ไตวายแล้วจะทำอย่างไรดี
ไตวายแล้วจะทำอย่างไรดี ภาวะไตวายเป็นสิ่งซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตน ในสมัยก่อนแทบจะไม่มีทางรักษาได้เลย ไตวายนอกจากมีสาเหตุจากการติดเชื้อ และการอุดตันของระบบทางเดินปัสสาวะ ยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่นเกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง เบาหวาน และมีไขมันในโลหิตสูง ทั้งสามประการนี้ทำให้เลือดมาเลี้ยงไตน้อยลง ความสามารถในการทำงานของไตยังลดลง เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ถ้ามีการตรวจร่างกายเป็นประจำเราอาจจะพบโรคที่เป็นสาเหตุของไตวายในระยะต่อ มาได้ การรักษาให้ความดันโลหิต, น้ำตาล และไขมันอยู่ในระดับปกติโดยการรักษาใช้ยาที่เหมาะสม การรักษาแต่เนิ่น ๆ ถูกต้อง และต่อเนื่องจึงเป็นวิธีที่ป้องกันไม่ให้ไตเสื่อมเร็วก่อนที่ควรจะเป็นผู้ ป่วยที่ไตวาย
ระยะแรก ควรเอาใจใส่ในเรื่องอาหารการกิน เข้าใจเรื่องการดื่มน้ำ อาหารที่มีเกลืออย่างเหมาะสมไม่รับประทานอาหารโปรตีนมากเกินไปไม่รับประทาน โปรตีนที่ด้วยคุณค่าเพื่อความอร่อยอย่างเดียวก็จะเป็นการถนอมไตส่วนที่ยัง เหลืออยู่ให้ทำงานต่อไปได้อีกนาน โอกาสที่จะฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมหรืออื่น ๆ ก็จะลดน้อยลง การฟอกเลือดก็จะได้ผลดี ถ้ามีโอกาสได้เปลี่ยนไตก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายมีความหวังที่จะกลับมามีชีวิตอย่างปกติได้อีก และมีอายุยืนยาวเท่าอายุขัยของคนทั่วไปได้
- การป้องกันไม่ให้เกิดไตวายจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
- การค้นพบสาเหตุ และการรักษาแต่เนิ่น ๆ อย่างจริงจัง
- การปฏิบัติตนในเรื่องอาหารการกิน และสุขอนามัย ทั้งสามประการนี้จึงเป็นการแก้ไขปัญหาโรคไตวายที่ดีที่สุด ความสำคัญของน้ำ
น้ำมีความสำคัญต่อชีวิตอย่างยิ่ง ร่างกายองเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 60% ในเด็กมีมากกว่าผู้ใหญ่ น้ำอยู่ภายในเซลล์ของอวัยวะต่าง ๆ ในเนื้อเยื่อรอบ ๆ และเป็นส่วนประกอบของส่วนที่ของเหลวในเลือด น้ำเป็นตัวละลายสารอื่นที่สำคัญคือเกลือแร่ เช่น โซเดียม, โปรแตสเซียม ซึ่งมีความสำคัญต่อความดันโลหิตในระบบการหมุนเวียนโลหิต น้ำพาสารอาหารไปยังเซลล์ และช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายผ่านไตด้วย
ถ้าเปรียบเทียบร่างกายของเรากับการทำงานของเครื่องจักรกลของโรงงานเคมีแล้ว ร่างกายของเราองการพลังงานเชื้อเพลิงในการทำงาน การผลิตต่าง ๆ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นในการควบคุมความร้อน และรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่โดยมีการระบายความร้อนออกไปทางผิว หนังและลมหายใจออก ขณะเดียวกันจากขบวนการผลิตก็มีน้ำเกิดขึ้นเป็นผลพลอยได้ออกมาด้วยจำนวนหนึ่ง ประมาณ 300 ซีซี. ต่อวัน
