ศรีอาริยะ 19 ธันวาคม 2548 18:02 น. ถ้าย้อนกลับไปในช่วงนั้นอีก หลังฟองสบู่แตกปี 2540 การวิเคราะห์อนาคตไทยก็แบ่งออกเป็น 2 สาย สายแรกคือ สายทักษิโณมิกส์ ที่เสนอว่าจะเกิดปรากฏการณ์ตัว V เนื่องจากว่าพอฟองสบู่แตก ก็หมายความว่า เศรษฐกิจไทยดิ่งจมลงถึงที่สุดแล้ว ก็จะเกิดกระแสตีกลับขึ้นเอง ในขณะที่ ฝ่ายต้านโลกาภิวัตน์ เตือนว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น เนื่องจากหลังฟองสบู่แตกปี 2540 ได้ก่อกระแสวิกฤตไปทั่วเอเชีย และแพร่ไปทั่วโลก ระบบเศรษฐกิจโลกโดยภาพรวมยังคงผันผวนอยู่ อย่างเช่นปี 2543 ถึง 2544 ฟองสบู่ได้แตกอีกครั้งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเกิดปรากฏการณ์ตัว V เมื่อทักษิโณมิกส์เชื่อมั่นในกระแสโลกาภิวัตน์ และเชื่อในปรากฏการณ์ตัว V แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ (อย่างแรง) จึงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลทักษิณขึ้นมามีอำนาจ ยุทธวิธีหลักคือระดมเงินทั้งในและนอกระบบ รวมทั้งการระดมทุน หรือการใช้เงินของอนาคตเข้ามาช่วยปั่นเศรษฐกิจ เมืองไทยจึงก้าวเข้าสู่ช่วงปั่นใหญ่ทางเศรษฐกิจ ผลที่ตามมาจึงดูราวว่าเศรษฐกิจไทยกำลังพุ่งขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกก็ผันผวนเกินกว่าที่ทักษิโณมิกส์คาด พอเกิดวิกฤตน้ำมันและวิกฤตสิ่งแวดล้อม กระแสการปั่นเศรษฐกิจก็ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า นี่คือที่มาของความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ความล้มเหลวนี้ก่อผลสะเทือนในวงกว้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางในเมืองที่เคยศรัทธา หรือเคยเชื่อมั่นว่า รัฐบาลทักษิโณมิกส์จะแก้วิกฤตของบ้านเมืองได้ ภาพความล้มเหลวทางเศรษฐกิจก่อตัวขึ้นพร้อมๆ กับความล้มเหลวทางการเมือง ในการเผชิญวิกฤต 3 จังหวัดภาคใต้ วิกฤต 3 จังหวัดภาคใต้ กล่าวได้ว่า "ยิ่งแก้ ยิ่งวิกฤต" ทำให้ความศรัทธาต่อรัฐบาลและคุณทักษิณเสื่อมทรุดลงไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาปัญญาชนไทยที่ติดตามศึกษาและวิจัยเรื่องนี้โดยตรง งานวิจัยจำนวนมากได้นำเสนอว่า รากที่มาของปัญหา คือนโยบายการอุ้มฆ่า และแนวคิดสร้างรัฐตำรวจขึ้นคุม 3 จังหวัดภาคใต้ มีงานชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจมากคือ งานของ ดร. ภูวดล ทรงประเสริฐ ได้นำเสนอผลงานเรื่อง เพลิงทักษิณ ผมคิดว่าจากการตั้งชื่อเรื่อง ผู้อ่านก็พอจะบอกได้ว่า อะไรคือต้นตอของปัญหา ผมขอยกข้อความบางช่วงที่ท่านได้นำเสนอไว้อย่างตรงไปตรงมาและชัดเจน ท่านกล่าวถึงนายกฯ ว่า มีอัตตานิยมสูงมาก มีการใช้ดุลพินิจส่วนตัวมากกว่าหลักนิติธรรมตามกระบวนการยุติธรรมของประชาสังคมที่มีอารยะ จนทำให้นายตำรวจจำนวนหนึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติ จนกระทั่งคำว่า "การอุ้มฆ่า" ได้กลายเป็นยุทธวิธีหลักในการปราบปราม ในกรณีตากใบ ท่านนายกฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "การสลายม็อบที่ตากใบเป็นไปตามหลักวิชาการทุกอย่าง" แต่หลังจากนั้นกลับปรากฏว่า มีคนตายไป 84 ศพ ภายใต้การควบคุมดูแล (อย่างเป็นวิชาการ) ของเจ้าหน้าที่ จนทำให้บรรดาผู้นำศาสนาอิสลาม และประเทศมุสลิม ถึงกับกล่าวประณามเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า เป็นการก่ออาชญากรรมโดยรัฐไทย ถ้าถามผมว่า "วิกฤตใต้" ใครคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบทั้งโดยตรงและโดยอ้อม คำตอบแบบตรงๆ คือ เพลิงทักษิณ นี่คือเส้นแบ่งที่ใหญ่และไม่อาจจะเชื่อมกันได้ระหว่างนักวิชาการที่รักความเป็นธรรม และกลุ่มที่รักสันติวิธี กับทักษิโณมิกส์แบบอำนาจนิยมภายใต้การนำของคุณทักษิณ หลังจากนั้น