เรื่องราวผู้หญิงกับการเดินทางด้วยหัวใจ 2 ล้อ (มอเตอร์ไซด์) รวมถึงการท่องไปในโลกกว้างด้วยวิธีการอื่นๆ คลอเคล้าด้วยคนตรีไพเราะหลากหลายรูปแบบ เรามาผจญภัยด้วยกันนะคะ
นึกว่ามา "โรงแรม หรือ โรงพยาบาล"

ความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่มีใครอยากให้เกิด
แต่เมื่อป่วยแล้ว ที่พึ่งพิงก็คงไม่พ้นโรงหมอหรือโรงพยาบาลนั่นเอง
ทุกวันนี้เรามีทางเลือกด้วยตัวเองในการเดินเข้าออกโรงพยาบาลมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นสถานบริการทางการแพทย์ของรัฐหรือของเอกชนก็ตาม
แน่นอนความแตกต่างย่อมมีแน่...
โรงพยาบาลเอกชนมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า รวมทั้งการบริการที่แทบจะอุ้มคนไปในทุกๆ ที่
แต่นี่ต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนระดับสี่ถึงห้าดาวเท่านั้นนะ
แน่นอนที่เขาบริการขนาดนี้เพราะมันรวมค่าบริการในค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่
ไม่ว่าจะเป็นค่าห้องระดับหรู รวมทั้งค่าแรงของพนักงานเข้าไปด้วย
น่าแปลก...ทั้งๆที่เราก็ทราบดีว่าการบริการเหล่านี้ ที่ได้มาขึ้นอยู่กับอะไร
แต่เดี๋ยวนี้ทั้งคนไข้และญาติที่ตบเท้าเดินเข้ารับบริการในโรงพยาบาล
ทั้งของรัฐ และเอกชนระดับล่างถึงกลาง กลับเรียกร้องถึงการบริการในระดับหรู
จะให้หมอตรวจนู่นนั่นนี่ตามใจที่คิดว่าอยากจะได้ตรวจ
ประมาณว่าไปโรงพยาบาลเอกชนอื่นมาแล้วเขาจะตรวจ ก็เลยมาขอตามสิทธบัตรที่มีในมือ
จริงอยู่ว่าการตรวจบางอย่างเหล่านี้อาจต้องทำ แต่ตามหลักการอาจไม่ใช่สิ่งแรก ต้องตรวจอย่างอื่นซะก่อน
ต้องยอมรับว่าบ้านเราไม่ใช่เมืองนอก การตรวจบางอย่างมีราคาค่อนข้างสูง
จึงต้องใช้ดุลยพิจของแพทย์ในการเลือกส่งตรวจเป็นรายไป
ซึ่งสุดท้ายอาจจะจบด้วยการตรวจตัวนี้ก็ได้ แต่ยังไม่ใช่เวลานี้
บางคนมาชี้นิ้วสั่งว่าจะเอาอย่างโน้นอย่างนี้ให้ได้ดังใจนึก
พอไม่พึงพอใจก็ขู่จะฟ้องเอาๆ ซะงั้น ทั้งๆที่จ่ายนิดเดียว บางทีไปจ่ายที่ไหนๆมาได้ตั้งเยอะ
แต่มาใช้สิทธิ์ประกันสังคม หรือ ประกันสุขภาพถ้วนหน้า พอเงินต้องกระเด็นออกจากกระเป๋า ก็หน้าเขียวขึ้นมาทันที
พูดกันตามหลักความจริงที่เราก็รู้ๆ กันอยู่ การแบ่งเกรดโรงพยาบาลก็เหมือนโรงแรม คือ มีทั้งระดับสุดหรูแล้วลดหลั่นไป
ถ้าจะสังเกตุให้ดี ยิ่งโรงพยาบาลหรูเท่าไหร่ จะไม่รับประกันสังคมและประกันสุขภาพถ้วนหน้า
มันก็เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าคุณใช้เงินซื้อระดับการบริการทางการแพทย์

มันเป็นหลักการง่ายๆ ที่รู้กันอยู่แก่ใจ แต่ทำเพิกเฉย
คุณคงรู้สึกได้ว่าทำไมไปโรงพบาบาลแบบที่ต้องจ่ายเงินเองแล้วเขาให้คุณนอนโรงพยาบาลง่ายจัง
(ถ้าคุณแสดงให้เห็นว่ามีจ่ายแน่ๆ นะ)
แน่ละสิเพราะเขาได้เงิน โรงพยาบาลเอกชนจัดว่าเป็นธุรกิจ ดังนั้นถ้าทำอะไรแล้วได้เงินเขาก็พยายามทำสิ
แต่ทำไมไปใช้บริการตามสิทธิ์ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ได้นอน แน่นอนเพราะเป็นสิทธ์มูลฐาน
กลับกลายเป็นว่าพวกคุณๆ ทำเป็นไม่เข้าใจซะอย่างนั้น...น่าขำ

โรงพยาบาลต่างๆ มีมาตรฐานในการรักษาทั้งนั้น
แต่รายละเอียดของแต่ละโรงพยาบาลไม่เหมือนกัน จึงมีการจัดการที่แตกต่างกันออกไป

อยากให้มองเสียใหม่ว่า โรงพยาบาล ไม่ใช่...โรงแรม
ให้มองถึงการบริการในแง่ผลของการรักษา ไม่ใช่การเอาใจของบุคลากร


จริงๆ แล้วไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ก็อยากให้มองว่าการที่คนต้องมาบริการคนด้วยกัน
แม้ว่าจะซื้อการบริการด้วยเงินก็ตาม แต่ถ้าซื้อจากคนด้วยกัน
ก็ให้เรียกร้องพอประมาณ ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราว่าถ้าเป็นเราแล้วถูกคนอื่นมากระทำแบบนี้ใส่จะทนได้ไหมเช่นกัน
บางทีคุณอาจจะทนหรือทำให้ได้น้อยกว่านี้ซะอีก

มีคนไข้ถามเคยหมอว่าทำไมไม่ยอมให้เขานอนโรงพยาบาล
เพราะเขาก็จ่ายเงินเอง เขาบอกว่าเขารู้นะว่าหมอก็ได้เงินจากการให้คนไข้นอนโรงพยาบาล
หมอไม่รู้หรอกว่าหมอคนอื่นคิดอย่างไร แต่สำหรับตัวหมอเอง ถ้าไม่จำเป็นคือไม่จำเป็น
มีคนไข้เคยถามหมอว่าทำไมยาจากประกันสังคมกับจ่ายเงินเองไม่เหมือนกัน
ถ้าพูดจากใจหมอเอง...หมอไม่ชอบ แต่มันก็เป็นเรื่องนโยบายของโรงพยาบาล
ยาก็เหมือนรถยนต์...คนขับเบนซ์ กับ คนขับโตโยต้า วิ่งได้เหมือนกันแต่มันก็มีความต่าง
แต่กับยา...อยากให้มองว่า ถ้าเรากินยาราคาถูกหรือกินตัวที่อ่อนๆ แล้วหาย
จะดีกว่าทั้งในแง่การประหยัดเงิน และทรัพยากร
ทุกวันนี้คนไทยกินยากับแบบผิดๆ มากมาย โดยชอบพูดว่ากิน(ป้อง)กันไว้ก่อน ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
เรื่องของความเชื่อส่วนตัวเป็นเรื่องที่แรง ทำให้
บางเรื่องหมอก็ไปบังคับคนอื่นให้เชื่อให้เปลี่ยนไม่ได้...ก็ต้องปล่อยไป ขี้เกียจไปงัดข้อด้วย
งานนี้ก็ตัวใครตัวมันละกันค่ะ...จนปัญญา
และก็เพราะอย่างนี้หมอในบ้านเราถึงได้เปลี่ยนไปทุกๆ วัน จากตั้งใจทำตามอุดมการณ์
เป็นทำงานไปแกนๆ ไม่อยากจะมัวมานั่งพูดนั่งอธิบายให้เมื่อยตุ้ม...

ว่าแต่ว่า...ไอ้"ตุ้ม"เนี่ยมันอยู่ตรงไหนของร่างกายก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าถ้าพูดมากๆ แล้วคนที่ฟังไม่รู้เรื่อง ก็จะเมื่อยตรงนี้มันซะทุกทีเลย


Create Date : 22 มิถุนายน 2552
Last Update : 22 มิถุนายน 2552 9:59:05 น. 0 comments
Counter : 694 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

blue passion
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




มีหัวใจไว้เดินทาง ค้นหาความหมายของชีวิต เพื่อเติมเต็มให้กับคำถามที่เกิดขึ้นมากมายระหว่างการเติบโต วิธีการในการเดินทางมีมากมาย แต่ ณ วันนี้ ขอเลือกสองล้อเป็นพาหนะในการนำพาไปสู่จุดหมายปลายทาง

Site Meter

Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add blue passion's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.