คนที่ไตเป็นปกติ ถ้าดื่มน้ำมากน้ำส่วนเกินจะถูกขับออกไป คือมีปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้น ถ้าดื่มน้ำน้อยไปจำนวนปัสสาวะจะลดลง แต่ในผู้ป่วยโรคไตที่เป็นไตวายแล้วความสามารถในการควบคุมปริมาณน้ำจะเสียไป ไม่ว่าจะดื่มน้ำมากหรือน้อย ไตก็ขับปัสสาวะออกมาได้เพียงเท่าที่ทำได้ น้ำที่ดื่มมากไปก็จะคั่งอยู่ภายในร่างกายน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น หัวใจทำงานมากขึ้น และอาจจะเกิดอาการทางสมอง คือซึมลง. ชัก และหมดสติได้ ถ้าได้รับน้ำน้อยไปจะมีอาการปากแห้ง,ผิวแห้ง และอาการทางสมองได้ด้วยเช่นกัน
ผู้ป่วยโรคไตวายจึงต้องคำนวณปริมาณน้ำที่จะดื่มในแต่ละวันคือปริมาณน้ำที่ เสียไปทางอื่น เช่น ลมหายใจ, เหงื่อ วันละ 800 ซีซี. บวกกับจำนวนที่ปัสสาวะออกไปแล้วในวันก่อน แต่ต้องลบออกถ้ารับปรานอาหารประเภทน้ำแกง และเครื่องดื่มอื่น ๆ ออกด้วยเสมอ การควบคุมเกลือโซเดียม
เซลล์ของร่างกายมีเกลือโซเดียมเป็นส่วนประกอบและมีหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้ำ และของเหลวภายในเซลล์กับนอกเซลล์ เกี่ยวข้องกับระดับความดันโลหิตการทำงานของประสาทกล้ามเนื้อหัวใจด้วย มีความสำคัญในการดูดซึมอาหารบางอย่างด้วย
ร่างกายต้องการเกลือโซเดียมในปริมาณเล็กน้อยคือเพียง 230 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น อาหารที่เรารับประทานทุกวันมีเกลือมากกว่าที่ร่างกายต้องการหลายเท่า เพราะเกลือเป็นสารที่ใช้ในการถนอมอาหาร ในเครื่องแกง, กะปิ, น้ำปลา ต่าง ๆ เราได้รับเกลือโซเดียมจากเกลือแกงเป็นส่วนใหญ่ในขนมปังซึ่งต้องใช้โซเดียมไบ คาร์บอเนต หรือผงฟู และในอาหารเนื้อสัตว์มักมีโซเดียมไนเตรดใส่เพื่อถนอมอาหารรวมอยู่ด้วย เป็นส่วนของโซเดียมที่นึกไม่ถึงถ้าร่างกายแข็งแรงปกติดี โซเดียมส่วนเกินจะถูกขับถ่ายออกไปทางเหงื่อ และอุจจาระนอกเหนือขับออกทางไต ในผู้ป่วยโรคไตที่มีอาการบวมและปัสสาวะน้อยกว่า 800 ซีซี. ต่อวันต้องพยายามไม่รับประทานอาหารเค็ม ไม่เติมเครื่องปรุงอาหารที่มีเกลือมาก เพราะจะทำให้บวมมากขึ้น ความดันโลหิตสูง ตลอดจนหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น แต่จะถือเป็นกฎตายตัวว่าเป็นโรคไตแล้ว ต้องรับประทานอาหารเค็มน้อยเสมอไปไม่ได้ เพราะมีโรคไตบางประเภทที่ต้องรับประทานอาหารเค็มเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเสียเกลือขับถ่ายออกไปมากกว่าปกติ ผักผลไม้ กับโปแตสเซียม
