29 เคล็บลับความงามของสาวญี่ปุ่น มีเคล็บลับความงามในแบบฉบับสาวญี่ปุ่น โดยไม่ต้องเจ็บตัวพึ่งศัลยกรรมมาแนะนำค่ะ ..ประโยชน์คือ ได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น ว่าวิธีการรักษาความงามทำอย่างไร 1. ไม่ว่าจะแต่งหน้าสไตล์ไหนก็ขอโชว์ผิวใสๆไว้ก่อน ทุกๆเช้าเราจึงควรดื่มน้ำอุ่น 4 แก้ว เพื่อดีท็อกซ์ร่างกายให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและยังเรียกความสดชื่นให้ร่างกาย ได้เป็นอย่างดี 2. ก่อนทาครีมบำรุงผิวหน้าทุกเช้า ให้นวดครีมบนนิ้วมือเบาๆ เพื่อเป็นการวอร์มก่อนแต้มครีมบนใบหน้า 5 จุดแล้วนวดเบาๆ ในทิศทางวนขึ้น เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและกระชับผิวหน้า 3. สูตรผิวใสแบบญี่ปุ่น ฝานมะเขือเทศหนาๆ 1 ชิ้น มาถูทั่วใบหน้าและลำคอเบาๆ เน้นบริเวณที่มีสิวเสี้ยน แล้วใช้น้ำเย็นล้างหน้าให้สะอาด วิตามินซีและกรดAHAในมะเขือเทศจะช่วยลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก 4. อยากให้หน้าเด็กอยู่เสมอ ต้องให้เวลาและใส่ใจกับการเช็ดเครื่องสำอางให้มากๆ เพราะสิ่งตกค้างจะทำให้รูขุมขนอุดตันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และเมื่อสะสมไปนานๆ จะทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอยก่อนวัยอีกด้วย 5. ลืมครีมรองพื้นแบบหนาเตอะไปได้เลย ต้องรองพื้นเนื้อบางให้หน้าดูเนียนเป็นธรรมชาติถึงจะอิน! 6. เริ่มหัดใช้ฟองน้ำหรือแปรงเกลี่ยรองพื้น เพราะจะทำให้รองพื้นติดทนนานกว่า แถมยังดูบางเบาเนียนไปกับผิวมากกว่าการใช้นิ้วมือ 7. สาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ (เหมือนบ้านเรานั่นแหละ) เป็นอีกสาเหตุหนึ่งให้เกิดรอยคล้ำใต้ดวงตา จึงต้องทาอายครีมเป็นประจำและมาสก์สัปดาห์ละครั้ง หรือเมื่อรู้สึกว่าดวงตาอ่อนล้า 8. เคล็ดลับสร้างเส้นกรอบตาให้ดูกลมโตของสาวซากุระ คือ ปัดมาสคาร่าขนตาล่างด้วยเสมอ 9. เทคนิคปัดมาสคาร่าที่ขนตาล่าง คือ ตั้งแปรงขึ้นแล้วปัดไปทางซ้ายและขวาจนครบทุกเส้น 10. กรีดอายไลเนอร์ที่ขอบตาบนให้เป็นเส้นโตๆ พอมาถึงหางตาให้กระดกปลายเส้นขึ้น นิดๆ จะช่วยให้สาวตาชั้นเดียวหรือสาวตาเล็กแลดูดวงตาโตขึ้น แถมอินเทรนด์อีกด้วย 11. ถ้าเป็นสาวตาโตอยู่แล้วควรกรีดอายไลเนอร์เส้นบางๆ หรือใช้ดินสอเขียนแค่ขอบตาเน้นให้ดูคมขึ้นก็พอ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ตาดูดุเกินไป 12. เทรนด์ที่สาวญี่ปุ่นกำลังฮิตคือ เขียนอายไลเนอร์สีดำที่ขอบตาบนและล่าง แล้วเกลี่ยอายแชโดว์ไฮไลท์สีขาวหรือสีสว่างๆขอบตาล่าง ไล่จากหางตามาเรื่อยๆให้เส้นฟุ้งหายไปที่หัวตา 13. แต้มอายแชโดว์ที่มีประกายทองหรือบรอนซ์อ่อนบริเวณหัวตา จะช่วยให้ใบหน้าและดวงตาดูสว่างขึ้น 