เชื่อมั้ย!!! เนื้อมนุษย์อาจมีรสชาติแย่ในความรู้สึกของฉลาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า นายเอริค เนอร์ฮัส นักดำน้ำชาวออสเตรเลียที่ถูกฉลามขาวโจมตีและรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด เป็นเพราะฉลามขาวเข้าใจผิดว่า เขาเป็นแมวน้ำ จึงหวังจะกินเป็นอาหาร แต่รสชาติของเนื้อมนุษย์แย่กว่าแมวน้ำ จึงทำให้ฉลามขาวต้องคายทิ้ง วินาทีระทึกขวัญ เกิดขึ้นเมื่อฉลามขาวความยาว 3 เมตร ใช้ปากที่กว้างใหญ่งับศีรษะ แขนซ้าย และลำตัวของนายเนอร์ฮัส ทำให้นายเนอร์ฮัสสู้สุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด โดยชกเข้าที่ตาของฉลาม ก่อนที่มันจะปล่อยตัวเขาออกมา แต่ผู้เชี่ยวชาญ เห็นว่า สาเหตุที่ฉลามขาวไม่กินนายเนอร์ฮัสเป็นอาหาร เนื่องจากอาจเป็นไปได้ว่า ฉลามขาวคิดว่านายเนอร์ฮัสเป็นแมวน้ำที่พวกมัน ไล่จับกินเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ หรืออาจจะผิดหวังกับรสชาติของมนุษย์ที่พวกมันไม่เคยลิ้มลองมาก่อน จึงจำต้องปล่อยไป ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า การที่นักประดาน้ำสวมใส่เสื้อดำน้ำสีดำได้สร้างความสับสนให้ฉลามเข้าใจ ผิด การรอดชีวิตของนายเนอร์ฮัสจึงนับเป็นความโชคดี 1 ในล้านเมื่อต้องพบกับนักล่าที่น่ากลัวที่สุดในมหาสมุทร อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การที่นายเนอร์ฮัสไม่ยอมตกเป็นเหยื่อฉลามง่ายๆ แต่ได้ต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิต ก็อาจจะมีส่วนทำให้มีชีวิตรอด โดยการชกไปที่จมูกหรือตาของฉลามเป็นสิ่งที่ได้ผล นายเนอร์ฮัสยังโชคดี ที่มีเข็มขัดตะกั่วถ่วงน้ำหนักและแว่นตาดำน้ำที่แข็งแรงช่วยลดการบาด เจ็บจากการถูกกัด แต่ถึงกระนั้น เขาก็ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วนเพราะเสียเลือดมาก และมีอาการช็อก สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย: Free TextEditor   Create Date : 19 มิถุนายน 2553     Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:07:00 น. Counter : 317 Pageviews.   0 comment Share Tweet

ขุนช้างมีเฮ!พบคาเฟอีน บำบัดอาการศีรษะล้าน นักวิจัยเผยกาแฟอาจเป็นทางออกใหม่สำหรับผู้ชายหัวล้าน หลังพบคาเฟอีนช่วยกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ต่อมผมบนหนังศีรษะสำหรับผู้ชาย ที่ผมเริ่มบางลง การค้นพบนี้อาจเป็นวิธีบำบัดใหม่สำหรับอาการที่เกิดกับครึ่งหนึ่งของผู้ชาย อังกฤษอายุ 50 ปีขึ้นไป การสำรวจล่าสุดใน 5 ประเทศแถบยุโรปพบว่า ผู้ชายอังกฤษไม่มีความสุขมากที่สุดที่ต้องกลายเป็นคนผมบาง แต่กระดากใจเกินกว่าจะหาทางแก้ไข กว่าครึ่งบอกว่า อาการดังกล่าวทำให้รู้สึกตัวเองว่าแก่และไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม ผลศึกษาล่าสุด โดยดร.