กระแสปฏิเสธทักษิณ จึงเริ่มแพร่ระบาดไปทั่วในหมู่ปัญญาชนไทย เพื่อนสวนขึ้นว่า "ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมรัฐบาลต้องใช้ความรุนแรงจนเกินเหตุด้วย" ผมตอบว่า "น่าจะเกี่ยวกับแนวคิด หรือวัฒนธรรมแบบอเมริกันคาวบอย" ผมคิดว่าคนที่เรียนมาจากสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะจากรัฐเทกซัส ซึ่งถือว่าเป็นเมืองคาวบอย หนีไม่พ้นที่จะรับวัฒนธรรมแบบนี้ ถ้าเราดูหนังคาวบอย เราจะพบวิถีการจัดการปัญหาแบบคาวบอย นั่นคือวิธีที่พระเอกใช้ปืนยิงผู้ร้ายทิ้งให้หมดทั้งเมือง และทุกอย่างก็จบลงด้วยพระเอกคาวบอยได้รับชัยชนะ เรียกว่า "คิดง่าย" และ "ป่าเถื่อน" ผมคิดว่าท่านประธานาธิบดี บุช ก็คิดเช่นนี้ ไม่ต่างกัน เพราะท่านก็จบจากรัฐเทกซัสเหมือนกัน ท่านจึงนำประเทศของท่านติดกับสงครามที่ยากจะสิ้นสุดที่ อิรัก และตะวันออกกลาง เพราะท่านคิดว่ายึดอิรักง่ายนิดเดียว แค่จับซัดดัม และฆ่าทุกคนที่เป็นพวกซัดดัมทิ้ง ทุกอย่างก็คงเรียบร้อย วิกฤต 3 จังหวัดภาคใต้ สร้างความสูญเสียในเชิงเศรษฐกิจมหาศาลมาก เรียกว่าเศรษฐกิจแถบ 3 จังหวัด ทั้งหมด รวมถึงศูนย์เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้คือ สงขลา พังยับเยิน มูลค่าความเสียหายนับแสนๆ ล้าน ใครเล่ารับผิดชอบ!!! ถ้าวิกฤตนี้แพร่ระบาดออกไป หรือหากมีการโจมตีแหล่งท่องเที่ยว หรือกรุงเทพฯ ความเสียหายจะขยายเป็นทวีคูณ ใครเล่าคือผู้รับผิดชอบ!!! และที่สำคัญความล้มเหลวทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ถูกทำให้แย่ลงด้วยข่าวการแพร่ระบาดของคอร์รัปชันที่เรียกว่า "คอร์รัปชันในเชิงนโยบาย" ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางคนเล่าว่า เดี๋ยวนี้ การโกงกิน จะกินกันอย่างละเอียด กินทุกจุด ทุกที่ที่มีงบประมาณเข้าไปเกี่ยวข้อง วันก่อนผมฟัง นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ พูดที่ธรรมศาสตร์ ท่านกล่าวถึงการเกิดขึ้นของวงจรอุบาทว์ 7 ประการ คือ 1. การผูกขาดอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งในรัฐบาล รัฐสภา และสื่อมวลชน 2. ผูกขาดระบบเศรษฐกิจอย่างไม่เคยมีมาก่อน 3. มีธุรกิจการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่อพวกพ้องและวงศาคณาญาติ 4. ผูกขาดการออกนโยบาย และกฎหมาย 5. มีการทุจริตในเชิงนโยบาย 6. นโยบายประชาชนนิยม ที่ทำลายความเป็นคนของคนชนบท 7. การมีความพยายามซื้อสื่อ และขบวนการครอบงำสื่อ ผมขอสรุปว่า วงจรอุบาทว์นี้เกิดจากการประกอบประสานกัน และพัฒนาไปด้วยกันระหว่างการขยายการผูกขาดอำนาจการเมือง เศรษฐกิจ และสื่อ และการขยายตัวของการโกงกินบ้านเมือง ยิ่งอำนาจถูกผูกขาดมากขึ้น การโกงกินบ้านเมืองก็จะขยายตัวไปด้วยกัน วันนี้ ไม่มีใครเชื่อว่า "รวยแล้วไม่โกง" เราพบว่า "ยิ่งรวย ยิ่งโกง ยิ่งกิน" ก่อนจบ ผมกล่าวอย่างสรุปว่า การพังพาบของทักษิโณมิกส์ มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง ประกอบประสานกัน จนวันนี้ ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลมาร่วมชุมนุมกัน จนก่อกระแสต้านทักษิโณมิกส์ขึ้น รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตแก่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปแล้วในมิติหนึ่ง และในเวลาเดียวกัน ทักษิโณมิกส์ เองก็กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปด้วยในอีกมิติหนึ่ง นี่คือ อนาคตที่กำลังไล่ล่าเรา ทางออกไทย พอผมจะจบ เพื่อนๆ ก็ขอให้พูดถึงเรื่อง ทางออก ผมจึงเริ่มว่า "ความจริงแล้วในช่วงทักษิโณมิกส์ เราได้เรียนรู้สิ่งที่มีค่ามากมายหลายเรื่องหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องความล้มเหลวของทักษิโณมิกส์ แต่ถึงอย่างไร