Garden State ในหุบเหวลึก…มีความรัก



Garden State
ในหุบเหวลึก…มีความรัก

พล พะยาบ
คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 29 พฤษภาคม 2548



Artist : Simon And Garfunkel
Song : The Only Living Boy In New York


เสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังอเมริกันอินดี้ หรือหนังอิสระนอกระบบสตูดิโอ ที่มักพบเห็นอยู่เสมอ คือการนำเสนอเรื่องราวที่ไม่ใหญ่โตของคนเล็กๆ ซึ่งไม่ได้สลักสำคัญใดๆ ไม่ต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองจากสังคม แต่วนเวียนส่งผลต่อคนเล็กๆ นั้นแค่ไม่กี่คน บางครั้งอาจแค่คนหรือสองคนซึ่งเป็นตัวละครหลัก

จุดหมายปลายทางของตัวละครไม่ใช่รางวัลความสำเร็จหรือของมีค่าที่ต้องไขว่คว้าครอบครอง แต่อาจเป็นแค่การค้นพบ “ใจ” ของตนเองเท่านั้น

Sideways, Buffalo ‘66, A Good Girl, The Brothers McMullen เหล่านี้คือตัวอย่าง

หากนำเนื้อหาเดียวกันมาสร้างภายใต้ระบบสตูดิโอ จริตแบบฮอลลีวู้ดจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เช่นที่เกิดกับ Jersey Girl หนังปี 2004 ของเควิน สมิธ

เรื่องราวเล็กๆ เหมาะสมลงตัวกับงานสร้างที่เรียบง่ายสมถะ ยิ่งถ้าได้บทเจ๋งๆ กับการแสดงชั้นยอดด้วยแล้ว สถานะของหนังดีที่คนพูดถึงชื่นชมก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม


ล่าสุด ผู้เขียนได้ชมหนังเล็กๆ เรื่อง Garden State ที่มาแนวทางเดียวกับหนัง 3-4 เรื่องที่ยกตัวอย่าง จนเรียกว่าเป็นอีกหนึ่งสูตรสำเร็จของหนังอเมริกันอินดี้ไปแล้ว

เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องของคนเล็กๆ ที่ค้นหาใจตัวเอง และมีมุขขำๆ อยู่ประปราย เนื้อหายังประกอบด้วยตัวละครและสถานการณ์แปลกๆ พร้อมผลสรุปสุดท้ายที่ผู้ชม “วางใจ” ได้เช่นเดียวกัน

Garden State คือชื่อเล่นของนิว เจอร์ซีย์ รัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ซึ่งมักจะถูกกล่าวถึงในทางร้าย ทั้งความเป็นเมืองน่าหดหู่สิ้นหวัง คนว่างงาน ตรงกันข้ามกับรัฐนิวยอร์คซึ่งอยู่ติดกัน นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยตำนานพื้นบ้านกับเรื่องราวลี้ลับมากมาย

นิว เจอร์ซีย์จึงเปรียบเหมือนแดนสนธยา เหมาะแก่การสร้างสรรค์ตัวละครและสถานการณ์แปลกๆ ยิ่งนัก

แซช บราฟฟ์ นักแสดงหนุ่มจากซีรีส์ Scrubs ทางโทรทัศน์ หันมาเขียนบทและกำกับหนังใหญ่เป็นเรื่องแรก ว่าไปแล้ว Garden State เหมือนเป็นอัตชีวประวัติของเขาเอง เพราะเขาเป็นหนุ่มนิว เจอร์ซีย์ ผู้เดินทางข้ามมาอีกฝั่งทวีปเพื่อเป็นนักแสดง ไม่ผิดจาก แอนดูรว์ ลาร์จแมน พระเอกของเรื่อง