ผลไม้และผักบางชนิดก็มีโปแตสเซียมในปริมาณมาก บางชนิดก็มีไม่มาก มีผลไม้จำนวนไม่น้อยที่มีโปแตสเซียมน้อย ซึ่งผู้ป่วยโรคไตวายในระยะแรกที่ยังไม่ต้องรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่อง ไตเทียม รับประทานได้พอประมาณ ผลไม้เหล่านี้คือ แตงโม, ชมพู่, องุ่น, สับปะรด และแอปเปิ้ล ถ้าโปแตสเซียมในเลือดสูงมากกว่า 5.0 มิลลิอีคริวาเลท์/ลิตร จึงควรงดผลไม้ทุกชนิด ผลไม้ที่ไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคไตที่ขับของเสียได้น้อยและแพทย์สั่งให้จำ กัดโปแตสเซียม คือ กล้วย, มะขามหวาน, กระท้อน, ฝรั่ง, น้อยหน่า, ทุเรียน ผลไม้ตากแห้ง หรืออบความร้อน เช่น ลูกพรุน, กล้วยตาก และลูกเกตุ ผักก็เช่นเดียวกันกับผลไม้บางชนิดที่มีโปแตสเซียมสูงมาก เช่น มะเขือเทศ บางชนิดมีไม่มาก และบางชนิดก็มีน้อย เช่น ผักบุ้ง, บร๊อคโคลี่, ดอกกระหล่ำ มีโปแตสเซียมสูง กลุ่มพวกถั่วฝัก ผักคะน้า, มะเขือยาว มีปานกลาง และกลุ่มฟักเขียว-บวบ กระหล่ำปลี, ผักกาดขาว, แตงกวา, ถั่วงอก ที่เรารับประทานประจำมีโปแตสเซียมต่ำเมล็ดถั่วตากแห้งต่าง ๆ เมล็ดทานตะวัน, ถั่วพิชตาชิโอ มีโปแตสเซียมสูง และฟอสฟอรัสสูง เครื่องดื่มกาแฟ, ชา ตลอดจน โอวัลตีน, ไมโล ก็มีโปแตสเซียมสูงด้วยเช่นกัน อาหารโปรตีนกับไต
โปรตีนเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญในการเจริญเติบโตของร่างกาย, เซลล์ ทุกชนิดในร่างกายต้องการใช้กรดอะมิโนซึ่งเป็นสารอาหารที่ย่อยสลายจากโปรตีน เพื่อการแบ่งตัว และการเจริญเติบโตตลอดจนซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดสึกหรอไปการสังเคราะห์เอ็นซายม์ และฮอร์โมนที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ตลอดจนภูมิคุ้มกันโรคต้องอาศัยโปรตีนทั้งสิ้น
โครงสร้างทางเคมีของโปรตีน ประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด ซึ่งมีนโตรเจนเป็นส่วนประกอบกรดอะมิโนนบางชนิดมีซัลเฟอร์รวมอยู่ด้วยกล้าม เนื้อเส้นเอ็นต่าง ๆ ผิวหนัง และขนผมมีรูปแบบต่าง ๆ ของโปรตีนเป็นส่วนประกอบรวมทั้งในเม็ดเลือดแดง ก็มีฮีโมโกลบิน ซึ่งมีหน้าที่นำออกซิเจนจากปอดไปส่งยังเซลล์ต่าง ๆ ด้วยอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีน แบ่งเป็นส่วนที่มาจากเนื้อสัตว์, ไข่ และน้ำนม ตลอดจนผลิตภัณฑ์จากน้ำนม โปรตีนจากพืช ได้จากถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ และธัญพืชเช่น ข้าวที่เรารับประทาน จัดอยู่ในกลุ่มอาหารประเภทแป้ง แต่ก็มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยความต้องการโปรตีนของร่างกาย ในแต่ละวันขึ้นอยู่กับอายุ เพศ และวัยต่าง ๆ โดยเฉลี่ยแล้วร่างกายควรได้รับโปรตีนวันละ 50 กรัม เป็นโปรตีนจากสัตว์และพืช ในอัตราส่วน 60 ต่อ 40 ตามลำดับซึ่งในแต่ละวันควรรับประทานเนื้อสัตว์ 100-150 กรัม, ไข่ 1 ฟอง, นมวัว 1 แก้ว หรือน้ำเต้าหู้ 1 แก้ว และข้าว 8 ทัพพี ใน 3 มื้อต่อวัน อาหารโปรตีนทุกชนิดทั้งที่มาจากพืชและสัตว์เมื่อผ่านขบวนการย่อย และร่างกายดูดซึมเอาไปใช้แล้วจะเกิดสารที่ต้องขับถ่ายออกไปคือ ยูเรีย, ยูริค, ครีอะตินีน, ฟอสเฟต, และซัลเฟต
