ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

10 อันดับ บุคคลที่นิยมแอบรักกันมากที่สุด

10 อันดับ บุคคลที่นิยมแอบรักกันมากที่สุด

อันดับ 1 เพื่อนสนิท

แอบ รักเพื่อน เป็นกิจกรรมที่เนฟเวอร์ดายมีตัวตายตัวแทนกันทุกยุค แต่เพราะความใกล้ชิดกันมากเกินไป แม้กลิ่นตดยังจำของกันและกันได้ ด้วยความอับอายเลยไม่กล้าให้ดมกลิ่นปาก ตอนบอกรัก กลัวมันจะย้ายบ้านมันหนีไป ก็เลยได้แต่แอบๆ ฮิฮิ!!

อันดับ 2 รุ่นพี่

รุ่น พี่ที่หน้าตาดีมักเป็นที่หมายปองของรุ่นน้องอยู่แล้ว แต่ที่ไม่กล้าบอกรักเพราะนอกจากกลัวหน้าแตกแล้ว ก็ยังต้องรักษาสวัสดิภาพของตัวเองจากเพื่อนสนิทใกล้ชิดที่แอบรักพี่เค้าอยู่ ก่อนแล้ว ขืนออกหน้าออกตาจะโดนข้อหาปืนเกลียวรุ่นพี่

อันดับ 3 หนุ่ม/สาวป็อปของโรงเรียน

ยอด นิยมมาก เหมือนอาบน้ำพรายก่อนมาโรงเรียน หนุ่มๆสาวๆถึงได้หลงกันตรึม แต่ก็มีหนุ่ม/สาวด้อยต่ำที่ยังไม่มีเงินไปเสริมหน้าเลยไม่กล้าอาจเอื้อมเปิด ใจ ได้แต่แอบรักอยู่เงียบเชียบเท่านั้น (ฝันหวาน)

อันดับ 4 คนแถวบ้าน

เป็น บุคคลที่ไม่ควรรักอย่างโฉ่งฉ่าง เพราะถ้าเค้าปฏิเสธว่าไม่ได้รัก มันก็จะยังคงอยู่ตำหูตำตาเราทุกวัน ยิ่งพาคนอื่นมาบ้านยิ่งปวดร้าว ดีไม่ดีแพร่งพรายออกไปกลายเป็นทอล์กออฟเดอะซอย ไม่รู้จะหาปี๊ปที่ไหนไว้เอาหัวเข้าไปซุกเลย เหอๆๆ^^

อันดับ 5 รุ่นน้อง

เมื่อ ก่อนมักจะเป็นรุ่นพี่ฝ่ายชายที่แจกจ่ายขนมจีบให้รุ่นน้องฝ่ายหญิง แต่สมัยนี้การที่รุ่นพี่ฝ่ายหญิงจะหันมากินเด็กเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่การยอมรับยังไม่เต็มที่ ก็เลยต้องแอบหวังแอบเล็งกันไป ไม่กล้าบอกว่าอยากแอ้มใจจะขาด

อับดับ 6 แฟนเพื่อน

ไม่ รู้เป็นยังไง ของคนอื่นมักดูดีกว่าของเราเสมอ ไม่เว้นแม้แต่แฟนเพื่อนหรอก แต่ถ้าจะออกนอกหน้าเดี๋ยวก็จะไม่มีคนคบ จะมาใจดีทำทีขอเข้าโครงการแลกเปลี่ยนแฟนกันควงก็ไม่ได้ ก็เลยต้องอาศัยแอบลวนลามแฟนเพื่อนด้วยสายตาไปพลางๆ

อันดับ 7 พี่หรือน้องของเพื่อน

อาศัย ความสนิทเข้าไปตีซี้ทำทีเป็นพี่น้องด้วย แต่ก็ไม่กล้าเปิดใจเพราะกลัวเสียเพื่อนที่ดีไป ก็เลยต้องอมความรักเอาไว้ในปาก ทั้งที่อยากล้วงคองูเห่าที่รักพี่น้องเหมือนไข่ในหิน

อันดับ 8 ญาติหรือลูกพี่ลูกน้อง

ความ รักมันห้ามไม่ค่อยได้ จู่ๆก็งอกในใจโดยไม่เหมาะสม เพราะสายเลือดใกล้ชิดจนเกินไป แอบรักยังน้อยไป ทางที่ดีตัดใจเลยดีกว่า เปิดทางให้ตระกูลอื่นเหอะ

