กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
เพชรพระมหามงกุฎ
แผ่นดินทอง
รัตนโกสินทร์ ๒๒๕ ยินดีต้อนรับ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระราชสกุล
เที่ยวเมืองพระร่วง
ตำนานวังหน้า
ความ-ทรงจำ ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
อธิบายเรื่องธงไทย
ตำนานภาษีอากร
บันทึกรับสั่งสมเด็จฯ
สารคดีที่น่ารู้ - ม.จ.หญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
พระจอมเกล้าพระจอมปราชญ์
เทศาภิบาล
สิมอีสาน
นำนักเรียนราชินีเที่ยวห้องดำรง
ห้องดำรง
๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้
๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้
เรื่องอำแดงเทียบ
นางแก้ว
นามสกุล
สุนทรภู่
พระเมรุกลางเมือง
เสาชิงช้า
ภูเขาทอง
ความสนุกในวัดเบญจมบพิตร
ความสนุกในพระบรมมหาราชวัง
พระประวัติหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
ความสนุกในพระบรมมหาราชวัง
วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง
ความสนุกในพระบรมมหาราชวัง
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ การปล่อยลูกผู้หญิงออกจากบ้านตั้งแต่เช้าจนเย็นยังไม่มีใครนิยม แม้จะมีโรงเรียนอยู่แล้ว ๒ ๓ โรงเรียนก็ดี การไปมาของเด็กก็จะต้องมีผู้ใหญ่เป็นผู้พาไปส่งและรับตามเวลา มีรถขึ้นกันเป็นพิเศษเรียกว่ารถโรงเรียน
เด็กผู้หญิงส่วนมากได้รับการศึกษาในทางอ่านเขียนจากญาติหรือครูพิเศษมาสอนให้ที่บ้าน ส่วนวิชาช่าง กิริยามารยาท แบละความรู้รอบตัว มักจะส่งเข้าไปฝึกหัดในพระบรมมหาราชวัง ตามตำหนักพระมเหสีเจ้านายหรือเจ้าจอมต่างๆ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องเชื่อถือกันอยู่ ฉะนั้นตามสำนักต่างๆ นี้จึงเป็นเสมือนคอลเล็จ Colleges ในสมัยนี้ และพระบรมมหาราชวังก็คือมหาวิทยาลัยนั่นเอง ที่จริงเสด็จพ่อของข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งพระทัยจะให้ลูกๆ เข้าไปอยู่ในวังเลย เพราะพระองค์ท่านเป็นผู้จัดการศึกษามาแต่แรก จึงโปรดที่จะทดลองกับลูกๆ ก่อนผู้อื่น ที่วังมีโรงเรียนเล็กๆ ห้อง ๑ สำหรับให้พวกครูทดลองสอนเด็กๆ ก่อน ถ้าเป็นผลดีจึงจะทรงนำไปให้กระทรวงใช้ พวกลูกๆ เองเป็นผู้ขอเข้าไปอยู่ในวัง เพราะติดเจ้านายบ้าง ติดของเพชรบ้าง ติดพี่น้องเข้าไปบ้าง แม้เช่นนั้น เสด็จพ่อก็ทรงระวังเรื่องลูกไปทุกอย่าง แม้ในเวลาขัดสน มีเจ้านายบางพระองค์ตรัสว่า จะประทานยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย เสด็จพ่อก็ยังไม่ทรงรับ ด้วยตรัสกับพวกเราว่า พ่อกลัวเป็นค่าตัวของพวกเธอ ข้าพเจ้าเป็นลูกที่แม่ตั้งใจจะเลี้ยงเอง จนแม่เจ็บมาก จึงทูลขอให้เสด็จส่งเข้าไปในวังเสียให้สิ้นห่วง
พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา
ข้าพเจ้าจึงเข้าไปอยู่ในวังกับพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนารถ และสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงนิภานภดล เมื่อมารดาข้าพเจ้าตาย อายุข้าพเจ้าได้ ๗ ขวบ ข้าพเจ้ามีพี่เลี้ยง ๒ คน คนหนึ่งชื่อบุญส่อ อีกคนหนึ่งชื่อแม่เยื้อน เวลา ๙ น. ครูมาสอนอ่านเขียนหนังสือในห้องใหญ่รวมกันหลายคน ถึงเวลาเที่ยงหยุดรับประทานอาหารกลางวันกับครู ถ้าโรงเรียนหยุด รับประทานอาหารกับสมเด็จหญิงทุกเวลา ฉะนั้นการกินขิงเราจึงเลอะเทอะไมได้ เลิกเรียนบ่าย ๔ โมง แล้วอาบน้ำแต่งตัวขึ้นไปอยู่กับสมเด็จหญิง การอยู่กับท่านนั้น ไม่ใช่ไปนั่งเท้าแขนอยู่เฉยๆ อย่างน้อยต้องหัดถักลูกไม้คอเสื้อชั้นในใส่เอง ถ้ามีงานของผู้ใหญ่ต้องช่วยเป็นลูกมือ เช่นเขาปักสะดึงกันก็ต้องคอยสนเข็มบ้าง เข้าไปส่งเข็มใต้สะดึงบ้าง จนเขาใช้ให้ทำแทนได้บางตอน ถ้าเป็นงานทำดอกไม้ก็เช่นเดียวกัน ผู้ใหญ่เขาใช้ให้ทำง่ายๆ ก่อนจนทำได้ไปเอง
ถึงเวลาบ่ายราว ๕ โมงเศษ สมเด็จหญิงก็เสด็จขึ้นเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เราก็ตามเสด็จขึ้นไปด้วย ต่างพระองค์ต่างก็มีเด็กที่เลี้ยงติดตามไปด้วย เป็นที่แห่งหนึ่งได้พบกันมากๆ เจ้านายท่านก็ทรงสนุกอยู่กับเจ้านาย เราเด็กก็กับเด็ก มีเล่นซ่อนหาเล่นเอาเถิดวิ่งแข่งตีนเดียวกันเป็นต้น ถ้าวันใดพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จออกข้างหน้าเร็ว เจ้านายฝ่ายในทรงมีเวลาว่างมาก ก็เสด็จกันไปเยี่ยมเยียนกันตามตำหนัก บางทีก็เสวยด้วยกันบ้าง ฉะนั้นพอเย็นลงทุกคนก็แต่งตัวกันสวยๆ ออกเดินกันเต็มถนนในวัง ตามถนนของขายต่างๆ ตั้งแต่ขนมของกินไปจนร้านขายผ้าขายของใช้ แม้หาบเร่ร้องขายเพราะๆ ก็มี
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามาลินีนพดารา กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา(ซ้าย)
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตตินารี(ขวา)
ยิ่งถึงเวลาการงานยิ่งสนุกมากขึ้น เพราะพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงโปรดคิดทำอะไรแปลกๆ และสนุกอยู่เสมอ เช่นงานปีใหม่งานขึ้นพระที่นั่งขึ้นพระตำหนัก แม้ต้นพยอมที่ทรงปลูกออกดอก ก็มีการออกร้านของกินฉลองกันอยู่ใต้ต้นพยอมนั้น ข้าพเจ้าจำได้ชัดเจนคือการแต่งแฟนซีปีใหม่ มีเจ้านายทรงแต่งเป็นพระยาวอกองค์หนึ่ง ถึงวันพระยาระกาจะมาถึง ก็มีการเสด็จออกรับรองกันสนุก ทั้ง ๒ ฝ่ายมีบริวารตกแต่งเป็นไทยด้วยกันทั้ง ๒ ข้างเดินกระบวนแห่มาพบกันที่พระที่นั่งอัมพรสถาน มีการทักทายปราศรัยถามทุกข์สุขและให้พรกันแล้ว พระยาวอกก็ลากลับ
พวกเราเด็กๆ ก็ได้รับพระราชทานตุ๊กตาแจกปีใหม่ด้วยเหมือนกัน อีกครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึกสุกนัก คืองานขึ้นเรือนต้น พระตำหนักไทยอย่างโบราณตรงริมอ่างหยกหลังพระที่นั่งอุดร ทุกอย่างจัดเป็นไทยแลธโปรดให้เด็กๆ เป็นผู้ขายของ เพราะจะได้เดินขายได้ทั่วข้างหน้าข้างใน เด็กเล็กหน่อยก็จะให้กระจาดใบเดียว เด็กโตหน่อยให้หาบด้วยไม้คาน ข้าพเจ้ากระเดียดกระจาดขายทอดมันกุ้ง หญิงเหลือกระจากไส้กรอกปลาแนม แม่ช้องหาบข้าวเหนียวหน้าต่างๆ ที่จำได้เพราะแม่ช้องหกล้มข้าวเหนียวหกแล้วนั่งร้องไห้เลยจำได้ดี
ครั้งหลังที่สุดในรัชกาลที่ ๕ คือทรงทอดผ้าป่าที่วัดราชาธิวาส เจ้านายผู้ชายทรงทำของถวายพระเป็นองค์ๆ ไป ที่ข้าพเจ้าจำได้คือโสมเฝ้าทรัพย์ เข้าใจว่าเป็นของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มีเปรตสูงยืนอยู่ปากหลุมตาวาวด้วยไฟ เสียงร้องหวี้ดๆ เป็นระยะๆ ในหลุมนั้นมีของกินห่อเป็นทองตุ่มหนึ่งเป็นเงินตุ่มหนึ่งกำลังไหลออกจากปากตุ่มกองอยู่บนพื้นดินให้แลเห็น ของเสด็จพ่อเป็นที่เผาศพเชิงตะกอนทำด้วยอ้อย มีผีนอนอยู่ และพระกำลังเข้าไปชักบังสุกุล ทุกสิ่งทำด้วยของกินจัดขึ้นปั้นขึ้นเป็นรูปต่างๆ อีกแห่งหนึ่งที่เราเด็กๆ สนุกนัก คือป่าช้าเมืองนคร จำไม่ได้ว่าเป็นของใครทำ เอาต้นไม้มาปักเป็นป่าหมู่หนึ่ง แล้วมีศพห่อเฝือกห้อยอยู่ตามต้นไม้เป็นต้นๆ ในเฝือกนั้นเต็มไปด้วยของกิน มีน้ำตาลหม้อไหลเยิ้มออกมาเหมือนสิ่งปฏิกูลต่างๆ ใต้ต้นไม้เหล่านั้นบางต้นมีผีนั่งพิงต้นไม้อยู่ตัวดำๆ ตาโตแลบลิ้นแดงยาวลงมาถึงหน้าอก
ถึงเวลาเดินเที่ยวดูกัน พวกผู้ใหญ่ท่านก็สนุกในทางความคิดทางฝีมือช่าง ว่าทำเหมือนหรือไม่ เหมือนด้วยวัตถุอะไรและเป็นการปลงสังเวชไปด้วย แต่พวกเราเด็กๆ ที่เดินตามกันไป สนุกในการอยากรู้อยากเห็น แต่กลัวเหลือกำลังเดินใจเต้นแทบกระโดดออกมาทางปาก ครั้นถึงป่าช้าอันนี้เราก็เดินตัวสั่นเพราะกลัวเจ้าตัวที่นั่งแลบลิ้นอยู่ใต้ต้นไม้ เผอิฐมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งจำไม่ได้ว่าใคร เกิดเข้าไปดูว่าคนหรือตุ๊กตา ผีนั้นก็ทำตาแข็ง ทำให้เกิดเสียงกันขึ้นว่าคนหรือไม่ใช่ เด็กคนนั้นเกิดความคิดที่จะพิสูจน์ ฉวยเอากิ่งไม้อันหนึ่งจิ้มเข้าที่ท้อง เท่านั้นผีก็ถลึงตาเสียงดัง ฮึ เราก็วิ่งร้องกันกรี๊ดกร๊าดเอะอะ เลยถูกเอ็ดกันทั้งกองว่าซนไม่เข้าเรื่อง ได้ความภายหลังว่าผีนั้นคือตาเกริ่นตลกนั่นเอง
