กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
เพชรพระมหามงกุฎ
แผ่นดินทอง
รัตนโกสินทร์ ๒๒๕ ยินดีต้อนรับ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระราชสกุล
เที่ยวเมืองพระร่วง
ตำนานวังหน้า
ความ-ทรงจำ ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
อธิบายเรื่องธงไทย
ตำนานภาษีอากร
บันทึกรับสั่งสมเด็จฯ
สารคดีที่น่ารู้ - ม.จ.หญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
พระจอมเกล้าพระจอมปราชญ์
เทศาภิบาล
สิมอีสาน
นำนักเรียนราชินีเที่ยวห้องดำรง
ห้องดำรง
๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้
๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้
เรื่องอำแดงเทียบ
นางแก้ว
นามสกุล
สุนทรภู่
พระเมรุกลางเมือง
เสาชิงช้า
ภูเขาทอง
ความสนุกในวัดเบญจมบพิตร
ความสนุกในพระบรมมหาราชวัง
พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
นำนักเรียนราชินีเที่ยวห้องดำรง
โต๊ะทรงพระอักษร
นำนักเรียนราชินีเที่ยวห้องดำรง
เมื่อวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๑
นำนักเรียนเที่ยวห้องดำรงนี้ สมาคมศิษย์เก่าได้พิมพ์ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่ทั่วถึงกัน ดังนั้นท่านหญิงพูนจึงประทานมาลงในราชินีอีกครั้งหนึ่ง เพื่อว่าใครต้องการจะไปเที่ยวห้องดำรง จะได้อาศัยเอาเรื่องนี้ Guide นำไป
ฉันขอขอบใจผู้ที่มาในวันนี้ทุกคน ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจในคำว่า หอสมุด กันเสียก่อน คำว่าหอสมุดถ้าฟังดูเผินๆ ก็เข้าใจว่าเป็นที่เก็บหนังสือเท่านั้น แต่ที่จริงเขามีความมุ่งหมายต่างๆ กัน เช่นหอโน้นเป็นหอสมุดของชาติ National Library เป็นที่เก็บหนังสือทุกประเภทที่ชาติจะพึ่งมี สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงตั้งพระทัยว่าจะพยายามให้มีหนังสือที่เกี่ยวกับไทยทุกพวกไว้ในหอนั้น โดยเฉพาะ Dictionary เป็นต้น แต่เราก็ยังหามาได้แต่ของไทยอาหมพวกเดียว ไทยอาหมนี้อยู่ในอาแซม Arsam ระหว่างอินเดียกับพม่า และได้สูญเป็นภาษาที่ตายแล้ว เพราะไม่มีใครใช้ในที่นั้น แต่ก็ยังมีผู้ที่อุตส่าห์ทำ Dictionary ไวให้เรารู้ได้ว่าเป็นพวกเดียวกัน เพราะมีหลายคำที่เรายังใช้อยู่จนบัดนี้ เราก็เป็นไทยพวกหนึ่ง อย่างไรเราก็จะไม่สูญไปได้เช่นเขาเหมือนกัน
คราวนี้กลับมาพูดถึงหอสมุดดำรงฯ นี้ หอนี้เป็นที่เก็บหนังสือของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ไม่ใช่เพราะท่านเป็นคนใหญ่คนโต หรือเป็นเจ้าเป็นนาย แต่ขอให้ดูบนฝาผนัง ๒ ข้าง นี่คือประกาศนียบัตรที่ต่างประเทศถวายด้วยยอมยกให้ท่านเป็นนักปราชญ์ ถ้าเรานึกว่าสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เป็นคนไทยคนหนึ่งของเราทุกคนแล้ว เราก็น่ายินดีว่าเราได้มีคนคนหนึ่งที่โลกยอมรับว่าเป็นนักปราชญ์เช่นพวกเขามีกัน
ทำไมโลกจึงยอมให้ท่านเป็นนักปราชญ์ พระองค์ท่านเองท่านตรัสเสมอว่า พ่อไม่ใช่เทวดา พ่อก็คนเรานี่แหละ แต่พ่อรักเรียน รักรู้ และพยายามอ่านหนังสืออยู่เสมอเท่านั้น อีกประการหนึ่ง ท่านได้ทรงมีโอกาสทันพบเจ้านายรุ่นเก่า มีสมเด็จกรมพระยาบำราบปรปักษ์ พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๒ ซึ่งจะต้องทรงทราบเรื่องราวในรัชกาลที่ ๑ ได้ดี เพราะพวกเราที่อยู่ในที่นี้ ๒ ๓ คน มีตัวฉันเองเป็นต้น เป็นคนเกิดในตอนหลัง รัชกาลที่ ๕ แต่ก็ยังได้รู้เรื่องในรัชกาลที่ ๔ และจำเรื่องในรัชกาลที่ ๕ และที่ ๖ ได้อย่างแจ่มใส
ส่วนในพงศาวดาร สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ได้ทรงเรียนจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เอง และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ได้ทรงเรียนจากสมเด็จพระบรมชนกนารถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ ถึง ๔ นั้น ท่านทรงทันได้พบกันทั้ง ๔ พระองค์ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ทรงเล่าว่า เมื่อทรงมีพระชันษาได้ ๕ ปี สมเด็จพระชนกของพระองค์ได้ทรงพาไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ ที่วัดพระแก้ว ทรงจำได้ว่าสมเด็จพระอัยยกาธิราชทรงอุ้มขึ้นประทับบนพระเพลา แล้วตรัสเรียกกรมหมื่นรักษ์รณเรศว่า เอ้า อุ้มหลานไปดูภาพรามเกียรติ์ที ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่เป็นองค์ที่ ๔ ในวัดโพธิ์ จึงมีพระราชดำรัสไว้ว่า พระเจ้าแผ่นดินต่อไปไม่ต้องสร้างเดิมอีก ขอให้ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์ว่า ๔ พระองค์นี้ ท่านได้ทรงทันรู้จักกัน
น่าจะนึกว่า เป็นบุญของเราที่เผอิฐให้สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ได้ทรงมาเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่แรกจัดอย่างใหม่ เพราะเดิมเราปกครองตามระบอบกรุงศรีอยุธยา มี ๔ เสนาบดี แยกกันปกครองเป็นส่วนๆ คือ ใต้ เหนือ ตะวันออก ตะวันตก ครั้นถึงสมัยเรามีเรื่องยุ่งๆ กับชาวตะวันตก การแบ่งกันปกครองก็ไม่สะดวกรวดเร็วได้ทันเวลา เพราะการคมนาคมของเราก็ยังไม่ดีพอ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เสด็จมาจัดแบบใหม่ เป็นมณฑล จังหวัด อำเภอ ฯลฯ อย่างปัจจุบัน เนื่องแต่ได้มีโอกาสจัดการปกครองท้องที่ทั่วพระราชอาณาจักรนี้ จึงทรงมีเวลาขุดค้นไปด้วย
ฉันได้เคยตามเสด็จและได้เคยเห็นท่านทรงทำงานในตอนเช้าราว ๙ นาฬิกา ท่านเสด็จกับพวกข้าราชการมีตั้งแต่เทศาฯ ไปจนนายอำเภอ ออกไปตรวจศาลากลางและสถานที่ต่างๆ รวมทั้งคุกด้วย เราพวกผู้หญิงไม่ต้องไป เพราะเป็นเรื่องราชการอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งต้องอยู่ทำกับข้าวเตรียมจัดโต๊ะไว้ให้พร้อม พอท่านเสด็จกลับมาก็เข้าโต๊ะพร้อมกับข้าราชการด้วย สนทนากันไปจนราวบ่าย ๒ โมงก็ต่างแยกกันพัก พอบ่าย ๔ โมงก็ตั้งต้นออกใหม่ คราวนี้เราได้ไปด้วยเพราะเป็นเรื่องขุดค้น วิธีค้นของท่านคือประกาศกับพวกเดินทางทั้งพวกพรานและพวกราษฎรสามัญว่า ถ้าใครพบวัตถุสถานหรือสิ่งของโบราณให้มานำเจ้าหน้าที่ไปดู จะให้รางวัลตามค่าของสิ่งที่พบ ถ้าเป็นศิลาจารึกก็ต้องล้างถูเอากระดาษว่าวปะทาหมึก แห้งแล้วเอาออกมาม้วนใส่กล่องกลับมาแปล