อันดับ 9 ดารา-นักร้อง

ไม่ แอบก็ต้องแอบล่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะตามตัวไปบอกรักที่ไหน ต่อให้ตะโกนดังทั้งฟ้า เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จก็แทบจะต่ำกว่าศูนย์อยู่แล้ว ออกแนวแมวเห็นเครื่องบิน หมาอยากกินหูฉลาม ประมาณนั้น (แรง 55)

อันดับ 10 คุณครู

เกิด ความประทับใจจากการจ้ำจี้จ้ำไชจนปากแฉะ แถมสมัยนี้ครูไม่อาจเอาไม้เรียวมาฟาดก้นนักเรียนได้ตามอำเภอใจ ทำให้ครูหลายคนดูใจดีเป็นพิเศษ แต่เพราะต่างชั้นวรรณะไม่กล้าเผย ก็เลยทำได้แค่ "แอบรัก"




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2554   
Last Update : 26 ตุลาคม 2554 15:13:10 น.   
Counter : 1161 Pageviews.  

เคล็ดลับกำราบสิวแบบเร่งด่วน !!!


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


คง ไม่มีอะไรแย่เท่ากับสิวที่ปูดขึ้นมาแบบไม่ดูสถานการณ์ อย่างโผล่ขึ้นมาในขณะที่วันรุ่งขึ้นต้องไปสัมภาษณ์งาน ถ่ายรูปรับปริญญา หรือว่าต้องออกงานสำคัญ หากมีสิวเม็ดแดง ๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าคงทำให้ความมั่นใจลดไปฮวบฮาบเลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้นลองมาดูวิธีกำราบสิวแบบทันใจกันดีกว่าค่ะ




กำราบสิวแบบทันใจด้วยวิธีธรรมชาติ

- ยาสีฟัน

ใช้ยาสีฟันแบบเนื้อยาสีขาวธรรมดา แต้มที่หัวสิวบนใบหน้าที่สะอาดตอนก่อนนอน ตื่นมาสิวจะยุบลงได้

- น้ำมะนาว

ใช้น้ำมะนาวแต้มที่หัวสิวก่อนเข้านอน เมื่อตื่นมาแล้วจึงล้างหน้าให้สะอาด

- น้ำมันสกัดจากดอกลาเวนเดอร์

ใช้น้ำมันสกัดจากดอกลาเวนเตอร์แต้มที่หัวสิวก่อนนอน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้หัวสิวแห้งลงแล้ว กลิ่นหอม ๆ ของลาเวนเดอร์ยังช่วยให้นอนหลับสบายด้วย

- ซินนามอนและน้ำผึ้ง

ผสมซินนามอนป่นกับน้ำผึ้งให้เข้ากันเป็นเนื้อข้น ๆ แต้มที่หัวสิวก่อนเข้านอน อย่าลืมนำผ้าขนหนูรองที่หมอนเพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนผสมเปื้อนเลอะเทอะด้วย

- ไข่ขาว

ล้างหน้าให้สะอาด แล้วแต้มเฉพาะไข่ขาวที่หัวสิว ทิ้งไว้จนแห้งแล้วจึงลอกออก จากนั้นล้างหน้าซ้ำให้สะอาดอีกครั้ง

หาก กำราบสิวด้วยวิธีธรรมชาติยังไม่เห็นผลทันใจ ลองรับมือสิวตัวร้ายด้วยการใช้ยาทาสิว และลองทำตามคำแนะนำด้านล่างนี้เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาสิวดูนะคะ




กำราบสิวแบบฉุกเฉินด้วยยาทาสิว


1. ล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าสำหรับผิวที่มีปัญหาสิว หากเป็นคนผิวมันเป็นพิเศษให้ล้างซ้ำ 2 รอบ ซับหน้าให้แห้งเบา ๆ ห้ามถูหรือกดแรง ๆ เพราะจะทำให้ระคายเคืองผิว และทำให้สิวยิ่งอักเสบได้ง่าย

2. ใส่น้ำแข็งในถุงซิปล็อคหรือถุงพลาสติกที่มัดปากแน่น ห่อด้วยผ้าขนหนูแล้วประคบตรงจุดที่เป็นสิว ความเย็นจะทำให้รูขุมขนบริเวณนั้นกระชับขึ้น รวมทั้งขับสิ่งสกปรกและน้ำมันออกมาด้วย

3. หลังจากประคบน้ำแข็งแล้ว ล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าสูตรสำหรับผิวที่เป็นสิว ผลิตภัณฑ์ล้างหน้านี้จะเข้าทำความสะอาดรูขุมขนอีกครั้ง รวมทั้งขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่ถูกขับออกมาด้วย จากนั้นล้างน้ำให้สะอาด แล้วซับหน้าให้แห้ง

4. แต้มยาสิวที่หัวสิว โดยเลือกใช้แบบที่เป็นเนื้อเจลเพราะจะไม่เพิ่มความมันซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

5. ทำเช่นนี้ซ้ำในอีก 4 ชั่วโมงให้หลัง และก่อนเข้านอนอย่าลืมแต้มยาทาสิวทิ้งไว้ทั้งคืนด้วย

หาก ได้ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดูล่ะก็ รับรองว่าวันรุ่งขึ้นสิวจะยุบลงได้ ไม่ดูน่าเกลียดแน่นอนค่ะ ..สาว ๆ ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ ทีนี้แม้สิวจะมากวนใจในช่วงที่ต้องการหน้าใสแบบเร่งด่วนก็ไม่ต้องกลัวแล้ว ล่ะ ^o^

ที่มา //women.kapook.com/view32316.html




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2554   
Last Update : 26 ตุลาคม 2554 15:08:22 น.   
Counter : 982 Pageviews.  

แฟชั่นรองเท้าบู๊ทกันน้ำ

กระแสแฟชั่นรองเท้าบู๊ทยางกันน้ำ กลายเป็น Talk of the Town ช่วงสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะของ ท่านนายก ปู ยิ่งลักษณ์ กับรองเท้าบู๊ทลุยน้ำ Burberry (เบอร์เบอรี่) ต่อด้วยรองเท้าบู๊ทชาแนล รุ่น เรน บูทส์ คาเมลเลีย ของคุณเจ วรกร จาติกวณช ภรรยาที่น่ารักของคุณกรณ์ จาติกวณิช



รองเท้าบู๊ท Burberry ของท่านนายก


ภาพรองเท้าบู๊ทส์ของคุณยิ่งลักษณ์ กับคุณวรกร

นอกจากคนดังวงการเมืองที่ป้าปลวกไม่อยากพิเคราะห์มากนัก มันสุ่มเสี่ยง (แห่ะๆ) ป้าปลวกเองก็แอบเห็นรองเท้าบู๊ทเก๋ๆ ของดาราคนดังอีกหลายคน เข้าตาเหี่ยวๆ ของป้า ไม่ว่าจะเป็น เก๋ ชลลดา สำหรับคนนี้ไม่ใช่แค่บู๊ท แต่จัดเต็มทั้งตัว สมกับเป็นนางแบบแถวหน้าของเมืองไทย ถัวไปกับน้ำใจที่ เก๋ ชลลดามีในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ป้าก็มองว่าเป็นสีสันดีล่ะนะ


แฟชั่นลุยน้ำของเก๋ ชลลดา


ส่วนหนูจั๊กจั่น อคัมย์สิริ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ถึงขั้นไม่สามารถออกจากบ้านได้ ต้องโทรไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ จนสามารถส่งเรือไปช่วยเหลือออกมาได้นั้น อ่านข่าวไป สงสารจั๊กจั่นไป ก็พลันยิ้มเมื่อเห็นรองบู๊ทสีแดงสดใสที่จั๊กจั่นใส่นั่งเรือออกมา แสนน่ารักๆ มากๆ เข้ากับจั๊กจั่นเสียนี่กระไร


รองเท้าแดงแสนเก๋ของจั๊กจั่น


เอาเป็นว่าปัญหาน้ำท่วม ก็ไม่ได้หมายความว่ารองเท้าบู๊ทยางกันน้ำที่อาจจะไปสอยกันมาไว้นั้น จะต้องนอนแช่น้ำ เสียเมื่อไหร่ ในเมื่อใจเรามันแฟชั่นนิสต้า ต่อให้ปัญหามาเราก็ก้าวเดิน(ลุยน้ำ)ได้อย่างสวยงาม ป้าเชื่อว่า Everyday is a Runway! เสมอๆ