ฉากเปิดเรื่อง แอนดูรว์ หรือลาร์จ ชื่อที่เพื่อนๆ เรียก นอนอยู่ในห้องที่มีแต่สีขาว ทั้งผ้าปูที่นอน พื้น และฝาผนังห้อง ราวกับห้องผู้ป่วยโรคประสาท ไร้เฟอร์นิเจอร์อื่นใดนอกจากโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงปลายสายของพ่อ บอกข่าวการจากไปของแม่ผู้เป็นอัมพาต

ลาร์จไม่ได้กลับบ้านที่นิว เจอร์ซีย์มา 9 ปีแล้ว เขามาแอลเอโดยหวังจะเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง แต่ที่ผ่านมาได้แค่รับบทเป็นควอเตอร์แบ็คปัญญาอ่อนในหนังทีวีเพียงเรื่องเดียว จึงต้องทำงานประจำเป็นบริกรในร้านอาหารเวียดนาม

หนังค่อยๆ เผยว่า ลาร์จเคยถูกพ่อผู้เป็นจิตแพทย์ผลักไสออกจากบ้านโดยส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ เพราะโกรธที่ลาร์จเป็นต้นเหตุให้แม่เป็นอัมพาต ความเย็นชาห่างเหินทำให้ระหว่างพ่อกับเขาเป็นเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน

พ่อให้ลาร์จกินยาระงับประสาทมากมายหลายขนานตั้งแต่เด็ก ส่งผลข้างเคียงทำให้เขากลายเป็นคนไร้อารมณ์ความรู้สึก ไม่แปลกเลยที่เขาไม่ประสบความสำเร็จกับอาชีพนักแสดง การกลับมาบ้านครั้งนี้ ลาร์จตัดสินใจไม่พกยามาด้วย


ที่นี่เขาได้พบแซม(นาตาลี พอร์ตแมน) หญิงสาวคุยเก่ง มองโลกในแง่ดี มีครอบครัวแปลกๆ แต่อบอุ่น ทั้งยังได้พบเพื่อนเก่าหลายคนซึ่งมีชีวิตไม่เป็นแก่นสารเท่าใดนัก ในจำนวนนี้มี มาร์ค(ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด) อดีตคู่หู ซึ่งมีอาชีพเป็นคนขุดหลุมศพ วันๆ เอาแต่เสพกัญชา และแอบขโมยของมีค่าจากศพ

ผู้คนและเรื่องราวที่ลาร์จได้ผ่านพบในช่วงเวลาไม่กี่วัน ทำให้เขาค่อยๆ ค้นพบตนเอง ราวกับหอยทากที่ค่อยๆ ยืดร่างออกมาจากเปลือก ได้ขุดค้นปมลึกในจิตใจ เผชิญหน้ากับความจริงที่เขาหลบหนีมาตลอดชีวิต

ที่สำคัญ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักกับความรัก…

ช่วงต้นเรื่องที่ลาร์จตื่นขึ้นมาพบอัศวินในชุดเกราะหลังจากปาร์ตี้ยากล่อมประสาท ทำให้ผู้เขียนไพล่ไปคิดถึงชายตัดไม้ดีบุก แห่งนิทานอเมริกันคลาสสิคเรื่องพ่อมดมหัศจรรย์แห่งอ๊อซ ของแฟรงค์ โบม ซึ่งตัวลาร์จก็เหมือนโดโรธีผู้หลงมาในดินแดนประหลาด

หากแก่นของเรื่องหมายถึงการค้นพบสิ่งดีๆ ในตัวเอง การเปรียบเทียบกันนิทานคลาสสิคเรื่องดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องผิดกติกา

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวอ้างอิงเปรียบเทียบอีกเรื่องหนึ่งคือหนังคลาสสิค ปี 1967 เรื่อง The Graduate เกี่ยวกับเด็กหนุ่มผู้งุนงงสับสนกับโลกที่เขาพบเผชิญ เป็นการวิพากษ์สังคมยุคทศวรรษ 60 และปัญหาช่องว่างระหว่างวัยของคน 2 รุ่น โดยหนังเรื่องนี้ใช้เพลงประกอบของไซมอน แอนด์ การ์ฟังเกล ตลอดทั้งเรื่อง