เราออกจากหอสมุดนี้แล้ว จะไปดูพิพิธภัณฑ์ วันนี้เป็นวันเปิดให้คนดูคงจะแน่นและไม่สะดวกที่จะไปอธิบายกันที่โน่น ฉะนั้นขอให้เราทำความเข้าใจกันที่นี่ก่อน ฉันขอให้ทุกคนเข้าใจว่า ของในพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นของพิสูจน์ว่าเราได้เจริญมาแล้วอย่างไร ไม่ใช่ของที่ตายแล้วและไม่ควรเอาใจใส่ ไทยเราเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่ารู้น่าเรียน แต่เผอิญหอพระสมุดอันเป็นแหล่งที่รวมความรู้ของเรา ได้ถูกเผาเสียเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๕ เราจึงควรจะช่วยกันตั้งต้นทำใหม่อยู่เสมอ และต้องทำด้วยมีหลักฐานพร้อมด้วยเหตุและผล ถ้าเราจะทำกันจริงๆ แล้ว ยังมีงานอีกมากมายที่จะทำ โดยเฉพาะหนังสือเรียน ฉันขอชวนเธอทุกคนให้เอาใจใส่ในทางนี้
เราเกิดมาในเวลาที่ลำบาก เพราะการคมนาคมของโลกเปลี่ยนแปลงไปเป็นอันมาก ที่จะหวังเอาว่าต่างคนต่างอยู่นั้นไม่ได้เสียแล้ว เรามีแต่จะพบกันเร็วขึ้นและมากยิ่งขึ้นทุกที ยิ่งเราเกิดมาทีหลังเราก็ยิ่งมีเรื่องที่จะเรียนรู้มากขึ้นเป็นลำดับ เพราะวานนี้ วันนี้ และพรุ่งนี้จะตัดออกจากกันไม่ได้ เราต้องได้รับความเห็นความรู้ใหม่ๆ จากที่อื่นให้พอเหมาะด้วย เพื่อการสมาคม แต่เราจะรับเอามาหมดจนลืมตัวเองนั้นก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะไม่มีใครนิยมผู้ที่ไม่รู้จักตัวเอง คิดดูง่ายๆ ว่าถ้าท่านไปพบคนอเมริกาคนหนึ่ง ท่านถามเขาว่าเรื่องอเมริกาเป็นอย่างไร ถ้าคนๆนั้นตอบว่าไม่รู้แล้ว ท่านจะนึกว่าคนๆนั้นเป็นอย่างไร ท่านจะชอบเขาสักเพียงไหน ท่านจะไม่นับถือเขาได้เลย
แต่มีข้อสำคัญอยู่อย่างหนึ่งที่เราจะลืมเสียมิได้ ว่าชาวต่างประเทศนั้นเขาเรียนเขารู้มากกว่าที่เราเข้าใจ ฉะนั้นจะตอบอะไรเขาแล้ว ถ้าไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ แล้วไปเรียนเสียให้รู้ อย่าเดาเป็นอันขาด อย่างลืมว่าเขามีหนังสืออ่าน ถ้าเขาจับได้ว่าเรารู้ไม่จริงแล้ว เขาจะนึกอย่างไร ในเวลาที่ฉันไปยุโรป ไม่มีใครถามเลยว่าเมืองไทยใหญ่โตเท่าไหน มีราษฎรเท่าใด นอกจากคนเดียว นอกจากนั้นมักจะถามว่า ศาสนาพุทธของท่านผิดกับของจีนและญี่ปุ่นอย่างไร พงศาวดารของท่านเป็นอย่างไรในสมัยนั้น ซึ่งแสดงว่าเขารู้เราอยู่แล้ว
คราวนี้กลับมาพูดกันถึงห้องนี้ต่อไป เรารู้แล้วว่าสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ท่านเรียนรู้มาจากไหน เราก็ควรรู้ต่อไปอีกว่าท่านเป็นอย่างไร มีอะไร ใช้อะไรบ้าง จึงเป็นนักปราชญ์ได้
นั่นคือพระรูปหินอ่อน ทำในประเทศอิตาลีเมื่อเสด็จยุโรปครั้งแรก พระชันษา ๒๙ ปี
๒ ข้างพระพุทธรูปนี้คือต้นไม้แก้ว กรมขุนวรจักรธรานุภาพทรงทำ แสดงให้เห็นว่าคนไทยทำแก้วได้ดีเท่าถึงที่ทำในเมืองเวนิช
ตู้ด้านขวาพระรูป ใส่ของที่ระลึกต่างๆ ในการเสด็จไปยุโรป ๒ ครั้ง
ตู้ด้านซ้าย ของที่ระลึกเสด็จตรวจราชการครั้งแรก เพราะเป็นเสนาบดีกระทรงมหาดไทยคนแรกที่ออกตรวจราชการเอง
งาช้างคู่นี้ เป็นงาพลายทองคำ ซึ่งเคยทรงเมื่อตรวจท้องที่ที่เมืองนครสวรรค์ เพราะเวลานั้นไม่มีรถยนต์ ช้างตัวนี้ตกมันเข้าไปเหยียบคนในตลาดตาย ตำรวจจึงยิงตาย พระครูที่วัดพยุหคิรีเป็นเจ้าของช้าง จึงนำงานี้มาถวายว่าเพราะเคยทรงเขามา
โต๊ะทรงพระอักษรนี้ จัดไว้ตามที่ทรงใช้อยู่ทุกวันไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย แม้ปฏิทินก็ทรงเปิดไว้เองถึงวันนั้นก่อนสิ้นพระชนม์ ๒ วัน
อานม้า เก้าอี้ผ้าใบ หีบอาหาร ฯลฯ เหล่านี้ เป็นของทรงใช้ในเวลาตรวจราชการทั่วพระราชอาณาจักรทุกๆ ปี
