รอ












































เวลาและวารีไม่เคยรอใคร
ย่อมเลื่อนไหลไปไม่มีวันกลับ แต่เรามิใช่เวลาและวารี บาวกรณีต้องรอกันบ้าง
และต้องรอจริงๆ เพราะไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านั้น
































บ่ายแก่ๆ ของวันหนึ่ง


ข้าพเจ้าซักจีวร และผ้าเช็ดตัวนำมาตากแดดให้แห้ง
ขณะนั้นดวงตะวันขับแสงส่องสว่างอย่างเจิดจ้า แสงแดดกำลังร้อนระอุ
ข้าพเจ้ารู้สึกพอใจดีใจ ที่ตากผ้าให้แห้งโดยเร็ว ค่อยๆ
คลี่จีวรออกและผึ่งผ้าเช็ดตัวพาดตากไว้ที่ราวผ้า เวลาผ่านไปมา 10 นาที
ข้าพเจ้ากลับมาดูจีวรและผ้าเช็ดตัว เห็นจีวรใกล้แห้ง
ลองเอื้อมมือไปสัมผัสผ้าเช็ดตัวผ้าเช็ดตัวยังชุ่มด้วยน้ำ
จีวรยังไม่แห้งสนิทภายใน 10 นาที ผ้าเช็ดตัวยังต้องใช้เวลาอีกนาน
ข้าพเจ้าก็ยังต้องรอ รอให้ผ้าเช็ดตัวและจีวรแห้งจึงนำไปพับเก็บไว้ในกุฎิ










ระหว่างที่รอให้จีวรและผ้าเช็ดตัวแห้งอยู่นั้น


ข้าพเจ้ารู้สึกกระหายน้ำต้องการดื่มน้ำเย็นๆ
ให้ชื่นใจจึงเข้าไปใช้ขวดรองน้ำจากเครื่องกรองน้ำนำมาแช่ไว้ในตู้เย็น
เวลาผ่านไป 10 นาที ข้าพเจ้าไปเปิดตู้เย็น
เพื่อนำน้ำมาดื่มแต่น้ำยังไม่เย็นเลย ข้าพเจ้ายังต้องรออีก
รอให้น้ำเย็นได้ที่ก่อน


สองสาเหตุการณ์นี้ข้าพเจ้าต้องรอ ข้าพเจ้าทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ
แต่ข้าพเจ้าไม่เกิดกระวนกระวายใจ และไม่รู้ว่าจะกระวนกระวายใจไปทำไม
เพราะรู้อยู่ว่าจีวรและผ้าเช็ดตัวยังไม่แห้ง และน้ำก็ยังไม่เย็น กระวน
กระวายไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ

แต่ข้าพเจ้าก็รู้ดีว่า จีวรและผ้าเช็ดตัวต้องแห้งและน้ำต้องเย็นอย่างแน่
นอน
เพียงแต่ต้องใช้เวลาหน่อย































ข้าพเจ้ารู้ว่า

การรอและการให้เวลา มีความหมายและการดำเนินงาน เพื่อชีวิตที่ดีและ
การงานเจริญก้าวหน้า เราต้องรอและให้โอกาสและการประกอบการ ทว่า
การรอต้องรู้ว่ารออะไร มีผลอะไรเกิดขึ้น ใช่ว่ารออย่างทื้อๆ ทนๆ
จนไม่
รู้ว่ารออะไรและจะเกิดอะไรขึ้น


ข้าพเจ้ารู้อีกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมิได้เสร็จสรรพแบบปุบปับฉับพลัน
ต้องมีเหตุปัจจัยมาประกอบร่วม และเป็นไปตามเงื่อนไขตามกาลเวลา
จีวรและผ้าเช็ดตัวต้องมีแสงแดดเป็นปัจจัยประกอบไปด้วย น้ำเย็นก็เหมือนกัน
ต้องมีตู้เย็นเป็นปัจจัยเป็นองค์ประกอบร่วมช่วยปรับให้เย็น









ประการสำคัญคือ


มันเป็นไปตามเงื่อนไขของกาลเวลา ถึงเวลาแห้งมันจึงแห้ง
ถึงเวลาเย็นมันจึงเย็น อาศัยการสะสมความร้อนความเย็น
และค่อยเป็นค่อยไปตามกาลเวลาในช่วง 10
นาทีดังกล่าวจึงไม่ใช่เวลาแห่งความสำเร็จ


ข้าพเจ้าได้บทสรุปว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเงื่อนไขของกาล
เวลา ต้องใช้เวลาด้วยกันทั้งสิ้น

จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับเหตุของปัจจัย และองค์ประกอบร่วมที่มารวมตัวกัน
ถ้ามันไม่ถึงพร้อมบริบูรณ์เมื่อใด ก็สำเร็จเมื่อนั้น


เมื่อยังไม่สำเร็จ
ก็แสดงว่าเหตุปัจจัยและองค็ประกอบร่วมยังไม่รวมตัวกันบริบูรณ์
ก็ต้องรกันก่อนระหว่างที่รออยู่นั้น ก็มาดูว่าทำอะไรได้บ้าง
หน้าที่ของเราโดยตรงคือช่วยหรือทำเหตุปัจจัยทำองค์ประกอบร่วมให้ถึงพร้อม
มิใช่มีหน้าที่ไปเร่งรัดและรับผล มิฉะนั้น
ตังเรานั้นแหละจะเดือดร้อนกระวนกระวายใจ ว่าทำไมไม่สำเร็จ










ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือพัฒนาชีวิตจากชีวิตจริง

แต่งโดย พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์






Free TextEditor












































































Create Date : 19 มิถุนายน 2553
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 22:07:09 น. 0 comments
Counter : 362 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.