Group Blog
 
All Blogs
 

ตอนที่ ๔ บัลลังก์ล่ม

ฮ่องเต้ห้าแผ่นดิน

ตอนที่ ๔ บัลลังก์ล่ม

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อพระเจ้าฮุยเต้ได้ขอร้องให้เจียะเกงถังผู้เป็นน้องเขย ให้งดเว้นการเข้าตีเมืองหลวงไว้เจ็ดวัน แล้วจะส่งตัวนางเตียฮองเฮามาให้ทำโทษนั้น เล่าตี๋เอียนนายทหารเอกได้แนะนำให้ถามความจริงจากนางหยงเหนงกงจู๊ เพราะนางเพิ่งหนีออกมาจากพระราชวัง

เจียะเกงถังจึงให้เรียกภรรยาออกมาถามว่า ซึ่งฮ่องเต้รับสั่งว่านางเตียฮองเฮาพึ่งคลอดบุตรใหม่ ได้สามวันนั้นจะจริงหรือ นางหยงเหนงกงจู๊ก็บอกว่าเมื่อตนอยู่ในเมืองหลวงนั้น หาได้ยินว่าฮองเฮามีครรภ์ไม่ ความอันนี้ไม่จริง

เจียะเกงถังจึงว่า

“………พระเจ้าฮุยเต้ล่อลวงให้เราหยุดการรบเจ็ดวันนั้น คงจะมีอุบายอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นแน่ จำเราจะยกเจ้าตีเอาเมืองหลวงเสียให้ได้โดยเร็ว……..”

ซึงยุยหันที่ปรึกษาก็ว่า

“……..ในเมืองหลวงทแกล้วทหารก็ยังมีรักษาหน้าที่เชิงเทินแน่นหนาอยู่ ซึ่งจะหักเอาด้วยกำลังนั้น เห็นจะได้โดยยาก ข้าพเจ้ามีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่งชื่อซูปิดตัด เป็นนายทหารอยู่ในเมือง ข้าพเจ้าคิดจะมีหนังสือเข้าไปเกลี้ยกล่อมชักชวนให้ซูปิดตัดเป็นไส้ศึกขึ้นก็เห็นจะได้โดยง่าย…”

เจียะเกงถังก็เห็นชอบด้วย ซึงยุยหันจึงมีหนังสือถึงซูปิดตัด ขอให้ช่วยกองทัพของเจียะเกงถังให้เข้าเมืองหลวงได้โดยง่าย

ซูปิดตัดก็เห็นว่าพระเจ้าฮุยเต้นั้นสิ้นวาสนาแล้ว เหมือนต้นไม้ใหญ่จะล้ม ก็คงทับเอาไม้เล็กวินาศยับเยินไป ซึ่งจะทำราชการอยู่ด้วยนั้น ก็จะพลอยย่อยยับเสียเปล่าหาประโยชน์ไม่

จึงนัดให้เจียะเกงถังยกทหารเข้าเมืองในเวลาค่ำ ซึ่งตนจะเปิดประตูเมืองด้านตะวันออกไว้คอยรับ

ถึงเวลาประมาณสี่ทุ่มเจียะเกงถังก็พาทหารเข้าเมือง ทางทิศตะวันออก ทหารซึ่งรักษาหน้าที่เชิงเทินเห็นกองทัพข้าศึกเข้าเมืองได้แล้ว ก็ลงจากเชิงเทินถอดเครื่องทหารทิ้งเสีย หนีกระจัดกระจาย ปลอมเป็นชาวเมืองไป

เจียะเกงถังก็ให้ซูปิดตัดนำนายทหารยกไปล้อมวังไว้ ต่อเวลาเช้าจึงให้เข้าไปค้นจับฮ่องเต้กับฮองเฮา และกำชับสั่งนายทหารให้ตรวจตรากันไว้ให้ดี อย่าให้ไปเที่ยวกระทำข่มเหงแก่ราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน

ฝ่ายพระเจ้าฮุยเต้เวลานั้นยังไม่ได้บรรทม นั่งเสพสุราอยุ๋กับนางเตียฮองเฮา ได้ยินเสียงอื้ออึงเข้ามาในพระราชวัง จึงเสด็จออกถามขุนนางที่อยู่ประจำรักษาพระราชวัง ว่าเหตุอันใดเสียงผู้คนจึงโห่ร้องอื้ออึงหนักหนา ขุนนางทูลว่า

“……..ข้าศึกเข้าเมืองได้ และบัดนี้มาตั้งล้อมพระราชวังอยู่รอบแล้ว คนซึ่งรักษาพระราชวังเวลานี้ก็แตกตื่นหนีออกไปเสียสิ้น ยังเหลืออยู่น้อยนัก ขอเชิญพระองค์รีบหนีเถิด…….”

ฮ่องเต้ได้ทราบดังนั้นก็ตกพระทัยสิ้นสติตรัสเพ้อไปต่าง ๆ ฮองเฮาจึงวิ่งออกมาจับพระองค์สั่นแล้วว่า การจวนตัวแล้วจะคิดประการใด ก็เร่งคิดโดยเร็ว ฮ่องเต้ก็ได้พระสติตรัสว่า

“……..บ้านเมืองเป็นของเจียะเกงถังเขาแล้ว ซึ่งเราจะป้องกันรักษาเจ้าต่อไปนั้นไม่ได้ เจ้าจงเอาตัวรอดเองเถิด…….”

ตรัสดังนั้นแล้วก็เสด็จเข้าไปในพระตำหนัก เอาตราหยกสำหรับกษัตริย์ผูกติด พระองค์เข้า แล้วไปเที่ยวหาเชื้อเพลิงมากองเข้าใต้พระที่นั่งเทียนปูเหลา เอาไปจุดติดแล้วก็รีบเสด็จขึ้นไปบนพระที่นั่ง เพลิงก็ไหม้พระที่นั่งและพระเจ้าฮุยเต้ก็สิ้นพระชนม์อยู่ในเพลิงนั้น

ครั้นเวลารุ่งเช้าเจียะเกงถังก็นำทหารเข้าไปในพระราชวัง ให้เที่ยวค้นหาพระเจ้าฮุยเต้ ก็แจ้งว่าฮ่องเต้เผาตัวตายเสียในพระที่นั่งแล้ว เจียะเกงถังจึงสั่งให้เล่าตี๋เอียนช่วยกันดับไฟ และคุ้ยเขี่ยหาจึงพบตราหยกสำหรับกษัตริย์ ซึ่งยังดีอยู่หาเป็นอันตรายด้วยไฟไม่

ขณะนั้นขันทีซึ่งรักษาเก๋งนางเตียฮองเฮาอยู่นั้น ก็จับนางมัดพามาให้เจียะเกงถัง นางฮองเฮาก็คุกเข่าก้มหน้านิ่งอยู่ เจียะเกงถังพิศดูรูปร่างนางงามนัก ความที่โกรธแค้นก็เสื่อมคลายหายไป คิดจะเลี้ยงไว้เป็นสาวใช้ จึงถามว่า

“…….เหตุใดจึงเกลียดชังนางหยงเหนงกงจู๊นักหนา ทูลยุยงให้พระเจ้าฮุยเต้ขัดเคือง กระทำโทษไปกักขังไว้แทบจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต…….”

นางเตียฮองเฮาได้ฟังก็เงยหน้าชายตาให้สบตาเจียะเกงถัง แล้วก้มหน้าลงพูดว่า

“……..ซึ่งข้าพเจ้าจะได้เกลียดชังทูลยุยงนั้นหามิได้ พระเจ้าฮุยเต้ขัดเคืองนางหยงเหนงกงจู๊ด้วยข้อความที่กราบทูลลา จะออกไปหาท่านที่ด่านซำก๊วน จึงได้รับสั่งให้เอาตัวไปทำโทษขังเสีย เป็นความสัตย์จริงดังนี้………”

เจียะเกงถังได้ฟังก็ยังนิ่งคิดเรรวนอยู่ เล่าตี๋เอียนเห็นกิริยาเจียะเกงถังอ่อน ทีจะรักนางเตียฮองเฮา จึงคิดว่านางคนนี้จะละไว้ก็คงจะเป็นศัตรูต่อไปอีก จึงเข้าไปพูดกับเจียะเกงถังว่า

“………การซึ่งท่านยกมาทำศึกสงครามครั้งนี้ ก็เพราะนางเตียฮองเฮาเป็นต้นเหตุ พระเจ้าฮุยเต้ต้องเผาพระองค์เสียสิ้นพระชม์ ก็เพราะด้วยลุ่มหลงรักนางเตียฮองเฮา บ้านเมืองจึงเป็นอันตราย ข้าพเจ้าจะขอตัวนางเตียฮองเฮาไปให้ซึงยุยหันปรึกษาโทษ…..”

