Before Sunset ฟ้าแจ้งเคยลาจาก... ไยพลัดพรากยามค่ำพลบ
Before Sunset ฟ้าแจ้งเคยลาจาก... ไยพลัดพรากยามค่ำพลบ
พล พะยาบ คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 1 พฤษภาคม 2548
เอ่ยถึง Before Sunrise หนังรักปี 1995 ส่วนใหญ่คงนึกถึง "บทจบ" ที่เจสซีกับเซลีนต้องจากกัน ชั่วนาทีสุดท้ายแห่งการร่ำลา เขาและเธอตัดสินใจจะมาพบกันอีกครั้ง 6 เดือนข้างหน้า
หนุ่มอเมริกันกับสาวฝรั่งเศสได้มาพบกันในเวียนนา ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงหมดไปกับการพูดคุย ถกเถียง ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด และความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน
ทั้งสองรู้ว่าความรักคงเกิดขึ้น ถ้าเพียงมีเวลามากกว่านี้
การนัดพบกันอีกครั้งจึงหมายถึงการเปิดโอกาสให้หัวใจได้เต้นตามความปรารถนา
ไม่แลกที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ มีเพียงคำมั่นว่าจะมาพบกัน
หนังจบลงเช่นนั้น แต่เรื่องราวของเจสซีกับเซลีนยังคงดำเนินต่อไปตามแต่จินตนาการของผู้ชม ทั้งสองจะมาพบกัน รักกัน หรือลืมเลือนกันไปขึ้นกับใจใครจะคิด ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา
...กระทั่งเราได้พบกับเจสซีและเซลีนอีกครั้งใน Before Sunset
ไม่ว่าใครจะคาดหวังเรื่องราวต่อไปไว้เช่นไร "ความจริง" ของทั้งสองในบทเริ่มต้นในคราวนี้คือทางออกที่ ริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ ผู้กำกับฯ ซึ่งร่วมเขียนบทกับ 2 นักแสดงนำ สร้างสรรค์ได้สอดรับลงตัวกับบทจบอันตราตรึง สั่นไหวอารมณ์ในคราวก่อน
งดงาม มีเหตุมีผล ที่สำคัญคือ ไม่ทำให้ 9 ปีที่คาดคิด คาดหวังไว้ มีตำหนิในความรู้สึก
แทนที่จะใช้เวลานัดพบเป็นจุดเริ่ม ผู้สร้างให้เขาและเธอมาพบกันอีกครั้ง 9 ปีต่อมา ตรงกับเวลาจริงช่วงห่างกับภาคแรก เจสซี (อีธาน ฮอว์ค) กลายเป็นนักเขียนนิยายเบสต์เซลเลอร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับสาวฝรั่งเศส เขาเดินสายโปรโมตหนังสือทั่วยุโรป กระทั่งมาถึงปารีสเป็นเมืองสุดท้าย ในหมู่ผู้ที่มาฟังเขาตอบคำถาม มีเซลีน (จูลี เดลพี) หญิงสาวที่อยู่ในความทรงจำตลอดมารวมอยู่ด้วย
ความจริงเกี่ยวกับการนัดพบถูกเปิดเผย คนหนึ่งไปตามนัด ส่วนอีกฝ่ายมีเหตุจำเป็นให้ไปไม่ได้
ตอนหนึ่งของการสนทนา เจสซีบอกว่าเขาเขียนนิยายเล่มนี้เพื่อตามหาเซลีน ส่วนฝ่ายหญิงยอมรับว่าการไม่ได้พบกันวันนั้นรบกวนจิตใจเธอมาตลอด
เพราะเธออาจพลาดสิ่งสำคัญในชีวิต
"ความทรงจำเป็นสิ่งดี ถ้าไม่ไปรื้อฟื้นอดีต" เซลีนพูดถึงเรื่องราวครั้งเก่า พร้อมกับเบือนหน้าหนี ไม่อยากสบตาเจสซี
ช่วงเวลาไม่นานก่อนที่เจสซีต้องขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน เขาและเธอพูดคุยกันไม่หยุดเหมือนเมื่อคราวแรกที่พบกัน ต่างบอกเล่าชีวิตที่ผ่านมาของตน แชร์ประสบการณ์ ความคิดเห็น ไม่ใช่แบบหนุ่มสาววัยรุ่นแต่เป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักโลกมากขึ้น
ที่สำคัญคือ การสนทนาทำให้ต่างรู้ว่าช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อ 9 ปีก่อนมีอิทธิพลต่อชีวิตและจิตใจของคนทั้งสองมากมายตลอดเวลาที่ผ่านมา
ถึงอย่างไรการพบกันครั้งนี้ก็ไม่ใช่โอกาสของความสัมพันธ์ยั่งยืน เพราะเจสซีมีครอบครัวแล้ว ส่วนเซลีนคบหาใครบางคนอยู่
ดังนั้น เมื่ออาทิตย์อัสดง การลาจากต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้จะนานเท่าไร...ไม่มีใครล่วงรู้
นอกจากบทจบแบบปลายเปิดอันตราตรึงแล้ว ส่วนที่เป็นจุดเด่นของ Before Sunrise หนังภาคแรก คือความโรแมนติคอันเรียบง่าย ไม่มีบทตอนที่กระตุ้นอารมณ์รักหวานซาบซึ้ง ดำเนินเรื่องบนพื้นฐานของความสมจริง ประกอบกับบทสนทนาน่าใคร่ครวญคิดตามว่าด้วยเรื่องปรัชญาชีวิต โลกและการเรียนรู้ จนบางคนเรียกหนังเรื่องนี้ว่าเป็นหนังรักปัญญาชน