นอกจากของถวายพระเหล่านั้นแล้ว ยังมีละครตลกตอนแต่งงานพระไวย เล่นฉลองผ้าป่าด้วย เราชอบเสียจริงจัง ถึงลงนอนหัวเราะกลิ้งอยู่ข้าพระเก้าอี้ ส่วนทางน้ำก็มีแพจอดเป็นหลังๆ และมีเรือของวังเจ้านายต่างวังทำอาหารพายขาย วังไหนมีชื่อเสียงว่าทำอะไรดีก็ทำสิ่งนั้นมาขาย จำได้ว่าเรือหม่อมแช่มกรมหลวงอดิศรฯ ขายขนมเบื้องอ้าปาก เรือหม่อมละม้ายกรมหมื่นทิวากรฯ ขายขนมลูกชุบ เรือเจ้าจอมมารดาชุ่มรัชกาลที่ ๔ (คุณย่าของข้าพเจ้า) ขายไอศกรีมรังนก และมีอีกหลายลำทั้งคาวหวาน พวกซื้อรับประทานอยู่บนแพ ขายเท่าไรก็ส่งเข้าวัดหมด
งานวัดเบญจมบพิตรนั้น มีออกเป็นร้านประจำปี เรียกว่าวัดเป็นงานหนึ่งที่หนุ่มสาวเขาไปทำความรู้จักกัน เพราะต่างคนมีร้านก็ต้องมีครอบครัวพวกพ้องไปประจำ เสร็จงานแล้วมักจะมีการพิธีสมรสหลายคู่ ส่วนเราเด็กๆ ก็สนุกในการได้แจกสตางค์ให้เที่ยววิ่งเล่น เสร็จงานแล้ว พี่เลี้ยงมักจะรวยเพราะเรายังไม่รู้จักใช้สตางค์ ข้าพเจ้ามีหน้าที่อย่างหนึ่งในงานนี้ คือต้องขายน้ำชาในเวลาพระเจ้าอยู่หัวเสวยอย่างนึ่ง และต้องนั่งละเลงขนมเบื้องไทยขายทางหน้าร้านอีกอย่างหนึ่ง เพราะพระวิมาดาเธอ (ข้าพเจ้าเรียกท่านว่า เจ้าพี่องค์เล็ก) ทรงว่าห้องเครื่องต้น จึงทรงออกร้านของกิน โปรดให้สาวๆ ละเลงขนมเบื้องขายทางฝ่ายใน และพวกเราเด็กๆ ขายทางฝ่ายหน้า ถ้าเจอะคนกินใจป้ำเช่นเจ้าคุณปฏิพัทธ์ภูบาล เรามักจะขายได้แผ่นละหลายๆ บาท เพราะคงเห็นว่าน่าเอ็นดูที่เด็กทำได้
พวกอยู่ในสำนักพระวิมาดาเธอนี้ โดยมากมักจะทำอาหารกินเป็น เพราะต้องเห็นต้องช่วยอยู่เสมอ สำหรับข้าพเจ้านั้นพออายุได้ ๑๐ ขวบ เจ้าพี่องค์เล็กก็โปรดให้ไปทำขนมกับท่านอาของหวาน คือ หม่นเจ้าหญิงคอยท่าปราโมท ในห้องเครื่องต้น พอกลับจากเรียนหนังสือต้องไปในห้องเครื่องก่อน แล้วจึงจะกลับไปอาบน้ำขึ้นไปเฝ้า ถ้าถึงฤดูกุ้งก็ตั้งเตาหัดละเลงขนมเบื้องกันเป็น ๒ แถว แถวหนึ่งพวกสาวๆ แถวหนึ่งพวกเด็กๆ มีหม่อมเพื่อนเป็นอาจารย์ใหญ่เดินตรวจแถวเอ็ดไปว่าไปจนทำได้ เมื่อจบการช่างตอนกลางวันแล้ว ค่ำลงมักจะอ่านหนังสือถวายทรงฟังบ้าง บางทีสมเด็จหญิงก็ทรงเขียนลายพระหัตถไว้ให้ลอกตามแบบ ซึ่งในเวลานั้นมีแต่ ม.ร.ว. จิณ ลัดดาวัลย์ และข้าพเจ้า ๒ คนเท่านั้น ที่เขียนได้เหมือนลายพระหัตถ์สมเด็จหญิงเป็นอันมาก บัดนี้ข้าพเจ้าเลอะเลือนจนไม่เหมือนเสียแล้ว