เจียะเกงถังก็ยังนิ่งอยู่ไม่อาจตัดสินใจได้ ซึงยุยหันจึงสั่งให้ทหารเอาตัวนางเตีย ฮองเฮาออกไปนอกวัง แล้วตัดศรีษะเสีย แล้วจึงกลับเข้ามาบอกกับเจียะเกงถังว่า นางเตียฮองเฮาโทษถึงตาย ตนได้สั่งให้ตัดศรีษะเสียแล้ว

เจียะเกงถังก็ไม่อาจพูดประการใด ได้แต่คิดโกรธอยู่ในใจ

ฝ่ายนางหยงเหนงกงจู๊อยู่ที่ค่าย แจ้งว่าเจียะเกงถังยกกองทัพเข้าตีเมืองหลวงได้แล้ว ก็มีความยินดีสั่งให้นายทัพนายกองรวบรวมทหารที่เหลือ ยกตามเข้าไป ครั้นเข้าไปถึงเก๋งที่อยู่ของนางแล้ว จึงถามคนใช้ในบ้านว่า พระเจ้าฮุยเต้เสด็จไปอยู่ที่ไหน

คนใช้บอกว่า เมื่อเสียเมืองนั้นฮ่องเต้ได้เอาเชื้อเพลิงมาจุดเผาพระที่นั่งที่ประทับ ไฟจึงไหม้พระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว นางหยงเหนงกงจู๊ได้ฟังดังนั้น ก็คิดสงสารฮ่องเต้มิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ด้วยนางเป็นพระขนิษฐาร่วมพระราชบิดาเดียวกัน

นางก็ว่าไม่พอที่เลย เพราะฮ่องเต้หลงเชื่อนางเตียฮองเฮา อันเป็นคนหาชาติตระกูลไม่ จึงได้เสียเมืองเสียพระชนม์ ด้วยการอันน่าสังเวชนี้

ฝ่ายเจียะเกงถังจัดแจงพระราชวัง และปราบปรามราษฎรเรียบร้อยแล้วก็กลับมายังที่อยู่ ถามนางหยงเหนงกงจู๊ว่า เจ้ายังมีธุระสิ่งใดอีกบ้าง นางก็บอกว่า

“………ข้าพเจ้ามีหญิงชอบสนิทอยู่คนหนึ่ง ชื่อนางหลีเง็กเอง มีสติปัญญาซื่อตรงรักใคร่ข้าพเจ้ายิ่งนัก เมื่อข้าพเจ้าต้องโทษอยู่นั้น นางหลีเง็กเองผู้เดียวไปปรึกษาหารือ ช่วยทำนุบำรุงชีวิต ข้าพเจ้าจึงได้รอดอยู่ ขอท่านจงให้ติดตามหาตัวนางหลีเง็กเองมาชุบเลี้ยง ให้ข้าพเจ้าสนองคุณเขา……..”

เจียะเกงถังก็ให้ขันทีและขุนนางที่รู้จักตัวนางหลีเง็กเอง ไปเที่ยวค้นคว้าหาดูทุกตำหนัก และเก๋งน้อยใหญ่ก็หาพบไม่ จึงสืบถามได้ความว่า นางได้หนีออกจากวังไปอยู่บ้านปังเต๋าขุนนางผู้ใหญ่

เจียะเกงถังจึงให้ขุนนางและขันทีกับหญิงคนใช้ ไปรับนางหลีเง็กเองมาอยู่ที่เดิม แล้วก็จัดเครื่องยศเสื้อหมวกอย่างภรรยาขุนนางผู้ใหญ่ ให้ใส่เป็นยศ แล้วให้เงินทองสมนาคุณอีกเป็นอันมาก

ครั้นวันต่อมาเจียะเกงถังเข้ามาที่เสด็จออกขุนนาง ให้ประชุมขุนนางนายทหารมาพร้อมกันถามว่า

“……..พระราชบุตรพระราชนัดดาของพระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้ ยังมีอยู่ที่ใดบ้าง เราจะเชิญมาครอบครองราชสมบัติสืบเชื้อวงศ์ต่อไป………”

ซูปิดตัดจึงว่า

“……..เชื้อวงศ์พระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้สิ้นสูญหมดแล้ว การครั้งนี้เทพยดาบันดาลเปิดช่องโอกาส ให้ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว หาควรที่ท่านจะบิดพริ้วอิดเอื้อนไม่……..”

ขุนนางนายทหารทั้งปวงจึงว่า ซึ่งซูปิดตัดว่านี้ พวกตนเห็นชอบพร้อมกันแล้ว เจียะเกงถังจึงตอบว่า

“……..ตัวเราทำการครั้งนี้ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ธรรมดาจะเป็นเจ้าคนนายคน ครอบครองแผ่นดินต้องตริตรองให้มาก ซึ่งจะดีใจรับเอาง่าย ๆ เหมือนสิ่งอื่น ๆ นั้นไม่ได้……..”

ม่อย่องตี่แม่ทัพมืองไซอี๋ที่ยกมาช่วย จึงว่า

“………เมื่อท่านมีหนังสือไปถึงนายข้าพเจ้า ให้ยกมาช่วยนั้น สัญญาว่าสำเร็จราชการแล้ว จะยกหัวเมืองฝ่ายตะวันออกให้เป็นค่าป่วยการ ก็บัดนี้ท่านบิดพริ้วไม่รับเป็นเจ้าแผ่นดินแล้ว ข้าพเจ้าจะเอาหัวเมืองจากผู้ใดเล่า……..”

เจียะเกงถังได้ฟังดังนั้นก็นิ่งตรึกตรอง แล้วจึงว่า

“…….เมื่อท่านทั้งหลายเห็นพร้อมกันดังนั้น ข้าพเจ้าก็ต้องยอม……..”

ครั้นถึงวันฤกษ์ดี ขุนนางทั้งปวงก้เชิญเจียะเกงถังทรงเครื่องกษัตริย์ ขึ้นสถิตบนพระที่นั่ง เจ้าพนักงานเชิญตราหยกเข้าไปถวายแล้ว ขุนนางฝ่ายทหารพลเรือนก็คุกเข่าลง ถวายบังคมเก้าครั้ง ตามธรรมเนียมพระมหากษัตริย์ครองราชสมบัติใหม่ ถวายพระนามว่า พระเจ้าเกาโจ๊ฮ่องเต้

แล้วฮ่องเต้จึงทรงพระอักษรยกหัวเมืองให้เคียดตัน เจ้าเมืองไซยี่สิบหกเมือง และสัญญาจะส่งผ้าปีละสามหมื่นพับ ม่อย่องกี่ได้หนังสือมอบเมืองแล้ว ก็ถวายบังคมลา เลิกทัพกลับไปเมืองไซยี่

และพระเจ้าเกาโจ๊ฮ่องเต้ก็เป็นไมตรีกับเมืองฮวนไซยี่ต่อมา

พระเจ้าเกาโจ๊ฮ่องเต้ ได้เป็นกษัตริย์ครอบครองราชสมบัติแล้ว ก็ใช้ธรรมเนียมตามอย่างพระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้ ตั้งนางหยงเหนงกงจู๊เป็นที่ฮองเฮา สำเร็จราชการฝ่ายใน ตั้งให้เตียหยงเป็นขุนนางผู้ใหญ่สำเร็จราชการในเมืองหลวง ตั้งซึงยุยหันเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ฝ่ายอาลักษณ์

ให้เล่าตี๋เอียนเป็นขุนนางผู้ใหญ่ บังคับทหารม้าและทหารล้อมพระราชวังด้วย ให้เก๋งเอี้ยนก๊องเป็นขุนนางผู้ใหญ่บังคับทหารเดินเท้า

ครั้นแต่งตั้งขุนนางตามตำแหน่งแล้ว ก็พระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่นายทัพนายกอง และทหารเลวซึ่งเป็นข้าหลวงเดิมแต่ก่อน ตามสมควรแก่ความชอบมากแลน้อย

ส่วนเคียดตันได้เมืองขึ้นสิบหกหัวเมืองแล้ว ก็ยังไม่พอความปรารถนา จึงให้คนถือหนังสือมาขอสิ่งของทองเงินต่าง ๆ ฮ่องเต้ก็พระราชทานให้ตามความปรารถนา เพื่อจะเอาใจไว้ไม่ให้เป็นศัตรูขึ้น

#########




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2550    
Last Update : 21 สิงหาคม 2550 10:52:24 น.
Counter : 501 Pageviews.  

ตอนที่ ๓ แค้นที่ต้องชำระ

ฮ่องเต้ห้าแผ่นดิน

ตอนที่ ๓ แค้นที่ต้องชำระ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อเจียะเกงถังยกทัพมาถึงด่านท่องกวน เตียฮองนายด่านก็ให้นายทหารออกมารบเพื่อจะดูฝีมือ ได้เพียงสามเพลงก็ถูกเจียะเกงถัง แทงด้วยทวนตกม้าตาย นายด่านก็ตกใจขึ้นม้าทิ้งด่านหนีไปเมืองหลวง เมื่อถึงแล้วก็เข้าไปเฝ้ากราบทูลพระเจ้าฮุยเต้ว่า

“………ฮู่ม้าเจียะเกงถังคิดขบถยกกองทัพมาถึงด่านท่องกวน ฮันโฮ้วออกรบ เสียทีตาย ทหารเจียะเกงถังเข้าเอาด่านท่องกวนได้…….”

