หลังจากรีวิวที่พักไปแล้ว วันนี้มีทริปเที่ยวกาญจนุรีแบบเรื่อยปื่อยมาฝากค่ะ เป็นการเที่ยวที่ชิลมากกกค่ะ ไม่เร่งรีบ กินตลอดเวลา โดยมีเจ้าภาพพาเที่ยว หลงบ้าง อะไรบ้าง ฝนตกบ้าง แต่ก็สนุกดีค่ะ รอบนี้ไม่มีสาระ รูปก็น้อย เลยเอารูปคนมาลงด้วย ดูแล้วอย่าเบื่อกันไปก่อนน้าา
มากาญจนบุรี ก็ไม่ลืมแวะสะพานข้ามแม่น้ำแคว รอบที่แล้วไม่ได้เดินข้ามสะพาน มารอบนี้จัดเสียหน่อย นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก ถ่ายรูปสนุกดี เจ้าภาพถ่ายรูปราวกับมาเที่ยวครั้งแรกทั้งๆที่มานับไม่ถ้วนแล้ว อิอิ
ชมสะพานและวิวสะพานเต็มอิ่มแล้ว ไปต่ออาหารเย็นที่ร้านอาหารริมแม่น้ำแควสุดชิค ไม่กี่ร้อยเมตรจากสะพานแม่น้ำแคว Loft Restaurant and Bar ร้านใหญ่ มีที่จอดรถกว้างขวาง ชอบตั้งแต่ก้าวแรกเลยค่ะ ร้านตกแต่งแบบโมเดิร์นเก๋กิ๊บแต่เข้ากันกลมกลืนกับสายน้ำ ร้านอาหารแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน มีห้องแยกคาราโอเกะ บาร์ ที่นั่งเปิดริมแม่น้ำ และห้องแอร์ บรรยากาศดีมากๆ
ไวน์ซัก 2-3 แก้วไหมคะ
บรรยากาศเก๋ไก๋ ในส่วนที่นั่งกลางแจ้ง
มีวงดนตรีแสดงสดด้วยค่ะ ที่นั่งแบบเปิด อากาศดีมากก นั่งเมาท์กันสนุกเลย แต่เสียดายกลิ่นบุหรี่ฉุนไปนิดหน่อย มาคราวหน้าจะมาหัวค่ำกว่านี้และนั่งติดแม่น้ำไปเลย
มุมจากด้านบนบ้าง
ภาพอาหารไม่ได้ถ่ายรูปเลย เพราะแสงไม่พอแต่รสชาติใช้ได้ค่ะ
ตัดฉับมาตอนเช้า มื้อเช้ากับเย็นตาโฟทะเลชามบิ๊กๆ ที่ ปัง เตี๋ยว เต๊ก เย็นตาโฟที่คุณเจ้าภาพการันตีว่าอร่อยมากกก ชามนี้ราคา 50 บาท ชามเบ้อเร่อเลย รสชาติใช้ได้ทีเดียว
ท้องอิ่ม มาเที่ยวกันค่ะ วันนี้วางแผนเที่ยวสบายๆ 3 จุด ทานอาหารเย็นแล้วขับรถกลับ กทม จุดแรกที่เจาไปกันคือ เมืองโบราณค่ะ เพิ่งเคยรู้ว่าเมืองกาญมีเมืองโบราณด้วย อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ อยู่ ต. สิงห์ อ. ไทรโยก ห่างจากตัวเมืองไม่กี่สิบกิโล ไปกันเลยค่า
|
มีค่าธรรมเนียมนำรถเข้าชม 50 บาท และค่าเข้าชมคนละ 20 บาท เข้ารถเข้ามาได้เลยค่ะ ด้านในดูร่มรื่นดีแต่อากาศค่อนข้างร้อนชื้น มีลางว่าฝนจะตก มาเที่ยวหน้าฝนต้องทำใจค่ะ
เมืองสิงห์อยู่บนที่ราบริมแม่น้ำแควน้อย ดินมีความอุดมสมบูรณ์จึงมีพัฒนาการด้านวัฒนธรรมยาวนาน มีการมีขุดพบหลุมฝังศพและเครื่องมือเครื่องใช้ยุคโลหะก่อนประวัติศาสตร์
