โปรตีน ตัวช่วยของสาวอยากผอม












































หากสาวอวบอย่างคุณเห็นสาวเอวบางร่างน้อยเกิดอาการ
อิจฉา



หากสาวอวบอย่างคุณเมื่อเห็นสาวเอวบางร่างน้อยแต่งตัวเซ็กซี่แล้วเกิดอาการ
อิจฉาตาร้อนอยากจะลุกขึ้นมาโชว์หุ่นกับเขาดูบ้าง
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทําอย่างนั้น WP
ขอแนะให้มาอ่านข้างล่างนี้กันก่อนดีไหม
เผื่อจะช่วยให้คุณไม่ต้องตกเป็นประเด็นฮอตให้คนอื่นเขาแอบเอาไปเม้าท์กัน


วิธีที่ WP
จะนํามาแนะนําในวันนี้คือการกินโปรตีนค่ะ อ๊ะๆ
คงนึกไม่ถึงละสิว่าโปรตีนนี่น่ะเหรอจะช่วยให้ฉันผอมได้
อย่าเพิ่งดูถูกไปนะคะ เพราะเขาได้มีการทดลองออกมายืนยันแล้วว่า



คนที่กินโปรตีนสูงจะมีแนวโน้มที่จะลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่กินโปรตีน
น้อยหรือไม่กินเลย
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะโปรตีนมีส่วนช่วยในการเพิ่มอัตราเมตาบอลิซึ่มให้กับ
ร่างกาย


นั่นก็หมายถึงคุณจะเผาผลาญ แคลอรีได้มากขึ้น นอกจากนี้
โปรตีนยังทําให้ระดับไนโตรเจนในร่างกายเกิดความสมดุลซึ่งจะมีผลให้มวลกล้าม
เนื้อเพิ่มขึ้น
ช่วยให้อัตราการดูดซึมกลูโคสในกระแสเลือดช้าลงซึ่งจะทําให้ไม่ค่อยหิว
และช่วยลดระดับ อินซูลินทําให้การเผาผลาญไขมันเป็นไปได้ง่ายขึ้นด้วย





















แหล่งโปรตีนหาได้จากไหน


โดยปกติแล้ว ร่างกายจะสามารถสร้างกรดอะมิโนขึ้นมาเองได้ 80%
ที่เหลืออีก 20% จะต้องรับจากการกินเข้าไป ซึ่งแหล่งของกรดอะมิโนเหล่านี้
หาได้จากอาหารที่มีโปรตีนสูง อย่างเช่น

เคซีน -
หรือโปรตีนจากนมซึ่งเป็นที่โปรดปรานของกล้ามเนื้อมาก
ช่วยทําให้กล้ามเนื้อกระชับ เพิ่มการสังเคราะห์และยับยั้งการย่อยสลายโปรตีน
จากการศึกษาพบว่า ถ้าเรากินอาหารที่มีเคซีนเข้าไป
มันจะไปเกาะกันเป็นก้อนอยู่ในรูปของวุ้นที่กระเพาะ
ทําให้อาหารเคลื่อนตัวช้าลง


เป็นเหตุให้กรดอะมิโนถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น นอกจากนี้
เคซีนยังช่วยในเรื่องของการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ เพิ่มระดับ HDL
และช่วยคลายอาการปวดของกล้ามเนื้อและข้อต่อด้วยค่ะ






















ถั่วเหลือง - มีโปรตีนสูงถึงร้อยละ 34


ซึ่งมากกว่าโปรตีนจากเนื้อหมูประมาณ 2 เท่า
ถึงแม้ถั่วเหลืองจะไม่ค่อยมีบทบาทในการปั้นหุ่นมากนัก
แต่มันก็มีความสําคัญต่อสุขภาพมากๆ เลยนะ
เพราะในเมล็ดถั่วเหลืองโดยเฉพาะผิวหุ้มของมันจะมีสารเลซิธิน (Lecithin)
ซึ่งเป็นสารบํารุงสมอง ช่วยในด้านการเพิ่มความจํา
ลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกายค่ะ

