Syndromes and Censorship เมื่อความมืดมาเยือนแสงศตวรรษ
Syndromes and Censorship เมื่อความมืดมาเยือนแสงศตวรรษพล พะยาบ หมายเหตุ : งานนี้เขียนขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 10 เมษายน เพื่อตีพิมพ์ในคอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 15 เมษายน 2550 ทันทีที่ทราบข่าวว่า แสงศตวรรษ จะไม่ได้ฉาย เพราะมีปัญหาเรื่องเซ็นเซอร์ (ด้านล่าง) เมื่อต้นปีผู้เขียนใช้พื้นที่ตรงนี้สัปดาห์หนึ่งเขียนถึงหนังไทยเรื่อง Syndromes and a Century หรือ แสงศตวรรษ หนังเรื่องล่าสุดของ เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ซึ่งในช่วงเวลานั้นเพิ่งได้รับเลือกจากนักเขียน-นักวิจารณ์ในสังกัดของนิตยสาร Film Comment ให้เป็นหนังยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งประจำปี 2006 ในสาขาหนังที่ยังไม่ได้ฉายในสหรัฐอเมริกา เขียนถึงความเป็นมาของหนัง เค้าโครงเรื่อง ก่อนจะตบท้ายด้วยคำถามว่า หนังไทยแท้ๆ ที่ได้ฉายอวดความงดงามต่อชาวต่างชาติ ทั้งยังดีเด่นได้รับเสียงยอมรับยกย่องมากมาย เมื่อไรจะมีโอกาสฉายในไทย...ซึ่งเป็น บ้านเกิด ของหนังเองเสียที กระทั่งปลายเดือนที่แล้วมีข่าวดีแว่วมาว่า แสงศตวรรษ มีกำหนดเข้าฉายวันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน ใน 2 โรงภาพยนตร์ย่านใจกลางเมือง ตอนนั้นผู้เขียนไม่ทราบรายละเอียดว่าใครซื้อหรือเป็นธุระนำหนังเรื่องนี้มาจัดจำหน่าย ตั้งใจแต่เพียงว่าเมื่อหนังเข้าฉาย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไม่พลาด กระทั่งได้รับอี-เมลจากคุณไกรวุฒิ จุลพงศธร นักวิจารณ์ภาพยนตร์-หัวหน้ากองบรรณาธิการนิตยสารไบโอสโคป แจ้งว่า ทางไบโอสโคปและคุณเจ้ย-อภิชาติพงศ์เองนั่นล่ะที่ร่วมกันเข็น แสงศตวรรษ เข้าฉายโดยไม่ได้พึ่งค่ายหนังใดๆ(เพราะคงไม่มีใครให้พึ่ง)ผลงานซึ่งฉายมาแล้วหลายประเทศ ได้รับการยกย่องยอมรับในระดับนานาชาติ ขณะที่ผู้กำกับฯเองก็มีที่ทางของตนเองในระดับหนึ่งบนเวทีหนังโลก ทำไมยังต้องลงมาผลักดันให้ผลงานได้ฉายในบ้านเกิด นี่ย่อมไม่ใช่เหตุผลเรื่องตัวเลขรายรับ เพราะหนังแบบนี้มองไม่เห็นทางได้กำรี้กำไร หากคงเป็นเรื่องของความผูกพันกับรากเหง้าของตนเอง และตระหนักอยู่เสมอว่าตนเองเป็นคนไทยที่ตั้งใจทำ หนังไทย ฉะนั้น หนังจึงควรได้รับโอกาสฉายในบ้านเกิดเพื่อให้คนไทยได้ชม... แต่ก็นั่นแหละครับ, โอกาสนั้นใช่ว่าจะมาถึงอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อ บรรทัดฐาน ของอะไรบางอย่างในบ้านนี้เมืองนี้ซึ่งส่อมาตลอดว่ามีแต่ความบิดเบี้ยวมืดบอดได้สำแดงฤทธิ์เดชอีกครั้งหนึ่ง เชิญอ่านจดหมายด่วนฉบับนี้จากทีมงานไบโอสโคปเรียน ท่านสื่อมวลชนและท่านผู้อ่านทุกท่าน เรื่อง งดฉายหนัง แสงศตวรรษ ตามกำหนดการเดิม วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายนนี้ จะเป็นวันแรกของการฉายภาพยนตร์เรื่อง แสงศตวรรษ โดยจะเป็นการฉายแบบจำกัดโรงเพียง 2 โรงเท่านั้น หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ เจ้ย - อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับหนังแนวศิลปะที่ได้รับการจับตาในวงการหนังระดับโลก จากผลงานเรื่อง สุดเสน่หา และ สัตว์ประหลาด และยังเป็นศิลปินเจ้าของรางวัลศิลปาธร ปี 2549 สาขาภาพยนตร์ จากสำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย แสงศตวรรษ เป็นหนังเรื่องล่าสุดของ เจ้ย ที่นอกจากจะได้แข่งขันในเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิซ และเดินทางไปฉายตามเทศกาลสำคัญต่างๆ มากกว่า 10 เทศกาลทั่วโลกแล้ว ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แสงศตวรรษ เพิ่งคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเอเชียโดวิลล์ ประเทศฝรั่งเศส และรางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม จาก Asian Film Awards ประเทศฮ่องกง แต่แล้วกำหนดการฉายหนังก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ทีมงานคาดไว้ เมื่อแสงศตวรรษไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ โดยคณะกรรมการมีเงื่อนไขให้ฉายหนังเรื่องนี้ได้ก็ต่อเมื่อต้องตัดฉากสำคัญออกไป 4 ฉาก เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้กำกับ เจ้ย อภิชาติพงศ์ จึงตัดสินใจ ไม่ ตัดทอนหนังเรื่องนี้ ดังนั้นทางทีมงานจึงมีความจำเป็นต้องแจ้งให้ท่านสื่อมวลชนทราบว่า หนังเรื่อง แสงศตวรรษ จะไม่เข้าฉายในประเทศไทย ในขณะนี้ผู้กำกับอภิชาติพงศ์กำลังเดินทางโปรโมตภาพยนตร์ในประเทศสหรัฐอเมริกา เขาแสดงความเสียใจผ่านทางอีเมล์ว่า ในฐานะนักทำหนังคนหนึ่ง ผมปฏิบัติกับหนังของผมประดุจลูกชายและลูกสาว เมื่อผมให้กำเนิดเขา พวกเขาก็มีชีวิตเป็นของตนเอง ผมไม่ใส่ใจว่าผู้คนจะรักหรือเกลียดลูกของผม ตราบใดที่ผมสร้างเขาขึ้นมาด้วยความตั้งใจและความพยายามอย่างสูงสุด ถ้าลูกๆ ของผมไม่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศของเขาเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ก็ปล่อยเขาเป็นอิสระเถิด เพราะมันยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นในแบบอย่างที่เขาเป็น มันไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องทำให้พวกเขาพิกลพิการจากระบบแห่งความกลัวหรือความละโมบ มิฉะนั้นแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่คนสักคนหนึ่งจะสร้างงานศิลปะต่อไป แปลจาก "I, a filmmaker, treat my works as my own sons or my daughters. When I conceived them, they have their own lives to live. I don't mind if people are fond of them, or despise them, as long as I created them with my best intentions and efforts. If these offspring of mine cannot live in their own country for whatever reasons, let them be free. Since there are other places that warmly welcome them as who they are, there is no reason to mutilate them from the fear of the system, or from greed. Otherwise there is no reason for one to continue making art." สำหรับความคืบหน้า หลังจากคุณอภิชาติพงศ์กลับมาถึงเมืองไทยแล้ว จะได้มีการจัดการแถลงข่าวเพื่อชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ รวมทั้งเสวนาถึงการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ในประเทศไทย โดย วัน เวลา และสถานที่จัดงานจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง จึงเรียนให้ท่านสื่อมวลชนทราบและขอความกรุณาช่วยเผยแพร่ข้อมูลมา ณ ที่นี้ด้วย และหากท่านสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องแสงศตวรรษ (ข้อมูลภาษาอังกฤษและไทย รวมทั้งรูปภาพ) สามารถเข้าไปดูได้ที่ในเว็บ //www.kickthemachine.com/works/Syndromes.html ขอให้เสรีภาพฉายแสงในจิตใจของท่านด้วยมิตรภาพ สรุปว่าผลงานของเจ้าของรางวัลศิลปาธร ปี 2549 สาขาภาพยนตร์ จากสำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ไม่ผ่านเซ็นเซอร์โดยคณะบุคคลที่ประกอบด้วยตัวแทนจากตำรวจ กระทรวงวัฒนธรรม แพทยสภา และอาจารย์ด้านสื่อจากมหาวิทยาลัย ซึ่งฉากแสลงใจดังกล่าวประกอบด้วยฉากพระเล่นกีตาร์ ฉากหมอดื่มสุราในโรงพยาบาลขณะปฏิบัติหน้าที่ และฉากอวัยวะเพศของหมอแข็งตัวใต้ร่มผ้า โดยไม่มีฉากกิจกรรมทางเพศต่อจากนั้น(อ่านรายละเอียดใน thaicinema.org โดยอัญชลี ชัยวรพร) ครับ, บางฉากฟังเผินๆ อาจจะน่าหวาดเสียว แต่ต้องไม่ลืมว่าหนังไม่ใช่กำแพงสาธารณะที่เห็นใครพ่นสีใส่เมื่อใดก็ชี้ได้ว่าเป็นความผิด หากยังมีองค์ประกอบของเรื่องราว ความคิด และการตีความทางศิลปะเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉะนั้น จึงไม่อาจตัดสินตามกฎระเบียบตายตัวอย่างที่เคยทำมาตลอด ผู้พิจารณาต้องมีความเข้าใจในสื่อภาพยนตร์ และควรเลิกคิดว่าหนังเรื่องหนึ่งจะไปทำลาย คุณค่า บางอย่างที่ดำเนินมายาวนานให้ย่อยยับลงกับตา เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงเรื่องราวของบุคคลผู้เป็นที่เคารพนับถือในอดีตที่ถูกรัฐกักขังเสรีภาพ บีบพื้นที่ให้เล็กลงเรื่อยๆ กระทั่งไม่อาจอยู่บนแผ่นดินเกิดได้ ไม่ได้ตั้งใจเปรียบเทียบสถานการณ์หรือยกความดีความงามมาเทียบเคียงหรอกครับ เพียงแต่เห็นใจคุณอภิชาติพงศ์ที่สูญเสียความตั้งใจ และถูกประเมินจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่าทำไม่ถูกต้อง ทั้งที่งานดังกล่าวได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยมานักต่อนัก และอยากจะบอกว่าไม่ว่าวันวานหรือวันนี้ เรายังต้องแสวงหา เสรีภาพ กันต่อไป ท่ามกลางความคับแคบซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงในหมู่คณะของคนเพียงหยิบมือที่มีสิทธิ์ตัดสินเพื่อทำลายแม้กระทั่ง ความดี-ความงาม ที่ตนเองไม่รู้จัก ย้ำนะครับ, ตัดสินเพื่อทำลาย ความดี-ความงาม ที่ตนเองไม่รู้จักคุณมีสิทธิ์อะไร?... หมายเหตุ : สถานการณ์ลำดับต่อมาคือ คณะกรรมการไม่ยอมคืนฟิล์มภาพยนตร์ โดยอ้างว่าจะ ตัดฉากที่มีปัญหาทิ้งเองเสียก่อน ทั้งที่ทีมงานยืนยันว่าไม่ต้องการฉายหนังเรื่องนี้แล้ว นี่เรามาไกลจากยุค เผาหนังสือ แล้วไม่ใช่หรือ?!?ความคืบหน้าเพิ่มเติม กรณีฟิล์มภาพยนตร์เรื่อง แสงศตวรรษ หลังจากทีมงานภาพยนตร์เรื่อง "แสงศตวรรษ" ได้ตัดสินใจยุติการเข้าฉายในประเทศไทยไปแล้ว เพื่อแสดงจุดยืนไม่ยินดีที่จะทำการตัดฉาก 4 ฉากในหนังออกตามมติของคณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์นั้น (อนึ่ง เดิม หนังเรื่องนี้เข้ารับการพิจารณาครั้งแรกในวันที่ 2 เมษายน 2550 ซึ่งกรรมการตัดสินให้ตัด 3 ฉาก ต่อมาในวันที่ 10 เมษายน ได้มีตัวแทนจากแพทยสภาเข้าร่วมพิจารณาเพิ่มเติม และผลปรากฏว่าสรุปให้ตัดเพิ่มอีก 1 ฉาก จึงรวมเป็น 4 ฉาก) ในวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ทีมงานจึงได้เข้าติดต่อเพื่อขอรับฟิล์มภาพยนตร์คืน "ในสภาพเดิม" โดยพร้อมกันนั้นได้ทำจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งแก่คณะกรรมการตรวจพิจารณาว่า จะยุติการยื่นขอฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ และยืนยันว่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์อีกเนื่องจากไม่ต้องการฉายในระบบอีกต่อไป แต่การณ์ปรากฏว่า คณะกรรมการฯ ไม่ยินยอมคืนฟิล์มภาพยนตร์ให้แก่ทีมงานในสภาพเดิม โดยชี้แจงกลับมาว่า จะคืนให้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการฯ ได้นำฟิล์มไปทำการตัดฉากทั้ง 4 ฉากทิ้งออกเสียก่อน (โดยกรรมการฯ ตัดเอง มิใช่ส่งคืนให้ทีมงานเป็นผู้ตัด) ด้วยเหตุผลว่า "หากส่งฟิล์มในสภาพสมบูรณ์คืนแก่ทีมงาน ทางทีมงานอาจถือโอกาสนำกลับมาตัดเองแล้วส่งเข้าสู่กระบวนการอุทธรณ์อีกครั้ง อันจะทำให้คณะกรรมการตรวจพิจารณาฯ มีความผิดในการปฏิบัติงานทันที" เมื่อได้รับคำฟังคำยืนกรานดังกล่าว