ฮ่องเต้ก็ตกพระทัยจึงตรัสถามขุนนางฝ่ายทหารว่า ผู้ใดจะอาสาออกสู้รบกับ เจียะเกงถังได้ กอเฮงจิวบุตรของกองซือกี่นายทหารเก่า ที่เคยออกรบกับข้าศึกพร้อมบิดา ในสมัยฮ่องเต้องค์ก่อน ก็ขออาสาจะออกไปรบฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

“……..เจ้านี้เป็นเชื้อเหล่าทหารเคยได้รบกับเฮ่งง่วนเจียงมาแต่ก่อน ซึ่งรับอาสาครั้งนี้ก็ดีแล้ว แต่อายุยังน้อยอยู่ เราจะให้ทหารรองไปเป็นที่ปรึกษาหารืออีก……”

หักซิวเกงก็ขออาสาไปกับกอเฮงจิวด้วย ฮ่องเต้ก็ดีพระทัยมีรับสั่งให้ทั้งสองคุมทหารห้าหมื่นออกไปตั้งรับที่เขาปูเล่งซัว ใกล้กับกองทัพของฮู่ม้าหรือน้องเขย ที่ได้หลายเป็นข้าศึกไปแล้ว

เมื่อม้าใช้นำความมาแจ้งแก่ให้ทราบ เจียะเกงถัง ก็ว่า

“…….กอเฮงจิวนี้เป็นเด็กปากยังม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แต่ได้รบกับเฮงง่วนเจียงครั้งหนึ่งก็มีใจกำเริบ ครั้งนี้พระเจ้าฮุยเต้ได้เด็กเป็นแม่ทัพยกออกมา เห็นแต่ว่ามีฝีมือเข้มแข็ง จะมีสติปัญญาสักเพียงใด……”

เตียหยงก็ขออาสาออกไปจับตัวกอเฮงจิวมาให้ได้ เจียะเกงถังจึงให้เล่าตี๋เอียนกับเตียหยงพาทหารออกไปก่อน แล้วตนเองก็ยกตามออกไปอีก เห็นเล่าตี๋เอียนรบกับกอเฮงจิวประมาณห้าสิบเพลงแล้วยังไม่รู้แพ้ชนะ ก็เข้าไปช่วยฆ่านายทหารรองของกอเฮงจิวตายไปสองคน ทหารก็แตกพ่าย กอเฮงจิวต้องหนีกลับเข้าค่าย

รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งเล่าตี๋เอียนก็ยกทหารเข้าตีหักเอาค่าย กอเฮงจิวเหลือตัวคนเดียวก็พยายามสู้รบกับเล่าตี๋เอียนได้ร่วมร้อยเพลง แต่สุดท้ายก็ถูกเล่าตี๋เอียนฟันด้วยง้าว ตกม้าตายไป ทหารเมืองหลวงก็แตกกระจายไป
เจียะเกงถังก็เคลื่อนทัพเข้าล้อมเมืองหลวงไว้ทั้งสี่ด้าน

ฝ่ายขุนนางและราษฎรในเมืองหลวง เห็นกองทัพเข้ามาล้อมเมืองอยู่ดังนั้น ก็พากันตกใจตื่นหามีผู้ใดคิดจะสู้รบไม่ พระเจ้าฮุยเต้จึงให้ประชุมขุนนาง พร้อมกันในที่ว่าราชการแล้วปรึกษาว่า การครั้งนี้ท่านผู้ใดจะคิดอย่างไรจึงจะพ้นภัยอันตราย

ปังเต๋าขุนนางผู้ใหญ่จึงกราบทูลว่า

“……..เดิมพระองค์หลงเชื่อถือแต่นางเตียฮองเฮา ยุยงให้ทำโทษแก่นางหยงเหนงกงจู๊ เจียะเกงถังจึงได้มีความเจ็บแค้นเป็นศัตรูขึ้น บัดนี้กองทัพล้อมไว้รอบเมืองแล้ว ทหารในเมืองก้ไม่เห็นหน้าผู้ใดจะออกไปต่อสู้ได้ไม่ ถ้าพระองค์ให้ขุนนางที่มีสติปัญญา ออกไปพูดจาเกลี้ยกล่อมเจียะเกงถังโดยดี จัดทรัพย์สิ่งของทองเงินออกไปให้ขอลุกะโทษ แล้วตั้งให้เจียะเกงถังมียศบรรดาศักดิ์มากขึ้น เห็นเจียะเกงถังจะค่อยคลายความโกรธ บางทีก้เลิกแล้วกันไปได้……..”

ฮ่องเต้ขณะนั้นหามีพระสติไม่ ใครว่าอย่างไรก็พยักเพยิดไปตาม จึงทรงพระอักษรฉบับหนึ่งกับทองสิบเกวียน และสิ่งของอย่างดีเป็นอันมาก มอบให้ขุนนางฝ่ายกรมอาลักษณ์ ออกไปมอบให้เจียะเกงถัง ที่ค่ายนอกเมือง

ขุนนางนั้นก็เข้าไปคุกเข่าคำนับเจียะเกงถัง แล้วก็กล่าวว่า

“……..พระเจ้าฮุยเต้ใช้ข้าพเจ้าออกมาว่า การซึ่งทำโทษแก่นางหยงเหนงกงจู๊เหลือเกินไปนั้น พระเจ้าฮุยเต้รับผิดแล้ว พระราชทานพระอักษรมาตั้งให้ท่าน เป็นขุนนางผู้ใหญ่สำเร็จราชการในหัวเมืองแขวงฮ่องตงทั้งสิ้น พระราชทานเงินสิบเล่มเกวียนทองสิบเล่มเกวียน กับของที่อย่างดีออกมาให้ท่าน ขอลุกะโทษให้ท่านอดความโทโสเสียสักครั้งหนึ่งเถิด จะได้เป็นไมตรีกันสืบไปเหมือนแต่ก่อน…….”

เจียะเกงถังจึงว่า

“………พระเจ้าฮุยเต้ไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม เชื่อแต่เมียหาคิดถึงพี่น้อง และตัวเราผู้เป็นทหารไม่ ซึ่งเราจะรับสิ่งของเลิกกองทัพกลับไปนั้น มีความละอายแก่มหาชนทั้งหลายนัก ถ้าพระเจ้าฮุยเต้จะรักษาราชสมบัติ จะให้เราเลิกกองทัพกลับไป ก็ส่งตัวนางเตียฮองเฮามาให้เรากระทำโทษ แก้แค้นเสียให้ประจักษ์แก่คนทั้งหลาย ล้างความอายได้ เราก็จะเลิกทัพกลับไป……”

ขุนนางผู้เป็นทูตมาเจรจาได้ฟังดังนั้น ก็หาอาจจะโต้ตอบประการใดไม่ คำนับลาพาสิ่งของและหนังสือตราตั้ง กลับมาถวายคืนฮ่องเต้และกราบทูลความซึ่งเจียะเกงถังว่ามาทุกประการ

ฮ่องเต้ก็ปรึกษาขุนนางเหล่านั้นว่า เจียะเกงถังไม่ยอมเลิกกองทัพกลับไป จะคิดอย่างไรต่อไปเล่า เตียหลงซึ่งเป็นน้องของนางเตียฮองเฮา ก็กราบทูลขออาสาจะคุมทหาร ออกไปสู้รบกับเจียะเกงถังเอง

ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ทรงพระสรวลออกมาได้ และตรัสว่า

“………ถ้าเจ้าอุตส่าห์เอาชัยชนะได้แล้ว ยศศักดิ์และทรัพย์สิ่งของทองเงินที่เราจะให้เจียะเกงถังนั้น จะให้กับเจ้าทั้งสิ้น……..”

ตรัสแล้วก็มีรับสั่งให้จัดทหารสิบหมื่น มอบให้เตียหลงเป็นแม่ทัพยกออกไป เตียหลงก็สวมเกราะขึ้นม้าถืออาวุธนำทหาร เปิดประตูเมืองออกไปถึงหน้าค่ายเจียะเกงถัง จัดทหารตั้งเป็นขบวนเตรียมสู้รบ

เจียะเกงถังก็คุมทหารออกจากค่าย มาถามว่าท่านผู้ใดเป็นแม่ทัพ เตียหลงก็บอกชื่อและว่าตนเป็นน้องของนางเตียฮองเฮา เจียะเกงถังก็หัวเราะด้วยเสียงอันดัง แล้วว่า

“……….ฮุยเต้สิ้นคนแล้ว จึงให้น้องเมียเป็นแม่ทัพออกมา เราเสียดายอาวุธที่เราถือนัก จะเปื้อนโลหิตอ้ายคนหาชาติตระกูลไม่เสียแล้ว……..”