ในเวลาเสด็จไหนๆ ก็ตามเสด็จไปทุกแห่ง ได้พบเห็นได้ความรู้อยู่เสมอทุกวัน ถ้ากลับมาไม่รู้ไม่เห็นอะไร หรือไปทำอะไรผิดมาเช่นไหว้คนไม่ถูก หรือไปนั่งบังหน้าใครมา ก็ทรงติเตียนว่าเหลวไหลอย่างนั้นๆ ทำให้รู้จักสังเกตและมีไหวพริบดีขึ้นเสมอ แม้เวลานอนก็นอนอยู่หน้าพระที่สมเด็จหญิง ฉะนั้นเด็กสมัยข้าพเจ้าจึงไม่เคยห่างผู้ใหญ่เลยตั้งแต่เช้าจนค่ำ มีเด็กบางคนร้องไห้ดื้อดึงไม่ยอมเข้าวังอีก แต่สำหรับข้าพเจ้าแม้จะติดเสด็จพ่อเสียเหลือเกิน ก็ไม่เคยร้องไห้เลย อาจจะเป็นเพราะข้าพเจ้าได้ประทานอนุญาตให้ออกไปเฝ้าเสด็จพ่อได้ อย่างไรก็ดีเป็นสิ่งพิสูจน์ได้อย่างนึ่งว่าเจ้าพี่องค์เล็ก และสมเด็จหญิงของข้าพเจ้าได้ทรงพระกรุณาแก่ข้าพเจ้าอย่างเหลือล้น ทั้งทางกายและทางใจ ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยว่าได้เข้าไปอยู่กับพระองค์ท่านจนบัดนี้
.........................................................................................................................................................
คัดจาก สารคดีที่น่ารู้ พระนิพนหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
Create Date : 21 กรกฎาคม 2550
Last Update : 21 กรกฎาคม 2550 16:38:21 น.
0 comments
Counter : 7483 Pageviews.
Share
Tweet
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
กัมม์
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [
?
]
วิชา ความรู้จะมีค่าเมื่อถูกถ่ายทอด
Bigmommy
NickyNick
เพ็ญชมพู
kenzen
สาวใหม
กระจ้อน
คนรักน้ำมัน
Why England
naragorn
biebie999
วรณัย
เซียงยอด
แม่สลิ่ม
รอยคำ
สุธน หิญ
นอกราชการ
BFBMOM
มณีไตรรงค์
karmapolice
เมื่อไรจะหายเหงา
เจ้าชายเล็ก
รักดี
ลุงนายช่าง
nidyada
mr.cozy
กวินทรากร
Mutation
พลังชีวิต
หนุ่มรัตนะ
Webmaster - BlogGang
[Add กัมม์'s blog to your web]
เครือข่ายกาญจนาภิเษก
หอมรดกไทย
เวียงวัง
มอญ
กฎหมายไทย
ประตูสู่อีสาน
พจนานุกรมไทย-อังกฤษ
พจนานุกรมไทย-บาลี
คำไท - คำถิ่น
คนโคราช
หนังสือหายาก E - Book
ลิลิตตะเลงพ่าย
สามก๊ก
บ้านมหา (หมอลำออนไลน์)
หมากรุกไทย และหมากกระดาน
ราชกิจจานุเบกษา
สมุดภาพเมืองไทยในอดีต
พระราชวังพญาไท
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย
ฐานข้อมูลภาพถ่าย กรมศิลปากร
ปากเซ ดอท คอม
ศิลปวัฒนธรรมภาคใต้
มวยไชยา
ดำรงราชานุภาพ
พิพิธภัณฑ์ธงสยาม
ห้องสมุดพันทิป
สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
จิตรกรรมฝาผนังวัดบุปผาราม
พิพิธภัณฑ์ศาลไทย
จิตรธานี
Wikimapia
ราชบัณฑิตยสถาน
Bloggang.com
MY VIP Friend