แม้ว่า Garden State จะมีตัวละครซึ่งมีบุคลิกใกล้เคียงกับ The Graduate พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับช่องว่างระหว่างวัยเหมือนกัน แต่หนังไม่ได้วิพากษ์สังคมโดยตรง ความเกี่ยวโยงของหนังทั้ง 2 เรื่องซึ่งอ้างอิงกันได้คือเพลงประกอบของไซมอน แอนด์ การ์ฟังเกล

เพราะขณะที่เพลงประกอบเพลงอื่นๆ เป็นเพลงของวงโมเดิร์นร็อครุ่นใหม่มากมายหลายวง ผู้สร้างกลับเลือกใช้เพลง The Only Living Boy in New York ของไซมอน แอนด์ การ์ฟังเกล มาใช้ในฉากสำคัญของเรื่อง

คือฉากที่ลาร์จ แซม และมาร์ค ตะโกนก้องลงไปในหุบเหวลึก ราวกับการปลดปล่อยและท้าทายในเวลาเดียวกัน

หนังใช้ประโยชน์เต็มที่กับ “ภาพลักษณ์” ของนิว เจอร์ซีย์ ซึ่งมักถูกมองในแง่ที่ว่าเป็นสภาพบ้านเมืองซึ่งพัฒนารวดเร็วเกินควร จนเหมือนผู้คนกำลังหลงอยู่ในโลกที่หยุดนิ่ง เฉื่อยชา ฉากที่ตัวละครทั้งสามตะโกนก้องนั้นเกิดขึ้นที่หุบเหวลึกซึ่งถูกค้นพบระหว่างการก่อสร้างห้างสรรพสินค้า บริเวณรอบๆ คือสุสานรถ ตัวแทนของความ “ไร้ชีวิต” อย่างแท้จริง


ท่ามกลางสายฝน ตัวละครทั้งสามสวม “ถุงขยะ” เพื่อกันฝน ยืนอยู่บน “ซากรถ” ตะโกนลงไปใน “หุบเหว” ปริศนา มีเพลง The Only Living Boy in New York ประกอบ

เป็นฉากที่งดงามด้านอารมณ์ และการสื่อความหมายอย่างยิ่ง

หากจิตใจคนเราเปรียบเหมือนหุบเหวลึก ลาร์จก็กำลังเผชิญหน้ากับมันโดยตรง มิใช่กลบเกลื่อนมันไว้เช่นที่ผ่านมา

ตัวละครสำคัญที่ทำให้ลาร์จค้นพบใจตัวเองได้คือแซม เธอทำให้เขารู้จักความอ่อนไหว รู้จักความรัก รู้ว่าบ้านมิใช่สถานที่เลวร้าย ซึ่งนาตาลี พอร์ตแมน แสดงได้อย่างดีเยี่ยม น่าประทับใจไม่น้อยไปกว่าบทบาทของเธอใน Closer

Garden State อาจเป็นสูตรสำเร็จแบบอเมริกันอินดี้ไปสักหน่อย บทหนังก็ไม่ได้คมคายเท่าใดนัก แต่ก็เปี่ยมเสน่ห์น่าประทับใจด้วยการแสดงอันวิเศษ เพลงประกอบดีๆ กับเรื่องราวที่มีคุณค่าความหมายให้ค้นหาพอสมควร

ส่วน แซช บราฟฟ์ สำหรับผลงานกำกับฯเรื่องแรก ถือว่าสอบผ่านแบบสบายๆ




Artist : Iron And Wine
Song : Such Great Heights



Create Date : 22 กันยายน 2549
Last Update : 23 กันยายน 2549 12:05:07 น. 10 comments
Counter : 3787 Pageviews.