เตียหลงได้ฟังก็โกรธยิ่งนัก ขับม้าเข้ารบกับเจียะเกงถังได้สามเพลง ทานกำลังสู้ไม่ได้ก็ขับม้าหนี เจียะเกงถังก็ตามไปเอาทวนแทงตกม้าตาย มีทหารรองสองนายจะเข้ามาช่วย ก็ถูกฆ่าตายไปคนหนึ่งและถูกจับเป็นเชลยอีกคนหนึ่ง ทหารของเจียะเกงถังก็ไล่ฆ่าฟันทหารเมืองหลวงล้มตายไปประมาณกึ่งหนึ่ง ที่เหลือตยหนีไปได้บ้าง เข้าสามิภักดิ์อยู่กับเจียะเกงถังบ้าง

เจียะเกงถังได้ชัยชนะแล้ว ก็กลับเข้าค่ายให้ตัดศรีษะนายทหารที่เป็นเชลยเสียบไว้ที่หน้าประตูเมือง

ฝ่ายพระเจ้าฮุยเต้ครั้นแจ้งว่ากองทัพของน้องฮองเฮาแตก ตัวแม่ทัพและทหารรองตายในที่รับสิ้น ก็เสียพระทัยมิได้ตรัสประการใด เสด็จกลับเข้าข้างใน ครั้นเวลารุ่งเช้าได้ยินเสียงกลองรบและเสียงโห่ร้อง ดังก้องเข้าไปถึงในพระราชวัง จึงรับสั่งให้ขันทีออกมาถามขุนนางข้างหน้าว่ามีเหตุอันใด ขันทีก็เข้ามาทูลว่าข้าศึกยกทหารเข้าตีหักเอาเมือง ร้องว่าจะจับตัวนางเตียฮองเฮาไปทำโทษเสียให้จงได้

ฮ่องเต้ได้ทรงทราบดังนั้นก็ตกใจจนพระองค์สั่น หาตรัสออกได้ไม่ จึงเสด็จออกมาข้างหน้า รับสั่งให้ขุนนางไปหาตัวปังเต๋าขุนนางผู้ใหญ่ให้รีบมาเฝ้าโดยเร็ว แต่ขุนนางก็กลับมาบอกว่าปังเต๋าป่วยหาเข้ามาไม่

ฮ่องเต้จึงตรัสกับขุนนางที่เข้าเฝ้าว่า ท่านผู้ใดจะรับอาสาไปกำจัดเจียะเกงถังเสียได้ เราจะตั้งให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ บำเหน็จรางวัลให้มากทีเดียว ขุนนางทั้งปวงก็นิ่งอยู่หามีผู้ใดกราบทูลไม่

ฮ่องเต้ก้เสียพระทัยทรงพระกันแสง แล้วเสด็จกลับเข้าข้างใน ไปหานางเตียฮองเฮาแล้วตรัสว่า

“……..บัดนี้เจียะเกงถังยกมาตีเมือง ขุนนางทั้งปวงเขาก็นิ่งเฉยเสีย เราไต่ถามปรึกษาหารือ เขาก็ไม่พูดด้วย ปังเต๋าขุนนางผู้ใหญ่ก็แกล้งบอกป่วยหลบตัวไป การครั้งนี้เราจะคิดอย่างไรดี……..”

นางเตียฮองเฮาจึงกราบทูลว่า

“…….ข้าพเจ้าคิดเห็นอุบายอยู่อย่างหนึ่ง ขอเชิญพระองค์เสด็จขึ้นไปบนหอรบ รับสั่งให้หาเจียะเกงถังเข้ามาเฝ้า แล้วจึงตรัสบอกว่าข้าพเจ้าพึ่งคลอดบุตรได้สามวัน ขอผลัดอีกเจ็ดวันจึงจะส่งข้าพเจ้าออกไป ให้เจียะเกงถังถอยกองทัพออกไปตั้งให้ห่างเมือง แล้วพระองค์จงมีหนังสือไปถึงหัวเมืองให้ยกกองทัพมาช่วย ถ้าหัวเมืองยกกองทัพมาแล้ว พระองค์จงจัดกองทัพออกตีขนาบ ก็เห็นจะได้ชัยชนะแก่ข้าศึก………..”

พระเจ้าฮุยเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็ดีพระทัย ตรัสสรรเสริญว่าสติปัญญาเจ้าคิดดีหนักหนา ครั้นเวลารุ่งเช้าพระเจ้าฮุยเต้ก็เสด็จไปกับขุนนาง ขึ้นบนหอรบร้องตะโกนสั่งพวกกองทัพหน้าเมือง ให้บอกเจียะเกงถังมาเฝ้า

เจียะเกงถังก็ขึ้นม้าพาทหารมาตรงหน้าหอรบ ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นทหารมากันมาก กลัวว่าข้าศึกจะเอาเกาทัณฑ์ยิง ก็เสด็จไปแอบข้างเสาแล้วเยี่ยมพระพักตร์ ออกไปตรัสกับเจียะเกงถังว่า

“……..เราเป็นกษัตริย์ครอบครองแผ่นดินอยู่ทุกวันนี้ ก็ถือว่าเป็นเจ้ามีคุณแก่ชนทั้งหลาย ท่านยกกองทัพมาจะตีเอาบ้านเมืองทำร้ายแก่เรา จะมิเป็นคนอกตัญญูไปหรือ……”

เจียะเกงถังจึงร้องกราบทูลว่า

“……..ข้าพเจ้ามิได้คิดทรยศต่อพระองค์ ซึ่งยกกองทัพมาครั้งนี้ก็เพราะปรารถนา จะขอเอาแต่ตัวนางเตียฮองเฮา ซึ่งเป็นคนทูลยุยงให้พระองค์ลุ่มหลง ประพฤติการวิปริตแปรปรวนผิดยุติธรรมไป ถ้าพระองค์ส่งตัวนางเตียฮองเฮามาให้ข้าพเจ้าทำโทษเสีย ให้คนทั้งปวงเห็นประจักษ์แล้ว ก็จะกราบถวายบังคมลาเลิกทัพกลับไป……..”

ฮ่องเต้จึงตรัสตามอุบายที่ฮองเฮาสอนให้ แล้วว่า ท่านจงหยุดการรบถอยกองทัพให้ห่างเมือง ไปคอยอยู่ก่อน อีกเจ็ดวันจะส่งตัวนางเตียฮองเฮาไปให้

เจียะเกงถังก็ไม่เชื่อ แต่คิดว่าฮ่องเต้มาขอผลัดดังนี้ จำจะต้องงดให้สักเจ็ดวันจึงจะควร คิดแล้วจึงทูลว่า พระองค์เป็นกษัตริย์ตรัสสิ่งใดออกมา อย่าให้เป็นคำสอง แล้วเจียะเกงถังก็ถอยกองทัพออกไปห่างเมืองประมาณสี่ลี้

ฮ่องเต้ก็ดีพระทัยเสด็จกลับเข้าไปบอกนางเตียฮองเฮาว่า เจียะเกงถังต้องอุบายของเจ้าแล้ว แล้วฮ่องเต้ก็รับสั่งให้หาขุนนางอาลักษณ์เข้ามา ทำหนังสือสิบฉบับไปถึงเจ้าเมืองต่าง ๆ ที่ขึ้นอยู่ ให้แจ้งเรื่องที่เจียะเกงถังได้ยกกองทัพมา ล้อมเมืองหลวงไว้หลายเวลาแล้ว ให้เจ้าเมืองที่มีกตัญญูยกกองทัพมาช่วยให้ทันกำหนดเจ็ดวันให้จงได้

เมื่อเจียะเกงถังแตกทัพไปแล้ว จะปูนบำเหน็จรางวัลให้จงมากแล้วก็ประทับตราแผ่นดิน เข้าผนึกให้ม้าใช้แยกย้ายถือไปให้หัวเมือง ทั้งสิบตำบล
ฝ่ายเจียะเกงถังเมื่อถอยทัพออกมาแล้ว ก็ประชุมปรึกษากับนายทัพนายกองว่า

“……..พระเจ้าฮุยเต้สัญญาว่าอีกเจ็ดวัน จะส่งนางเตียฮองเฮามาให้นั้น เห็นจะเป็นคำล่อลวง แต่พระเจ้าฮุยเต้เป็นกษัตริย์ ตรัสไม่เหมือนดังว่าแล้ว ก้เป็นการเท็จให้ปรากฎแก่คนทั้งหลาย เราจึงได้ถอยกองทัพออกมา เมืองหลวงนี้เราจะตีเอาวันใดก็คงจะได้ ด้วยสิ้นทแกล้วทหารที่แข็งแรงอยู่แล้ว……..”

ที่ปรึกษาคนหนึ่งจึงเตือนว่า

“……..ท่านอย่าประมาท หัวเมืองใหญ่ ๆ ซึ่งขึ้นกับเมืองหลวง ที่เขาจงรักภักดีมีกตัญญูก็คงจะมีอยู่ การชักช้าไปอีกเจ็ดวันนี้ ถ้าฉวยว่าเมืองใด ๆ ยกกองทัพมาช่วย เราจะมิได้ความลำบากหรือ……..”

แล้วความคิดของผู้ใดจะถูกต้อง ก็คงจะรอให้พ้นเจ็ดวันเสียก่อน.

##########




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2550    
Last Update : 21 สิงหาคม 2550 10:51:38 น.
Counter : 472 Pageviews.  

