All Blog
j38


jjy7000Smileyjjy7000

เรื่องพ่อของแมที่บ้านอานองเต


เหตุในการสืบค้นเรื่องนี้เพื่อปฏิากรคุณมารดา และตาผู้เป็นเชื้อชาติจีนไฮหลำ
มิได้มีวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากทบทวนความทรงจำและภาพอดีต
ที่ผมไม่สามารถลืมมันลงได้ นอกจากหลานคนโตของท่านเท่านั้น
ที่สามารถสืบค้นได้ เพราะเป็นหลนคนโตคนเดียวของลูกสาวคนโตของตา
จะเล่าตามความทรงจำที่รำลึกได้เทท่านั้น และหลักฐานที่ค้นพบ


ตามีปัญหาเหมือนกันมีญาติมากแต่เชิงลบกล่าวคือทิ้งช่วงห่างกันถึง150ปี
ตาเป็นลูกคนโตของปู่(ปกปิด)
ตาเป็นคนดีมัสังคมน้อย
ทำมาหากินเก่ง


สามารถสร้างสวนหมากพร้าวจนตั้งตัวได้ในเรื่องปลูกมะพร้าวเป็นแถวเป็นแนว
นับจากแต่งงานและได้แม่เป็นคนแรก
ช่วยกันสร้างตัวมา20ปีถึง30
ได้สวนมะพร้าวถึง70ไร่
ตอนที่ผมจำความได้


ยกฐานะชองยายผมให้ดีขึนกว่าเกิม
เพราะต้นตรพกูลยายปลูกมะพร้าวไม่เป็นแถวเป็นแนวแต่ทำเก่ง
มีฐานะในขั้นใช้ได้สมัยโบราณ
เพราะยายมีพ่อมีที่ดินมาก
บางครั้งจับจองได้แล้วแต่ทำไม่หมดและตกทอดให้คนอื่นไปทำ


ตาเป็นคนเชื้อจีนไหหลำทราบว่าตาเแดที่เมืองไทยและเคยไปอยู่เมืองจีนแล
ะกลับมาตั้งรกรากกับยายเมื่อพบรักกันที่เมืองไทย
ตาจึงมีสัญชาติไทย และตั้งถิ่นฐานในชนบท


ตาถือศีลกินเจเคร่งครัดเหมือนกัน
พ่อชองผมเกรงกลัวตามาก
สมัยที่ผมเข้ารรราษฎร์ตาไปฝากเข้าให้
แนะให้ส่งผมเข้ารรราษฎร์
และที่รร ราษฎร์แห่งนี้ ผมมีเพื่อนที่
มีฐานะมากมายในระดับท้องถิ่นมีรายหกนึ่งเป็นถึงอธิบดี




ผมไม่กล้าถามตาว่าตวามเป็นมาของวตานั้นอย่างไร
เพีราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเกรงขาม
เข้าขุนมูลนายที่มาเห็นตาซึ่งคุ้นเคยกับแม่
ชมว่าตาเป็นคนเก่ง
ทำปูนเป็น
ตาสร้างอิฐดินเหนียวผสมอกลมก้อนหนึ่งยาวเท่ากับ12คูณ7นิ้ว
เป็นกำแพงด้านหนึ่งของบ้านเก่าอานองเตซึ่งติดกับเขา

อิฐที่ตาทำนั้นทนแดดและทนฝน
แต่ไม่ทนนำเท่าไหร่
ตาตายด้วยวัณโรค
ศพฝังไว้


ตั้งอยู่ในเขตที่ไม่ได้อยูในความรับผืดชอบของผม
กล่าวญาติผู้หนึ่งรับผิดชอบ
ส่วนป้ายหินอ่อนหน้าสุสานตาพ่อเป็นคนไปซื้อมาให้
จารึกทั้งหฟมดเป็นภาษาจีน
สุสานตาพ่อเป็นซินแซดูแลจัดเขตให้
อยู่ข้างเขาข้างบ้านเก่าอานองเต


