มีผี ที่ศิริราช
แม้เรื่องนี้จะเก่ากึ๊กแล้ว แต่ผมว่ามันก็ยังใหม่สำหรับคนที่ยังไม่เคยเจอผีนะครับ ลองอ่านกันดู
"วิญญาณ" หรือ "ผี" เป็นคำใช้เรียกผู้ที่ตายไปแล้ว ไม่มีกายหยาบหรือกายเนื้อที่สัมผัสได้ห่อหุ้ม มีเพียงดวงจิต หรือกลุ่มพลังงานที่ตาเนื้อของคนธรรมดามองไม่เห็น วิญญาณ จึงมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทุกสถานที่ บางคนอาจสัมผัสวิญญาณได้ หากเขาปรากฏให้เห็นในรูปของ "กายทิพย์" และว่ากันว่าสถานที่แห่งใดมีคนตายบ่อยๆ ตายเยอะๆ ที่นั่นพลังวิญญาณย่อมแรง
เรื่อง ราวชวนขวัญผวาทำนองนี้เคยเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลศิริราช มีเรื่องเล่าถึงประสบการณ์ทางวิญญาณจากคนไข้ที่มานอนรักษาตัวภายในโรงพยาบาล หลายรายเจอะเจอวิญญาณในหลายรูปแบบ ทั้งผีคนโบราณ ผีคนไทย และผีฝรั่ง
สถานที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราชเดิมเป็นที่ดินของเจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่สืบสายมาจากรัชกาลที่ 1 ประวัติมีอยู่ว่า ที่ตั้งของโรงพยาบาลเคยเป็นบริเวณนิวาสสถานเดิมของพระเจ้าพี่นาง ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เรียกกันว่า บ้านสวนลิ้นจี่ อยู่ ต.สวนมังคุด แต่มาภายหลัง เมื่อ "นายทองอิน" (ภายหลังเป็น "กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์") พระเจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ 1 ได้มีบทบาทสำคัญในการปราบปรามเหตุการณ์จลาจลในปลายรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สำเร็จเมื่อ ร.1 เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติ จึงทรงสถาปนานายทองอินให้ทรงกรมเป็น "กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข" หรือ "วังหลัง" แล้ว พระองค์ยังได้พระราชทานที่ดินฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาฟากตะวันตกให้เป็น วังที่ประทับด้วย ครั้นเมื่อกรมพระราชวังบวรสถานพิมุขฯ ทิวงคต พระบรมวงศานุวงศ์ได้ดูแลครอบครองต่อมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินบริเวณนี้ให้เป็นโรงพยาบาลศิริราชเมื่อพ.ศ. 2431 และ เรื่องของวิญญาณในโรงพยาบาลศิริราชที่จะเล่าให้ฟังนี้เกิดขึ้นมานานหลายสิบ ปีแล้ว เมื่อคนไข้ผู้หญิงคนหนึ่งเกิดป่วยด้วยโรคนิ่วในไต แล้วไปทำการผ่าตัดรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช และระหว่างที่รอการผ่าตัดในคืนหนึ่งเวลาราวตี 3 ก็ปรากฏว่าเธอได้เห็นคุณหมอที่จะทำการผ่าตัดให้เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมหมอ ฝรั่งคนหนึ่ง ลักษณะรูปร่างสูง มีเครายาวแบบเคราแพะสีขาว สวมเสื้อเชิ้ตลายคอตั้ง คล้ายพวกนักบวช นุ่งกางเกงลายขาแคบแบบโบราณ เมื่อเห็นเธอก็ไม่รู้สึกแปลกใจว่าหมอฝรั่งคนนี้เป็นใคร เพราะเห็นมากับหมอประจำตัว และคุณหมอก็ยังให้หมอฝรั่งช่วยตรวจดูด้วย ซึ่งแพทย์ชาวต่างชาติตรวจแล้วก็พยักหน้า และพากันเดินออกไปจากห้อง