 
เนื้อเรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง
น่าสนใจมากมากค่ะ

เคยจดๆจ้องๆที่ร้านเช่า
แต่ไม่เคยเอื้อมมือหยิบมันลงมาซักที
แต่หลังจากวันนี้
ถ้าไปร้านอีก
คงได้เช่ามาดูแน่แน่



โดย: renton_renton วันที่: 22 กันยายน 2549 เวลา:22:46:43 น.  

 
ชะแว๊บมาฟังเพลงแว้วววว

เพราะจัง

ได้ยินเพลงแล้ว บรรยากาศหนังอินดี้มันลอยมาเลยอ่ะ อืม.................จาเร่งไปหามาดูในเร็ววันค่ะ



โดย: renton_renton วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:2:19:52 น.  

 
ได้ยินชื่อเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่ได้ดูซะที
(ผมเป็นคนรักหนังที่ดูหนังน้อยมากที่สุด )
เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ก็เจ๋งแฮะ เพราะเข้าทาง
ถ้าเมื่อไหร่มีรีวิวเรื่อง Thumbsucker จะรีบมาแจม
เพราะกะว่าจะเอาดีวีดีมานั่งดูอาทิตย์นี้ครับ


โดย: sTRAWBERRY sOMEDAY วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:3:27:56 น.  

 
เคยเห็นรายชื่อ Soundtrack หนังเรื่องนี้มาคร่าว ๆ แล้วน่าสนใจดี (แต่ไม่เคยเจอในร้านเช่าเลย...)


โดย: ShadowServant วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:3:45:15 น.  

 
ซาวน์ดแทร็คเรื่องนี้เพราะทุกเพลงครับ

01 - Coldplay - Don't Panic
02 - The Shins - Caring Is Creepy
03 - Zero 7 - In The Waiting Line
04 - The Shins - New Slang
05 - Colin Hay - I Just Don't Think I'll Ever Get Over You
06 - Cary Brothers - Blue Eyes
07 - Remy Zero - Fair
08 - Nick Drake - One Of These Things First
09 - Thievery Corporation - Lebanese Blonde
10 - Simon And Garfunkel - The Only Living Boy In New York
11 - Iron And Wine - Such Great Heights
12 - Frou Frou- Let Go - Garden State
13 - Winding Road - Bonnie Somerville
14 - The Postal Service - Such Great Heights
15 - Alexi Murdoch - Orange Sky

ตอบคุณ sTRAWBERRY sOMEDAY
Thumbsucker ยังไม่ได้ดูเลยครับ


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:5:30:56 น.  

 
มาบอกว่า เมื่อวานดู Always มาล่ะ ^_^
หนังญี่ปุ่นเรื่องนี้, น่ารักดี


โดย: ดาริกามณี วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:9:27:03 น.  

 
ผมหลงรักเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ครับ


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 24 กันยายน 2549 เวลา:17:59:54 น.  

 
เพลงเพราะจังค่ะ ทำให้ยิ่งอยากดูหนังเรื่องนี้

ที่พูดถึงมาเคยดูแต่ Sideways ชอบมั่ก ๆ

ชอบนาตาลีในรูปที่เอามา post ดูเป็นเด็กสาวใส ๆ สบาย ๆ น่ารักดีค่ะ


โดย: unwell วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:14:19:27 น.  

 
ชอบหนังเรื่องนี้มากเลยคะสนุกดีคะให้แง้คิดที่ดีต่อตัวเรา


โดย: เจนนี่ IP: 203.113.22.212 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:57:29 น.  

 
ตอนแรกไม่ค่อยเข้าใจหนัง แตฉากบางตอนก็กระทบใจจริงๆ


โดย: ชุติมา IP: 117.47.3.45 วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:9:42:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน
ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549

..............................








พญาอินทรี




ศราทร @ wordpress
Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
22 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แค่เพียงรู้สึกสุขใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.