แต่ตัวเมืองสิงห์และปราสาทเมืองสิงห์ษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรือสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พื้นที่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ไม่ใหญ่มาก ภายในร่มรื่นดีค่ะ จอดรถแล้วเดินได้ แต่เราขับรถวนก่อน 1 รอบก่อนที่จะจอดรถเดินชม หนึ่งเที่ยวแค่ตัวปราสาทหมายเลขหนึ่ง ซึ่งป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุด เป็นปราสาทศิลาแลงคล้ายปราสาทขอมที่นครวัตและเล็กกว่า เที่ยวแบบชะโงกทัวร์มากๆ อิอิ จริงๆมีพิพิธภัณฑ์และหลุมฝังศพด้วย แต่ไม่ได้ไปดู เอาไว้ซ่อมรอบหน้า อิอิ
|
ไปเที่ยวถ้ำกระแซ ชมรถไฟสายมรณะ ต่อกันค่ะแต่..ใใทำไมเรามาโผล่สวนไทรโยคนะ พี่เจ้าภาพยิ้มแหยๆ บอกว่าพามผิดทาง มาโผล่ปลายอีกด้านซึ่งเป็นโรงแรมนั่นเอง..เอ่อม... แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะยังไงก้ได้เห็นสะพาน แม้จะเป็นปลายอีกด้านก็ตาม
เดินผ่านสานไทรโยค โรงแรมน่าพักจัง มีเครื่องเล่นแบบผาดโผนด้วย มาส่องเค้สเล่น Zip line กัน
ทางรถไฟสายมรณะค้า ร้อนมากกก แดดลงหัวพอดี ทางค่อนข้างแคบ เดินสวนกันลำบาก ดูน่ากลัวนิดๆสำหรับคนกลัวความสูงอย่าหนึ่ง กลั้นใจเดินไปริดเดียวก็กลับลำแล้วค่ะ มารอบนี้ไม่ค่อยอยากถ่ายรูปเลย สงสัยก็มาซ่อมอีกแล้ว 555
จากถ้ำกระแซไปพักดื่มน้ำสดชื่นๆกันค่ะ เจ้าภาพเราภูมิใจนำเสนอมากกก ร้านกาแฟ ริมทางที่มีน้ำสตรอเบอร์รี่ที่อร่อยที่สุดในโลก จัดไปค่า
| ร้านจัดได้น่านักพัก ร่มรื่นดีค่ะ ดืมน้ำสตรอเเบอร์รี่ที่อร่อยที่สุดในโลก แก้วละ 60 บาท อร่อยสมคำร่ำลือ ข้นมากกก อร่อยจนหยดสุดท้ายเลยทีเดียว ในร้านมีขนมเค้ก ขนมไทยจำหน่ายด้วย เรานั่งกินกันชิลๆ ปรากฏว่าฝนเทลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว โชคดีมากที่ออกมาจากถ้ำกระแซก่อน ต้องรอฝนซา เพราะโปรแกรมสุดท้ายคือต้นจามจุรียักษ์
|
รอจนฝนซา ไปเที่ยวต่อกันค่ะ แม้ฝจะซาแต่ฟ้ายังมืดตื๋ออยู่และฝนพร้อมจะตกได้ทุกเมื่อ เศร้า สุดท้ายเราได้จามจุรียักษ์แบบเปียกปอนมา ต้งถ่ายรูปบนรถค่ะ ต้นใหญ่อะลังการมากๆ เทียบกับน้องหนูที่กางร่มอยู่ ผ้าสีรอบลำต้นทำให้ดูขลังขึ้นไปอีก
ปิดท้ายด้วยร้านอาหารร้านเดิม เมนูเดิม ขับรถฝ่าฝนมากินเหมือนเดิม ร้านไผ่ริมแคว มารอบนี้ฝ่าฝนตกหนักไป ถึงร้านฝนยังไม่หยุดเลยค่ะ รอบนี้กินแบบเปียกหน่อย แต่อร่อยเหมือนเดิม
ปลาคังลวกจิ้ม อร่อยเวอร์ ปลาดสดมากๆ เนื้อหวานสุดๆ เพราะจับมาจากกระชังหลังร้านแล้วเอามาทำกับข้าวเลย ปลาลวกเค้าเหมือนเอาไปนึ่งเลย อิอิ น้ำจิ้มหอมๆ ราแซบมากๆ อีกเมนูคือ ผัดฉ่าปลาคัง ขอบอกว่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินผัดฉ่า พูดจริงๆไม่ได้โม้นะคะ เค้าผัดได้รสถึงมากๆ รอบนี้ขอเผ็ดน้อย แต่ก็ยังเผ็ด กินไปน้ำตาไหลไป
***ภาพในเซ็ทนี้ฝีมือ Sony RX100 II ที่ได้ความอนุเคราะห์เรื่องกล้องจากพี่เจ้าภาพคนสวยค่า***
|