14. ฮิตมาตลอดก็ต้องลิปกลอสใสแวววาว แนะนำให้เลือกลิปกลอสสีแดงนิดๆ ทำให้ริมฝีปากแลดูสุขภาพดี 15. ถ้าอยากทาปากสีเข้มควรเติมลิปกลอสทับเพื่อให้ดูนุ่มนวลขึ้น และลดความเข้มของสีเปลือกตาและบลัชออนลงด้วย 16. สาวญี่ปุ่นมักจะเน้นการแต่งตาเป็นหลัก จึงไม่ควรปัดแก้มแข่งกัน อาจใช้บลัชออนชนิดครีมลงที่พวงแก้มก่อน แล้วค่อยปัดแป้งฝุ่นทับอีกที แก้มจะได้ดูใสๆเป็นธรรมชาติ 17. นอกจากจะนิยมอายแชโดว์สีสว่างสดใสแล้ว ช่วงนี้สีเทาดำแบบสโมกกี้อายก็กำลังมาแรงเช่นกัน 18. แทบไม่มีสาวญี่ปุ่นคนไหนที่ไม่กันคิ้ว เพราะการกันคิ้วจะทำให้ช่วงตาดูสดใส เคล็ดลับ คือ ควรกันคิ้วหลังล้างหน้าซึ่งเป็นช่วงที่ขนคิ้วอ่อนนุ่ม และกันคิ้วเฉพาะด้านล่างเท่านั้น เพราะการกันคิ้วด้านบนจะทำให้ใบหน้าดูเศร้า 19. สาวญี่ปุ่นมักหากรรไกรเล็กๆมาเล็มขนคิ้วที่ยาวเกินไป ส่วนมีดโกนเหมาะสำหรับกันส่วนเกินที่ไม่ได้รูปเท่านั้น 20. วิธีดีท็อกซ์ง่ายๆสไตล์ญี่ปุ่น เพียงนอนแช่ในน้ำอุ่นสัก 10 นาที รูขุมขนจะเปิดกว้างพร้อมขับของเสียออกออกมากับเหงื่อ และยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งมีเลือดฝาดมากขึ้น 21. เดี๋ยวนี้มีนวัตกรรมทำสีผมแบบใหม่จากญี่ปุ่น คือใช้น้ำยาที่มีออกซิแดนซ์ต่ำ ทำให้ผมไม่แห้งเสีย และเกิดอาการระคายเคืองน้อย สีที่กำลังมาแรง คือ สีน้ำตาลอมเทาและน้ำตาลประกายชมพู สำหรับสาวผมแห้งเสียขอแนะนำทรีตเมนท์ Bond ที่ดาราญี่ปุ่นกำลังนิยมมากๆ 22. คิ้วสวยได้รูปเป็นอย่างไร หัวคิ้วควรตรงกับหัวตา ส่วนที่โค้งที่สุดของคิ้วอยู่ตรงเส้นรอบตาดำด้านหางตา และหางคิ้วควรมีความยาวอยู่ในแนวปีกจมูกถึงหางตา แต่ถ้าไม่ชำนาญลองแวะไปใช้บริการที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางก็ไม่ว่ากัน 23. ฮิตทำสีผมแล้ว อย่าลืมเขียนคิ้วให้เป็นสีใกล้เคียงกับสีผม สำหรับใครที่มีคิ้วบางใช้ดินสอ หรือส่วนสาวคิ้วหนาใช้มาสคาร่า แต่ถ้าไม่มีก็ใช้พู่กันแต้มอายแชโดว์สีน้ำตาลเขียนแทนได้เหมือนกัน 24.เดี๋ยวนี้สาวญี่ปุ่นนิยมอาบแดดไม่แพ้ฝรั่ง หลังจากโดนแดดมาทั้งวันผิวกายดูคล้ำขึ้น แนะนำให้เอาสตรอเบอร์รี่มาปั่นพอหยาบๆผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาพอกไว้ตาม ร่างกายประมาณ 15 - 30 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยให้ผิวดูเนียนใสขึ้น 25. เคล็ดลับสุขภาพดีจากภายในอยู่ที่การเลือกรับประทานอาหารที่รสไม่จัด ปลา และอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง เช่น ซอสถั่วเหลือง เต้าหู้ 26. การขัดผิวสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง นอกจากช่วยให้ผิวสะอาดเนียนนุ่มแล้ว ยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของน้ำเหลือง จึงทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายเพิ่มขึ้น 27. การดื่มชาร้อน(ไม่ร้อนจัด)เป็นประจำจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินให้เป็น พลังงาน ลดคอเรสเตอรอลและช่วยขับสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกาย แถมยังช่วยลดอัตราการเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้ด้วย 28. เคล็ดลับผมนุ่มสลวยแบบธรรมชาติ คือ การนำสาหร่ายญี่ปุ่น(คมบุ)มาแช่ในน้ำทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นนำน้ำที่แช่สาหร่ายมานวดผมหลังสระ แล้วล้างออกให้สะอาด 29. การต่อเล็บแล้วเพ้นท์ด้วยสีสันสดใส ประดับเพชรหรือประดับด้วยดอกไม้แบบสามมิติ ยังคงมาแรงในญี่ปุ่น ขอบคุณข้อมูลจาก //www.sanook.com , //www.facebook.com/pages/TH-Women-Club/295046347195356?sk=wall สนใจ อ่านเคล็ดลับความงามเพิ่มเติมได้ที่นี่ TH Women Club   Create Date : 29 พฤศจิกายน 2554     0 comment Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 17:05:57 น.     Counter : 1329 Pageviews.   Share Tweet

วิธี แก้ริมฝีปากดำ ปากแห้ง แตก วิธีการแก้ไขได้ไม่ยากริมฝีปากคล้ำ หาก สำรวจตัวเองจนได้คำตอบแล้วว่า ต้นตอของปัญหา ริมฝีปากดำคล้ำ แห้ง แตก และลอกเป็นขุย เกิดจากสาเหตุใด วิธีแก้ไขก็ไม่ใช้เรื่องยากเย็นอะไรเลย โดยปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ คือ 1. ดื่มน้ำมากๆ มากจนเพียงพอที่จะให้ความชุมชื้นถึงทุกส่วนของ ผิวหนัง รวมทั้งริมฝีปาก เพราะยิ่งอายุเพิ่มขึ้น เซลล์ในร่างกายจะเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง 2. เมื่อกินผักผลไม้เสร็จแล้ว ล้างปากให้สะอาดทุกครั้ง 3. เปลี่ยนยาสีฟันที่มีฟองมาก รสเผ็ดซ่า เป็นยี่ฮ้อที่มีฟองน้อยลง และเผ็ดน้อย หรือใช้ยาสีฟันเด็ก หรืออาจใช้วิธีทาวาสลินขาวเคลือบริมฝีปากก่อนแปรงฟัน เพื่อป้องกันฟองยาสีฟันรบกวนริมฝีปาก ถ้าไม่มีวาสลินขาวอาจใช้เบบี้ออยล์ (baby oil) แทนก็ได้ 4. อย่าเลียริมฝีปากแม้ว่าจะช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื่นขึ้น (ชั่วคราว) แต่เมื่อความชื้นระเหยกลับ จะทำให้ริมฝีปากแห้งมากขึ้น 5. ทาริมฝีมากบ่อยๆ ด้วยวาสลินขาว แทนลิปกลอสหรือลิปมัน ที่แห้งหรือแข็งเกินไป หรืออาจใช้ลิปปาล์มที่มีสารจากธรรมชาติ และมีสารป้องกันแสงแดดอยู่ด้วย ขอขอบคุณ : หมอชาวบ้าน - ริมฝีปากของคุณเป็นแบบไหน? //webboard.yenta4.com/topic/445839   Create Date : 29 พฤศจิกายน 2554     0 comment Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 17:05:10 น.     Counter : 1565 Pageviews.   Share Tweet