โทเบียส ฟิสเชอร์แห่งมหาวิทยาลัยเจนาในเยอรมนี ที่ตีพิมพ์ในอินเตอร์เนชั่นแนล เจอร์นัล ออฟ เดอร์มาโทโลจี้ พบว่าคาเฟอี นช่วยสกัดกั้นปฏิกิริยาเคมีที่เป็นตัวการทำลายเซลล์ต่อมผม ทว่า นักวิจัยประเมินว่า คนไข้ต้องดื่มกาแฟถึง 60 แก้วต่อวัน เพื่อให้ได้คาเฟอีนปริมาณมากพอไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่อมผมบนหนังศีรษะ อย่างไรก็ตาม บริษัทเครื่องสำอางเยอรมนีได้ผลิตสารละลายที่อุดมด้วยคาเฟอีนซึ่งสามารถนำไป ชโลมหนังศีรษะได้ สาเหตุหลักของอาการศีรษะล้านคือ เมื่อเซลล์ต่อมผมได้รับ dihydrotestosterone (DHT) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนผลิตออกมามากเกินไป ทำให้เซลล์ต่อมผมฝ่อ เส้นผมจึงมีขนาดบางลงและหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ผู้ชายที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะศรีษะล้าน โดยเฉพาะหากมีคนในบ้านศีรษะล้านอยู่แล้ว ช่วงหลายปีมานี้ มีการคิดค้นเวชภัณฑ์รักษาอาการศีรษะล้านมากมาย โดยส่วนใหญ่ทำงานด้วยการหยุดยั้งไม่ให้ DHT เข้าถึงเซลล์ต่อมผมและ สกัดกั้นการเติบโตของเส้นผม แต่ปัญหาก็คือ ต้องใช้นานถึงสองปีจึงจะเห็นผล ผู้ชายบางคนเลือกปลูกผมแทน แต่วิธีการนี้เน้นหนักการปลูกถ่ายเซลล์ต่อมผมมากกว่าการปลูกถ่ายเซลล์นับ ล้านเซลล์ บริษัทอินเตอร์ไซเท็กซ์จากอังกฤษ ได้พัฒนาเทคนิคในการนำตัวอย่างผมจากศีรษะมาผลิตเซลล์แรกเริ่มที่เรียกว่า dermal papilla ที่จะเจริญเติบโตเป็นเซลล์ต่อมผมต่อไป แล้วนำกลับไปปลูกบนหนังศีรษะ แต่ท่ามกลางวิทยาการก้าวหน้าเหล่านี้ ดูเหมือนโลชั่นที่พัฒนาจากคาเฟอีนจะเป็นวิธีแก้ปัญหาศีรษะล้านที่มีต้นทุน ถูกกว่าแต่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกัน ดร.ฟิสเชอร์ทำการทดลอง โดยการตัดชิ้นเนื้อจากหนังศีรษะผู้ชายที่เริ่มมีปัญหาศีรษะล้าน 14 คน แล้วสกัดเซลล์ต่อมผมออกมาใส่ในหลอดทดลองที่มีสารละลายที่มีคาเฟอีนระดับ ต่างๆ กัน และทิ้งไว้ 8 วันเพื่อดูการเติบโต เมื่อสิ้นสุดการทดลองพบว่า คาเฟอีนช่วยกระตุ้นให้เส้นผมยาวขึ้น 33-40% ขณะที่หลอดทดลองที่บรรจุเทสโทสเตอโรนนั้น เส้นผมเติบโตช้ากว่า โดยนักวิจัยเชื่อว่า คาเฟอีนส่งผลกับเซลล์ต่อมผมแบบเดียวกับที่มีฤทธิ์ต่อต้านการทำลายล้างของดี เอชที ขอขอบคุณข้อคิดนานาสาระโดย: ผู้จัดการออนไลน์ Free TextEditor   Create Date : 19 มิถุนายน 2553     Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:06:05 น. Counter : 963 Pageviews.   0 comment Share Tweet