ไข่-แหล่งโปรตีนที่ดีและราคาถูก ซึ่งหลายๆ
คนอาจจะกลัวการกินไข่เพราะกลัวคอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในไข่แดง แต่จริงๆ
แล้วไขมันอิ่มตัวในอาหารต่างหากละที่เป็นตัวการทําให้ระดับคอเลสเตอรอลใน
เลือดสูง



ยิ่งไปกว่านั้นการกินไข่ยังเป็นการช่วยป้องกันโรคหัวใจและมีบทบาทในเรื่อง
ของการลดน้ำหนักด้วยนะคะ เพราะไข่ 1 ฟอง นอกจากจะให้แคลอรีต่ำ เพียง 75
แคลอรีแล้ว ยังทําให้รู้สึกอิ่มได้นานกว่าอาหารชนิดอื่นๆ
ที่ให้แคลอรีเท่ากันอีกค่ะ











ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ

จาก Woman Plus







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 มิถุนายน 2553    
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:36:22 น.
Counter : 303 Pageviews.  

12 สูตรลับกระชับหุ่นสวย
















































พิธีกรรมทำสวย

ไม่เป็นไรค่ะ เราย่อมเข้าใจหัวอกสาวเช่นคุณ
วันนี้ก็เลยขอนำเสนอพิธีกรรมสลายไขมันส่วนเกินจากการกระหน่ำปาร์ตี้
ให้คุณกลับมาสวยและฟิตได้รูปกันอีกครั้ง กับเคล็ดลับกระชับน้ำหนักส่วนเกิน
ดังต่อไปนี้

1. เริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่มี
แคลอรีรวมต่อวันต่ำกว่าปริมาณพลังงานที่คุณใช้ไปในแต่ละวัน
ซึ่งเป็นสมการง่ายๆ ที่จะช่วยให้รูปร่างของคุณสมส่วนเข้าที่ได้อย่างรวดเร็ว
นั่นคือ แคลอรีรวมต่อวัน ต้องน้อยกว่าที่คุณใช้ไปทั้งหมด
เพื่อที่ร่างกายจะได้ใช้ไขมันสะสมส่วนเกินให้หมด หรือ
แคลอรีที่ได้รับรวมต่อวัน <ปริมาณพลังงานที่ใช้ไป =
การขจัดปริมาณพลังงานสะสมส่วนเกิน

2. แบ่งอาหารประจำวันออกเป็นมื้อย่อยๆ
สัก 3-5 มื้อเล็กๆ ต่อวัน โดยสัดส่วนของอาหารมื้อกลางวัน
และมื้อเย็นควรมีปริมาณผักและผลไม้ ซีเรียล และผลิตภัณฑ์จากธัญพืชอื่นๆ
ประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของอาหารทั้งหมด

3. เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อ
ร่างกายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และพยายามเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลายชนิด
เช่น ธัญพืชต่างๆ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อปลา รวมถึงผักและผลไม้สด

4. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่
ผ่านการปรุงด้วยการใช้น้ำมันในปริมาณมากๆ เช่น การทอด หรือการผัด
แต่ควรเน้นไปที่อาหารต้ม นึ่ง หรือย่างมากกว่า

5. พยายามขจัดไขมันส่วนเกินที่คุณมอง
เห็นในอาหารออกให้หมดก่อนลงมือรับประทาน เช่น การลอกหนังสัตว์ออก
หรือซับน้ำมันส่วนเกินออกก่อน
รวมทั้งต้องไม่เพิ่มปริมาณไขมันเข้าไปในอาหารอีก เช่น การทาเนย มาการีน
หรือเติมนมข้นหวาน เป็นต้น

6. รับประทานอาหารช้าๆ
ใช้เวลาต่อคำในการเคี้ยวให้มากขึ้น
และใส่ใจกับปริมาณอาหารที่รับประทานตรงหน้าให้มาก
และห้ามขาดกับการรับประทานอาหาร หรือขนมขบเคี้ยวหน้าโทรทัศน์
ก็จะเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถอิ่มได้เร็วขึ้น
และจะไม่บริโภคอาหารเกินความต้องการของร่างกาย