ยังไงป้าก็ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกท่านผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ สำหรับใครที่อยู่ในพื้นที่ระวังภัยหรือเสี่ยงภัย ก็ขอให้ตั้งสติ คิดแผนเตรียมไว้ว่า ถ้าน้ำมาตาตุ่ม ฉันจะทำอย่างไร ถ้าน้ำมาหัวเข่า แล้วยังไม่หยุด ฉันควรจะรีบออกไปหาที่พักข้างนอกก่อนจะเดินทางลำบากกว่านี้หรือเปล่า คิดไว้ด้วยสติ เตรียมแพลนไว้ แต่ไม่ต้องตื่นตระหนก เชื่อเถอะว่า แล้วมันจะผ่านไป แล้วเรามาสามัคคีพร้อมใจกันตอนฟื้นฟูประเทศไทยไปด้วยกันอีกทีนะคะ

ป้าขอเป็นกำลังใจ สู้ว้อยพี่น้องชาวไทย!

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก //www.innnews.co.th, //www.rakdara.net, //www.bloomingdales.com, //news.sanook.com, //www.polyvore.com




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2554   
Last Update : 25 ตุลาคม 2554 13:54:54 น.   
Counter : 1547 Pageviews.  

ทรงผมเสริมรูปหน้า

ทรงผม

ทรงผมเสริมรูปหน้า
(สุขกายสบายใจ)

สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่น่ารัก ฉบับนี้แซนดี้ยังคงมีเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับเส้นผมมาแบ่งปันเหมือนเช่นเคย มาเริ่มกันที่สาว ๆ ต้องเช็ครูปหน้าของตัวเองก่อน เพื่อที่จะได้เลือกทรงตัดผมที่เหมาะสมกับรูปหน้า ดังนี้ค่ะ

ใบหน้ารูปไข่ สาวโครงหน้าลักษณะนี้โชคดีทีเดียวค่ะ เพราะมีความสมส่วน หน้าผากไม่กว้างมาก โหนกแก้มเล็กน้อย และมีคางเล็ก จึงเหมาะกับทุกทรงผม ไม่ว่าจะเป็นสั้น ยาว ซอยสั้น หรือสไลด์เล่นระดับ

ใบหน้ารูปหัวใจ สาวโครงหน้าลักษณะนี้มีโหนกแก้มต่ำ ช่วงกรามกว้าง เหมาะกับทรงผมที่ปกปิดช่วงกราม และไม่เน้นทรงผมที่ทัดหู อาจไว้ยาวแล้วสไลด์ข้างหน้า จะทำให้ดูหน้าไม่บาน

ใบหน้ากลม สาวโครงหน้าลักษณะนี้มีหน้าผากที่เด่นชัด เหมาะกับทรงผมบ๊อบเทที่ยาวเลยคาง และทรงผมไม่เล่นระดับ เพราะจะยิ่งทำให้หน้าดูกลมใหญ่

ใบหน้าเหลี่ยม สาวโครงหน้าลักษณะนี้มีช่วงโหนกแก้ม และกรามเด่น ช่วงคางยาว เหมาะกับทรงที่ตัดเล่นระดับเพื่อปิดโหนกแก้ม

ใบหน้ายาว สาวโครงหน้าลักษณะนี้มีหน้าผากสูง ช่วงโครงหน้ายาว โดยเฉพาะคาง เหมาะกับทรงผมที่ช่วยสร้างมิติให้กับรูปหน้า นั่นคือผมสั้นประมาณไหล่แล้วเพิ่มลอนเล็กน้อย

ใบหน้ารูปเพชร สาวโครงหน้าลักษณะนี้มีโหนกแก้มและคางที่เด่นชัด เหมาะกับผมสั้นประมาณไหล่ ที่ดัดเป็นลอนพลิ้วๆ ให้อำพรางตรงโหนกแก้ม5

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเทคนิคการเลือกทรงตัดผมที่แซนดี้นำมาฝาก คิดว่าคงช่วยให้สาว ๆ ตัดสินใจเลือกทรงตัดได้ง่ายขึ้น ฉบับหน้าแซนดี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับพฤติกรรมทำร้ายผม น่าสนใจใช่ไหมคะ แล้วตามอ่านกันค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2554   
Last Update : 23 ตุลาคม 2554 16:06:22 น.   
Counter : 1267 Pageviews.  