ตอนที่ ๒ ตัดญาติขาดมิตร

ฮ่องเต้ห้าแผ่นดิน

ตอนที่ ๒ ตัดญาติขาดมิตร

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อถึงวันสารทเวลาค่ำพระเจ้าฮุยเต้เสด็จออกเลี้ยงขุนนาง ที่กลางชลาหน้าที่นั่ง ปังเต๋าจึงกราบทูลว่า

“………ข้าพเจ้ามีความวิตกอยู่ข้อหนึ่ง ด้วยพระองค์ทรงขัดเคืองนางหยงเหนงกงจู๊ ว่าวิวาทกับฮองเฮา พระองค์มิได้ไต่ถามไล่เลียงเอาความจริง ให้เอาตัวนางหยงเหนงกงจู๊ไปทำโทษขังไว้นั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นควร ด้วยฮองเฮาเป็นคนชาติตระกูลอื่น พระองค์เอามาเลี้ยงจึงได้มียศศักดิ์ นางหยงเหนงกงจู๊นั้นเป็นขนิษฐาของพระองค์ ถึงชั่วดีประการใดพี่น้องก็ตัดกันไม่ขาด ซึ่งพระองค์มาทำโทษอันสาหัสให้แก่นางฮองเฮานั้น คนทั้งหลายรู้ก็จะเป็นที่ติเตียน ประการหนึ่งเจียะเกงถังผู้เป็นสามีของนางก็มีสติปัญญา ทั้งฝีมือเข้มแข็งชำนิชำนาญในการศึกสงคราม ได้เป็นแม่ทัพคุมทหารอยู่เป็นอันมาก ถ้ารู้ความไปถึงก็จะโทมนัสน้อยใจ เกิดเป็นศัตรูขึ้น……..”

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังจึงตรัสว่า การได้เกินไปดังนี้แล้ว ท่านจะคิดแก้ไขประการใด ปังเต๋าจึงกราบทูลว่า

“……..ขอให้พระองค์ปล่อยนางออกเสียให้พ้นโทษ แล้วตรัสเล้าโลมเอาใจไว้ ให้หายความโทมนัส พระราชทานเงินทองให้เป็นของทำขวัญเสียบ้าง เห็นการจะเรียบร้อยไปได้……”

ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นชอบด้วย จึงสั่งให้พนักงานปล่อยตัวนางหยงเหนงกงจู๊ กลับไปที่อยู่ตามเดิม แล้วรับสั่งให้เข้ามาเฝ้าตรัสว่า

“…….เวลาวันนั้นเราเสพสุรามากเกินไป จึงได้ทำโทษแก่เจ้า เราขออภัยเสียเถิด อย่าได้ถือโกรธแก่เราเลย เจ้าจงเอาเงินทองนี้ไปเป็นของทำขวัญ…….”

นางหยงเหนงกงจู๊ได้ฟังก็คิดแค้นยิ่งนัก แต่แกล้งทำเป็นหน้าชื่นรับของทำขวัญเป็นปกติ เพื่อมิให้ฮ่องเต้มีความสงสัย แล้วก็คำนับลากลับมาที่อยู่ และเขียนหนังสือกล่าวความแต่ต้นไปจนปลาย ซึ่งได้ความทุกข์เวทนาอย่างไรนั้นให้สามีทราบ และคิดแก้ความเจ็บแค้นเสียให้จงได้ มอบให้คนสนิทถือไปให้เจียะเกงถัง ที่ด่านซำก๋วนเป็นการด่วน

เจียะเกงถังอ่านทราบความแล้ว ก็มีความโกรธยิ่งนัก จึงซักถามคนถือหนังสือในเรื่องต่าง ๆ คนสนิทก็แจ้งความทุกข์ร้อนมากออกไปกว่าในหนังสืออีก เจียะเกงถังก็ยิ่งเกิดโทโส จึงร้องประกาศว่า ฮุยเต้กับเรานี้ ขาดข้าเจ้ากันแล้ว

และให้หาเล่าตี๋เอียนเข้ามาเล่าความให้ฟัง แล้วว่า

“…….ตัวเราพระเจ้าฮุยเต้ก็ใช้ให้ออกมารักษาเขตแดนอยู่ ถึงจะทำโทษนางหยงเหนงกงจู๊ ก็ควรจะไล่เลียงให้ได้ความเท็จจริงเสียก่อน นี่ทำตามโทโสโดยเชื่อนางฮองเฮาฝ่ายเดียว เรามีความน้อยใจนัก ซึ่งจะเป็นข้าพระเจ้าฮุยเต้ไปนั้น เห็นจะไม่ได้แล้ว จำจะคิดกำจัดพระเจ้าฮุยเต้เสีย จึงจะหายความแค้นของเรา……”

เล่าตี๋เอียนจึงว่า

“…….ตัวท่านก็มีสติปัญญา ได้เป็นแม่ทัพใหญ่คุมทหารมาตั้งอยู่ที่ด่านซำก๋วนนี้ ก็เป็นชัยภูมิดี ถ้าท่านคิดเกลี้ยกล่อมหัวเมืองมาเป็นพวกพ้อง ให้ทหารมากขึ้นแล้ว จึงค่อยยกกองทัพไปก็จะสำเร็จความปรารถนา ซึ่งจะทำวู่วามใจเร็วนั้นจะเสียที ด้วยทหารของเรามีอยู่น้อย ไม่พอกับที่จะตีเมืองหลวง……”

ซึงยุยหันนายทหารรอง จึงพูดขึ้นว่า

“…….ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นครั้งนี้เหมือนหนึ่งเทพยดาชี้ทางอันประเสริฐให้ท่านแล้ว จะคิดประการใดก็จงเร่งคิดเสียเถิด อย่าทำให้รวนเรไปจะเป็นอันตรายแก่ตัว และซึ่งพระเจ้าฮุยเต้ให้ท่านมาขัดทัพอยู่นี้ ก็ปรารถนาจะให้ป้องกันทัพเมืองไซอี๋ เคียดตันซึ่งเป็นเจ้าเมืองอยู่เดี๋ยวนี้ มีทแกล้วทหารมาก ใจคอก็อารีอารอบ แต่เป็นคนโลภ ถ้าท่านมีหนังสือไปว่ากล่าวชักชวนให้เห็นผลประโยชน์แล้ว ก็คงยกทัพมาช่วย……”

เล่าตี๋เอียนจึงว่า

“……..เคียดตันนี้กับพระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้ เมื่ออยู่เมืองซาถอ ก็รักใคร่นับถือกัน ซึ่งท่านจะไปชักชวนให้เคียดตัน ยกกองทัพมาช่วยรบกับพระเจ้าฮุยเต้ ซึ่งเป็นพระราชบุตรพระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้นั้น เขาจะมาแล้วหรือ……..”

ซึงยุยหันก็แก้ว่า

“……..ธรรมดาคนในแผ่นดินฮวน หาใคร่จะมีความซื่อสัตย์ต่อมิตรสหายที่ชอบพอกันไม่ รักแต่ผลประโยชน์และความยกยอสรรเสริญ ถ้ามีหนังสือว่ากล่าวไปให้ดี ก็คงจะมาช่วยเป็นแน่…….”

เจียะเกงถังเห็นด้วยกับซึงยุยหัน จึงให้แต่งหนังสือไปถึงเคียดตัน เจ้าเมืองไซอี๋ มี ความว่า

ข้าพเจ้าเจียะเกงถัง ขอคำนับท่านเคียดตันเหมือนหนึ่งบิดา ด้วยครั้งนี้พระเจ้าฮุยเต้กระทำความเจ็บแค้นแก่ข้าพเจ้าเป็นอันมากนัก เหลือที่จะอดทน ต้องคิดการต่อสู้แก้ความเจ็บอายเสียให้ได้ ขอท่านได้เอ็นดูยกกองทัพมาช่วย เมื่อข้าพเจ้าสำเร็จราชการในเมืองแล้ว จะยกหัวเมืองฝ่ายทิศเหนือให้เป็นค่าเหน็ดเหนื่อยแก่ท่าน

ครั้นทำหนังสือแล้วจึงเรียกเล่าตี๋เอียนมาดู เล่าตี๋เอียนก็ว่า

“…….ความในหนังสือขัดอยู่สองข้อ ข้อหนึ่งซึ่งท่านยกย่องเคียดตัน เรียกว่าบิดา ข้อหนึ่งสำเร็จราชการแล้วจะยกหัวเมืองฝ่ายเหนือให้นั้น เห็นว่าการภายหน้าจะมีความลำบาก ให้ว่าแต่เพียงว่า สำเร็จราชการแล้ว จะจัดสิ่งของสมนาคุณให้สมควรแก่ที่เหน็ดเหนื่อยป่วยการทแกล้วทหาร…….”

เจียะเกงถังก็ว่าถ้าว่าแต่เพียงนั้น เห็นเคียดตันจะไม่ยกกองทัพมาช่วย เล่าตี๋เอียนจึงว่า

“……..ความครั้งนี้ ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูการภายนอกที่เกิดขึ้น ร่วมกับลักษณะราศีของท่านที่จะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินขึ้นแล้ว ความซึ่งว่าไปในหนังสือฉบับนี้ คงจะเป็นที่ลำบากใจท่านไปภายหน้า…….”