ผมคิดว่าคุณทักษิณมีข้อดีหลายอย่าง เช่น เป็นคนขยันอย่างยิ่ง ชอบศึกษา และสนใจติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ จนถูกขนานนามว่าเป็น อัศวินแห่งคลื่นลูกที่สาม นี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องกล่าวถึงเช่นกัน นอกจากนี้ ท่านเข้าใจความสำคัญของสื่อและใช้สื่อมาก มากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา นี่คือแง่บวกที่ท่านนำเสนอต่อสังคมไทย แต่ผมสงสัยว่าอัศวินคลื่นลูกที่สามคนนี้ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า อะไร คือคลื่นลูกที่สาม" คลื่นลูกที่สามคือ คลื่นของการเปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ยุคเศรษฐกิจทุนนิยมแบบเก่า รวมทั้งทุนนิยมฟองสบู่ และยุคการเมืองประชาธิปไตย (ตัวแทน) แบบเก่าสิ้นสภาพ บางทีเราเรียกยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ว่า "ยุคแห่งข้อมูลและข่าวสารซึ่งไร้พรมแดน" หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า ข้อมูลข่าวสารที่ไร้พรมแดนนี้จะกลายเป็นพลังในการผลักดันประวัติศาสตร์ให้เคลื่อนไปข้างหน้า พลังข่าวสารนี้ จะแสดงบทบาทผ่านการสร้างชุมชนแห่งความรู้ หรือ Knowledge Communities และการสร้างขยายเครือข่ายดังกล่าว เหตุที่ต้องสร้างชุมชนแห่งความรู้ขึ้น เนื่องจากโลกจะเต็มไปด้วยขยะแห่งข่าวสารจำนวนมหาศาล ดังนั้นที่สำคัญ ชุมชนต่างๆต้องมีความสามารถแยกแยะ วิเคราะห์ วิจัยข่าวสาร และส่งต่อข่าวสารได้ ชุมชนแห่งปัญญานี้ จะเป็นพลังใหม่ในการนำการเปลี่ยนและสร้างประวัติศาสตร์ ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน เมื่อระบบโลกก้าวสู่ยุคที่พลิกผันอย่างยิ่ง เราต้องตระหนักรู้ว่าในช่วงนี้ สิ่งเก่ากำลังจะตาย สิ่งใหม่เริ่มเกิด ดังนั้นเราต้องกล้า "คิดใหม่ ทำใหม่" เพราะอนาคตข้างหน้ากำลังไล่ล่าเราทุกคน การเมืองก็ต้องสร้าง "การเมืองยุคใหม่" เศรษฐกิจก็ต้องสร้าง "เศรษฐกิจยุคใหม่" และวัฒนธรรม รวมทั้งการศึกษาก็ต้องรื้อถอนใหม่ นี่คือ การคิดใหม่ ทำใหม่ อย่างแท้จริง แต่น่าเสียดาย อัศวินยุคคลื่นลูกที่สามคนนี้ ไม่ได้ "คิดใหม่-ทำใหม่" แต่ที่แท้กลับ "คิดเก่า-ทำเก่า" ซึ่งคือรากฐานแห่งการพังพาบของทักษิโณมิกส์ (ยังมีต่อ)
===============================
พบกับคำเทศนาของท่านพุทธทาสในหัวข้อ "มายากับของจริง" ได้ที่นี่ครับ--->
คลิกที่นี่
Create Date : 20 ธันวาคม 2548 |
Last Update : 20 ธันวาคม 2548 6:41:30 น. |
|
14 comments
|
Counter : 479 Pageviews. |
|
|
|
โดย: me2you วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:6:08:07 น. |
|
|
|
โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:6:17:03 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:6:24:10 น. |
|
|
|
โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:6:45:29 น. |
|
|
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:7:25:31 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:8:27:31 น. |
|
|
|
โดย: Black Tulip วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:8:32:07 น. |
|
|
|
โดย: กุมภีน วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:8:51:49 น. |
|
|
|
โดย: คนเติมฝัน วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:8:57:53 น. |
|
|
|
โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:9:01:03 น. |
|
|
|
โดย: เสียงซึง วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:12:22:42 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 20 ธันวาคม 2548 เวลา:12:58:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|