(500) Days of Summer เรื่องรัก 500 วัน
(500) Days of Summer เรื่องรัก 500 วันพล พะยาบ คอลัมน์ rear window , mars ธันวาคม 2552 ว่ากันว่าในบรรดาหนังโรแมนติค-คอมิดี้สัญชาติมะกันทั้งจากฮอลลีวู้ดและผู้สร้างอิสระที่สร้างกันออกมาพอสมควรในปีนี้ มีแค่ 2 เรื่อง ที่พอจะเข้าท่าเข้าทางและไม่ซ้ำซากตามสูตรสำเร็จจนเกินไป หนึ่งคือ Adventureland ของผู้กำกับ เกร็ก มอตโตลา (Greg Mottola) อีกหนึ่งคือ (500) Days of Summer ของ มาร์ค เว็บบ์ (Marc Webb) Adventureland เกี่ยวกับหนุ่มน้อยซึ่งยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ครั้งแรกได้พบรักกับสาวที่มีปัญหาครอบครัว ซ้ำยังเป็นชู้กับสามีคนอื่น ส่วน (500) Days of Summer เล่าถึงความรักจริงใจของชายหนุ่มที่มีต่อหญิงสาวผู้ไม่เชื่อในความรัก ลักษณะร่วมซึ่งถือว่าเป็นส่วนดีของหนังทั้งสองเรื่องคือ หนังไม่ล่องลอยขายฝันจนฟุ้งเฟ้อ แต่เหยาะเรื่องราวดรามาแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปเพื่อให้หนังจับต้องได้ ไม่เล่นกับเหตุการณ์อลหม่านแบบคาดไม่ถึงหรือมุกตลกต่ำๆ เช่นที่ชอบใช้กันในระยะหลัง ที่สำคัญ แม้ตัวละครนำโดยเฉพาะพระเอกจะเป็นแค่เด็กเพิ่งจบมัธยมปลายอย่างใน Adventureland หรือเพิ่งก้าวสู่วัยทำงานอย่างใน (500) Days of Summer แต่หนังกลับมีวุฒิภาวะ ขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยพัฒนาการของตัวละคร กระทั่งสู่บทสรุปในทางเดียวกันที่ให้ตัวละครพระเอก เติบโต ขึ้นกว่าจุดเริ่มต้น (500) Days of Summer ออกตัวไว้แต่แรกทั้งในคำโปรยบนใบปิดและเสียงบรรยายเปิดเรื่องว่าไม่ใช่หนังรัก แต่เป็นเรื่องราวว่าด้วยความรัก เล่าถึงช่วงเวลา 500 วัน ที่ชายหนุ่มชื่อ ทอม ตกอยู่ในห้วงรักต่อหญิงสาวชื่อ ซัมเมอร์ ทอมเรียนจบสถาปัตย์แต่มาเป็นพนักงานบริษัทผลิตการ์ดอวยพร มีหน้าที่คิดคำอวยพรหรือข้อความเก๋ๆ เพื่อเขียนลงในการ์ด ส่วนซัมเมอร์เป็นเลขาฯคนใหม่ของหัวหน้าซึ่งทอมรู้ทันทีเมื่อแรกพบหน้าว่าเธอคือคนที่เฝ้ารอมานาน แม้ทอมจะไม่ถนัดเรื่องผู้หญิง กล้าๆ กลัวๆ ในการเข้าหาซัมเมอร์ แต่วันเวลาช่วยให้เขาและเธอสนิทกันมากขึ้น กระทั่งคบหากันในที่สุด ปัญหาคือทั้งสองเริ่มต้นคบหากันด้วยทัศนคติที่แตกต่างไปคนละทาง ทอมเชื่อในรักแท้ ตามหาคนที่ใช่หรือคนที่เป็นเนื้อคู่มาตลอดชีวิต ส่วนซัมเมอร์ซึ่งรับรู้การหย่าร้างของพ่อ-แม่ตั้งแต่เด็ก เรียนรู้ที่จะปิดกั้นไม่ให้ความผูกพันก่อตัว การคบหากับทอมจึงเป็นไปโดยรู้ทั้งรู้ว่ามีปลายทางรออยู่ ตรงกันข้ามกับทอมที่รู้สึกจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งเมื่อซัมเมอร์ขอหยุดความสัมพันธ์กันดื้อๆ ทอมจึงเหมือนหล่นคว้างจากที่สูงลงมาแตกเป็นเสี่ยง ยังดีที่ทอมมีน้องสาวและเพื่อนสนิทคอยปลอบใจ แต่เขาก็ยังต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่ดี นับแต่วันที่ 290 ซึ่งถูกบอกเลิก ผ่านอีกหลายวันที่พยายามขอคืนดีและเฝ้ารอคอย จนถึงวันที่ได้รู้ความเป็นไปของซัมเมอร์ และวันที่รู้ถึงความรู้สึกที่ควรเป็นไปของตนเองความเก๋ของ (500) Days of Summer อยู่ที่ลูกเล่นในการนำเสนอ ตั้งแต่การเล่าเรื่องแบบไม่เรียงลำดับเวลาโดยใช้ตัวเลขบอกว่าเรื่องราวต่อไปนี้เกิดขึ้นวันที่เท่าไร(จาก 500 วัน) ผู้ชมจึงมองเห็นความสัมพันธ์ของทอมและซัมเมอร์วูบไหวไปมาไม่แน่นอน เช่นเดียวกับบุคลิกของซัมเมอร์ที่ดูปรวนแปร และอารมณ์ความรู้สึกของทอมซึ่งหวั่นไหวยิ่งนักทั้งยามสุขและทุกข์ บทเพลงไพเราะผ่อนคลายถูกใส่แทรกเป็นระยะ มากมายด้วยบทสนทนาดีๆ และมุกตลกคำพูดเรียกรอยยิ้มมากกว่าจะโปกฮาเอามัน ส่วนพระ-นางก็มีเสน่ห์และเข้าคู่ตามบทกันได้อย่างดีทั้ง โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ (Joseph Gordon-Levitt) ในบททอม และซูอี้ เดสชาเนล (Zooey Deschanel) ในบทซัมเมอร์ โดยเฉพาะเดสชาเนล...