อยากสุขภาพดีควรมีน้องหมาคู่ใจ!! แนะคนที่อยากมีสุขภาพดี ให้หาสุนัขมาเลี้ยง แม้นักวิจัยเชื่อมานานแล้วว่า สัตว์เลี้ยงมีประโยชน์กับเจ้าของ แต่ผลศึกษาล่าสุดฟันธงเจ้าของหมาส่วนใหญ่แข็งแรงกว่าเจ้าของแมว งานวิจัยของดร.เดบเบอราห์ เวลส์ แห่งมหาวิทยาลัยควีนส์ ในเบลฟัสต์ ไอร์แลนด์เหนือ ระบุว่าเจ้าของสุนัขมี แนวโน้มที่จะมีความดันโลหิตและระดับคลอเรสเตอรอลต่ำ ซึ่งอาจเนื่องจากการที่ต้องเดินเล่นกับเพื่อนสี่ขาเป็นประจำ ดร.เวลส์บันทึกไว้ในวารสารสุขภาพจิตของอังกฤษว่า เจ้าของสุนัขมีแนวโน้ม ลดลงที่จะเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงเจ็บหนัก จากการวิเคราะห์งานศึกษาก่อนหน้านี้หลายฉบับ ดร.เวลส์พบว่า สุนัขยังช่วยให้เจ้าของฟื้นจากอาการป่วยรุนแรง เช่น โรคหัวใจ งานศึกษาชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในปี 1995 ระบุว่า เจ้าของสุนัขมีแนวโน้มที่ จะมีชีวิตรอดหลังหัวใจวายมากกว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยงหมา 8.6% ดร.เวลส์อธิบายว่า อาจเป็นไปได้ที่สุนัขช่วยส่งเสริมภาวะที่เป็นสุขจากการปกป้องเจ้าของจากความ เครียด การเป็นเจ้าของสุนัขยังหมายถึงการมีกิจกรรมมากขึ้น และส่งเสริมพัฒนาการในการปฏิสังสรรค์กับผู้อื่น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจทางอ้อม งานศึกษาของนักวิจัยอังกฤษชิ้นหนึ่งพบว่า การมีน้องหมาอยู่ด้วยช่วยได้สำหรับเด็กที่มีอาการป่วยเรื้อรังและต้องทรมาน กับขั้นตอนการรักษาที่เจ็บปวด ความสามารถในการดมกลิ่นยังทำให้สุนัข ´ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า´ สำหรับอาการลมชัก ตลอดจนถึง malignant melanoma ซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังที่ร้ายแรงที่สุด หรือการปรากฏของน้ำตาลในเลือดในระดับต่ำในผู้ป่วยเบาหวาน ขณะเดียวกัน การศึกษาในอิสราเอลบ่งชี้ว่า สัตว์เลี้ยงช่วยให้ผู้ป่วยโรคจิตเภทสงบลงและมีกำลังใจดีขึ้น ดร.จูน แมกนิโคลัส นักจิตวิทยาสุขภาพที่เชี่ยวชาญการวิจัยผลต่อสุขภาพจากการเลี้ยงสัตว์ สำทับว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้เจ้าของสุนัขมีสุขภาพดีไม่ได้เป็นเพราะมี โอกาสออกกำลังกายมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสในการพูดคุยกับเจ้าของสุนัขคนอื่นๆ สำหรับคนแก่ สัตว์สามารถเติมเต็มความต้องการในการ ´เป็นที่ต้องการ´ หลังจากลูกๆ แยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง และในบางกรณีนั้น การสนับสนุนเชิงสังคมที่ได้จากสัตว์เลี้ยงยังมากกว่าที่ได้รับจากคนด้วยกัน" ขอขอบคุณข้อคิดนานาสาระ โดย: ผู้จัดการออนไลน์ Free TextEditor   Create Date : 19 มิถุนายน 2553     Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:05:06 น. Counter : 316 Pageviews.   0 comment Share Tweet

โรลมูสเลมอน หอมหวานซ่อนเปรี้ยว โรลมูสเลมอน หอมหวานซ่อนเปรี้ยว สัมผัสเนื้อละมุนจากชิฟฟอนเค้กผสานมูสเลมอนรสฉ่ำชื่นใจไม่มีใครเหมือนส่วน ผสมเนื้อเค้กชิฟฟอนวานิลลา (ขนาด 3 ปอนด์) ส่วนประกอบ * แป้งเค้ก 75 กรัม * นมผง 20 กรัม * ไอซิ่ง (1) 50 กรัม * ไอซิ่ง (2) 60 กรัม * น้ำมันพืช 40 กรัม * นมสด 50 กรัม * ผงฟู 1/2 ช้อนชา * เกลือ 1/4 ช้อนชา * กลิ่นวานิลลา1/4ช้อนชา * ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา * ไข่แดง3 ฟอง * ไข่ขาว 3 ฟอง ส่วนผสมโรลมูสเลมอน * น้ำ 306 กรัม * น้ำตาลทราย 150 กรัม * เนย 80 กรัม * น้ำมะนาว 30 กรัม * เกลือ 1/3 ช้อนชา * เจลาติน 1/3 ช้อนชา วิธีทำโรลมูสเลมอน + นําน้ำ, น้ำตาลทราย, เนย, น้ำมะนาว, เกลือ และเจลาติน ตีให้เข้ากันพักไว้ วิธีทําเนื้อเค้กชิฟฟอนวานิลลา + ร่อนแป้งเค้ก, ผงฟู, นมผง, ไอซิ่ง (1) และเกลือ ให้เข้ากัน + เติมน้ำมันพืช, ไข่แดง, นมสด และกลิ่นวานิลลา แล้วใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน พักไว้สักครู่ + ใช้ตะกร้อมือตีไข่ขาว, ครีมออฟทาร์ทาร์ และไอซิ่ง (2) จนกระทั่งเนื้อฟูเนียนได้ที่ + นําส่วนผสมทั้งสองมาผสมกัน + เทลงพิมพ์โดยใช้กระดาษไขทาเนยรองพื้นไว้ อบที่อุณหภูมิ 180 ํ ประมาณ 25-30 นาที + ตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ โรยหน้าด้วยไอซิ่ง และชิ้นเลมอน พร้อมเสิร์ฟได้ทันที วิธีม้วนโรล + นําเนื้อเค้กชิฟฟอนวานิลลาที่อบเรียบร้อยแล้ววางบนกระดาษไข แล้วเทโรลมูสเลมอนลงไปเกลี่ยให้ทั่ว +ใช้ไม้กลมหนุนกระดาษด้านหลัง แล้วค่อยๆ ม้วนกระดาษ อัดเนื้อเค้กให้แน่นม้วนต่อไปเรื่อยๆ จนหมดแผ่น ขอขอบคุณข้อคิดนานาสาระ จาก Free TextEditor   Create Date : 19 มิถุนายน 2553     Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:04:10 น. Counter : 378 Pageviews.   0 comment Share Tweet

เมื่อสาวใหญ่อยากสลัดรัก หนุ่มน้อย !?! เปลี่ยนบทจากแฟนเป็นคุณแม่ งานนี้ คุณสาวๆ ต้องสาววิญญาณคุณแม่ เมื่อต้องไปไหนต่อไหนกับแฟนเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวอย่างคุณป้า หรือเปลี่ยนทุกบทสนทนา จากประโยคหวานๆ มาเป็นการดุด่า-ว่ากล่าว ตักเตือน ที่สำคัญต้องบ่น เพื่อให้สมกับการเป็นคุณแม่ และปิดท้ายด้วยการทำตัวน่าเบื่อ เช่น ไม่ออกไปไหน ชอบอยู่กับบ้าน อ่านหนังสือธรรมมะ แล้วมานั่งสั่งสอนแฟนหนุ่มอยู่ตลอดเวลา ใช้มุก ถังแตก กรณีที่คุณต้องเลี้ยงดูแฟนหนุ่มจนแทบไม่เหลืออะไรติดตัวแล้ว แถมไม่มีทีท่าว่า เด็กหนุ่มจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายใดๆ การบอกว่าคุณถังแตกคือการตัดความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองได้เป็นอย่างดี แต่งานนี้คุณต้องยอมงดชอปปิ้ง ดินเนอร์มื้อหรู และปรนเปรอคนรักของคุณซักพัก และดูว่าเขายังจะทนอยู่ หรือรีบบอกศาลาคุณทันที !! ใจแข็ง ท่องไว้เลยคำนี้ หากคุณสาวๆ ตัดสินใจแล้วว่าจะตัดขาดกับเด็กหนุ่มหน้ามนข้างกาย ต้องใจแข็งไว้ก่อน ไม่ว่าจะปิดโทรศัพท์ หรือกดวางหนี ไม่เปิดบ้านต้อนรับอย่างเคย และวิธีอื่นๆ ที่คุณจะได้ไม่เจออีก แม้แต่จะได้รับจดหมายหรืออีเมล ประโยคขี้เล่นตามสไตล์หนุ่มวัยกระเตาะ ก็อย่าได้ใจอ่อนเป็นอันขาด แต่หากเผลอใจอ่อนรับนัดไปแล้ว พอถึงเวลาก็เบี้ยวซะเลย !!! ตัดขาดการติดต่อทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์มือถือ บล็อกอีเมล หรือโปรแกรมแชทต่างๆ ทำเสมือนว่าคุณคนเดิมไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้ และที่สำคัญหลีกเลี่ยงที่จะไปยังสถานที่ ที่คุณคิดว่าจะเจอกับหนุ่มน้อยคนนี้ด้วย รีบหาหนุ่มใหม่มาดามใจ หากอารมณ์เหงา หรือเปล่าเปลี่ยวคืบคลานเข้ามาครอบงำในใจ โดยเฉพาะ ช่วงเวลาคิดถึงหนุ่มน้อยข้างกาย หรือคิดไปถึงกิจกรรมที่คุณทั้งสองเคยทำร่วมกันเป็นประจำ ขอแนะนำให้โทร.หาเพื่อนเก่า หรือแม้แต่แฟนเก่า เพื่อคุยเป็นเพื่อน งานนี้ไม่แนะนำว่าต้องหาแฟนใหม่มาอวดเด็กหนุ่มทันที แต่เพื่อนนี่แหละ ช่วยได้... บอกไปเลยว่า ท้อง หากวิธีดังกล่าวข้างต้นใช้ไม่ได้ผล แถมหนุ่มน้อยก็ไม่เลิกตื๊อ แม้จะเป็นวิธีที่ดูงี่เง่าไปหน่อย แต่มันได้ผลแน่นอน !!! เพราะโดยธรรมชาติของเด็กหนุ่มแล้ว การที่จะต้องรับผิดชอบเลี้ยงเด็กอ่อน และเป็นพ่อคนตั้งแต่วัยกระเตาะนั้น มีศูนย์ !! วิธีนี้นอกจากจะได้รู้ถึงความรับผิดชอบของเด็กหนุ่มข้างกายคุณ ก็ยังได้รู้ว่า เขาคิดจริงจังกับคุณมากขนาดไหน เพราะหากคุณบอกว่าตั้งท้องแล้วเขายินยอมรับผิดชอบ ก็แสดงว่าเขาคงรักคุณจริง !!! (วิธีนี้ใช้ได้กับกรณีที่คุณทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแล้วเท่า นั้น) คำเตือน!!... วิธีสลัดรักเด็กหนุ่มเหล่านี้ ใช้ได้กับคนที่คุณคบเพื่อคลายเหงาเท่านั้น แต่หากหนุ่มคนนั้นคิดจริงจังกับคุณจนถึงการวางแผนแต่งงาน และยอมรับผิดชอบครอบครัวแล้วล่ะก็ โปรดลืมไปเลยว่าคุณกำลังกินเด็ก แต่ให้คุณคิดว่า คุณคือผู้หญิงที่โชคดี ได้สามีเด็กมาเป็นคนรู้ใจ ขอ ขอบคุณเนื้อหาข่าวสารที่มีคุณภาพ จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ Free TextEditor   Create Date : 19 มิถุนายน 2553     Last Update : 19 มิถุนายน 2553 21:03:15 น. Counter : 373 Pageviews.   0 comment Share Tweet

• Group ตัวอย่าง
• ชีวิตการงาน
• สุขภาพ
• เรื่องทั่วไป
• ธรรมะ
• วิธีทำอาหารจากเวปต่างๆ
• ขำขำ
• ความรัก
• ความงาม
• จิปาถะ
• ท่องเที่ยว
• งานฝีมือ
• อาหารการกิน
• แม่และเด็ก
• โรคภัยไข้เจ็บ
• เบ็ดเตล็ด
• อื่นๆ
• วิทยาศาสตร์
• อร่อยๆ

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com