เจียะเกงถังก็ว่าการภายหน้าจะเป็นประการใด จึงค่อยคิดต่อไป แต่ครั้งนี้ให้ได้กองทัพเคียดตันมาช่วยเสียก่อน แล้วเจียะเกงถังก็ประทับตรา พับหนังสือเข้าผนึกให้ขุนนางผู้ฉลาด มีถ้อยคำอันดี ถือไปให้เคียดตันที่เมืองไซอี๋ ทราบความแล้วก็ให้ม่อย่องตี้เป็นแม่ทัพ คุมทหารห้าหมื่นยกมาช่วยเจียะเกงถัง

เจียะเกงถังก็ปรึกษากับขุนนางว่า ถ้ายกกองทัพเข้าไปเมืองหลวง พระเจ้าฮุยเต้ก็คงจะฆ่านางหยงเหนงกงจู๊เสีย จะคิดประการใด ที่ปรึกษาจึงแนะให้หาคนที่มีสติปัญญา ลอบเข้าไปแจ้งความกับนางหยงเหนงกงจู๊ในเมืองหลวง ให้นางคิดหนีออกมาเสียก่อน แล้วจึงค่อยยกกองทัพไป จึงจะไม่เป็นกังวล

เจียะเกงถังก็ให้อู๋บุนฮวนคุมทหารห้าร้อย ถือหนังสือไปให้ภรรยา แล้วให้เล่าตี๋เอียนคุมทหารสามพัน ไปซุ่มอยู่ตามทาง คอยป้องกันอย่าให้ทหารเมืองหลวง ติดตามมาจับตัวภรรยาคืนไปได้

เมื่ออู๋บุนฮวนเดินทางไปถึงเมืองหลวงแล้ว ก็ให้ทหารที่ไปด้วยแยกย้ายกันอยู่ ไม่ให้ผู้ใดสงสัย แล้วก็เข้าไปหานางหยงเหนงกงจู๊ ส่งหนังสือของสามีให้ นางรับหนังสือมาฉีกอ่าน ได้ความว่า

ซึ่งพระเจ้าฮุยเต้เชื่อถือฮองเฮาทำโทษแก่เจ้านั้น เรามีความน้อยใจนัก คิดจะยกกองทัพเข้าไปแก้แค้นให้จงได้ แต่เป็นห่วงอยู่ด้วยเจ้า จึงให้อู๋บุนฮวนเข้ามาคิดพาเอาเจ้า หนีออกมาให้ได้เสียก่อน จึงจะยกกองทัพเข้าไปต่อภายหน้า

นางหยงเหนงกงจู๊จึงปรึกษากับนางฮวยหงอคนสนิท แล้วคอยเวลาฮ่องเต้เสด็จออก ก็เข้าเฝ้ากราบทูลว่า

“……..เมื่อพระองค์ทรงขัดเคือง ให้ทำโทษขังข้าพเจ้าไว้นั้น ข้าพเจ้าได้สวดมนต์ขออธิษฐานแก่พระวัดแปะเนยก๊วนให้พ้นโทษ บัดนี้พระองค์ได้โปรดยกโทษให้แล้ว ข้าพเจ้าจะขอกราบถวายบังคมลา ไปทำบุญแก้สินบนที่วัดแปะเนยก๊วน……”

พระเจ้าฮุยเต้มิได้มีความสงสัย จึงทรงพระอักษรอนุญาตให้นางไปทำบุญ แล้วรับสั่งให้ขันทีกับเจ้าพนักงาน ไปด้วยครบตำแหน่งตามยศ นางเหยงเหนงกงจู๊ก็ให้นางฮวยหงอไปบอกอู๋บุนฮวนไปคอยอยู่ที่ ทางจะไปวัด

พอรุ่งเช้านางหยงเหนงกงจู๊ก็แต่งตัวขึ้นเกี้ยว ยกขบวนเดินทางไปวัด พอถึงทางแยก อู๋บุนฮวนก็พาทหารทั้งห้าร้อย ห้อมล้อมพาเกี้ยวและพนักงานที่ติดตาม ออกจากเมืองตรงไปด่านซำก๋วน ผู้รักษาวังนางหยงเหนงกงจู๊ เห็นนางหายไปถึงสามวัน จึงไปแจ้งแก่ขันทีให้กราบทูลพระเจ้าฮุยเต้ทรงทราบ

ฮ่องเต้ก็ตกพระทัย แจ้งว่านางต้องไปหาสามีที่ด่านซำก๋วนเป็นแน่ จึงเสด็จออกไปปรึกษาขุนนางผู้ใหญ่ ปังเต๋าจึงกราบทูลว่า

“……..ซึ่งนางหนีไปครั้งนี้หาไปได้แต่ผู้เดียวไม่ คงจะมีคนลักลอบมารับพาไป ถ้านางไปถึงเจียะเกงถังแล้วก็คงจะเกิดเหตุใหญ่ ขอพระองค์จงให้ทหารเร่งรีบไปติดตาม เอาตัวคืนมาเสียให้จงได้……..”

ฮ่องเต้ก็ให้นายทหารสองคน คุมทหารม้าห้าร้อยเร่งตามไปให้ทัน เอาตัวนางหยงเหนงกงจู๊กลับมา แล้วทรงพระดำริไปถึงถ้อยคำ ซึ่งนางกราบทูลล่อลวงนั้น ก็ยิ่งทรงขัดเคืองมากขึ้น จึงให้นายทหารอีกสองนายคุมทหารพันหนึ่ง เร่งติดตามไปจับตัวนางอีกขบวนหนึ่ง และพระราชทานกระบี่อาญาสิทธิ์ไปด้วย ถ้าขัดขืนไม่มาโดยดีให้ตัดเอาศรีษะมา

และตรัสว่า ถ้าไม่ได้ตัวและศรีษะนางหยงเหนงกงจู๊มา กระบี่อาญาสิทธิ์นี่ก็ไม่พ้นตัวเจ้าทั้งสอง นายทหารทั้งสองก็รีบจัดทหารยกไปตามรับสั่งโดยด่วน

เมื่อทหารพวกแรก ตามไปทันขบวนของนางหยงเหนงกงจู๊ นางก็เอาพระอักษรของฮ่องเต้ที่อนุญาตให้ดู จึงปล่อยให้นางผ่านไป

ครั้นทหารเมืองหลวงขบวนที่สองตามมาทัน นางหยงเหนงกงจู๊ก็หยุดเกี้ยวถามว่า ท่านเหล่านี้ตามมาด้วยธุระอันใด นายทหารบอกว่าฮ่องเต้ให้มาเชิญท่านกลับไป นางก็ถามว่ามีหนังสือรับสั่งมาด้วยหรือ

นายทหารก็แจ้งว่า ฮ่องเต้พระราชทานพระแสงอาญาสิทธิ์มาว่า ถ้ากงจู๊ขัดขืนไม่ไปก็ให้ตัดศรีษะไปถวายให้จงได้

อู๋บุนฮวนก็ให้สัญญาณแก่เล่าตี๋เอียน ยกทหารออกมาจากที่ซุ่ม ไล่ฆ่าฟันทหารเมืองหลวงแตกกระจัดกระจายไป นายทหารทั้งสี่นายนั้นหนีรอดไปได้




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2550    
Last Update : 21 สิงหาคม 2550 10:50:28 น.
Counter : 621 Pageviews.  

ตอนที่ ๑ รักเมียเสียน้อง


หลากชีวิตในพงศาวดารจีน

ฮ่องเต้ห้าแผ่นดิน

ตอนที่ ๑ รักเมียเสียน้อง

สมัยแผ่นดินถัง พระเจ้าเทียนหูฮ่องเต้รับราชสมบัติ ต่อจากพระเจ้าฮีจงฮ่องเต้ได้สามปี ก็เปลี่ยนพระนามเป็นพระเจ้ากวักเผงฮ่องเต้ ต่อมาฮ่องเฉาเป็นขบถยกทัพไปขับไล่ฮ่องเต้ออกจากเมืองเซียงอานนครหลวง แล้วตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่า พระเจ้ากิมถองฮ่องเต้

ฝ่ายพระเจ้ากวักเผงก็เปลี่ยนพระนามอีกครั้งเป็น พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ และได้หลีจีนอ๋อง ซึ่งเป็นเชื้อวงศ์มาช่วยกู้แผ่นดินจากพระเจ้ากิมถองได้สำเร็จ พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้จึงได้ครองราชสมบัติต่อ ต่อมาชั่นเล่งจือผู้สำเร็จราชการแผ่นดินทำอุบาย ปลงพระชนม์ฮ่องเต้เสีย แต่หลีจีนอ๋องก็มากำจัดเสียได้ แล้วยกหลีกีซึ่งเป็นรัชทายาทขึ้นสืบราชสมบัติ ทรงพระนามว่า พระเจ้าถังเจียวจงฮ่องเต้

ต่อมาจูอุนเจ้าเมืองเปียนเหลียงได้เลื่อนเป็นเลียงอ๋อง ก็ข่มขู่ให้พระเจ้าถังเจียวจง ยกราชสมบัติให้ตน ขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่าพระเจ้าเหลียงไทโจ๊ฮ่องเต้ แต่อยู่ได้ไม่นานเกิดรักใคร่บุตรสะใภ้คนโต แย่งเอามาเป็นสนมของตนเอง จูอิวกุยสามีของนางจึงฆ่าบิดาสิ้นพระชนม์ แต่จูอิวฉองน้องชายก็ฆ่าพี่ชายตายตามบิดาไปอีก

ตนเองจึงขึ้นครองราชสมบัติเป็น พระเจ้าเคียนฮวยฮ่องเต้ อยู่ที่เมืองเปียนเหลียง

ขณะนั้นหลีจีนอ๋องได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว หลีซือหงวนกับหลีซุนหยกบุตรของหลีจีนอ๋อง ยกทัพมาตีเมืองเปียนเหลียง ขุนนางในเมืองก็ปลงพระชนม์พระเจ้าเคียนฮวยเสีย แล้วยกให้หลีซุนหยกเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่าพระเจ้าจังจงฮ่องเต้ ให้หลีซือหงวนเป็นมหาอุปราช แล้วย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง

แต่พระเจ้าจังจงฮ่องเต้ไม่เอาใจใส่ราชการบ้านเมือง ลุ่มหลงแต่สุรานารี และการ ละเล่นต่าง ๆ อันหาประโยชน์มิได้ อยู่มาเพียงสามปีก็ถูกโต้โผงิ้ว ที่โปรดเอามาไว้ในพระราชวัง ก่อการขบถ และปลงพระชนม์พระเจ้าจังจงเสีย พวกขุนนางปราบขบถได้จึงยกหลีซือหงวนขึ้นครองราช์เป็น พระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้

พระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้อยู่ในราชสมบัติได้แปดปีเศษ ก็ประชวรสวรรคตเมื่อพระ ชนมายุได้หกสิบเก้าปี หลีซองเถาซึ่งเป็นรัชทายาทจึงได้สืบราชสมบัติ เป็นพระเจ้าเหมียนเต้ แต่ หลีซองคอซึ่งเป็นที่ลูจิวอ๋อง พระราชบุตรของพระเจ้าเหมงจง มีอายุมากกว่าแต่ต่างมารดา ไม่พอใจจึงยกกองทัพจากเมืองลู่จิวมาตีเมืองลกเอี๋ยง พระเจ้าเหมียนเต้ก็ทิ้งเมืองหนีไปอยู่ที่เมืองอุยจิว

ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ยกลูจิวอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่าพระเจ้าฮุยเต้ สิ่งแรกที่ฮ่องเต้ทรงกระทำก็คือ มีรับสั่งให้พนักงานเอาสุรายาพิษไปให้พระเจ้าเหมียนเต้เสวยให้ดับสูญไปเสีย

พระเจ้าเหมียนเต้ไม่ยอมเสวย จึงถูกทหารจับตัวเอาเชือกรัดพระศอสิ้นพระชนม์จนได้

จากนั้นฮ่องเต้ก็ทรงดำริว่า ข้าศึกซึ่งจะมาเบียดเบียนนั้น จะมีมาแต่ทิศใดบ้าง ยังหาทรงทราบตลอดไม่ จึงให้หาปังเต๋าขุนนางผู้ใหญ่ตั้งแต่แผ่นดินก่อน มาปรึกษาหารือ

ปังเต๋าก็กราบทูลว่า

“……….ที่ด่านซำก๊วนนั้นเป็นที่สำคัญ ด้วยพวกเมืองไซฮวนมักไปมาทางนั้นไม่ขาด ถ้าเห็นว่าผู้รักษาด่านไม่กล้าหาญแข็งแรง ก็มักคิดกำเริบยกกองทัพเข้ามาเบียดเบียนบ้านเมือง ให้ได้ความเดือดร้อน ขอพระองค์จงจัดขุนนางที่มีสติปัญญา กล้าแข็งในการสงคราม คุมทหารออกไปรักษาให้มั่นคงจึงจะควร …….”

พระเจ้าฮุยเต้ตรัสว่า

“………เราจะให้เจียะเกงถังขุนนางนายทหารใหญ่ กับซึงยุยหัน เล่าตี๋เอียน เตียหยง ซาเหงียน ทั้งสี่เป็นนายทหารรอง คุมทหารห้าหมื่นออกไปอยู่รักษา ท่านจะเห็นประการใด……”

ปังเต๋าจึงทูลว่า

“…….เจียะเกงถังนี้เกิดที่เมืองไซอี๋ มีสติปัญญากล้าแข็ง ชำนาญในการสงคราม แล้วถ้าเมืองไซฮวนจะไปมานั้น ก็เข้าใจจะแจ้งรู้ทุกแห่งดีกว่าคนอื่น ควรแล้วซึ่งพระองค์จะให้ออกไปอยู่รักษาด่านปลายแดน…….”

พระเจ้าฮุยเต้จึงมีรับสั่งให้เจียะเกงถัง ซึ่งเป็นสามีของนางหยงเหนงกงจู๊ ขนิษฐาของฮ่องเต้ กับนายทหารทั้งสี่ ยกไปอยู่รักษาด่านซำก๋วน

เจียะเกงถังออกไปรักษาด่านได้สามปี กิจการบ้านเมืองก็เรียบร้อย ถึงวันตรุษจีนขึ้นปีใหม่ พระเจ้าฮุนเต้เลี้ยงโต๊ะขุนนางข้างหน้ารับพรแล้ว ก็เสด็จเข้าไปเสวยข้างใน นางหยงเหนงกงจู๊ก็รินสุราใส่ถ้วย ถวายพระฮ่องเต้ให้อยู่ในอิสริยยศยืนนาน ฮ่องเต้ทรงรับถ้วยสุรามาเสวยแล้วตรัสถามว่า เจ้าทุกวันนี้มีความสุขสบายอยู่หรือ

นางหยงเหนงกงจู๊กราบทูลว่า

“……..พระองค์รับสั่งใช้ให้เจียะเกงถังสามีข้าพเจ้า รักษาด่านซำก๊วนอยู่หลายปีแล้ว ยังหาได้กลับมาไม่ ธรรมดาสามีกับภรรยาไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นปกติ จะเอาความสบายมาแต่ไหน ข้าพเจ้าคิดจะกราบถวายบังคมลาพระองค์ ออกไปเยี่ยมเยือนเจียะเกงถังสักครั้งหนึ่ง…..”

ทูลดังนั้นแล้วนางก็ร้องไห้คิดถึงสามี เวลานั้นฮ่องเต้เสวยสุรามึนพระพักตร์ จึงตรัสว่า

“………เจ้าอยู่ในวังสุขสบายแล้ว สิอยากออกไปเดินป่าให้ได้ความลำบากเล่า หรือเจ้าจะไปชักชวนเจียะเกงถังสามีให้เป็นขบถขึ้น……”

นางหยงเหนงกงจู๊ได้ฟังตรัสดังนั้น จึงกราบทูลว่า

“…….เจียะเกงถังสามีข้าพเจ้ามิได้เป็นคนโลเล มีความสัตย์กตัญญูมั่นคงนัก ไม่ควรพระองค์จะตรัสดังนี้…….”

ฮ่องเต้ก็ทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า

“…….เราพูดหยอกเล่นดอกเจ้า อย่าได้ขัดเคืองเลย เวลาวันนี้เป็นวันปีใหม่ เจ้าจงไปหาฮองเฮาพี่สะใภ้ด้วยจึงจะดี…….”

นางหยงเหนงกงจู๊ก็คิดในใจว่า นางเตียฮองเฮานี้เดิมเป็นคนยากจน เที่ยวขับรำหาเลี้ยงชีวิต อยู่ตามบ้านพ่อค้าและราษฎรลู่จิว พระเจ้าฮุยเต้เห็นชอบพระทัย จึงได้เอามาเลี้ยงเป็นภรรยาใหญ่ ครั้นพระเจ้าฮุยเต้ได้เป็นเจ้าแผ่นดินขึ้นแล้ว นางจึงได้เป็นฮองเฮา ซึ่งตนจะไปคำนับให้พรวันปีใหม่ เป็นที่ละอายนัก ครั้นจะไม่ไปพระเจ้าฮุยเต้ก็จะขัดเคือง คิดดังนั้นแล้วก็ไปหานาง เตียฮองเฮาที่เก๋ง และยืนอยู่นอกประตูบอกหญิงคนใช้ให้เข้าไปแจ้งแก่นางเตียฮองเฮา แต่คอยอยู่เป็นเวลานานก็ไม่เห็นผู้ใดออกมาพูดจาด้วย

นางจึงเดินเข้าไปในเก๋ง เห็นนางเตียฮองเฮานั่งนิ่งทำปึ่งอยู่ จึงพูดว่า

“……..เจ้านี้เป็นคนอย่างไร มาแต่ไหนจึงได้ถือตัวหนักหนา แต่เรามาหาถึงที่อยู่แล้ว ยังให้ต้องยืนคอยอยู่ช้านาน จึงได้เข้ามาหาถึงตัว ก็ยังไม่พูดด้วย เห็นผิดธรรมเนียมกิริยาผู้ดีนัก……..”

นางเตียฮองเฮาจึงว่า

“……..ตัวเจ้าเป็นน้องพระเจ้าฮุยเต้ เราเป็นพี่สะใภ้ ประการหนึ่งเราเป็นที่ฮองเฮาศักดิ์สูงยิ่งกว่าสตรีในแผ่นดิน เจ้าทำกิริยากระด้างกระเดื่องไม่อ่อนน้อมต่อเรา โดยฉันผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ผิดธรรมเนียม……”

นางหยงเหนงกงจู๊ก็ว่า

“……..ตัวเราเป็นราชบุตรของพระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้ น้องพระเจ้าฮุยเต้มีชาติตระกูลอันสูง เจ้าเป็นคนขับร้องเต้นรำหาเลี้ยงชีวิตตามท้องถนน บ้านราษฎร มาได้มียศเป็ฮองเฮาขึ้น ไม่คิดถึงชาติตระกูลของตัวแต่ก่อนบ้างเลยหรือ……..”