7. ไม่ต้องฝืนใจทนตัดของโปรดคุณออกจาก
เมนูอาหารทั้งหมดก็ได้
แต่ขอให้เลือกรับประทานอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไป
ได้ ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่า ลูกอม หรือคุกกี้ ฯลฯ

8. เตรียมของว่างที่มีประโยชน์ไว้ให้
พร้อมหยิบรับประทานเสมอ เช่น แครอทสดฝานบางๆ แช่เย็น
หรือแอปเปิ้ลกรอบฉ่ำน้ำ เป็นต้น แต่เก็บของว่างเพิ่มแคลอรีให้พ้นหูพ้นตา
และพ้นมือให้หมด

9. ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ
โดยเฉพาะการดื่มน้ำก่อนการรับประทานอาหาร

10. จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน รวมทั้งปริมาณของเกลือและน้ำตาลด้วย

11. รับประทานอาหารเมื่อคุณรู้สึกหิวจริงๆ
เท่านั้น เลือกที่จะฟังสัญญาณจากร่างกาย มากกว่าสัญญาณทางอารมณ์และจิตใจ
ที่คุณอาจเลือกรับประทานเพียงเพราะแค่ความอยาก
และต้องการรับประทานอะไรเพิ่มเติมอีกสักอย่าง สองอย่าง

12. เพิ่มการออกกำลังกายให้มากขึ้น
และสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที ทั้งนี้
คุณอาจเสริมเพิ่มกิจกรรมพิเศษๆ เข้าไป
เพื่อให้ร่างกายได้ใช้พลังงานส่วนเกินอย่างเต็มที่ เช่น
การจอดรถไว้ในที่ที่ไกลกว่าเดิมสักนิดในตอนเช้าๆ
เพื่อที่คุณจะได้เดินรับบรรยากาศแสนสดชื่นในเช้าของฤดูหนาวอย่างนี้ไปพร้อมๆ
กับการเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน
หรือยืดเส้นยืดสายออกกำลังกายในขณะที่คุณกำลังนั่งดูรายการโปรดทางทีวีก็ได้











แหล่งข้อมูล : วาไรตี้ทูเดย์






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 มิถุนายน 2553    
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:35:28 น.
Counter : 270 Pageviews.  

เคล็ดลับดี ๆ ให้รักกันนาน ๆ
















































"เคล็ดลับให้รักยืนยาว"

ใครรู้สึกว่าเรายังรักกันอยู่
แต่แค่รู้สึกว่าความรักของคุณชักเริ่มไม่เข้าท่า

ลองหยิบเคล็ดลับดีๆไปใช้กันดู
แล้วจะรู้ว่ามีอีกตั้งหลายวิธีที่ทำให้ความรักของคุณกลับมาสวยงามได้อีก
ครั้ง

รู้จักให้อภัย


อยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง
ก็ต้องมีบ้างที่ความเห็นและการกระทำที่แสดงออกมาจะไม่ถูกตาต้องใจคนรัก
ฉะนั้นต่างฝ่ายต่างก็ต้องรู้จักให้อภัยกัน และอย่ามองในข้อเสียของเขาให้มาก
(โดยเฉพาะก่อนแต่งงาน
ให้มองหาข้อเสียของเขาให้มากที่สุดและดูว่าคุณรับได้หรือไม่
ถ้ารับได้ก็ให้ลืมมันไปเลย) พยายามมองในแง่ดี ใช้เหตุผล
ยอมรับในสภาพที่เขาเป็น แล้วเวลาเขาทำอะไรผิด
อย่ามองว่าเป็นความผิดของเขาคนเดียว
บางทีเราอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เขาทำผิดได้เหมือนกัน
อย่างบางครั้งเขาทำงานหนักกลับมา เรามีเรื่องไม่สบายใจต้องเก็บไว้ก่อน
เราต้องมีเหตุผลและเขาก็ต้องดีจริงๆเหมือนกันเราถึงให้อภัยเขาได้