อาการของคนมีความรัก อาการของคนมีความรัก 1. อยากเห็นหน้าไม่งั้นบ้าตาย 2. คิดถึงตั้งแต่ตื่นนอน....จนถึงเข้านอน หรือไม่ก็...ฝันมันซะเลย ไม่เว้นแม้แต่เข้าห้องน้ำ 3. เห็นหน้าเขาคนนั้นทีไร หัวใจก็เต้นโครมครามโดยไม่มีเหตุผล 4. แอบมองเขาทั้งระยะไกล้และระยะไกล ไม่ให้เขารู้ตัว ไม่กล้าสบตา เดี๋ยวเขารู้ตัว 5. เกาะติดสถานการณ์ เห็นเขาอยู่ไหน พยายามพาตัวไปใกล้ๆ 6. อยากรู้จัก อยากพูดคุย อยากได้ยินเสียง อยากยิ้มให้ ( แต่ก็ไม่กล้า ^ ^ ) 7.โรแมนติกขึ้นมาหน้าตาเฉย มีการพับดาวใส่ขวด เขียนกลอน เพ้อรำพึงรำพัน 8. เห็นเขาเดินกับใคร คุยกับใคร หัวใจปั่นป่วนจวนจะระเบิด 9. หวั่นไหวไปกับเสียงเพลง และมิวสิควีดีโอ แอบยิ้มหวานคนเดียว 10. ห่วงใยความสวยของตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน 11. สืบเสาะแสวงหาข้อมูลส่วนตัวของเขา อาทิ เกิดวันไหน เรียนที่ไหน บ้านอยู่ไหน เบอร์โทรอะไร หาให้วุ่น 12. อยากรู้ว่าเขาชอบอะไร ดูหนังฟังเพลงแบบไหน อะไรนะที่เป็นของโปรด 13. เริ่มคิดหนักว่าเขามีใครเป็นหวานใจหรือยัง แล้วอย่างเราเนี่ยสเปกเขาหรือเปล่า เริ่มจินตนาการไปต่างๆนานา 14. เริ่มบนบานศาลกล่าว ผ่านดวงดาว ลมหนาว ดวงจันทร์ ศาลพระภูมิ ยัน ดวงอาทิตย์ บลาๆๆ ช่วยให้สมหวังทีเท้อะ หากคุณมีอาการเหล่านี้เพียง5ข้อ ก็ให้รู้ตัวไว้นะว่า คุณน่ะ แอบชอบเค้าเต็มเปาแล้วหละ (แอบรักใคร ก็บอกเค้าให้รู้ตัวนะคะ บางที อาจจะใจตรงกันอยู่ก็ได้)   Create Date : 29 พฤศจิกายน 2554     0 comment Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 17:03:47 น.     Counter : 1134 Pageviews.   Share Tweet

ควรกอดกันที่ไหน เมื่อไหร่ถึงควรจะกอด ?? เติมสัมพันธ์รักให้เต็มเสมอ ด้วยการกอด การกอด เป็นพฤติกรรมที่ช่วยถ่ายทอดความรักชนิดใจถึงใจ ระหว่างคู่รักได้เจ๋งเป้ง อย่าให้said อย่างน้อยก็ให้เกิดความ ซาบซึ้งและเข้าใจตรงกันไงว่าเรายังรักกันดีอยู่ เพราะไม่งั้นขืนเกลียด เข้าไส้ ก็รับรองได้เลยว่า ไม่มีใครอยากจะแตะเนื้อต้องตัวให้เสนียดจับหรอกเชื่อดิ แถมการกอดเนี่ยนะ ยังเป็นพฤติกรรมที่แฟนหรือคนรัก สามารถสื่อสารถึงกัน ท่ามกลางความเงียบ ได้ ดีกว่าแข่งกันพูดปาวๆซะอีก ว่ากันว่า การกอดยังเป็นการเพิ่มกำลังใจ ด้วยการสัมผัสทางกาย เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่แปลกมาก แปลกจริงๆ แปลกจนเหลือเชื่อจังเลยท่าน ว่าทำมั้ย ทำไมจึงมีคู่รักมากมาย ไม่กล้าแม้แต่จะกอดหรือแตะเนื้อต้องตัวกัน ทั้งที่การกอดหรือสัมผัสกันเนี่ยเป็นการแสดง ความรักที่ยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวเชียวนะ ถ้าไม่กอดกันแล้วจะเสียใจไม่รู้ด้วย! ว่าแต่ตอนจะกอดก็ควรเหลียวซ้ายมอง ขวาซะก่อนว่าไม่ควรทำ อะไรประเจิดประเจ้อ ให้ไปกอดกันในบ้าน