เทคโนโลยีเพิ่มความงาม แต่อันตรายถึงชีวิต





เทคโนโลยีเพิ่มความงาม แต่อันตรายถึงชีวิต (ไทยโพสต์)



เทคโนโลยีความงามนั้นเปรียบได้กับเหรียญที่มี "สองด้าน" คือมีทั้งด้านดีและด้านร้าย จากสารพิษปลิดชีวิตก็สามารถพัฒนาด้วยเทคโนโลยี ให้กลายมาเป็นสารที่เติมแต่งความงามให้กับคน แล้วทำไมสารมหัศจรรย์อย่าง "โบท็อกซ์" และ "ฟิลเลอร์" จะกลายเป็น "มฤตยูร้าย" คร่าชีวิตผู้ที่อยากสวยอยากงามกลับคืนบ้างไม่ได้

ในงานประชุมวิชาการประจำปี 2554 ของสมาคมศิษย์เก่าสถาบันโรคผิวหนัง ที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ สโมสรกองทัพบก มีการจัดแถลงเผยแพร่ข้อมูลการเลือกวิธีการรักษาปัญหาผิวพรรณอย่างถูกต้องเหมาะสม และปลอดภัยแก่ประชาชน เนื่องจากปัจจุบันค่านิยมในการใช้โบท็อกซ์และฟิลเลอร์ เสริมความงามแก่ใบหน้าและเรือนร่างในสังคมไทย ทวีมากขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่

พล.ต.นพ.กฤษฎา ดวงอุไร ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่น่าวิตกในขณะนี้ก็คือ สังคมไทยมองแต่คุณประโยชน์ของเทคโนโลยีความงาม ส่วนผลเสียกลับไม่มีใครคิดพูดถึง โดยเฉพาะในส่วนของโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากอยู่ในขณะนี้

โบทูลินั่ม ท็อกซิน หรือที่รู้จักกันในนามโบท็อกซ์นั้น เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียมโบทูลินั่ม ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลายความตึงตัว ผู้ที่นิยมความงามมักใช้ฉีดเพื่อลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าและลำคอ บางส่วนก็ฉีดเพื่อให้หน้าเรียวตามกระแสแฟชั่นเกาหลี หรือใช้ฉีดเพื่อลดภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และรักแร้

"ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นด้านคุณประโยชน์ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าโบท็อกซ์นั้นมีอันตรายถึงชีวิต หากใช้ไม่ถูกวิธีหรือผู้ให้บริการไม่มีความชำนาญพอ" พล.ต.นพ.กฤษฎากล่าว และแจงเพิ่มว่า เอฟเฟ็กต์ที่พบมากสำหรับโบท็อกซ์ก็คือฉีดแล้วหนังตาตก หางคิ้วชี้ขึ้น ระดับคิ้วไม่เท่ากัน หรือมุมปากเบี้ยว และด้วยความที่ฤทธิ์ของโบท็อกซ์นั้นอยู่ได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ราว ๆ 4 เดือน-1 ปี จึงจำเป็นต้องฉีดซ้ำอยู่เรื่อย ๆ




"ในระยะยาวสารโบท็อกซ์อาจทำให้กล้ามเนื้อที่รองรับการเคี้ยวและการสบฟันมีปัญหาได้ จากข้อมูลพบด้วยว่าผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์ร้อยทั้งร้อยเกิดภาวะเคี้ยวยาก ขณะที่สหรัฐระบุวิธีการใช้โบท็อกซ์ไว้อย่างชัดเจนว่า อนุญาตให้ใช้เฉพาะการลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากเท่านั้น ส่วนการนำมาใช้ให้หน้าเรียวเป็นการใช้แบบพลิกแพลง และไม่มีการรับรองผลว่าปลอดภัย ฉะนั้นผู้ที่คิดใช้ต้องตรองดูให้ดี เพราะการใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้ในปริมาณมากอาจทำให้เสียชีวิตได้ เพราะฤทธิ์โบท็อกซ์จะไปคลายกล้ามเนื้อหัวใจให้หยุดทำงาน ผมขอเสนอวิธีการง่าย ๆ ใครอยากมีรูปหน้าเรียวหรือเกิดการบานเหลี่ยมน้อยที่สุด ต้องหยุดพฤติกรรมการเคี้ยวของที่มีความหนืด เช่น ข้าวเหนียว หมากฝรั่ง" นายกสมาคมศิษย์เก่าสถาบันโรคผิวหนังระบุ