ถ้าร่างกายแข็งแรงไตเป็นปกติ รับประทานอาหารโปรตีนมากไปไตก็สามารถขับสาร เหล่านี้ออกทางปัสสาวะได้ แต่เมื่อไรที่ไตเสื่อมสมรรถภาพลงการขับถ่ายของเสียได้น้อยลงก็จะเกิดการคั่ง ของสารดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ที่ยังไม่ได้รับการรักษาโดยการฟอกเลือด จะมีสารเหล่านี้คั่งค้างในเลือดอยู่มากจำเป็นต้องจำกัดหรือลดประมาณโปรตีน ที่รับประทานในแต่ละวันให้ลดน้อยลง และขณะเดียวกันต้องเลือกรับประทานอาหารโปรตีนที่มีคุณค่าสูงคือมีกรดอะมิโน ครบถ้วน เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว เป็นประจำพยายามรดอาหารโปรตีนที่มีคุณค่าต่ำลง โดยปกติแพทย์
จะจำกัดให้ผู้ป่วยไตวายรับประทานอาหารโปรตีนประมาณสามสิบถึงสี่สิบกรัมต่อ วัน ผู้ป่วยโรคไตบางชนิด เช่น ไตอักเสบชนิดเนฟโฟรติคซินโดรม ถ้ามีการรั่วของโปรตีนหรือไข่ขาว (อัลบูมิน) ออกมาในปัสสาวะจำนวนมากจำเป็นต้องได้รับอาหารโปรตีนเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยส่วน ที่ขาดไปเช่นเดียวกับผู้ที่ที่มารับการรักษาฟอกเลือดโดยน้ำยา ซี.เอ.พี.ดี ผ่านทางช่างท้องก็จะเสียโปรตีนออกไปกับน้ำยาล้างช่องท้องก็ต้องรับประทาน อาหารโปรตีนเพิ่มขึ้นจึงเป็นกฎตายตัวว่าเป็นโรคไตแล้วจะต้องจำกัดโปรตีนเสมอ ไป
โปรตีนแบ่งออกเป็น โปรตีนจากเนื้อสัตว์ กับโปรตีนจากพืช โปรตีนกับเนื้อสัตว์มีข้อดี คือ มีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน มีข้อเสียที่มีไขมันโคเลสเตอรอลปนอยู่ โปรตีนจากพืชมีจุดเด่นที่ไม่มีไขมัน แต่มีกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบทุกชนิด ดังนั้นจึงแนะนำให้บริโภคทั้งสองอย่างโดยแบ่งสัดส่วนกันอย่างละครึ่ง ข้อที่ควรพิจารณา คือ อาหารโปรตีนที่อร่อยและมีราคาไม่ใช่โปรตีนที่มีคุณภาพดีเสมอไปตัวอย่างเช่น เอ็นตุ๋น หูปลาฉลาม เครื่องในสัตว์ จัดเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพต่ำ
ผู้ป่วยโรคไตวายในระยะต่าง ๆ จำเป็นต้องจำกัดปริมาณโปรตีนในอาหารแต่ละวัน ดังนั้นจึงควรเลือกรับประทานอาหารแต่โปรตีนที่มีคุณค่าสูง เพื่อไม่เป็นภาระของไตในการขับถ่ายของเสียคือยูเรียมากเกินจำเป็น อาหารโปรตีนจากเนื้อสัตว์และนม ยังมีโปแตสเซียมและฟอสฟอรัสเป็นส่วนประกอบอยู่ในปริมาณมาก จึงไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันการรับประทานอาหารหมู่อื่น เช่น คาร์โบไฮเดรต หรือแป้งน้ำตาล ตลอดจนไขมันต้องการให้มีปริมาณเพียงพอ สำหรับการให้พลังงานที่ร่างกายต้องการใช้วันแต่ละวันด้วย มิฉะนั้นจะมีอาการอ่อนเพลีย ซูบผอม อ่อนแอ เกิดโรคแทรกได้ง่าย
Free TextEditor
Create Date : 05 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 5 มิถุนายน 2553 19:07:57 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1495 Pageviews. |
|
|
|
| |