จนถึงวันผ่าตัด ขณะที่คนไข้ผู้นี้กำลังนอนอยู่บนรถเข็นรอที่จะเข้าห้องผ่าตัด ระหว่างนั้นเธอก็เห็นหมอฝรั่งคนเดิมเดินมาหา เธอจึงพูดกับหมอคนนั้นว่า กลัวว่าหลังผ่าตัดแล้วจะหิวน้ำ เพราะหลังผ่าตัดแล้วคนไข้จะดื่มหรือกินอะไรไม่ได้เลย แต่หมอฝรั่งก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้ม ส่ายหน้าทำนองปลอบใจ แล้วก็เดินออกไปจากห้อง และน่าประหลาดที่พอหลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว คนไข้ก็ไม่มีอาการกระหายน้ำอย่างที่คิดไว้แต่แรกเลย แล้วในคืนสุดท้าย ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน เวลาประมาณตี 3 เธอก็เห็นคุณหมอที่ทำการผ่าตัดให้และหมอฝรั่งเข้ามาในห้องอีก หมอฝรั่งทำการตรวจให้ เสร็จแล้วก็เดินออกไปจากห้องพร้อมกัน โดยไม่พูดอะไรเลย รุ่งเช้าได้เวลาออกจากโรงพยาบาล แพทย์คนหนึ่งซึ่งรู้จักกับคนป่วยเป็นการส่วนตัว ได้เข้ามาเยี่ยม คนไข้จึงถามถึงหมอฝรั่งคนนั้นว่าเป็นใคร แพทย์ที่รู้จักกันก็ทำท่างงๆ บอกว่าต้องถามหมอเจ้าของไข้ แต่ตอนนี้คุณหมอออกเวรไปแล้ว จึงไม่ได้รู้ความจริง จนเมื่อกลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว แพทย์ที่รู้จักกันก็ไปเยี่ยมที่บ้าน พร้อมบอกเล่าเรื่องจริงบางอย่างว่า ที่แท้แล้วหมอฝรั่งคนที่เธอเห็นในโรงพยาบาลนั้นเสียชีวิตไปนานแล้วด้วยโรค เลือด และมักจะไปปรากฏตัวให้คนไข้ที่ป่วยเป็นโรคเลือดเห็น
ครั้งหนึ่งเล่ากันว่ามีคนไข้หนักต้องการถ่ายเลือด พยาบาลจึงเดินไปเอาเลือดมาจากห้องเลือด และมีผู้เห็นหมอฝรั่งที่ตายไปเดินตามหลังพยาบาลออกมาจากห้องเลือดด้วย ที่ เล่ากันชวนสยองก็คือ มีแพทย์คนหนึ่งเข้าไปในห้องเลือดเพื่อเอาเลือดไปให้คนไข้หนัก พอเดินเข้าไปก็เห็นผีหมอฝรั่งคนนั้นกำลังยกขวดเลือดดื่มอย่างกระหาย เลยต้องวิ่งออกมาแทบไม่ทันและที่แพทย์ซึ่งรู้จักกับคนป่วย ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังแต่แรกในโรงพยาบาลก็เพราะกลัวเธอจะกลัว จึงตามมาเล่าให้ฟังที่บ้าน และแพทย์คนนี้ก็ได้ถามคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดให้เธอแล้วได้ความว่า คุณหมอไม่รู้เรื่องเลย ไม่เคยเข้าไปเยี่ยมไข้ใครในเวลาดึกเช่นนั้น และเวลาที่ว่านั่นก็เป็นเวลาที่หมอกำลังหลับสนิทอยู่ที่หอพักแพทย์ เรื่อง ทำนองนี้ยังมีปรากฏอยู่เรื่อยๆ ผู้เขียนเคยสัมภาษณ์คนไข้รายหนึ่งที่เคยไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช และได้สัมผัสกับดวงพระวิญญาณของ "สมเด็จพระบรมราชชนก" ขณะที่พบเห็นนั้นร่างกายอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ในลักษณะคล้ายความฝันก้ำกึ่งความจริง ซึ่งประสบการณ์แบบนี้ได้รับการยืนยันว่า หากคนไข้รายใดมีโอกาสได้สัมผัสทิพย์วิญญาณของพระองค์ท่าน รับรองว่าผู้นั้นต้องหายจากโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ทุกรายไป
Create Date : 13 มกราคม 2555 |
Last Update : 13 มกราคม 2555 20:14:47 น. |
|
0 comments
|
Counter : 6733 Pageviews. |
|
|
|