ตาทอดทิ้งฏบราณวัตถุไว้ที่ไม่มีใครสามารถทำลายได้


คือเรียงหินอัคนีเป็นบันไดขึ้นที่ทำสมาธิเป็นทางเดินขึ้นที่เชิงเขา
ผมกลับจากอังกฤษเคยแวะไปเยี่ยมสถานท่นี้พบึคนเลี้ยงวัว
เอาวัวเข้าไปเลี้ยงแต่
วัวไม่สามารถทำลายบันไดหินที่ตาเรียงเอาไว้แต่อย่างใด
ตาเล่นว่านเป็นสวดมนต์
ตอนมีชีวิตอยู่เคยสวดขอฝนได้เอง

ตาเป็นคนสูงใหญ่นุ่งขาวห่มขายเหมือนเถน
โกนหัวอีกต่งหาก


ตามีพ่อเป็นจีนไฮหลำ
แต่ตามีแม่พ่อสองคน
คือพ่อของตาตายแล้ว
แม่ของตาแต่งงานกับคนอื่นอีก


สรุปมีพ่อเลี้ยง
หลังที่แม่ของตาตาย แม่ของตาได้ให้เอกสารพินัยกรรมส่วนตัว
ในสิทธิที่ดินแปลงหนึ่งไว้
ต่อมามีพิพาทกับทางพ่อเลี้ยง
เรื่องถึงศาล
ปรากฏว่าศาลขอตาดูเอกสารฉบับที่แม่ทำไว้ให้ตา


ตาไม่สามารถนำเอกสารนั้นมาแสดงต่อศาลได้
เพราะหายไป
ตาจึงแพ้ความ
อันนี้แม่ของผมเล่าให้ฟัง
สรุปขั้นตอนี้เป็นมอย่าวไรอีกผมไม่ทราบ
เพราะคนที่รู้เรื่องนี้ดีตายหมดแล้ว
ที่มีอยู่ก็ลืม
แต่ทว่ายังมีคนพูดถึงนับญาติกับผมอยู่บ้าง


ช่วงที่พ่อและแม่ของผมตายแล้วไป5ปี
ผมพูดเรื่องนี้มาให้ฟังเพื่อนำไปสู่การสืบค้นบ้านเก่าญาติในเมืองจีนเท่านั้น
มิได้หวังจะมาแก้แค้นแทนตา
ที่แพ้ความในศาล
เพื่อรื้อผื้นเรื่องขึ้นมาอีกแต่อย่างวใด
และทุกคนเมื่อมีชีวิตอยู่คือตาและยายและแม่ของผม
ก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้อีกเลย

เท่าที่ทราบ
และเห็นอยู่โดกยตัวผมเองคือ
ตามีพี่น้องดังนี้
เป็นชายหนึ่งน้อวสุดท้อง
และมีพี่สาวหนึ่งอยู่เป็นชีที่นครศรีธรรมราชวัดปกปิด
น้องสาวหนึ่งคนอยู่ใกล้บ้านอานองเตห่าง4 กมไปติดทะเล

นี่คือที่ผมสืบพบซึ่งปัจจุบันเป็นญาติเชิงลบของผมหมดก
เพราะขาดการติดต่อ
จะมีคือการจำกันได้


ทักทายกันบ้าง
แต่เว้นการไปผมาหาสู่กัน
อย่างฉันญาติทั่วไปเหมือนคนอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมไมเคยอยู่บ้านอานองเต
จวบจนพ่อแม่ผมตาย
จึงได้มาจัดการทรัพยย์สินที่พ่อแม่มอบไว้ให้ด้วยพินัยกรรมที่ทำไว้ที่อำเภอ
ก่อนพ่อแม่ตายว่ายกให้ผมซึ่งลูกคนเดียว
มีทะเบียนเรียบร้อย