นางเตียฮองเฮาจึงตอบว่า

“………เจ้าไม่ได้ยินเรื่องพระราชพงศาวดารบ้างเลยหรือ ผู้ซึ่งได้เป็นกษัตริย์มียศใหญ่ขึ้นในแผ่นดินนั้น เดิมเป็นคนทอเสื่อ ขายเกือกม้าก็มี ครั้นยศใหญ่ขึ้นผู้ที่ถือว่ามีตระกูลสูงนั้น ก็ต้องลงกราบไหว้นบนอบทั้งหมด ที่มีทิษฐิมานะถือชาติถือตระกูลอยู่ดังเจ้านี้ มักไม่ใคร่จะแคล้วคมหอกคมดาบไปได้สักคนหนึ่ง……..”

นางหยงเหนงกงจู๊ได้ฟังก็ขัดใจโกรธนัก เดินเข้าไปเงื้อมือจะตีเอา นางเตียฮองเฮา ก็นั่งนิ่งเฉย แกล้งทำหัวเราะแล้วพูดว่า

“…….ข้าพเจ้าเป็นคนไม่รู้อย่างธรรมเนียม เห็นท่านมาก็พูดจาหยอกเย้าเล่น อย่าถือโทษโกรธกันเลย……”

นางหยงเหนงกงจู๊ได้ฟังดังนั้น ก็คลายโทโสกลับไปที่อยู่ แต่นางเตียฮองเฮาคิดแค้นนางหยงเหนงกงจู๊นัก ครั้นฮ่องเต้เสด็จมาที่เก๋ง นางจึงเอาความที่โต้เถียงกับนางหยงเหนงกงจู๊ และเพิ่มเติมถ้อยคำหยาบช้าขึ้นกราบทูล ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

“……..น้องเราคนนี้เป็นคนรู้หนังสือดี จะพูดจาสิ่งใดก็ถูกต้องตามฉบับธรรมเนียม เห็นจะไม่เป็นดังนั้นดอกกระมัง…….”

นางเตียฮองเฮาก็ทูลว่า

“……..ผู้ซึ่งหนังสือดี รู้จักฉบับธรรมเนียมนั้น จะได้พูดจาถูกต้องอยู่ก็แต่เวลาไม่มีโทโส เมื่อมีโทโสบังเกิดกล้าขึ้นแล้ว ก็เป็นอันดับความรู้สูญไปสิ้น เมื่อพระองค์ไม่ทรงเชื่อข้าพเจ้าแล้ว ขอให้ถามหญิงพนักงานสาวใช้……..”

หญิงรับใช้เหล่านั้นกลัวนางเตียฮองเฮ้า ก็กราบทูลเป็นพยานรับสมคำที่ฮองเฮาว่าทุกประการ ฮ่องเต้ก็เชื่อเอาเป็นจริงจึงทรงขัดเคืองนางหยงเหนงกงจู๊ผู้น้องยิ่งนัก มีรับสั่งให้เจ้าพนักงานเอาตัวไปขังไว้ในตึกที่สงัด

นางหยงเหนงกงจู๊ต้องโทษติดอยู่ในที่ขัง ก็เศร้าโศกร้องไห้ไม่เป็นอันกินอันนอน ร่างกายซูบผอมซีดไป นางหลีเง็กเองคนสนิทก็เข้าไปพูดจาปลอบโยนต่าง ๆ นางหยงเหนงก็ไม่วายเศร้าโศกเสียใจ

วันหนึ่งนางเห็นนกสองตัวจับลงตรงหน้า ทำกิริยายินดีกันตามประสาตัวผู้ตัวเมีย นางก็ยิ่งมีความคิดถึงเจียะเกงถังผู้สามีเป็นอันมาก จึงเขียนคำเพลงลงในกระดาษเป็นใจความว่า

นกเป็นสัตว์เดียรัจฉานยังดีกว่าเรา จะไปมาแห่งใดก็เป็นคู่กัน ตัวเรานี้เป็นถึงพระราชบุตรีพระเจ้าแผ่นดิน หาความผิดมิได้มาต้องกักขังอยู่ในที่สงัด ขอสกุณปักษาชาตินางนกทั้งคู่ ได้มาเห็นความทุกข์ยากของเรา จงนำข่าวไปแจ้งถึงเจียะเกงถังสามีเรารู้ก็คงยกกองทัพมาหานิ่งไม่

นางหยงเหนงกงจู๊เขียนลงกระดาษปิดไว้ที่ฝาตึก นางหลีเง็กเองก็ลอกเอาไปให้ ปังเต๋าขุนนางผู้ใหญ่ เมื่ออ่านสิ้นข้อความแล้วก็สะดุ้งตกใจแล้วว่า

“…….พระเจ้าฮุยเต้มาทำโทษแก่พระน้องนางดังนี้ จะให้บ้านเมืองเกิดยุคเข็ญขึ้นแล้ว เวลาพรุ่งนี้เป็นวันสารทขนมอี๋ พระเจ้าฮุยเต้เสด็จออกเลี้ยงโต๊ะขุนนางอยู่ทุกปี เราจะเข้าไปกราบทูลขอโทษให้ปล่อยออกจากที่ขังจงได้……..”

นางหลีเง็กเองได้ฟังแล้วก็คำนับลา กลับมาบอกนางหยงเหนงกงจู๊ ให้ทราบทุกประการ

แล้วเรื่องราวจะกลายเป็นดีขึ้นหรือไม่ ต้องรอตอนต่อไป.

##########




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2550    
Last Update : 23 สิงหาคม 2550 22:04:39 น.
Counter : 671 Pageviews.  

อารัมภบท

นิยายอิงพงศาวดารจีน

ชุด ฮ่องเต้ห้าแผ่นดิน

"เล่าเซี่ยงชุน"


คำนำของผู้เรียบเรียง

นิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่อง ชั่นถังหงอโต้ ซึ่งสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เมื่อครั้งเป็นที่ สมุหพระกลาโหม ได้บัญชาให้แปลขึ้นเมื่อปลายรัชกาลที่ ๔ นั้น เป็นเรื่องราวตอนปลายของราชวงศ์ถัง ซึ่งได้เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.๑๑๖๑ จากพระเจ้าถังตี้ฮ่องเต้ เป็นปฐมกษัตริย์สืบราชสมบัติสืบต่อมา ๑๘ พระองค์ ถึงพระเจ้าฮีจงฮ่องเต้ เป็นเวลา ๒๙๐ ปี จึงสิ้นสุดลงใน พ.ศ.๑๔๕๐

แล้วจึงเปลี่ยนเป็นราชวงศ์เหลียง ของพระเจ้าเหลียงไทโจ๊ฮ่องเต้ ๑๗ ปี
เป็นราชวงศ์ถัง ของพระเจ้าถังจงฮ่องเต้ ๑๓ ปี
เป็นราชวงศ์จิ้น ของพระเจ้าเกาโจ๊ฮ่องเต้ ๑๒ ปี
เป็นราชวงศ์ฮั่น ของพระเจ้าเคียนอิ้วฮ่องเต้ ๕ ปี
เป็นราชวงศ์จิว ของพระเจ้าไทโจ๊วเกาเต้ ๑๐ ปี จึงสิ้นสุดลงเมื่อ พ.ศ.๑๕๐๓

“ เล่าเซี่ยงชุน “ ได้นำมาเรียบเรียงเสียใหม่ให้เป็นเรื่องสั้น รวม ๔ ชุด เพื่อให้อ่านง่าย ไม่สับสน ดังนี้

ชุดที่ ๑ ทหารเสือแผ่นดินถัง รวม ๑๔ ตอน
ชุดที่ ๒ ฮ่องเต้ยอดชั่ว รวม ๔ ตอน
ชุดที่ ๓ ฮ่องเต้ห้าแผ่นดิน รวม ๑๐ ตอน
ชุดที่ ๔ ต้นราชวงศ์ซ้อง รวม ๕ ตอน

และได้นำเสนอชุดที่ ๑ ในถนนนักเขียน เมื่อ ๒๘ มี.ค. ถึง ๙ พ.ค.๕๐
ชุดที่ ๒ เมื่อ ๒๐ พ.ค. ถึง ๒๙ พ.ค.๕๐

คราวนี้จะได้นำเสนอ ชุดที่ ๓ ฮ่องเต้ห้าแผ่นดิน ต่อไป
ตามเจตนารมย์ ที่จะฝากนิยายอิงพงศาวดารจีน
ที่ได้มีชื่อเสียงในประเทศไทย เมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ให้เป็นที่รู้จักกันในยุคปัจจุบัน เช่นเดิม

ซึ่งหวังว่าคงจะให้ความบันเทิงแก่ท่านผู้อ่านบ้าง ตามสมควร.




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2550    
Last Update : 21 สิงหาคม 2550 10:47:52 น.
Counter : 510 Pageviews.  

1  2  3  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.