ด้านสารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ก็มีอันตรายต่อชีวิตไม่ด้อยไปกว่ากัน นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รอง ผอ.สถาบันโรคผิวหนังระบุว่า คนเราพออายุ 20 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนของผิวจะลดลงแต่การทำลายยังมีอยู่ต่อไป ทำให้เกิดภาวะผิวเหี่ยวเป็นรอยย่น จึงมีการคิดค้นนำสารเติมเต็มจากภายนอกใส่เข้าไปแทน ซึ่งในปัจจุบันมีสารฟิลเลอร์อยู่ 3 แบบ คือ...

1.แบบชั่วคราว อายุการใช้งาน 4-6 เดือน มีความปลอดภัยสูงแต่มีราคาสูงเช่นกัน เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติย่อยสลายเองได้
2.แบบกึ่งถาวร แบบนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี ความปลอดภัยอยู่ในระดับปานกลาง
3.แบบถาวร เช่น ซิลิโคน หรือพาราฟิน แบบนี้มักพบผลข้างเคียงระยะยาวเพราะฉีดแล้วจะอยู่ในผิวตลอดไป

"ใครที่คิดเสียเงินฉีดฟิลเลอร์เพื่อลดเลือนริ้วรอย ก็ขอให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าได้เลือกประเภทฟิลเลอร์และสถานที่เข้ารับบริการว่าปลอดภัย มีความเชี่ยวชาญ และสะอาดแล้วหรือไม่ เพราะความอยากสวยในราคาถูกเพียงชั่วครู่ อาจทำให้คุณเสียใจ กลายเป็นตัวตลก และเสียชีวิตในภายหลังได้" นพ.จินดากล่าว



สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ถ้าเลือกชนิดของฟิลเลอร์ไม่ดี หรือผู้ให้บริการไม่มีความชำนาญพอ อาจทำให้ริ้วรอยที่มีอยู่เกิดปัญหาหนักขึ้นกว่าเดิม เบาะ ๆ คือ เป็นตุ่มแดงนูนปรากฏให้เห็นชัดเจน หากแทงเข็มฉีดตื้นเกิน หนักหน่อยก็จะเป็นเหมือนแผลคีลอยด์นูนขึ้นตามร่องริ้ว ซึ่งถ้าใช้ฟิลเลอร์ประเภทชั่วคราวก็สามารถเลือนหายได้เอง แต่หากเป็นฟิลเลอร์ประเภทถาวรก็จะเป็นแผลเป็นตลอดชีวิต หนักหน่อยเป็นกรณีการอักเสบใต้ผิวหนัง กลุ่มนี้ถ้าใช้ฟิลเลอร์ชนิดแข็งมากไปก็จะไปกดทับเส้นเลือด หรือถ้าเผลอฉีดเข้าไปในเส้นเลือดเลย จะทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงและกลายเป็นแผลเน่าในที่สุด แต่ที่ร้ายแรงสุดคือส่งผลต่อชีวิต เพราะทั้งการใช้สารโบท็อกซ์และฟิลเลอร์นั้น เป็นการนำสารสู่ร่างกายผ่านทางการฉีด ถ้าเข็มไม่สะอาด ระบบการให้บริการไม่สะอาด ก็อาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดจนทำให้ตายได้

"เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการเข้ารับบริการในสถานบริการที่ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ควรสอบถามข้อมูลให้กระจ่างทุกครั้งที่เข้ารับบริการ ควรรับบริการจากแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น และไม่ควรนำสารเสริมความงามไม่ว่าจะเป็นโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือแม้แต่กูลต้าไธโอนมาฉีดให้กันเอง เนื่องจากมีอันตรายมากกว่าที่คิดไว้ โดยในส่วนของกลูต้าไธโอนนั้น หากฉีดบ่อยๆ ในระยะยาวอาจทำให้แก่เร็วมากขึ้น เพราะตัวสารจะเกิดปฏิกิริยากลายเป็นอนุมูลอิสระ แทนที่จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระครับ" รอง ผอ.สภาบันโรคผิวหนังย้ำเตือนอีกครั้ง




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2554   
Last Update : 23 ตุลาคม 2554 16:05:43 น.   
Counter : 981 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]