ชั่วโมงนี้ยังไม่เห็นดาราสาวรุ่นคนไหนเหมาะกับบทนางเอกบุคลิกแปลกๆ แต่เสน่ห์ล้นเหลือเท่ากับสาวตาโตคนนี้ อย่างที่บอกว่านี่ไม่ใช่หนังรัก ไม่ใช่เรื่องราวของคนสองคน แต่เป็นเรื่องของผู้ชายชื่อทอมในช่วงเวลาที่มีหญิงสาวชื่อซัมเมอร์ผ่านเข้ามาในชีวิตและเขารู้สึกรักหมดใจ คู่ความสัมพันธ์ระหว่างทอมกับซัมเมอร์เป็นไปในแนวทางเดียวกับคู่พระ-นางในเรื่อง Adventureland คือฝ่ายชายดูอ่อนไหวกว่าฝ่ายหญิง และเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตามความรู้สึกของตนเองโดยที่ฝ่ายหญิงเอาแต่รักษาระยะหรือกระทั่งเพิ่มระยะห่างออกไป ทอมคือผู้ชายที่ใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นตัวตั้ง ส่วนซัมเมอร์ตั้งมั่นกับเงื่อนไขส่วนตัวจนบวกลบคูณหารแล้วไม่เหลือความรักอยู่ในคำตอบ บุคลิกของทั้งสองจึงตรงข้ามกับทฤษฎีซีกขวา-ซ้ายของสมองที่สรุปไว้ประมาณว่าผู้หญิงรักด้วยอารมณ์ ส่วนผู้ชายรักด้วยเหตุผล หนังย้ำบทบาทชาย-หญิงที่สลับกันของทั้งสองด้วยฉากที่ซัมเมอร์บอกเลิกทอม ซัมเมอร์บอกว่าเธอกับเขาคล้าย ซิดกับแนนซี่ เข้าไปทุกที หมายถึง ซิด วิเชียส (Sid Vicious) มือเบสวงเซ็กซ์ พิสตอลส์ (Sex Pistols) วงพังค์ตำนานยุคทศวรรษ 1970 กับแฟนสาว แนนซี่ สปันเจน (Nancy Spungen) ซึ่งความสัมพันธ์จบลงด้วยเหตุฆาตกรรมที่ชี้ว่าซิดใช้มีดแทงแนนซี่จนเสียชีวิต ซัมเมอร์สรุปประเด็นนี้ชนิดที่ทำให้ทอมต้องอึ้งหนักว่า เธอคือซิด ส่วนทอมคือแนนซี่! การใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นตัวตั้งของทอมแสดงให้เห็นผ่านหน้าที่การงานของเขาด้วย คืองานในบริษัทผลิตการ์ดนานาชนิดซึ่งทอมมีหน้าที่สร้างสรรค์ข้อความดีๆ มีความหมายลึกซึ้ง เพื่อคนที่ซื้อการ์ดไปจะได้ใช้เป็นสื่อบอกความในใจ-ความรู้สึกต่อผู้อื่น เห็นได้ว่าทอมถูกห้อมล้อมด้วยอารมณ์ความรู้สึกตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่คนอ่อนไหวอย่างเขาจะถนัดเรื่องแบบนี้แทนที่จะเลือกเป็นสถาปนิกตามที่เรียนจบมา ตรงแง่มุมเกี่ยวกับสถาปนิกนี่เองที่หนังขยายความในช่วงท้ายให้เห็นพัฒนาการของตัวละคร จากเมื่อก่อนที่ไม่คิดเอาดีทางด้านสถาปัตย์ แต่ก็มีมุมโปรดเพื่อนั่งมองภูมิทัศน์ของเมือง เปรียบไปก็เหมือนคนที่ชอบคิดฝันถึงสิ่งนั้นสิ่งนี้ ปล่อยอารมณ์ล่องลอยไปวันๆ โดยไม่ลงมือสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง เมื่อถึงวันที่ความรู้สึกพังทลายเพราะความรัก ทอมจึงต้องแสวงหาความมั่นคงให้ตัวเองเสียที เขาลาออกจากบริษัทผลิตการ์ด รื้อฟื้นวิชาสถาปัตย์เพื่อสมัครงานใหม่ งานออกแบบสิ่งปลูกสร้างอย่างตึกรามบ้านเรือนตอกย้ำภาพความมั่นคงที่ทอมไม่เคยใส่ใจ ต่างกันคนละเรื่องกับงานผลิตถ้อยคำความรู้สึกซึ่งไม่อาจจับต้องเป็นรูปธรรม ในเมื่อเริ่มต้นอย่างมั่นคงแล้ว แบบที่ร่างไว้ก็คงเป็นรูปเป็นร่างตามมาไม่ว่ายิ่งใหญ่อย่างตึกระฟ้า หรือแค่มุมเล็กๆ ในใจ
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2553 17:54:24 น.
