บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2549
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
5 มิถุนายน 2549
 
All Blogs
 

100 ปี พุทธทาสภิกขุปฏิรูปการเมืองวิถีพุทธ(1)--ยุค ศรีอาริยะ









100 ปี พุทธทาสภิกขุปฏิรูปการเมืองวิถีพุทธ (1)

โดย ยุค ศรีอาริยะ 29 พฤษภาคม 2549 15:56 น.



งานชิ้นนี้ ผมเขียนเนื่องในโอกาสครบรอบชาตกาล 100 ปี ท่านพุทธทาสภิกขุ มีเจตนาเพื่อนำเสนอแนวทางการปฏิรูปการเมืองไทยบนวิถีพุทธ โดยนำเอาหลักคิดบางประการของท่านพุทธทาสมานำเสนอ และขยายความ

หลักแรกคือ เรื่องโลกาวิกฤต หรือโลกวิปริต

ท่านนำเสนอว่า โลกปัจจุบันกำลังวิปริตรุนแรง และจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่านี้คือช่วงที่ชาวพุทธเรียกว่า “ช่วงกลียุค” แต่ท่านก็ชี้ว่า ปรากฏการณ์กลียุคนี้จะเกิดก่อขึ้นเป็นช่วงๆ แม้ในอดีตก็เกิดกลียุคมาแล้ว อย่างเช่นในยุคพระพุทธเจ้า พระองค์ก็เกิดในช่วงกลียุค

กลียุค คือ ยุคที่ผู้คนต้องเผชิญทุกข์อย่างหนักหน่วงที่สุด แต่ในเวลาเดียวกันกลียุคก็มีข้อดีด้วย เพราะผู้ที่เข้าใจทุกข์ได้ ก็จะเข้าถึงธรรมได้ เพราะมีแต่ “ธรรมะ” เท่านั้นที่จะพาผู้คนรอดหายนะได้

ท่านกล่าวขยายความเพิ่มอีกว่า สาเหตุหลักของกลียุคเกิดมาจาก “การเสียสมดุล (อย่างยิ่ง)” ผมขอขยายภาพกลียุคในช่วงปัจจุบัน ซึ่งเกิดจากการเสียดุลในหลายด้านพร้อมกัน

1. การเสียสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ อันเนื่องมาจากมนุษย์ได้ทำลายล้างธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากความโลภที่เพิ่มทวี และความหลงในลัทธิว่าด้วยการพัฒนา(ความเจริญในด้านวัตถุ)

ท่านกล่าวขยายความว่า

“เดี๋ยวนี้เราพูดว่า โลกเจริญ โลกเจริญเราเจริญ เรากำลังทำความเจริญกันในโลก แต่แล้วมันกลับยิ่งมีวิกฤตการณ์ที่ระส่ำระสายวุ่นวายมาก เพื่อความก้าวหน้า”

อีกช่วงหนึ่งท่านกล่าวอย่างสรุปว่า

“ความก้าวหน้านั้นคือ ความไม่สมดุล”

2. การเสียดุลยภาพภายในระบบสังคม

ตัวอย่างเช่น ปัจจุบัน ระบบทุนนิยมที่เปิดเงื่อนไขให้คนรวยมีโอกาสทางการเมืองและเศรษฐกิจเหนือกว่าคนจนอย่างมาก คนรวยจึงมีทั้งอำนาจและรวยยิ่งขึ้น คนจนก็มีแต่จนลงๆ ในที่สุดจะก่อเกิดสงคราม หรือการเผชิญหน้ากันระหว่างคนรวยกับคนจน

ในเวลาเดียวกัน การเสียสมดุลอย่างยิ่งในระบบโลกก็เกิดขึ้น เนื่องจากประเทศมหาอำนาจมีพลังอำนาจทางการทหาร และความร่ำรวย เหนือกว่าประเทศอื่นๆ อย่างมาก จึงเปิดเงื่อนไขให้ประเทศมหาอำนาจใช้กำลังอำนาจ รุกราน ปล้นชิงความมั่งคั่งจากประเทศอื่นๆ

ท่านพุทธทาสเสนอว่า เบื้องหลังที่มีของการเสียสมดุลทั้งทางธรรมชาติและทางสังคม ก็เนื่องมาจากอวิชชาครอบโลก ผู้คนจึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ท่านจึงสรุปว่า

“จะแก้วิกฤตได้ก็ต้องแก้ที่ ใจ หรือ ปัญญา” หรือกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมคือ ธรรมะต้องกลับมา โลกาและสังคมจึงจะหยุดวิกฤต

ถ้าพูดในทางวิชาการก็คือ เราต้องนำหลักธรรมกลับมาเป็นฐานในการศึกษา เป็นฐานแห่งการพัฒนาจิตใจของมนุษย์ และขณะเดียวกันต้อง “สร้างสังคมใหม่” ที่วางฐานอยู่กับดุลยภาพที่ดีงามระหว่าง มนุษย์ กับ ธรรมชาติ และสร้างระบบโลก ระบบสังคมที่มีดุลยภาพ ที่งดงามภายในขึ้น