ตามีแซ่แต่แซ่ผมยังค้นไม่พบว่า แซ่บางหรือแซ่บ่างกันแน่
แต่ที่แน่ชัดคือมีตระกูลอยูที่มณฑลไฮหลำ
หรือเกาะไฮหลำมณฑลกวางตุ้น
ประเทศจีนแน่นอน

ตอนตาไปอยู่เมืองจีนตอนเป็นหนุ่ม
ตาพาเพื่อนคนจีนที่นั้นมามาเมืองไทยหลายคน

และเพื่อนเหล่านั้นตั้งรกรากในเมืองไทย
ที่ตาอยู่ชนบทหลายคน
อันนี้ยายเล่าให้ผมฟังที่ผมจับตอนได้

ตาชอบนักบวชและเคยบวชพระถึงสองครั้งวแลละเดินธุดงค์ไปทั่วเหนือตกออกใต้รวมทั้งกรุงเทพฯ
ที่กรุงเทพฯตามีหลานชายอยู่เป็นช่างทำทอง

ทั้งหมดขาดการติดต่อมาช่วงผมนี้ห่งเหิรกันหมดแล้ว
แต่ยังพอลำดับญาติได้ถูก
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้
เพราะตาและยาย และแม่และพ่อของผปม
ไม่ชอบให้ไปกวนใจญาติทุกคน


เมื่อมีชีวิตอยู่
อาจเป็นเพราะพ่อและแม่มีปัญหาชีวิตสมรส
หรือเหตุไรผมไม่ทราบ
ผมจะเล่าต่ออีก
ตอนนี้เหนื่อย
ขอพักเทานี้ก่อน
เมื่อคิดได้จะมาเล่าต่อ
อ๋อ....คิดได้อย่างหนึ่ง


มีทหารผ่านศึกเพื่อนบ้าตาคนหนึ่งในชนบทเล่าว่าตา
เคยเดินทางร่วมกันไปรับจ้างทำทางสวายเพชรเกษมสายใต้ไทย
มีค่าจ้่างการเดินทางต้องเดินไป10กม
และต้องเอาเครื่องอาหารแห้งติดตัวไปรอนแรมสมัยนั้นเป็นอาทิตย์หรือเดือน
อาหารแห้งนั้นมีข้าวสาร
เกลือกะปิ กระเทียมเป็นต้นปลาเค็มด้วยผมเดาเอาไม่ผิด


ที่บ้านอานองเตหลังเก่า


ตาชอบกินข้าวต้มกับเกลือบนด้วยถ้วยกังวไสใบนี้ซึ่งใหญ่มาก
เทียมเท่าโคม หรือกาละมังกินข้าวคนโบราณเลยทีเดียว
ซึ่งต่อมากังไสใบนี้ชำรุดหลังตาตายแล้ว
บ้านอานองเตหลังใหม่ตายไม่เคยมาอาศัย
เป็นบ้านที่ตาสร้างให้เป็นของขวัญแม่
บนที่ดินแม่


จะมีภาพตาที่ผมเคารพกราบไหว้เซ่นทุกวัน
รูปตาอยู่บนหิ้งผมทำให้
รูปยายอยูบนหิ้งผมทำให้
บางครั้งชำรุดต้องซ่อม
ผมเซ่นทุกวันโดยศาสนาวิธี

ปกติที่บ้านอานองเตสมัยตายายมีชีวิตอยู
จะต้องมีการนิมนต์พระมาฉันเพลประจำปีทุกปี
พระที่มามีทรงสมณศักดิ์มาด้วยเสมอ
ผมจำได้

เหลือแต่ก้นถ้วยนิดหนึ่ง
ผมยังเก็บไว้ดูต่างหน้าเป็นกังไสแท้
จากเมืองจีน
เพราะตาพามาเองด้วยมือจากเมืองจีนSmiley



Create Date : 24 พฤษภาคม 2560
Last Update : 18 กันยายน 2560 21:40:59 น.
Counter : 677 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends