เงินที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ กับ สุขภาพดีที่ไม่มีวันได้
"การไม่มีโรค คือลาภอันประเสริฐ" วลีแต่โบราณที่ไม่ว่าอีกกี่ยุคกี่สมัยก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แม้หมอจะมีอายุการทำงานมาไม่นานนัก (ไม่นานเท่าไหร่ ก็ประมาณซัก 5 ปีเห็นจะได้) ตัวเองยอมรับว่าออกจะเป็นหมอที่แรง ตรงไปตรงมาเกินไปหน่อย ในชีวิตการทำงานที่ผ่านมาก็ได้ต่อว่า ออกแนวโกรธๆ ไปมากมายกับเหล่าบรรดาคนไข้ที่มารับการรักษาโรคต่างๆ เพราะโรคที่เกินในคนไข้เหล่านี้เป็นโรคที่หลีกเลี่ยง หรือทำให้ดีขึ้นได้ ถ้าเพียงแต่ใส่ใจตัวเองสักนึก พยายามทำความเข้าใจกับโรค และให้ความร่วมมือในการรักษา
การให้ความร่วมมือในการรักษาไม่ใช่แค่เรื่องการกินยา แต่หมายถึงการให้ความร่วมในการช่วยกันหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค เพื่อประโยชน์ทางการรักษาในแง่ของการป้องกัน
ผู้ป่วยส่วนใหญ่เมื่อมารักษาตัวในสถานพยาบาลต่างล้วนแล้วแต่คาดหวังให้อาการป่วยหรือสิ่งที่รบกวนจากความรู้สึกเจ็บป่วยนั้นหายไป หรือทุเลาเบาบางลง หมอเข้าใจและพยายามตอบสนองสิ่งเหล่านี้ด้วยยา ซึ่งเป็นหน้าที่หลัก
แต่เมื่อมองย้อนไปถึงสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ถ้าไม่นับโรคที่เกิดอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลักๆคงไม่พ้นการละเลยที่จะดูแลตัวเองให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ
สุขภาพที่ดีเงินไม่สามารถซื้อได้ ใจต่างหากที่ทำให้สุขภาพดีได้
ใจทำให้สุขภาพดีได้อย่างไร?
เมื่อเรามีใจที่จะรักตัวเอง เราจะใส่ใจและเลือกสิ่งที่ดีให้กับสุขภาพ
เริ่มจากเรื่องที่ง่ายที่สุด กับสิ่งที่เป็นพื้นฐานของชีวิต 1 การดื่น,กิน ได้แก่ - การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่กินอาหารหรือสิ่งที่เป็นพิษหรือทำลายสุขภาพ - การกินอาหารให้ครบห้าหมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับซึ่งสารอาหารเพื่อเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอได้อย่างครบถ้วน - การกินอาหารให้ตรงเวลาและพอเพียง เพื่อลดการระคายเคืองของกระเพาะ ก่อนเวลาหิว เมื่อคุณหิวนั่นหมายถึงน้ำย่อยออกมาจนเต็มกระเพาะแล้ว และ จะทำให้ร่างกายมีพลังงานอย่างพอเพียงสม่ำเสมอ เพื่อให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดคงที่ จะลดการทำงานของระบบฮอร์โมนไม่ให้ทำงานหนักเกินไปและ รวมทั้งไม่กินมากเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นก็จะอ้วนตามมา - การดื่มน้ำให้พอเพียง เพื่อให้ไตและทางเดินอาหารมีสมดุลในการขับถ่ายของเสียต่างๆ 2 การพักผ่อนให้เพียงพอ - ปริมาณในการนอนของแต่ละคนไม่เท่ากัน นั่นหมายถึงบางคนอาจจะนอนเพียงสี่ชั่วโมงต่อวันก็เพียงพอ ในขณที่บางคนอาจต้องการถึงแปดชั่วโมงต่อวัน โดยต้องคำนึงถึงคุณภาพของการนอนด้วย - หมอรับประกันได้เลยว่าร้อยทั้งร้อยคนที่นอนไม่หลับต้องมีปัญหาทางกายหรือไม่ก็ทางใจ ไม่งั้นก็เกี่ยวกับสภาวะแวดล้อมในการนอนไม่เหมาะสม 3 การขับถ่าย - สภาวะปกติของมนุษย์จะมีการขับถ่ายได้ตั้งแต่ 1-3 วัน โดยแต่ละวันไม่ควรเกิน 3 ครั้ง ดังนั้นแม้คุณจะไม่ได้ถ่ายทุกข์หนักทุกวันจะหมายความว่าท้องผูก กินเยอะก็ออกเร็ว หรือว่าแแปลกที่ห้องน้ำไม่สะอาด ไม่ถ่ายทั้งอาทิตย์ก็ยังได้ แต่ถ้ามีถ่ายเหลวแม้แต่หนึ่งครั้งก็คือท้องเสีย (คำว่าถ่ายเหลวคือกรณีมีน้ำออกมาในอุจจาระมากกว่าเนื้อ) 4 การออกกำลังกาย - เราทุกคนแก่ลงทุกวันตามเวลาที่เดินไปข้างหน้าอยู่ตลอดโดยไม่มีวันหวนกลับ แม้ว่าวิวัฒนาการทางการแพทย์จะก้าวหน้าเพียงใด เราก็ยังไม่สามารถหยุดตัวเราเองไว้ให้ไม่แก่ แม้วันนี้เราจะยังคงวิ่งได้เท่าอายุ 15 ไม่ได้มายความว่าเราแข็งแรงเท่า ทุกเซลล์ในร่างกายเสื่อมลงทุกวัน การคงความแข็งแรงให้กับอวัยวะต่างๆ ก็คือการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยการออกกำลังแต่ละรูปแบบให้ผลลัพท์ที่ต่างกัน และ ส่วนที่ได้ประโยชน์ก็ต่างกันด้วย คุณคงไม่ยกน้ำหนักด้วยแขนแล้วรู้สึกว่าขากล้ามขึ้นได้แน่ๆ - การออกกำลังกายให้พอเพียง คือ การออกกำลังในปริมาณที่มากพอจะนับเป็นการออกกำลัง การวิ่งเพียงหนึ่งนาทีคงไม่นับเป็นการออกกำลังการเป็นแน่ พอๆ กับการทำงานหรือทำกิจวัตประจำวันก็ไม่ใช่การออกกำลังกาย ให้ลองมองดูนักกีฬา นักวิ่งหรือนักว่ายน้ำ แม้จะต้องซ้อมว่ายน้ำทั้งวัน แต่ก็ยังต้องวิ่งวอร์มและแบ่งเวลาไปเล่นเวท (การยกน้ำหนัก) พอจะมองออกแล้วใช่ไหมว่า แม้แต่นักกีฬาที่ดูเหมือนจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังต้องแก้ไขจุดต่างๆ เป็นรายละเอียดไป - ไม่ออกกำลังกายอย่างหักโหมจนเกินไป การออกกำลังเกินแรงในแต่ละครั้ง ไม่ได้ทำให้คุณแข็งแรงขึ้น มีแต่จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ และหากยังคงมีพฤติกรรมเช่นเดิมก็คงก่อให้เกิดการบาดเจ็บสะสม นำไปสู่การบาดเจ็บเรื้อรังที่ไม่มีทางหายในที่สุด 5. ใจที่ดี การออกกำลังทางใจก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เมื่อเรามีความสุข เราย่อมมีความสดใน ความสุขเกิดจากการที่ใจคิดแต่แง่ดี สิ่งบวก ฝึกตนเองให้เป็นคนคิดในแง่ดีอยู่เสมอ เราจะมีความสุขกับปัจจุบันได้ตลอดเวลา และการฝึกสมาธิ ก็จะทำให้เราสงบเยือกเย็น นำไปสู่ความสามารถในการไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นอยู่
ยังมีอื่นๆ อีกมากมาย ดูเหมือนยิบย่อยเยอะเแยะหยุมหยิมยากเย็นมากมายจนดูน่าจะท้อใจ แต่จริงๆแล้ว ถ้ามองดีๆ ทุกๆอย่างล้วนแล้วแต่เดินอยู่บนทางสายกลางและหลักความพอเพียง
เราสามารถกินได้ทุกอย่างที่อยากกิน แต่ต้องไม่มากจนเกินไป คุณไม่จำเป็นต้องอดเค้ก ของหวาน หรือช็อคโกแลต เพียงแต่ต้องรู้จักหักห้ามใจไม่ให้กินมากจนเกินไป การเป็นคนรักษาสุขภาพไม่ได้หมายความต้องไม่เคยกินเหล้า ต้องกินมังสาวิรัต เพียงแต่เราเลือกสิ่งที่จะกินและควบคุมปริมาณ
เราสามารถทำได้ทุกอย่างทำ โดยไม่เกินขอบเขตความสามารถของตนเอง เบื้องต้นเพียงเท่านี้ก็ห่างไกลโรคอยู่มากโข
ที่ผ่านมาจะพบว่าในปัจจุบันเราไม่ได้ดูแลใส่ใจสุขภาพกันเลย แต่เมื่อป่วยก็ถามหาแต่ยาที่คิดว่าดี ไอ้ยาที่แพงๆก็คิดว่าดี โรคทั้งหลายแหล่เนี่ยมันหายอยู่แล้ว อวัยวะแต่ละอย่างมีระยะเวลาในการพื้นตัว บางโรคต่อให้ไม่กินยาก็หายอยู่แล้วด้วยซ้ำ (กว่า 80% เลยล่ะ) เพียงแต่เมื่อคุณกินยา อาการทรมานต่างๆ มันไม่ปรากฎก็คิดว่าดีคิดว่าหายก่อนเวลา ยังไม่นับเหล่าคนไข้ที่ป่วยจากโรคที่ทำตัวเอง เช่น เหล่าบรรดาสิงห์สุราที่กินจนตับพัง กระเพาะทะลุ หรือ เหล่าคนไข้เบาหวานที่กินผลไม้เป็นกิโล ประเทศไทยหมดเงินไปกับค่ายา ค่าบริการทางการแพทย์มากเกินความจำเป็นมากมาย รวมทั้งความเชื่อแบบผิดๆ ที่แก้เท่าไหร่ก็ไม่ค่อยจะฟัง ทำให้เหล่าบรรดาหมอๆ คร้านจะพูด เพราะพูดไปก็ไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นแถมคนไข้ยังเกลียดขี้หน้า โทษฐานไม่ทำให้ตามใจต้องการซะอีก คิดๆแล้วเสียดายค่ะ
บ้านเรากินยาแก้อักเสบกันเยอะเกินความจำเป็นมากมาย โดยนัยยะคือ ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฎิชีวนะ ที่พยายามแก้เท่าไหร่ก็ไม่หมดซะที ผลที่ตามมาก็คือการที่เชื้อแบคทีเรียจะเกิดการดื้อยาเพิ่มขึ้นตามมาในอนาคตอย่างแน่นอน
บ้านเรามักชอบฉีดยา ด้วยคิดว่ามันจะหายเร็วกว่า ก็ไม่เถียงค่ะ ถ้าเจ็บคอจากต่อมทอลซินอักเสบ ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย การฉีดยาก็จะได้ปริมาณยาที่มากกว่าทำให้หายเร็ว แต่ถ้าเป็นในระยะแรก ก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องฉีด แต่ไม่ได้หมายความว่าฉีดไม่ได้ กินยาก็หาย ราคาถูกกว่าด้วย อยากให้มองในแง่ของความจำเป็นและราคาที่จะซื้อสิ่งเหล่านี้ ซึ่งถ้าลองสังเกตุชาวตะวันตก (ต้นกำเนิดการแพทย์ปัจจุบัน) จะไม่ฉีดถ้าไม่จำเป็น แต่บ้านเราขอฉีดเลย ไม่สนอะไรทั้งนั้น คิดอย่างเดียวเร็วไว้ก่อน
เมื่อเจ็บป่วยใดๆ ขึ้นแล้วก็ตาม อยากให้มองย้อนไปดูซักนิดว่าเราๆ มีพฤติกรรมใดๆที่ส่งเสริมให้เจ็บป่วยหรือไม่ ถ้ามีอยากให้ใส่ใจช่วยปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้อาการเจ็บป่วยทุเลาเร็วขึ้นรวมทั้งเป็นการลดอาการป่วยในอนาคต เพราะเมื่อเดินเข้ามาหาหมอนั่นก็หมายถึงการเกิดโรคแล้ว ซึ่งก็หมายถึงปลายเหตุนั่นเอง
เพราะเมื่อถึงปลายทางของบางโรคแล้ว มีเงินมามายเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหายจากโรค มีแต่รอวันหายไปจากโลกเพียงอย่างเดียว
สุขภาพดีสร้างได้ด้วยตัวเราเอง เพียงหันแต่ใส่ใจสุขภาพกันสักนิด...ใช้เงินที่มีซื้อสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สิ่งบรรเทิงแบบสร้างสรรค์ต่อจิตใจ หรือจะเป็นอุปกรณ์ออกกำลัง ทริปท่องเที่ยว นำมาซึ่งสุขภาพที่ดี
อยากให้เริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป ก่อนที่จะต้องเอ่ยคำว่า..."ถ้าเพียงแต่วันนั้น" ลงมือทำกันนะคะ
Create Date : 19 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2552 15:04:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 800 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]
|
มีหัวใจไว้เดินทาง ค้นหาความหมายของชีวิต เพื่อเติมเต็มให้กับคำถามที่เกิดขึ้นมากมายระหว่างการเติบโต วิธีการในการเดินทางมีมากมาย แต่ ณ วันนี้ ขอเลือกสองล้อเป็นพาหนะในการนำพาไปสู่จุดหมายปลายทาง
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|