หลักสำคัญประการที่สองคือ หลักเรื่อง การเมืองอะไร

ท่านกล่าววิพากษ์ระบบการเมืองปัจจุบันอย่างแหลมคมว่า ระบบการเมืองปัจจุบันก็ยุ่งเหยิงมาก เนื่องจากไปหลับหูหลับตาสร้างความเจริญในแง่วัตถุ แล้วละทิ้งธรรม โดยการแยกเรื่องธรรมะกับเรื่องระบบการเมืองออกจากกัน ท่านจึงกล่าวอย่างสรุปว่า

“ธรรมะกับการเมืองคือ เรื่องเดียวกัน”

ในงานชิ้นนี้ ท่านวิพากษ์ทั้งระบบทุนนิยม และสังคมนิยม โดยชี้ว่าระบบทั้งสองมีข้ออ่อนทั้งคู่ เนื่องจากเน้นในเรื่องความเจริญทางด้านวัตถุเหมือนกัน

ที่สำคัญ ท่านได้เสนอว่า ระบบการเมืองที่น่าจะเป็นทางออกแก่โลกและสังคมคือ ระบบธรรมิกสังคมนิยม

ในอดีต หลักคิดทั้งสองประการของท่านพุทธทาสดังกล่าวข้างต้น ได้มีการพูดถึงกันบ้าง แต่ไม่มากนัก อาจเพราะว่า ภาพโลกาวิกฤต ยังเป็นเรื่องที่ไกลตัวคนไทย

จนถึงปัจจุบัน หลังเกิดวิกฤตใหญ่ทางธรรมชาติ และทางสังคมในเวลาไล่ๆ กัน เช่น ปรากฏการณ์สึนามิ และวิกฤตภัยแล้ง รวมทั้งสงครามในตะวันออกกลาง สงครามในเขตสามจังหวัดภาคใต้ ตามด้วยวิกฤตน้ำมันแพง คนไทยปัจจุบัน จึงเริ่มมองเห็นความสำคัญของวิกฤตโลกมากขึ้น

ยิ่งต้องมาเผชิญกับฟองสบู่แตกปี 2540 และตามด้วยวิกฤตน้ำมัน คนไทยหลายคนเริ่มตระหนักถึงความหนักหน่วงของวิกฤตโลก นักวิชาการบางท่านได้นำเอางานเขียนของท่านพุทธทาสในเรื่องนี้มาพิมพ์เป็นเล่ม เป็นการณ์เฉพาะ

ส่วนหลักคือเรื่อง ธรรมะกับการเมืองคือสิ่งเดียวกัน กำลังเป็นที่สนใจเช่นกัน สาเหตุส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากวิกฤตการเมืองที่ผ่านมา ที่เราเรียกว่า “วิกฤตทักษิโณมิกส์” คำว่า “จริยธรรมทางการเมือง” ได้ถูกนำเสนอขึ้น และนักวิชาการบางท่านได้นำเอาหลักทศพิธราชธรรมซึ่งเป็นหลักการเมืองของสังคมไทยในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์มานำเสนอใหม่ เพื่อชี้ว่า นี้น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งในการปฏิรูปการเมืองไทย โดยประสานหลัก “ธรรม” กับ “การเมือง” ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

พูดง่ายๆ อย่างสรุปคือ ปัจจุบัน ธรรมเรื่อง โลกาวิกฤต และความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างธรรมกับการเมือง กำลังเป็นหลักการสำคัญที่คนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันคิด และนำเสนอ

งานชิ้นนี้ ผมคงพยายามนำเสนอภาพโลกาวิกฤตให้ชัดขึ้น แต่ไม่ลงลึกนัก เพราะผมเคยเขียนงานเรื่องนี้ไว้หลายครั้งแล้ว เฉพาะงานชิ้นนี้ ผมจะเสนอในมุมของนักอนาคตศาสตร์เป็นสำคัญ และคงจบด้วยการเสนอว่า จะนำเอาหลักธรรม (ของพุทธ) มาใช้วิเคราะห์โลก และหลักของท่านพุทธทาสดังกล่าวข้างต้นมาปรับเป็นหลักพื้นฐานในการปฏิรูประบบการเมืองไทยได้อย่างไร













 

Create Date : 05 มิถุนายน 2549
3 comments
Last Update : 5 มิถุนายน 2549 17:32:50 น.
Counter : 774 Pageviews.

 

 

โดย: ดำรงเฮฮา 5 มิถุนายน 2549 17:56:15 น.  

 

กำลังหาธรรมเป็นที่พึ่งแห่งจิตใจค่ะ

ขอเข้ามาพักพิงใจหน่อยนะค่ะ

 

โดย: catt.&.cattleya.. IP: 58.9.55.68 5 มิถุนายน 2549 18:47:36 น.  

 

ชอบคำในช่องเม้นท์จังค่ะ ทุกๆวัน คือวันแห่งความสุข

ยุ่งยังไง ก็ยังมีความสุขอยู่ค่ะ

จขบ สบายดีนะคะ ไม่ได้แวะมาเยี่ยมนาน บล็อคดูสวยแปลกตาดีจังค่ะ

 

โดย: จุ๊บ ^_^ IP: 58.8.116.155 5 มิถุนายน 2549 20:37:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.