ต่อจากนี้ควรดูหนังสือเป็นตู้ๆ ไป หนังสือที่ทรงมีอาจไม่มากหรือแปลกไปจากที่อื่นๆ แต่ที่อื่นไม่มีหนังสือที่ทรงโน้ตไว้ด้วยพระองค์เองเช่นในหอนี้ โดยเฉพาะตู้พงศาวดาร ท่านจะไปเที่ยวต่างประเทศหรือในเมืองไทย หอนี้มีรูปและหนังสือนำเที่ยวให้ท่านดูได้ทุกแห่ง
คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน ถ้าพูดตามทางศาสนาก็ว่าบุญแต่งกรรมแต่ง ฉะนั้น เราจักเหมือนกันไปทุกอย่างไม่ได้ เวลาเราเป็นนักเรียน เราก็เรียนไปตามสมุดด้วยความนึกคิด ครั้นออกไปพบชีวิตจริงๆ เข้าแล้ว ก็มักจะพบกับสิ่งที่ไม่เคยคิดขึ้นอีกมาก เพราะฉะนั้นการที่นักเรียนเก่ากับนักเรียนใหม่ได้พบกันนั้น ควรจะยินดีที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชีวิตของเพื่อผู้หญิงด้วยกัน
ก่อนจะจบ ฉันอยากบอกว่า ฉันแน่ใจว่าเวลานี้เสด็จพ่อกำลังทรงยิ้มด้วยความพอพระทัย ที่ได้ทรงเห็นว่ามีผู้เอาใจใส่มาศึกษาดังพระประสงค์ และคงจะทรงขอบใจและประทานพรท่านทุกคนให้มีความสำเร็จรุ่งเรืองในสติปัญญา ความรู้ความสามารถอย่างรอบคอบ ให้สมชื่อกับสำนักนี้ ราชินี คือ ยอดของหญิง.
.........................................................................................................................................................
คัดจาก "สารคดีที่น่ารู้" พระนิพนธ์หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
Create Date : 23 กรกฎาคม 2550
Last Update : 23 กรกฎาคม 2550 10:28:34 น.
2 comments
Counter : 2039 Pageviews.
Share
Tweet
blog คุณกัมม์น่าสนใจมากๆ ค่ะ
โดย:
แพนด้ามหาภัย
วันที่: 23 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:08:50 น.
แวะมาอ่านค่ะ....
ขอบคุณสำหรับความรู้นะค่ะ เยอะมากๆๆ เลย Blog นี้
และ สลักนาม ไว้เป็นที่ระลึก...
โดย:
naragorn
วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:21:37:32 น.
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
กัมม์
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [
?
]
วิชา ความรู้จะมีค่าเมื่อถูกถ่ายทอด
Bigmommy
NickyNick
เพ็ญชมพู
kenzen
สาวใหม
กระจ้อน
คนรักน้ำมัน
Why England
naragorn
biebie999
วรณัย
เซียงยอด
แม่สลิ่ม
รอยคำ
สุธน หิญ
นอกราชการ
BFBMOM
มณีไตรรงค์
karmapolice
เมื่อไรจะหายเหงา
เจ้าชายเล็ก
รักดี
ลุงนายช่าง
nidyada
mr.cozy
กวินทรากร
Mutation
พลังชีวิต
หนุ่มรัตนะ
Webmaster - BlogGang
[Add กัมม์'s blog to your web]
เครือข่ายกาญจนาภิเษก
หอมรดกไทย
เวียงวัง
มอญ
กฎหมายไทย
ประตูสู่อีสาน
พจนานุกรมไทย-อังกฤษ
พจนานุกรมไทย-บาลี
คำไท - คำถิ่น
คนโคราช
หนังสือหายาก E - Book
ลิลิตตะเลงพ่าย
สามก๊ก
บ้านมหา (หมอลำออนไลน์)
หมากรุกไทย และหมากกระดาน
ราชกิจจานุเบกษา
สมุดภาพเมืองไทยในอดีต
พระราชวังพญาไท
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย
ฐานข้อมูลภาพถ่าย กรมศิลปากร
ปากเซ ดอท คอม
ศิลปวัฒนธรรมภาคใต้
มวยไชยา
ดำรงราชานุภาพ
พิพิธภัณฑ์ธงสยาม
ห้องสมุดพันทิป
สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
จิตรกรรมฝาผนังวัดบุปผาราม
พิพิธภัณฑ์ศาลไทย
จิตรธานี
Wikimapia
ราชบัณฑิตยสถาน
Bloggang.com
MY VIP Friend