เป็นหมอเหรอเรา...ดีจัง
คนส่วนใหญ่...เมื่อได้รู้ว่า คุณเป็นหมอเหรอ...ดีจัง
คำว่าดีจัง...หมายความว่า
ถ้าเป็นผู้เฒ่าผู้แก่หรือผู้ใหญ่หน่อย จะรู้สึกว่าเป็นหมอดี ที่... - ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ถ้าเป็นรุ่นเดียวกันสมัยนี้ จะรู้กว่าเป็นหมอดี ที่... - รวยว่ะ เป็นอาชีพที่รวย - สบายอ่ะ งานสบายๆ วันๆนั่งแต่ในห้องแอร์ - โก้หรูดูฉลาด
ทำไมที่ผ่านมาหมอจึงเป็นอาชีพที่ดี เป็นคำถามที่น่าคิดเป็นอย่างยิ่งว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคนไทยในปัจจุบันที่ทำให้ศัทธาต่ออาชีพนี้นั้นหายไป
จริงๆแล้ววิชาชีพของหมอไม่ได้เปลี่ยนและหมอ(ส่วนใหญ่)ไม่ได้เปลี่ยนไป หมอทุกคนล้วนแล้วแต่ยังยึดมั่นในอุดมคติ ทั้งแห่งตนและบุคคลตัวอย่าง ดั่งเช่นพระบิดาแห่งการแพทย์ไทย
ต้องยอมรับว่าความรู้ทางการแพทย์ เป็นศาสตร์ที่มีรายละเอียดที่ซับซ้อนและสิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องยอมรับให้ได้ว่าทุกศาสตร์ในโลกใบนนี้มีพื้นฐานมาจากการเก็บสถิติ แล้วนำผลที่ดีที่สุดมาใช้ จึงไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้่ศาสตร์อื่นจะซับซ้อนไม่ต่างกัน แต่เพราะเป็นเรื่องของชีวีตมนุษย์ จึงมีเรื่องของความคาดหวังที่สูงมาก การทำความเข้าใจต่อรายละเอียดทางการแพทย์ทำได้ยาก เพราะแม้จะเป็นโรคเดียวกัน แต่เกิดขึ้นในแต่ละบุคคลก็ล้วนแล้วแต่มีผลการรักษาที่แตกต่างกันได้ทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่าใบอนุญาติในการประกอบวิชาชีพของแพทย์นั้น เรียกว่า "ใบประกอบโรคศิลป์" การรักษาจึงเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง รวมทั้งในปัจจุบัน..ในความเป็นจริงวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ยังไม่สามารถอธิบายโรคที่เกิดกับมนุษย์ได้ทั้งหมด
เมื่อหมอรักษาคนไข้หนึ่งคน แต่ผลของการรักษาจบลงด้วยสิ่งที่ไม่คาดคิดหรือไม่เป็นในทิศทางที่ดี หมอเองก็เศร้าและเสียใจ ทั้งๆที่คนไข้เหล่านั้นไม่ใช่ญาติพี่น้องของตน หมอบางคนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ พยายามคิดทบทวนถึงกระบวนการรักษา ทั้งๆที่ไม่ถูกฟ้องร้องหรือกดดันใดๆ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการกระทำที่อยู่เบื้องหลังที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นหรือคำนึงถึง ปัจจุบันกลายเป็นว่ารักษาหายก็เสมอตัว รักษาได้ไม่เป็นที่พอใจก็กลายเป็นหมอเลวไปซะหมด ไม่ได้พิจารณากันอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่าโรคนี้มีพื้นฐานเป็นอย่างไร เกิดจากอะไร การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยระหว่างการรักษา หรือผลการทำนายของโรค โทษหมออย่างเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ได้ตัดทอนกำลังใจในการทำงานของหมอในปัจจุบันเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่าอัตราการเข้าเรียนแพทย์ในปัจจุบันลดลงอย่างมาก และแพทย์ลาออกจากระบบรัฐบาลเป็นจำนวนมาก ไปทำเอกชนบ้าง ในขณะที่บางรายเลิกอาชีพแพทย์ไปเลยก็มี ผลที่เกิดตามมาเป็นลูกโซ่ เริ่มตั้งแต่เมื่อหมอในระบบรัฐบาลลดลง อัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรสูงขึ้น หมอต้องทำงานหนักขึ้น เมือความเหน็ดเหนื่อยเพิ่มขึ้น ความผิดพลาดก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว คนที่ไม่มีกำลังทรัพย์ก็ต้องอยู่ในระบบต่อไป หมอที่อยู่ในโรงบาลที่ห่างไกลก็ไม่กล้าทำอะไร ส่งผลให้เกิดการส่งต่อคนไข้มากเกินความจำเป็นทำให้การรักษาล่าช้าออกไป คนที่พอมีกำลังทรัพย์ก็อาจดิ้นรนไปเข้ารับบริการตามสถานบริการเอกชน ซึ่งต้องการสร้างความพึงพอใจสูงสุด ก็มักจะมีการส่งวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการมากเกินความจำเป็น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาเพิ่มขึ้น เมื่อต้องควักเงิน ความคาดหวังก็จะสูงขึ้น หากเกิดผิดพลาดหรือก่อความไม่พอใจ ไม่ว่าจะอยู่ในระบบรัฐบาลหรือเอกชนก็ล้วนแล้วแต่เพิ่มอัตราการฟ้องร้องมากขึ้นเรื่อย
อาจมีแพทย์บางคนที่ประกอบวิชาชีพด้วยความประมาท แต่ในความเป็นจริงนั้นมีเพียงส่วนน้อย และเพราะหมอเองก็เป็นคนเช่นกัน หมอไม่ใช่เครื่องจักรหรือพระอรหันต์ จึงเป็นไปได้ที่จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ในบางเวลา หรือมีอารมณ์ที่ผิดปกติได้เช่นกัน ไม่มีหมอคนไหนที่อยากทำให้คนไข้ตายหรือเกิดเหตุร้ายแรง แม้ว่าหมอคนนั้นจะไม่ได้อยากเป็นหมอเพราะอยากช่วยคนก็ตาม เพราะเหตุเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้น ย่อมหมายถึงอาชีพที่จะหมดหนทางในอนาคต และก็ต้องยอมรับว่ามีไม่น้อยที่ญาติตั้งใจจะฟ้องร้องเพียงเพราะคิดว่าอย่างน้อยอาจจะได้อะไรบ้างไม่มากก็น้อย
สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันผู้ป่วยเริ่มไม่ไว้ใจแพทย์ เมื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยความไม่เชื่อถือหรือหวาดระแวง ก็ยากที่จะเข้าใจในสิ่งที่กำลังจะเกิด ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วย, ญาติ และหมอจึงไม่เป็นไปในทิศทางเดิม ตัวแพทย์เองก็ทำงานด้วยความหวาดระแวงว่าเมื่อไหร่ที่ผู้ป่วยหรือญาติจะไม่พอใจ
การขาดความเชื่อถือซึ่งกันและกัน ส่งผลให้การบริการทางการแพทย์ในปัจจุบันถูกผลักดันให้เดินไปสู่ทางที่เลวร้ายลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราคงต้องมาทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่อย่างจริงจังในสถานการณ์ปัจจุบัน ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงต่อความรู้สึกจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงฝังรากหยั่งลึกจนเกินเยี่ยวยา
Create Date : 14 มีนาคม 2552 | | |
Last Update : 10 เมษายน 2552 21:49:47 น. |
Counter : 585 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]
|
มีหัวใจไว้เดินทาง ค้นหาความหมายของชีวิต เพื่อเติมเต็มให้กับคำถามที่เกิดขึ้นมากมายระหว่างการเติบโต วิธีการในการเดินทางมีมากมาย แต่ ณ วันนี้ ขอเลือกสองล้อเป็นพาหนะในการนำพาไปสู่จุดหมายปลายทาง
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|