ครั้งนั้นเรื่องราวเกิดขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 20 หนุ่มสาวทั้งสองซึ่งเป็นผลผลิตของสังคมแห่งความสับสนทศวรรษที่ 60-70 เติบโตขึ้นมาผ่านยุคสงครามเย็นสิ้นสุด ยุคเทคโนโลยีพัฒนาไร้ขีดจำกัด ยุคการสื่อสารไร้พรมแดน เป็นคนรุ่นที่ไร้สิ่งยึดเหนี่ยวมุ่งหวัง หรือไขว่คว้าหาความหมาย
แม้จะต่างที่มา แต่เจสซีกับเซลีนกลับพูดคุยราวกับคนที่มีประสบการณ์ร่วมกัน พวกเขาอิจฉาพ่อแม่ที่เคยผ่านยุคแสวงหาจึงมีจุดมุ่งหมายให้ไขว่คว้า ทั้งสองไม่นับถือศาสนา ตั้งคำถามถึงพฤติกรรมหรือกิจกรรมบางอย่างว่าไร้ความหมายหรือไม่สลักสำคัญ แต่ให้ความสนใจในเรื่องราวเล็กๆ เช่นบทกวี หรือนาฏกรรมพื้นเมือง
มาถึง Before Sunset หนุ่มสาวคู่เดิมเติบโตขึ้นสู่โลกสหัสวรรษใหม่ 9 ปีที่ผ่านมาทำให้พวกเขาขยับมุมในการมอง จากหนุ่มสาวที่ไร้สิ่งมุ่งมั่นใดๆ จมอยู่กับอารมณ์ความรู้สึก มาเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลเป็นหลักยึด เซลีนทำงานให้องค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อม ไม่พอใจเมื่อเห็นโลกเลวร้ายลงเพราะฝีมือมนุษย์ ส่วนเจสซี การมีครอบครัวโดยไม่ตั้งใจ เป็นเหตุผลอย่างดีให้เขาเลิกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องไกลตัว
เวลาที่เปลี่ยนแปลงได้ทำให้โลกแห่งความจริงชัดเจนขึ้นสำหรับคนทั้งสอง
นี่คือบทหนังที่รัดกุม เคลื่อนไหวไปตามวันเวลา เช่นเดียวกับตัวละครที่เติบโตขึ้นตามวัย
หนังไม่ได้ตั้งเงื่อนเวลาไว้ชัดเจน แต่ Before Sunset เดินเรื่องคล้ายยึดตามเวลาจริง(real time) จนแทบจะไม่มีช่วงเวลาที่พวกเขาคลาดสายตา การพูดคุยแบบเร่งด่วนของเขาและเธอ ทั้งที่มีความในใจมากมายให้บอกกล่าว ยิ่งเวลาใกล้หมด ความรู้สึกอยากยืดเวลาให้เนิ่นนานออกไปก็ยิ่งมากขึ้น สอดรับกับความรู้สึกผู้ชมที่มองดูพวกเขามาตลอด จนหวั่นใจว่าหนังจะให้พวกเขาลงเอยกันอย่างไร
เช่นเดียวกับภาคแรก แม้ว่าการเฝ้ามอง-เฝ้าฟังตัวละครจะดึงดูดโฟกัสผู้ชมจนห่างไกลกับคำว่าน่าเบื่อ แต่ฉากหลังที่เปลี่ยนตลอดเวลา โดยให้ตัวละครทั้งขึ้นรถ-ลงเรือ ยิ่งทำให้เวลา 80 นาทีหมดลงอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งถึงฉากสุดท้าย...
ความหวั่นใจว่าหนังจะให้พวกเขาลงเอยกันอย่างไรหมดไปกับบทจบที่ผู้สร้างหาทางออกได้งดงามลงตัวอีกครั้ง เช่นเดียวกับบทเริ่มต้น
เจสซีบินกลับนิวยอร์ค เขาและเซลีนจะปล่อยชีวิตให้ดำเนินไปเช่นที่ผ่านมา หรือเจสซียอมพลาดเครื่องบินเพื่อให้ไม่พลาดสิ่งสำคัญในชีวิต...อีกครั้ง
เชิญชมและใช้จินตนาการหาคำตอบได้ตามใจ
Create Date : 23 มิถุนายน 2549 |
|
11 comments |
Last Update : 21 สิงหาคม 2549 2:48:37 น. |
Counter : 1713 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: octavio 24 มิถุนายน 2549 10:25:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: octavio 28 มิถุนายน 2549 19:49:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: G IP: 203.154.133.154 29 มิถุนายน 2549 21:57:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: cuomo (cuomo ) 26 กันยายน 2549 16:46:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: G IP: 203.113.76.7 1 พฤศจิกายน 2549 19:34:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: G IP: 203.113.76.7 1 พฤศจิกายน 2549 19:38:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]
|
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................
พญาอินทรี
ศราทร @ wordpress
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
แต่เพิ่งมีคนให้หนังชุดนี้มาเป็นของขวัญ
ดองมาพักใหญ่แล้ว
ว่าจะหยิบมาดูซะที อิอิ
ไว้ดูแล้วจะมาเมนต์อีกรอบนะ