United 93-The Wind That Shakes the Barley ปฏิกิริยาต่อต้านหนัง หลังฝุ่นคละคลุ้งอาจเห็นความดีงาม
United 93-The Wind That Shakes the Barley ตัวอย่างปฏิกิริยาต่อต้านหนัง หลังฝุ่นคละคลุ้งอาจเห็นความดีงาม ขณะที่แนวโน้มภาพยนตร์ไทยยุคฟองสบู่ครั้งใหม่กำลังถึงจุดอิ่มตัว ผู้สร้างยังไม่อาจคาดหวังหรือเอาแน่นอนกับตลาดผู้ชมคนไทย ความสำเร็จ-ล้มเหลวยืนอยู่คนละฝั่งอย่างแนบชิด พร้อมจะพลิกออกทางไหนก็ได้ ภาวะเช่นนี้ แนวหนังที่เห็นว่าถูกใจตลาดจึงถูกนำมาพลิกแพลงขายกันจนเฝือ ส่วนของแสลงสำหรับคนไทยแม้ว่ามีคุณค่าก็จำต้องซุกไว้เป็นโครงการในฝันต่อไป กระนั้น วิบากกรรมของหนังไทยไม่ได้มีแค่นี้ เมื่อต้องเผชิญกับการรุกอย่างต่อเนื่องของปฏิกิริยา ต่อต้าน อะไรบางอย่างที่ปรากฏอยู่ในหนังตลอดระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เริ่มจากเดือนเมษายน หนังสยองขวัญ ล่า-ท้า-ผี ถูกกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชาสั่งแบนด้วยข้อหาทำลายชื่อเสียงของประเทศและฉกฉวยเอาโศกนาฏกรรมในอดีตของกัมพูชามาสร้างเป็นงานบันเทิง ทีมงานผู้สร้างรีบแถลงข่าวขอโทษและขอขมา โดยหนังยังได้ฉายในไทยตามกำหนดการเดิม พฤษภาคม เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวขอให้ผู้สร้าง หมากเตะโลกตะลึง แก้ไขเนื้อหาโดยไม่ให้มีประเทศลาวเข้าไปเกี่ยวข้อง เนื่องจากมีประชาชนลาวจำนวนมากร้องเรียนแสดงความไม่พอใจว่าหนังมีเนื้อหาดูหมิ่นพวกเขา ผลสุดท้ายผู้สร้างยอมเซ็นเซอร์ตนเอง ระงับการฉายก่อนกำหนดไม่กี่วันเพื่อนำไปตัดต่อใหม่ มิถุนายน เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และกลุ่มนักศึกษาชาวเขายื่นจดหมายถึงสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ท้วงติงหนังเรื่อง รักจัง นำเสนอวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาผิดเพี้ยน เว้นไป 1 เดือน เดือนสิงหาคมเกิดถึง 3 กรณี เริ่มจากต้นเดือน หนังผี-ตลกเรื่อง โกยเถอะโยม ถูกองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยประท้วงถึงความไม่เหมาะสมของชื่อเรื่องและเนื้อหาบางส่วนที่ทำลายความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ พร้อมร้องขอให้มีการเลื่อนฉายจนกว่าจะมีการแก้ไข สุดท้ายหนังเข้าฉายตามปกติโดยไม่มีการแก้ไขใดๆ กลางเดือน นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช วิจารณ์ใบปิดหนังเรื่อง เดอะ กิ๊ก ว่าสนับสนุนให้คนมีพฤติกรรมนอกใจคู่รัก สัปดาห์ถัดมา กองเซ็นเซอร์สั่งให้ผู้สร้างหนังเรื่อง อาจารย์ใหญ่ แก้ไขชื่อหนังและเนื้อหาบางจุดตามที่คณาจารย์และนักศึกษาแพทย์ท้วงติงว่าอาจสร้างความสะเทือนใจแก่ผู้ที่แสดงเจตนาบริจาคร่างกาย และกระทบต่อสถาบันแพทย์ ผู้สร้างยินดีแก้ไขโดยดีรวมทั้งเปลี่ยนชื่อหนังเป็น ศพ เหล่านี้คือปฏิกิริยาแง่ลบต่อหนังไทยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งโวยวายตามลำพังและการรวมตัวประท้วง บ้างไร้สัญญาณสนับสนุนขณะที่บางกรณีเกิดกระแสต่อต้าน-ผสมโรง ทั้งไม่มีผลต่อหนังไปจนถึงขั้นต้องระงับการฉายเป็นวิบากกรรมของหนังไทยที่บังเอิญเกิดขึ้นไล่เรียงกันจนกลุ่มคนทำหนังต้องถอนหายใจกันเฮือกใหญ่ ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน มีหนังต่างประเทศที่ถูกปฏิกิริยาต่อต้านภายในชาติตนเองเข้ามาฉายในบ้านเรา 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ United 93 หนังอเมริกัน กำกับฯโดย พอล กรีนกราสส์ กล่าวถึงเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 โดยเจาะจงไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเครื่องบินโดยสารลำสุดท้ายที่ถูกผู้ก่อการร้ายยึดได้ แต่พุ่งชนเป้าหมายไม่สำเร็จเนื่องจากผู้โดยสารฮึดสู้ อีกเรื่องหนึ่งคือ The Wind That Shakes the Barley โดย เคน โลช ผู้กำกับฯชาวอังกฤษ เกี่ยวกับสงครามเพื่ออิสรภาพของชาวไอริชระหว่างปี 1919-1923 ซึ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งล่าสุด ปฏิกิริยาต่อต้าน United 93 นับว่าไม่เหนือความคาดหมายเท่าใดนัก เพราะวินาศกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดซึ่งก่อให้เกิดความโศกเศร้าสะเทือนใจและความหวาดกลัวถึงขีดสุดในความรู้สึกของชาวอเมริกันทั้งมวล เพิ่งผ่านพ้นไปเพียง 5 ปี เท่านั้น เรียกว่าบาดแผลยังเปิดกว้างเกินกว่าจะยอมรับได้ หากถูกสะกิดด้วยภาพที่ฉายชัดเสียดแทงใจ เพียงแค่หนังตัวอย่างที่เป็นภาพข่าวเหตุการณ์จริงกับภาพในหนังซึ่งจำลองสถานการณ์ภายในเครื่องบินดูจริงจังบีบคั้นได้ก่อให้เกิดความโกรธขึ้งไม่พอใจจากผู้ชมจำนวนมาก หลายคนร้องเรียนไปยังโรงหนังและยูนิเวอร์แซล เจ้าของหนังเรื่องนี้ให้ยุติการฉายหนังตัวอย่างดังกล่าว กระทั่งมีโรงหนังในแมนฮัตตันโรงหนึ่งยอมทำตามเสียงเรียกร้องในที่สุด กระแสต่อต้านผ่านการแสดงออกด้านต่างๆ เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บ้างใช้ถ้อยคำรุนแรงว่า กล้าดียังไง หรือ บอยคอตมันซะ(Pulp, ฉบับที่ 33 หน้า 34) กระทั่งเว็บไซต์เป็นทางการของหนัง United 93 ซึ่งมีพื้นที่บอร์ดให้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็น ถูกปิดลงโดยไม่มีการเปิดเผยสาเหตุ อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นแตกต่าง และยูนิเวอร์แซลยังสนับสนุนหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยให้เหตุผลว่าหนังสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนเผชิญหน้ากับความจริง และเพื่อยกย่องวีรกรรมความกล้าหาญของกลุ่มผู้โดยสารที่ฮึดสู้กับผู้ก่อการร้ายจนเครื่องบินไม่ได้พุ่งชนเป้าหมายซึ่งคาดว่าเป็นทำเนียบขาว สุดสัปดาห์ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาคือกำหนดเปิดตัวหนังเรื่องนี้พร้อมกัน 1,795 โรง ถึงขณะนี้ทำรายได้รวมแล้วเกินกว่า 30 ล้านเหรียญเฉพาะในสหรัฐ(ทุนสร้างราว 15 ล้านเหรียญ) พร้อมกับได้รับคำวิจารณ์แง่บวกจากนักวิจารณ์ส่วนใหญ่กล้าหาญ มีพลัง และเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์...คือภาพรวมของเสียงชื่นชมที่ United 93 ได้รับ สำหรับ The Wind That Shakes the Barley ซึ่งกล่าวถึงเรื่องราวในสงครามกู้ชาติและสงครามกลางเมืองไอริช แม้จะเป็นเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 1919-1923 อีกทั้งการแบ่งแยกดินแดนโดยไออาร์เอได้ยุติบทบาทลงไปแล้ว แต่การที่ เคน โลช ผู้กำกับฯวัย 70 ปี ชาวอังกฤษ ได้ยืนเล่าเรื่องอยู่ฝั่งเดียวกับชาวไอริช และถ่ายทอดความทารุณป่าเถื่อน โป้ปดมดเท็จ ของชาวอังกฤษ ทำให้เขาถูกปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรงจากคนในบ้านเกิด ทิม ลัคเฮิร์ตส์ นักวิจารณ์การเมืองปีกขวา เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ ว่า The Wind That Shakes the Barley คือความชั่วร้ายของกลุ่มต่อต้านสหราชอาณาจักรในประวัติศาสตร์สงครามเพื่ออิสรภาพไอริช ลัคเฮิร์ตส์เรียก เคน โลช ว่าเป็นผู้กำกับฯมาร์กซิสต์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตนเองตลอดเวลา 40 ปี แม้กำแพงเบอร์ลินได้ล่มสลายไปแล้ว นอกจากนี้ เขายังเปรียบเทียบโลชว่าเลวร้ายกว่า เลนี่ ไรเฟนสตาห์ล สตรีนักสร้างหนังโฆษณาชวนเชื่อให้กับนาซีสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่ รัธ ดัดลี่ เอ๊ดเวิร์ด ตั้งชื่อบทความที่เขียนลงในเดลี่ เมล ว่า ทำไม เคน โลช ถึงได้เกลียดชังประเทศของเขามากนัก โดยเนื้อหาตอนหนึ่งกล่าวว่าหนังได้วาดภาพอังกฤษให้เป็นพวกซาดิสม์ ขณะที่ชาวไอริชเป็นพวกโรแมนติก ร่ายยาวประวัติพร้อมทั้งย้อนคำพูดของโลชที่อ้างว่าต้องการเสนอข้อเท็จจริงในอดีตว่า อะไรคือความจริงในมือของนักโฆษณาชวนเชื่อมาร์กซิสต์? แม้เคน โลช จะพา The Wind That Shakes the Barley ไปประกาศศักดาคว้ารางวัลหนังยอดเยี่ยมที่เมืองคานส์ ซึ่งคณะกรรมการตัดสินเองมีชาวอังกฤษถึง 2 คน(ทิม รอธ กับเฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์) แต่สื่ออังกฤษบางแห่งไม่ได้มองรางวัลนี้ด้วยความภาคภูมิใจ บางรายเย้ยว่าเป็นเรื่องฟลุค ไม่ก็หมิ่นแคลนว่าเป็นแค่รางวัลเกียรติยศสำหรับผู้สูงอายุ หนังเรื่องนี้ถูกจำกัดการฉายเพียง 30 ก๊อปปี้ ในอังกฤษ น้อยกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ของโลชเอง และน้อยกว่าฝรั่งเศสซึ่งพิมพ์ฟิล์มหนังเรื่องนี้ถึง 300 ก๊อปปี้ กระทั่งหลังจากได้รางวัลที่เมืองคานส์ จำนวนโรงฉายในอังกฤษจึงเพิ่มขึ้นเป็น 105 โรงส่วนนักวิจารณ์ภาพยนตร์ชาวเมืองผู้ดีส่วนใหญ่มองตรงข้ามกับนักวิจารณ์การเมืองโดยสิ้นเชิง พวกเขาต่างยกย่องหนังของเคน โลช ว่า กล้าหาญ มีพลัง กระตุ้นให้ผู้ชมเกิดความคิดและตั้งคำถามต่อเรื่องราวที่ถูกละเลยในประวัติศาสตร์ เห็นได้ว่า ทั้งกรณี United 93 และ The Wind That Shakes the Barley นั้นล้วนแต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อความรู้สึก หรือมีแง่มุมความเหมาะควรที่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาไม่ยอมรับ ไม่ได้เบากว่าหรืออาจจะเข้มข้นมากกว่าหลายๆ กรณีที่เกิดกับหนังไทย ไม่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือปฏิกิริยาทางสังคมจะเป็นเช่นไร กระนั้น หนังทั้ง 2 เรื่อง ยังได้โอกาสพิสูจน์ตนเองในสถานะที่เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งๆ โดยไม่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ และบังเอิญว่าต่างได้รับเสียงชื่นชมโดยพร้อมเพรียงว่าเป็นหนังดี แบบไม่มีมาตรวัดทางสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง ผู้เขียนไม่ได้มีจุดประสงค์จะประเมินว่าปฏิกิริยาต่อต้านในกรณีใดถูกต้องเหมาะสมหรือไม่อย่างไร หากแต่ชี้ให้เห็นว่า ภาพยนตร์มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคม ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์คือสื่ออิสระไม่ต่างจากสื่อชนิดอื่น ทั้งยังมีส่วนประกอบของศิลปะและความคิดสร้างสรรค์เข้ามาเกี่ยวข้อง จากหลายกรณีที่เกิดขึ้นกับหนังไทย โดยเฉพาะกรณีที่ปฏิกิริยาต่อต้านมีเหตุมีผล ได้รับเสียงตอบรับจากคนส่วนใหญ่ ใช่หรือไม่ว่าปฏิกิริยาต่อต้านนั้นจะขยายตัวพร้อมที่จะกลบกลืนหรือปฏิเสธสถานะของภาพยนตร์เรื่องนั้นโดยทันที ราวกับว่าหนังเป็นผลิตผลของสังคมอย่างเต็มตัว ไม่มีอิสรภาพในฐานะปัจเจกเข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่ได้สร้างขึ้นด้วยทุนอิสระ ทั้งที่จริงๆ แล้ว แม้แต่ผู้ชมซึ่งซื้อตั๋วเข้าไปชมก็ตัดสินใจด้วยตนเองทั้งนั้น แน่นอนว่า ความแตกต่างด้านวัฒนธรรมและพื้นฐานทางสังคมมีผลอย่างมาก เมืองไทยซึ่งผู้คนให้ความสำคัญต่อสิ่งที่เป็นนามธรรมและมีคุณค่าในเชิงจิตใจมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นด้านศาสนา ความเชื่อ หรือศีลธรรม เช่น ความกตัญญูรู้คุณ เป็นต้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่แสดงถึงความไม่เคารพหรือมีแนวโน้มจะทำลายคุณค่าดังกล่าว ปฏิกิริยาต่อต้านก็จะเกิดขึ้นอย่างเข้มแข็งและอยู่เหนือกว่าเหตุผลในเชิงรูปธรรม(ขณะที่ภาพความรุนแรงต่อเด็กทารกอย่างชัดแจ้งในหนังเรื่อง โคลิค เด็กเห็นผี กลับไม่มีใครใส่ใจ) ตรงจุดนี้ ผู้สร้างหนังเองต้องตระหนักไว้ให้มั่น ต้องเรียนรู้ในบทเรียน รู้จักหลีกเลี่ยงโดยไม่คิดแต่จะอ้างเหตุผลเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก หรือฉกฉวยเรื่องละเอียดอ่อนมาเป็นจุดขาย ขณะเดียวกัน การแสดงปฏิกิริยาต่อต้านทางสังคมจะเข้มแข็งจริงจังอย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าหนังและผู้สร้างหนังก็มีสิทธิในการแสดงออกด้วยเช่นกัน โดยนอกจากมาตรวัดทางสังคมแล้ว ในสถานะหนังเรื่องหนึ่งๆ ยังต้องถูกตัดสินตีค่าในความเป็นหนัง ทั้งยังมีมูลค่าให้ต้องถูกประเมินผ่านการตัดสินใจซื้อตั๋วของผู้ชมอีกทีหนึ่ง นอกจากนี้ เจตนาของผู้สร้างหนังบางเรื่องใช่ว่าจะต่ำต้อยด้อยค่าจนไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ และคงน่าเป็นห่วงหากปฏิกิริยาต่อต้านหนังในบ้านเราจะมีทิศทางไม่ต่างจากการทำหน้าที่เซ็นเซอร์ของหน่วยงานราชการที่ทำแบบเหมารวม ขาดวิจารณญาณแยกแยะกรณีศึกษาหนังต่างประเทศ 2 เรื่องดังกล่าว เป็นตัวอย่างให้มองเห็นว่าถ้าสังคมแบ่งสรรบทบาท รู้จักแยกแยะ และให้โอกาส บางครั้งหลังฝุ่นคละคลุ้งของปฏิกิริยาต่อต้าน อาจมีแง่มุมที่ดีงามตามมาก็เป็นได้
Create Date : 29 กันยายน 2549
Last Update : 29 กันยายน 2549 16:41:55 น.
6 comments
Counter : 1352 Pageviews.
โดย: ป้าแสงจันทร์ IP: 124.120.99.160 วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:18:27:25 น.
โดย: unwell วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:22:49:08 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
คนที่ถูกกล่าวถึงในทางไม่ดี ก็พยายามปกป้องตัวเอง
ฝ่ายสร้างก็อยากตีแผ่ความจริง
เราเองเวลาเห็นเรื่องอย่างนี้ทีไร จะคิดว่า "แหม..ก็แค่หนังนะ ไม่ใช่สารคดีสักหน่อย ถึงต้องเป็นจริงหมด"
แต่ก็..นะ
อย่างกรณีแอนนาแอนด์เดอะคิงเอง หลายๆ ฉากเราก็ดันรับไม่ได้ซะนี่
คนอื่นก็คงเช่นกันค่ะ