แชร์ความรู้สึกระหว่างกัน


มีอะไรต้องพูดคุยกัน ไม่โกหกกัน แต่ต้องรู้จักวิธีพูดกับเขา
โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้หญิงแล้วพูดจาดีๆอ่อนหวานนิดๆ ผู้ชายทุกคนแพ้หมด
และถ้าเขารู้ว่าอยู่ตรงไหนแล้วเขาสบายใจ เขาก็จะอยู่กับเรานานๆ
เวลาที่เรารู้สึกไม่พอใจอะไรให้บอกเขาไปเลย
เพราะผู้ชายไม่เข้าใจธรรมชาติของผู้หญิง แล้วโดยธรรมชาติของผู้ชาย
เขาจะสนใจเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว แต่อย่าไปพูดว่าเขาผิด
จะทำให้เขารู้สึกโกรธเรา
อาจบอกเขาแทนว่าเขาทำแบบนี้รู้มั้ยว่าเรารู้สึกยังไง
แสดงความเป็นห่วงเป็นใยให้เขาเห็น เขาจะค่อยๆเรียนรู้ ถ้าไม่บอกเขาก็ไม่รู้
ถ้าไม่ใช่ผู้ชายละเอียด เขาก็ไม่รู้ว่าเรางอนอะไร
ไปๆมาๆอาจรำคาญเราแทนซะอีก ผู้ชายเขาชอบให้เป้งเดียวจบ
แล้วอย่าขุดเรื่องเก่ามาว่ากัน

มีเวลาให้กันและกัน


บางคู่อยู่กันนานๆอาจหมดเรื่องคุยกันได้
ลองหากิจกรรมอะไรที่ทั้งสองคนชอบเหมือนกัน
มันจะทำให้ความสัมพันธ์ราบรื่นขึ้น ต้องจัดเวลาให้ถูก มีเวลาให้อยู่ด้วยกัน
อย่างชวนกันไปเล่นกีฬา วิธีนี้จะทำให้เรากับเขาหายเครียด
เวลาออกกำลังกายพอได้เหงื่อก็จะรู้สึกสดชื่น สบายใจ
ทีนี้ตอนกลางคืนก็ไม่มีแรงจะมานั่งทะเลาะอะไรกันแล้ว
อีกอย่างก็คือกีฬาจะทำให้เรารู้จักอดทน ทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
อารมณ์ก็จะเย็นลงด้วย แต่ต้องออกกำลังกายแบบต่อเนื่องอย่างน้อย 6
เดือนขึ้นไป เราจะรู้สึกว่านิสัยตัวเองเหมือนจากที่เคยใจร้อน
ขี้หงุดหงิดก็จะหายไป ทีนี้จะคุยกันดีๆ
ใจเย็นๆและข้อคิดอีกข้อก็คือช่วยรักษาสุขภาพให้เราไปด้วยในตัว

ความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด


เพราะทั้งสองคนมาจากต่างครอบครัว ถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน
แล้วถ้าเราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเราก็ทำให้เราไม่ทะเลาะกัน
บางครั้งอาจจะมีเรื่องให้เราเซอร์ไพรส์ทั้งร้ายและดี
แต่ถ้าเรารู้ว่าทำไมเขาทำแบบนี้ เป็นแบบนี้เพราะอะไร
รู้ที่มาที่ไปของพฤติกรรมของเขา เราก็จะไม่โกรธ
และในขณะเดียวกันเขาเองก็ควรเข้าใจตัวเราให้มากๆด้วย
ต้องเป็นความเข้าใจที่เกิดจากคนสองคน

ยอมกันบ้าง



เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตัดสินปัญหาแบบคนละครึ่งทางเสมอ
บางครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันก็ต้องยอมๆกันบ้าง บางครั้งเรายอม
บางครั้งเขายอมจได้ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน

รู้จักสังคมของทั้งสองฝ่าย


โดยเฉพาะคนสนิทที่อยู่แวดล้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นสังคมเพื่อน
เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว ควรทำความรู้จักไว้
ต่างคนต่างจะได้รู้ว่าสังคมของกันและกันเป็นยังไง ถ้าเราไม่สนใจเลย
เราไม่รู้จักเพื่อนเขา อาจทำให้ความรู้สึกระหว่างกันมันขาดๆหายๆไป
เวลาคุยกันเรื่องเพื่อนก็จะต่อกันไม่ค่อยติด
เวลาเขาไปไหนกับเพื่อนก็ไม่อยากให้เราไปด้วย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตามไปซะทุกครั้ง ไม่งั้นจะทำให้เขาอึดอัดแทน

ยอมรับในความแตกต่าง


คนเราไม่มีใครคิดเหมือนกันได้ทุกอย่าง ในความเหมือนก็ต้องมีความแตกต่าง
เขาอาจคิดไม่เหมือนเรา เป็นเพราะเขามีลักษณะแตกต่างกัน
บางคนใช้คววามคิดเป็นหลัก บางคนใช้ความรู้สึกตัดสิน
บางคนใช้สัญชาตญาณเพราะฉะนั้นทุกคนมีความแตกต่างกัน
เราต้องรู้จักเรียนรู้และยอมรับความแตกต่างตรงนี้ให้ได้
โดยเฉพาะต้องยอมรับในข้อเสียของกันและกันได้
ถ้าเรายอมรับได้เรื่องร้ายๆก็จะไม่เกิดขึ้น
เพราะจริงๆแล้วคนเราไม่เปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว
อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะเปลี่ยนให้เราได้ ไม่งั้นจะทำให้เราเป็นฝ่ายเสียใจ
ทุกข์ใจเสียเปล่าๆ

อิสระและความเป็นส่วนตัว


เพราะคนเรามีความสนใจหลากหลาย
ถ้าเราไม่ปล่อยให้เขามีอิสระเวลาอยู่กันไปนานๆก็จะทำให้ชีวิตคู่เบื่อ เซ็ง
และอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องรู้จักหาความพึงพอใจในชีวิตของตัวเองด้วย
อย่าคาดหวังว่าอีกคนจะมาเติมเต็มในส่วนที่ขาดให้กับเรา
คิดแค่ว่าเรามีอีกคนเป็นเพื่อนที่รักกัน ดูแลกันก็พอแล้ว
อย่างอื่นถ้าเราอยากได้อยากเป็นอะไรก็ต้องหาเอาเอง
ไม่งั้นเราก็จะคาดหวังทำให้เราเสียใจ

ข้อบกพร่องของตัวเอง


ต้องรู้ว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ถ้าเราเป็นคนหงุดหงิดง่าย
บางครั้งถ้าเขาทำอะไรไม่เป็นไปตามที่เราคิดก็จะทำให้หงุดหงิดใจ
มานั่งนึกว่าทำไมเขาไม่ได้ดังใจ ทำไมเขาไม่เข้าใจ
ถ้าเราเข้าใจว่าตัวเองเป็นแบบนั้น
เราต้องยอมรับว่าบางครั้งเราก็ทำอะไรแย่ๆได้
เขาเองก็เป็นแบบนั้นได้เหมือนกัน อย่างถ้าเราเป็นคนขี้ระแวง
บางครั้งเราก็ไปแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์
ถ้ามีสติเราจะเริ่มรู้สึกว่าเราระแวงไปเอง
บางทีเราเอาเรื่องมาปะติดปะต่อแล้วก็คิดไปเอง
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงอาจจะไม่มีอะไรแต่ความระแวงจะทำให้เกิดเหตุการณ์
ร้ายๆตามมาได้

เอาใจเขามาใส่ใจเรา


หลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นจากคนสองคน ทั้งเรื่องงาน เพื่อน ครอบครัว
เราต้องมองว่าถ้าเราทำแบบนั้นเขารู้สึกยังไง ถ้าเราทำอะไรไม่ดีออกไป
เราก็ต้องเข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธ
ไม่ได้มองตัวเองเป็นศูนย์กลางไปซะทุกอย่าง

เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว


ไม่เอาเรื่องเครียดๆมาโยนใส่กัน
เวลาเจอกันก็จะเล่าแต่สิ่งดีๆให้เขาฟังหรืออาจปรึกษาเขาว่าควรทำยังไงดี
ไม่ใช่เจอกันทีก็บ่นใส่เขา
จะทำให้เขารู้สึกว่าเจอคุณทีไรก็มีแต่เรื่องเครียดๆตลอด
คุยกันเรื่องสนุกๆจะทำให้เขารู้สึกสุขใจ สบายใจ
วิธีนี้จะทำให้เขาอยากเจอเรา อยากมาหาเรา
เพราะรู้ว่าอยู่กับเราแล้วมีความสุข เขาก็ไม่อยากไปไหน
แล้วก็จะไม่ไปจุกจิกใส่เขา ให้คิดตลอดว่าชีวิตมันสั้น
ทำไมเราไม่ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข

รู้จักดูจังหวะและสถานการณ์


อย่างถ้าเขาทำงานมาเครียดๆแล้วเราก็มีเรื่องเครียดอยู่
เราก็ต้องดูอารมณ์เขาหน่อย อย่าเพิ่งไปคุยเรื่องเครียดๆกับเขา
ถ้าเขาร้อนมาเราก็ต้องเย็นเข้าไว้ เอาใจเขาหน่อย ดูก่อนว่าเขาหิว เหนื่อย
เครียดหรือเปล่า ถ้าใช่ทำอะไร หาอะไรที่เขาชอบ
พอเขาอารมณ์ดีเราค่อยคุยกับเขา แต่ถ้าวันนั้นเขาปกติ
ก็ต้องดูอารมณ์ว่าควรจะพูดควรจะฟังตอนไหน











แหล่งข้อมูล : วาไรตี้ทูเดย์






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 มิถุนายน 2553    
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:34:34 น.
Counter : 296 Pageviews.  

21ข้อควรกระทำเมื่อพบแฟนเก่า

























































1. สมมติว่า


เขาโทรศัพท์มาหาคุณเพื่อสอบถามทุกข์สุขประจำปีแล้ว
เผลอชวนคุณไปทานอาหารด้วย
แม้จากส่วนลึกในใจคุณอยากรีบตอบรับสวนกลับไปทันทีแต่...อย่าเพิ่ง
ควรรักษาฟอร์มด้วยการตอบรับอย่างธรรมดา ไม่ควรดีใจจนน้ำเสียงแปร่งไปจากเดิม
เดี๋ยวเหอะ ถ้าเขาจับได้ว่า ยังอาลัยอาวรณ์เขาอยู่
จะยิ่งสร้างความยุ่งยากใจ ให้กลายเป็นพันธะปัจจุบันทันด่วนขึ้นมาอีก
ไม่ใช่พันธะในอดีตเหมือนที่ผ่านๆ มา

2. วางหูจากเขาเมื่อไหร่


อนุญาตให้กรีดร้องด้วยความสะใจได้ตามสบาย

3. งดอาหารเพื่อเริ่มรักษาหุ่น


แหม...จะเจออดีตหวานใจ ทั้งทีต้องสะกดให้เขาประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
ควรแกล้งให้เสียดาย ที่ไม่ยอมรักเราต่อไปซะเลย จะได้ตรอมใจว่า
ปล่อยสาวงามคนนี้ไปได้ไง

4. ค้นเสื้อผ้าออกมาทั้งตู้


แล้วเตรียมชุดที่ทำให้คุณดูผอมไปจากความจริงมาเตรียมไว้

5. ฝันหวานให้เตลิดไปเลยว่า


วันที่ได้เจอกัน คุณนั้นดูดีอย่างไร และจะหัวใจพองโตแค่ไหน หากเขาบอกว่า
หยุดคิดถึงคุณไม่ได้ แม้จะเป็นคำตอแหลแต่ช่างเถอะ
มันก็ยังสร้างสรรค์อยู่บ้าง

6. พอถึงวันรับนัด


ตื่นนอนด้วยความร่าเริงหลังหลับฝันเห็นภาพอีโรติกระหว่างคุณกับเขา
คล้ายกับเป็นความจริง ไม่ใช่แค่ฝันไป

7. ไปถึงที่ทำงานช่วงเช้า


คุณย่อมไม่มีกะจิตกะใจทำกิจกรรมใดๆ แน่ อย่ากระนั้นเลย คิดถึงเขา (อีกแล้ว)
เพื่อไม่ให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่อย่หลุกหลิกทำตัวผิดปกติ
จนคนรักคนปัจจุบัน (ตัวจริงของแท้) จับได้ก็แล้วกัน

8. ถ้า "ที่รักในปัจจุบันและอนาคต"


ของคุณถามว่า วันนี้ (วันที่คุณนัดไปเจอแฟนเก่า) มีอะไรพิเศษหรือเปล่า?
อย่ายอมรับ แต่ให้รู้สึกผิดอย่างรุนแรงในใจได้

9. พยายามอย่าตื่นเต้น


ให้ไปถึงภัตตาคารที่นัดไว้ให้ตรง
หรือก่อนเวลาเล็กน้อยแค่ดีดดิ้นทำเป็นไม่อยากไปเท่าไหร่

10. หอมแก้มเขาเป็นการรับขวัญ


แต่อย่าจุมพิต ถ้าอยากจูบนักให้ใช้มือแตะที่ปากของกัน






























11. นั่งในมุมสลัว ๆ


สั่งไวน์และสั่งอาหาร แต่จิบไวน์ให้ถี่กว่า

12. ล่อให้เขาจับมือคุณ

13. จ้องตาเขา แล้วขยับเข้าหา


จับไหล่เขาบ้าง จำได้ไหมว่า รู้สึกซาบซ่าแค่ไหนตอนที่คุณทั้งสอง
เคยเปลือยเปล่าด้วยกัน และคุณเคยรักเขามากขนาดไหน

14. บอกให้เขารู้สักทีดีไหมว่า


ตอนรักกับเขาทำให้คุณเป็นอย่างไร โดยเฉพาะคุณคลั่งไคล้เขาแค่ไหน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา หรือเจ็บช้ำเพียงใด
ที่เขาเป็นแฟนซึ่งสุดแสนจะไม่ได้เรื่องเลยสักนิด

15. ฟังเขาบอกคุณว่า


สมัยที่รักกันเขากังวลแค่ไหนว่าไม่สามารถ "ให้"
ในสิ่งที่คุณต้องการได้

16. สังเกตดูสิว่า


ผมของเขาเหลือน้อยลงไปทุกที

17. จำได้ไหมว่า


ตอนเลิกรากัน คุณต้องพักฟื้นหัวใจอันบอบช้ำนานแค่ไหน

18. ทันใดนั้น


ก็ถอนมือออกจากการแตะต้องตัวเขา

19. พนันกันไหมว่า


เขาจะฟื้นความหลังพร้อมกับชวนให้กลับมารักกันใหม่ และหยอดคำหวานว่า
คุณเป็นคนที่เขาลืมไม่ลง

20. บอกเขาว่า


คุณเสียใจที่ไม่อาจกลับไปรักเขาได้ เพราะคุณรักคนอื่นแล้ว

21. จบมื้อเที่ยงด้วยการเอ่ยคำอำลา

อย่าลืมว่า


เขาเคยเป็นคนที่ทำให้คุณเสียเวลารักมาแล้ว
เพราะฉะนั้นคุณจึงไม่อยากพบเขาอีก.... อย่างน้อยจนกว่าจะถึงปีหน้า
แล้วอย่าลืมหันไปโอ้โลมตัวจริงเป็นการชดเชย



















สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 มิถุนายน 2553    
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:33:41 น.
Counter : 349 Pageviews.  