หรือในโรงแรม เอ้ย ไม่ใช่ ในห้องนอนก็กอดไปเหอะ คนรักกันควรทำสัญญาใจ ไปเลยด้วยซ้ำว่า จะกอดกันเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะรู้ไหมว่า แค่กอดเนี่ยนะจะทำให้ คู่รักทั้งสองได้ทำให้ความใกล้ชิด สนิทสนมมีค่ามากยิ่งกว่ามิตรภาพซะอีก ในการจะหาเรื่องกอดเพื่อกระชับรัก อยากรู้ไหมว่า นอกจากกอดกันในขณะร่วมรักกันแล้ว เรายังสามารถกอดกันในโอกาสไหนได้อีกบ้าง ?? กอดระหว่างแช่ในน้ำตอนอาบน้ำด้วยกัน แค่นึกภาพตามก็รู้แล้วว่างานนี้จบลงที่ไหนอย่างไร หรือจะกอดเธอหลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ก็โอนะ กลิ่นตัวหอมๆ มันชวนดมนี่หน่า รับรองเธอไม่ว่าอะไรคุณหรอก กอดกันบนเตียงก่อนที่คุณจะหลับในแต่ละวัน ข้อ นี้เบสิกที่สุด แต่ผู้ชายก็มองข้ามได้ง่ายที่สุดเช่นกัน หรือจะให้ดูโรแมนติกก็ต้องกอดกันใต้ผ้าห่มขณะดูดาวยามค่ำคืน มั่นใจได้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบ แต่ถ้าหาโอกาสไปดูดาวกันยาก เริ่มต้นที่โอบกอดหวานใจขณะที่อ่านหนังสือด้วยกันไปพลางๆ ก่อนก็ได้ กอดขณะต่อแถวเข้าคิวซื้อตั๋วหนังหรือตั๋วคอนเสิร์ตก็ไม่เลว เพียง แค่คุณต้องทนสายตาของประชาชีรวมตัวหน่อยเท่านั้นเอง พอเข้าไปในโรงหนังแล้วก็อย่าพลาดที่จะกอดขณะที่ดูหนังด้วยกัน ดูสวีทวี๊ดวิวดี กอดเมื่ออีกฝ่ายรู้สึกหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง เพื่อทำให้เขาหรือเธอรู้สึกดีขึ้น เหมือนในหนังในละครที่พอนางเอกโวยวายมากๆ แล้วพระเอกดึงตัวมากอดเท่านั้นแหละ ทุกอย่างก็สงบลง... ลองดู ไม่ต้องเป็นพระเอกก็ทำได้ กอดกันก่อนอีกฝ่ายจะไปทำงานหรือกอดกันตอนที่ได้เจอกันก็น่ารักดี คู่รักหลายๆ คู่ทำกันประจำกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคย บอกได้แค่ว่าต้องลอง แล้ววันนั้นทั้งวันคุณจะทำงานอย่างมีความสุข กอดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็ทำให้เซอร์ไพรส์ได้ดีเหมือนกัน หรือจะกอดตอนที่เธอทำอะไรสุดประทับใจให้คุณก็ได้ แถมหอมแก้มหรือจูบอีกนิดหน่อยก็ได้ไม่ว่ากันอยู่แล้ว นี่ แค่ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณสามารถนำไปปฏิบัติตามได้ และรับรองได้ว่าถ้าคุณลงมือทำไปแล้วจะได้ใจและกายของเธอกลับมาเป็นเครื่อง ตอบแทนแน่นอน โอกาสที่ดีที่สุดที่จะกอด กันได้แก่ • ระหว่างแช่ในน้ำตอนอาบน้ำด้วยกัน • กอดกันใต้ผ้าห่มขณะดูดาวยามค่ำคืน แหม้ มันแสนโรแมนติกซะยิ่งกระไร • กอดกันบนเตียงก่อนที่คุณจะหลับในแต่ละวัน • กอดขณะต่อแถวเข้าคิวซื้อตั๋วหนังหรือตั๋วคอนเสิร์ตก็ยังได้ • สวมกอดขณะได้พบกะคนรักหรือจำเป็นต้องจากกัน กรณีใดกรณีหนึ่ง • โอบกอดหวานใจขณะอ่านหนังสือด้วยกัน • กอดดาร์ลิ่งแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเพื่อเซอร์ไพรส์กันซะให้สาสม • กอดเค้า หลังคู่รักของคุณได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่คุณสุดประทับใจ ถ้าจะแถมจูจุ๊บด้วยก็ดีสิจ๊ะ • กอดระหว่างไปปิกนิกที่สุดแสนโรแมนติกด้วยกัน • กอดคนรักเมื่อเค้าหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง เพื่อทำให้เค้ารู้สึกดีขึ้นไงล่ะ • โอบกอดขณะนั่งดูภาพยนตร์ด้วยกัน ถ้าใครจะหาว่าสวีทไปรึเปล่าจ๊ะ ก็ช่างมันเหอะ • หันไปกอดเค้าให้แน่นในห้องนั่งเล่นขณะดูทีวีรายการโปรดของคุณทั้งสอง • กอดเค้าหลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ อ้าวก็ในเมื่อเขากำลังตัวหอมๆ อยู่ก็ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งซะเลยก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ • แกล้งดึงเค้ามากอดหลังชวนเค้าเล่นมวยปล้ำก็ยังได้ • โอบเค้าเข้าเต็มเปาแบบมันเขี้ยวเต็มที่ในคืนอากาศเย็นยะเยือกบนเตียงดูเดะ ถ้ากอดไปกอดมา ไฟมันสปาร์กทำให้เกิดแรงดึงดูดทางกายมากกว่าปกติก็โป๊ะเชะมีกิจกรรมภายในร่ม ได้ทันที เอ้าก็จะรอช้าอยู่ไยใช่ป่าว • กอดเค้าก่อนหรือหลังจากมอบของขวัญวันเกิดหรือของขวัญเนื่องในเทศกาลสำคัญๆ อะไรเงี้ย นอกจากจะทำให้คนรับรู้สึกว่าคุณรักเค้าอย่างที่สุดแล้ว มันยังหมายถึงคุณคิดถึงเค้าตลอดเวลาอีกด้วย ซึ้งไหมล่ะ • กอดเค้าเป็นการขอบคุณเค้าที่มอบความรักให้คุณก็ ได้นะ ก็จะหาเรื่องกอด มีอะไรรึเปล่า? นอกจากนี้การกอดยังเป็นการเพิ่มและเสริมกำลังใจ อย่างดีเยี่ยมระหว่างคู่ที่รักกัน ปานจะกลืนซะด้วย ถ้า คุณเป็นฝ่ายกอด : บอกคู่รักของคุณสิว่าทำไมคุณถึงได้ชอบกอดเค้าซะจริง แม้คุณจะเป็นคนรักสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข, แมว, กระต่าย แต่ไม่วายอยากกอดคนที่คุณสนิทเสน่หาด้วยมากกว่าใครเพื่อนอยู่ดีใช่มะ ถ้าคุณถูกกอด : อย่าลืมบอกเหตุผลให้คู่ชีวิตของคุณว่า ทำไมคุณถึงมีความสุข เมื่อเค้าโอบกอดคุณอย่างทะนุถนอม ชนิดที่ไม่มีใครทำแบบนี้กะคุณมาก่อนให้เค้าฟังหน่อย ดูสิเค้าจะปลื้มอ๊ะป่าว เรื่องของการกอด... เค้าว่า การกอดคือ การแสดงความรักอย่างสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง แถมไม่จำเป็นต้อง เปลี่ยนแบตเตอรี่, ไม่ทำให้อ้วน, ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน, ไม่เป็นที่ต้องการของขโมยและ ไม่ต้องจ่ายภาษี เพราะฉะนั้น คู่รักจึงสามารถหาเรื่องที่จะกอดกันได้ตลอดเวลา ไม่เห็นต้องเขินหรืออาย แต่ควรมียางอายถ้าจะกอดกันในที่สาธารณะหน่อยก็ดี กอดกันให้เต็มที่เลยท่าน จะกอดกันทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีใครกล้า สะเออะไปว่าอะไรหรอก เพราะถ้าเผื่อคู่นั้นเค้ารักกันจริงๆ จะไม่ให้เขากอดกันแล้วจะให้เขาตบตีหรือปาข้าวของใส่กันหรือไงไม่ทราบ การกอดยังทำให้คู่รักเอาชนะอุปสรรคต่างๆนานาได้ และถ้าคุณไม่เคยเอ่ยปากบอกรัก กะแฟนมาก่อนเลย ก็อาศัยการโอบกอดนี่แหละบอกรักเขาแทน ยังได้ เพราะถ้าคู่ไหนไม่มีใจรักหรือว่าชอบกันอย่างมากแล้วไซร้ จะอยากกอดสุดสวาทขาดใจอีกฝ่ายไหม ลองคิดดูนะ และเพื่อให้คุณผู้อ่านเห็นความสำคัญของ “การกอด” มากขึ้น ขอยกตัวอย่างนิยามที่กล่าวถึง การโอบกอดที่แสนหวานมาเล่าสู่กันฟังสักนิดสักหน่อยก็ละกัน วาทะแรก เค้าว่า บางครั้งคงดีกว่ามั้ง ถ้าจะแสดงความรักผ่านการกอดดาร์ลิ่งแทนที่ จะพูดว่ารักออกมา (Sometimes it's better to put love into hugs than to put it into words) และ “ถ้าการกอดบอกได้ว่ารักมากแค่ไหน, ฉันก็อยากกอดคุณไว้ตลอดไป แบบนี้ชั่วนิรันดร์” (If a hug represented how much I loved you, I would hold you in my arms forever) อะแฮ่ม แล้ววันนี้คุณผู้อ่าน กอดสวีทฮาร์ทกันหรือยัง? ขอขอบคุณข้อมูลจาก : FHM.IN.TH   Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554     0 comment Last Update : 27 พฤศจิกายน 2554 16:53:57 น.     Counter : 1625 Pageviews.   Share Tweet

D.I.Y. ร้องเท้าบู๊ทน่ารักสุดยอด D.I.Y. ร้องเท้าบู๊ทน่ารักสุดยอด อัพเดทล่าสุดจากบล๊อค ดี ไอ วาย ของลินนา ลี วิธีการตกแต่งร้องเท้าบู๊ทเก่สมาทำใหม่ น่ารักมากกกกกกก เอามาแชร์กันน่ะค่ะ ไปดูกันจ้าา D.I.Y. Wellington Boots welcoming rainy season by Linna Li* อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม: 1.เศษผ้าเป็นแถบๆ 2.ลูกไม้ตกแต่ง 3.สีอครีลิค หรือ สีโพสเตอร์ 4.พู่กัน 5.ปืนกาว 6.ร้องเท้าบู๊ทพลาสติกที่ไม่ใช้แล้ว หรือจะหาซื้อตามตลาดคู่ล่ะ 100 กว่าบาทเหมือนลินนาก็ได้น่ะค่ะ วิธีทำ: 1.วาดภาพตามใจชอบลงบนตัวบู๊ทด้วยสีที่เตรียม 2.พักให้สีแห้งไว้ซัก 15 นาที 3.ตกแต่งร้องเท้าตามใจชอบเป็นชั้นๆ โดยเรียงลับดับจากล่างสุดขึ้นไปเรื่อยๆ จับจีบเศษผ้าชั้นนึง ลูกไม้ตกแต่งชั้นนึงด้วยปืนกาวตามใจชอบน่ะค่ะ แล้วก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย!! *ข้อควรระวัง นี่ เป็นแค่ไอเดียดีไอวายสำหรับนำเศษผ้าและร้องเท้าบู๊ทพลาสติกที่ไม่ได้ใช้ ประโยชน์แล้วมาตกแต่งใหม่เพื่อใช้ส่วมใส่เล่นได้ ดังนั้นจึงเหมาะกับการใส่ในที่ร่มน่ะค่ะ”..ถึงแม้ว่าฝนจะตกข้างนอก แต่เรายังสวยน่ารักข้างในร่มได้ จริงมั้ยจ๊ะ..?” ;D *enjoy & thank you* everything designed to be me Linna Li* มันแล้วแต่คนชอบด้วยนะ   Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554     2 comment Last Update : 27 พฤศจิกายน 2554 16:52:16 น.     Counter : 1236 Pageviews.   Share Tweet