ทีมงานได้ชี้แจงว่า เราไม่มีเจตนาจะทำการตัดหนังเรื่องนี้ไม่ว่าโดยตนเองหรือโดยผู้ใด และมิได้มีความตั้งใจใดๆ ทั้งสิ้นที่จะยื่นอุทธรณ์ในกรณีใดๆ อีก แต่คำชี้แจงดังกล่าวมิเป็นผล คณะกรรมการฯ ท่านหนึ่งกล่าวแก่ทีมงานว่า "ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ หนังพันล้านยังไม่มีท่าทีแบบคุณเลย" ซึ่งทางทีมงานได้ชี้แจงกลับว่า "แสงศตวรรษ" มิได้อยู่ในสถานการณ์ลักษณะเดียวกับหนังทุนสูงต่างๆ ที่ท่านอ้างถึง เพราะหนังเรื่องนี้มิได้คาดหวังรายได้หรือกำไรเป็นกอบกำใดๆ จากการเข้าฉายโรงในประเทศอยู่แล้วในเบื้องต้น จึงมิได้ถือว่าตนเองจำเป็นต้องยอมตัดแก้สิ่งใดเพียงเพื่อแลกกับการได้เข้าฉายในระบบ แต่ทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการรักษาคุณภาพของผลงานไว้ให้ตรงกับความตั้งใจในการสร้างมันขึ้นมา จึงได้เลือกวิธีถอนตัวออกจากระบบการฉายแทน เหตุผลเป็นดังนี้ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม จนถึงเวลาล่าสุด การติดต่อขอนำฟิล์ม "แสงศตวรรษ" ออกจากคณะกรรมการฯ ในสภาพสมบูรณ์ดังเดิม ยังคงไม่ประสบผลสำเร็จ สถานการณ์จะคลี่คลายลงเช่นไร ทีมงานจะแจ้งให้ทุกท่านทราบในวาระต่อไป ขอเสรีภาพส่องแสงในจิตใจทุกท่าน ด้วยมิตรภาพ (11 เมษายน 2550)ประกาศเพิ่มเติม เป้าหมายในการเรียกร้องขั้นต่อไป หลังจากได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันมาระยะหนึ่ง ตอนนี้ทั้งคุณอภิชาติพงศ์, ทีมงาน และพันธมิตรหลายๆ ท่านได้เห็นพ้องกันว่า เราจะไม่จำกัดขอบเขตการเรียกร้องและต่อสู้ครั้งนี้ไว้แค่ประเด็นของหนังเรื่อง "แสงศตวรรษ" เท่านั้น แต่ เป้าหมายที่แท้จริงของเรา คือการเรียกร้องให้สังคมร่วมกันตั้งคำถามและตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมของระบบการเซ็นเซอร์หนังของไทยในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประโยชน์และผลในระยะยาวอย่างแท้จริง ขณะนี้ ทางทีมงานกำลังเรียนรู้กรณีศึกษาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านใดมีข้อเสนอแนะ, มีข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์ หรือรู้จักบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องระบบกฎหมายเหล่านี้ โปรดช่วยกันระดมความคิดได้เลยนะคะ เราทุกคนจะรวมกำลังกันเพื่อผลักดันให้การต่อสู้นี้ดำเนินไปอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการ และเกิดผลในทางรูปธรรมให้ได้มากที่สุด (13 เมษายน 2550)รายงานความเคลื่อนไหวของข่าวนี้จาก thaicinema.org ติดตามความคืบหน้าจากเว็บบอร์ด Bioscope กรณี แสงศตวรรษ : กลัวความจริง โดย วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา เมื่อกองเซ็นเซอร์ดับ แสงศตวรรษ โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง (merveillesxx) แสงศตวรรษ (Syndromes and a Century) แสงสะท้อนความอัปยศอดสูของชนเผ่าสยาม โดย สนธยา ทรัพย์เย็น เรากำลังต่อสู้เพื่ออะไร โดย ธัญสก พันสิทธิวรกุล ร่วมลงนามแสดงเจตนารมณ์ปลดปล่อย "ภาพยนตร์" สู่เสรีภาพ การเคลื่อนไหวเพื่อปลดปล่อยภาพยนตร์ไทยสู่เสรีภาพ โดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ร่วมกับไบโอสโคป มูลนิธิหนังไทย สมาคมผู้กำกับ และพันธมิตร ผมรู้สึกเสียใจยิ่งต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแก่หนังของผม อย่างไรก็ตาม การต่อสู้นี้มิได้เป็นไปเพียงเพื่อจะผลักดันภาพยนตร์เรื่อง "แสงศตวรรษ" ให้ได้เข้าโรงฉายในประเทศไทย ผมมิได้มีความต้องการจะใช้โอกาสนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานของผมเอง แต่ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องขบคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับกฎหมายการเซ็นเซอร์ของไทยเรา เพื่อที่คนทำหนังรุ่นต่อไปจะได้ไม่ต้องเผชิญปัญหาเดียวกับพวกเรา และผู้ชมชาวไทยจะได้มีอิสระในการเลือกอย่างแท้จริงเสียที ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องถกเถียงกันว่า ก่อนที่หนังทุกเรื่องจะเข้าฉายนั้น ควรหรือที่มันจะต้องผ่านการพิจารณาจากกรมศาสนา แพทยสภา กลุ่มวิชาชีพครู กรมแรงงาน ทหาร กลุ่มคนรักสัตว์ สหภาพแท็กซี่ ผู้แทนจากประเทศอื่น ฯลฯ? หรือมันจะง่ายกว่าหากเราเปลี่ยนระบบการปกครองของประเทศให้เป็นรัฐเผด็จการเสียเลย เพื่อที่เราจะได้อยู่ร่วมกันอย่างเห็นพ้องเป็นหนึ่งเดียวกันทุกสิ่ง และไม่ต้องเสียเวลาพูดถึงเรื่องประชาธิปไตยกันอีกต่อไป? ระบบการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ของไทยจำเป็นต้องถูกประเมินมาตรฐานเสียใหม่ สถานภาพและประสิทธิภาพของคณะกรรมการเป็นสิ่งที่ต้องถูกตรวจสอบและตั้งคำถาม และเราควรตัดสินใจว่ากฎหมายเหล่านี้สมควรถูกเปลี่ยนแปลงแล้วหรือยัง ผมใคร่ขอเชิญชวนทุกท่านโปรดแสดงความคิดเห็นต่อระบบการเซ็นเซอร์ในประเทศของเรา และกรุณาให้คำแนะนำต่อเราได้ที่//www.petitiononline.com/nocut/petition.html ความคิดเห็นของท่านจะได้รับการส่งต่อไปยังรัฐบาลไทย การสนับสนุนของท่านจะมีความหมายอย่างยิ่งต่อการต่อสู้ของเราเพื่อเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ นั่นคือ เสรีภาพ ผมขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาสละเวลาและมีส่วนร่วมในครั้งนี้ ขอบพระคุณมากครับอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล หมายเหตุ : 1.สำหรับผู้ที่ลงชื่อในเวบบอร์ด thaifilm.com ไปแล้ว ขอความกรุณามาลงชื่อในเว็บใหม่อย่างเป็นทางการอีกครั้งด้วยครับ 2. การลงชื่อ ขอเป็นชื่อและนามสกุลจริงนะครับ เพื่อใช้ตามกฎหมายได้ 3.ติดตามรายละเอียดความคืบหน้าต่างๆ ได้ที่บล็อก //a-century.exteen.com
Create Date : 13 เมษายน 2550
Last Update : 18 เมษายน 2550 16:57:49 น.
16 comments
Counter : 815 Pageviews.
โดย: goodpeople (goodpeople ) วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:21:28:12 น.
โดย: nanoguy วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:22:30:13 น.
โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:0:35:02 น.
โดย: eiga IP: 124.120.94.13 วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:0:47:44 น.
โดย: G IP: 203.113.76.71 วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:21:20:36 น.
โดย: พีทคุง (redistuO ) วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:21:47:07 น.
โดย: ม่วนน้อย วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:14:51:13 น.
โดย: เหมียวหล่อ (myth ) วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:2:48:26 น.
โดย: เนตรสีเพลิง IP: 58.9.172.134 วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:12:15:47 น.
โดย: noy IP: 203.144.153.90 วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:13:00:54 น.
โดย: G IP: 203.113.76.9 วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:22:23:10 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
สวัสดีปีใหม่ไทยคะ
ว่าง ๆ เชิญที่ blog goodpeople ได้นะคะ
Comment กันมาได้เลย คะ
ว่าง ๆ เชิญมาทักทายใหม่คะ