กฎเหล็ก 10 ข้อ สำหรับการใช้โคโลญ ที่หนุ่มๆ ควรรู้




























































โคโลญอาจจะเป็นของคู่กับคุณหนุ่มๆ


แต่ถ้าหนุ่มคนไหนใช้มันไม่เป็น แทนที่สาวๆ จะตามติดอย่างใกล้ชิด
อาจจะกลายเป็นตรงกันข้ามกันเลยก็ได้ ...เรื่องแบบนี้จึงมองข้ามไม่ได้นะคะ

รอดนีย์ คัตเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแต่งกายของสุภาพบุรุษ


ได้กล่าวเอาไว้เกี่ยวกับกฎเหล็กทั้ง 10 ข้อ
ของวิธีการใช้โคโลญสำหรับคุณผู้ชายทั้งหลายว่า ความหอมนั้นในบางคราวก็
ควรจะเลือกใช้ให้ถูกวิธีและให้เข้ากับความเป็นตัวของคุณด้วย
ซึ่งกฎเหล็กทั้ง 10 ข้อ มีดังต่อไปนี้






























1. ขอแค่ให้คุณฉีดโคโลญลงบนอากาศ


เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นให้ดันตัวของคุณเข้าไปยืนใต้ละอองโคโลญ
เท่านี้แฟนสาวของคุณก็จะสัมผัสถึงกลิ่นหอมที่อยู่ในตัวคุณได้แล้ว





























2. ในช่วงเย็นหรือใกล้ค่ำ คุณควรใช้น้ำหอม


กลิ่น vanilla, amber และ oakmoss แต่ถ้าเป็นช่วงเช้าคุณควรเลือกกลิ่น
lighter หรือไม่ก็กลิ่น citrusy
กลิ่นไม้หอมจากมะกรูดหรือมะนาวอันนี้ก็ไม่เลว





























3. ตราบใดที่คุณมีลมหายใจที่ไม่หอมสดชื่น


น่าประทับใจแล้วล่ะก็ ต่อให้คุณใส่โคโลญกลิ่นไหนก็ตาม
ผู้หญิงของคุณก็จะไม่มีวันสังเกตและจดจำโคโลญกลิ่นที่คุณใช้ได้เลย








4. อย่าคิดที่จะผสมน้ำลงไปในโคโลญของคุณเด็ดขาด


เพราะนอกจากมันจะทำให้โคโลญนั้นมีอายุการใช้งานที่น้อยลงแล้ว
มันยังจะทำให้คุณดูราคาตกไปเลย
อีกทั้งมันยังทำให้ชุดเก่งของคุณดูเป็นรอยด่างได้อีกด้วย





























5.
คุณควรเลือกซื้อแชมพูหรือสบู่ที่มีส่วนผสมของโคโลญอยู่ด้วย


(ถ้าจมูกของคุณไม่สามารถแยกแยะกลิ่นได้เก่งพอนะ)
เพราะมันอาจจะช่วยให้คุณประหยัดเงิน
หรือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อโคโลญในครั้งต่อไปก็เป็นได้

6.ถ้าเกิดคุณนำโคโลญมาผสมกับน้ำ
และสบู่อาบในปริมาณที่ไม่ถูกต้องแล้วล่ะก็
มันอาจจะทำให้ร่างกายของคุณส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้





























7. อย่าใส่โคโลญ


ก่อนการออกกำลังกายเด็ดขาด เพราะเมื่อใดที่เหงื่อคุณเริ่มออก
มันจะเป็นโอกาสดีที่จะไหลเข้าไปในลูกตาคุณได้ทันที

8. ถ้าคุณสามารถยกวงแขนขวาของคุณขึ้นได้อย่างมั่นใจ
นั่นก็แสดงว่าคุณก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โคโลญอีกต่อไปแล้ว

9. ถึงแม้ว่าคู่หูของคุณจะขอร้องอย่างไรก็ตาม
แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องฉีดโคโลญลงบน...ของ

10. ถึงแม้ว่าคู่หูของคุณจะขอร้องอย่างไรก็ตาม
แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องฉีดโคโลญลงบน...ของคุณ






























สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย: คุณจ๋า







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 19 มิถุนายน 2553    
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:32:44 น.
Counter : 316 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.