12 comments
Counter : 2833 Pageviews.
โดย: beerled วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:24:27 น.
โดย: beerled วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:33:56 น.
โดย: River Run IP: 115.67.88.116 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:05:28 น.
โดย: beerled วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:2:17:12 น.
โดย: เอกเช้า IP: 203.144.144.164 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:12:02 น.
โดย: Seam - C IP: 203.144.144.164 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:50:16 น.
โดย: จุใจ IP: 203.144.144.164 วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:10:34:52 น.
โดย: jonykeano วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:20:12:54 น.
โดย: McMurphy วันที่: 4 มีนาคม 2553 เวลา:22:38:04 น.
โดย: คนขับช้า วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:00:33 น.
โดย: amoderndog วันที่: 8 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:22:58 น.
โดย: m raz IP: 10.10.11.249, 27.116.62.21 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา:17:54:23 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28
เหมือนหนังกลวงเปล่า ไม่มีอะไร แต่เมื่อลองคิด ลองแกะ กลับค้นพบว่าเต็มไปด้วยความสมบูรณ์ของพล็อต ข้อคิดที่สอดรับกัน วิธีการนำเสนอที่สนับสนุนเรื่องเป็นอย่างยิ่ง และความเป็นธรรมชาติของหนังแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ
ดาราเล่นเก่งและเพลงเพราะมาก...
บทหนังคมคาย ฉลาด และดูไม่จงใจเกินไป ทั้งที่เรื่องเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ เช่น ตัวเลขแสดงวัน ต้นไม้ ฤดูกาล สถาปัตยกรรม (ที่เป็นเหมือนการสรุปภาพฝันอันสวยงามและความเป็นจริงเข้าไว้ด้วยกัน) อาชีพที่รักและที่คิดว่ารัก คนที่ใช่และที่คิดว่าใช่
ที่ผมชอบที่สุด ก็เรื่องเวลาและอายุที่ไม่ลำดับความสำคัญ (หนังเล่าแบบไม่เรียงเวลา กลับไปกลับมาแต่ไม่งง น้องสาวพระเอกที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวและเข้าใจประสบการณ์ชีวิตมากกว่าใครเพื่อน การแต่งงานของคนแก่ในบริษัทที่ไม่แคร์เวลาและอายุ)
ชอบบุคลิกทั้งของพระเอกและนางเอกที่เมื่อได้เรียนรู้กันและกัน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเหมือนอีกคนหนึ่ง
ชอบการค้นหาสิ่งที่ตัวเองรักจริง และการแยกแยะสิ่งนั้นออกจากสิ่งที่คิดว่ารัก ?
ชอบความเติบโตที่หนังมอบให้ผู้ชม หลายประเด็นเป็นมุมมองที่ใช่เอามากๆ และนำมาปรับใช้ได้จริงๆ
ชอบการแบ่งวิธีคิดของพระเอกในฉากนึงตอนหลัง ที่จอด้านซ้ายแสดงภาพความหวัง จอด้านขวาแสดงภาพความจริง เท่ซะ
และอีกหลายส่วนเยอะแยะไปหมด ทั้งฉากหนังเพลงผสมการ์ตูนที่ดูเวอร์เกินจริงเมื่อมีความสุข ฉากหนังเศร้าขาวดำเมื่อมีความทุกข์ เซ็กซ์เลียนแบบหนังโป๊แต่ทั้งคู่ก็ทำไม่ได้ การเล่นเป็นครอบครัวแสนสุขในร้านขายเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น เรียกได้ว่าแทบทุกฉากล้วนมาอย่างมีความหมาย
สรุป หนังเค้าดีจริงๆ ครับ