All Blog
j144 มีอ้างอิงแทรก


 j147
นวนิยายเรื่อง
บ้านอานองเต
ภาคที่สอง


ผมฟังเพลง
Chopin - Complete Nocturnes (Brigitte Engerer)
Martha Argerich -
Liszt Piano Concerto No 1 in E flat major (2016UK )

Rachmaninoff - Piano Concerto No. 3 (Martha Argerich)
Mozart - Piano Concertos No.11,12,13,14,17,18,19
 (recording of the Century : Lili Kraus/Simon)

Music for Stress Relief, Classical
 Music for Relaxation, Instrumental Music, Mozart, ♫E092

Richard Clayderman Greatest Hits 2017
- Richard Clayderman Playlist




ฉากนี้มีเรื่องอะไรหลายเรื่องมาประกอบในนวนิยาย
เชิงสารคดีของผม

ปืน
ทำงานที่สีลม
เพื่อนแต่นับกันแบบหมูไปไกลมาก
แต่เงินไม่ได้นับ

อากาศ
การตีความคำพูดที่ผมสื่อ

การต่อยอดทางนวนิยายเพื่อเอาสาระไปเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของคนปัจจุบีน
กันไว้ดีกว่าแก้

เรื่องลิขสิทธิ์

ทรัพย์สินทางปัญา
 เรื่องศาล

การใช้คำพูดทางศาสนาหนึ่งมิได้หมายความทางศาสนา
แต่ยืมคำที่นิยมเข้าใจเชิงสังคมเขามาใช้เพื่อสื่อผ่านระบบมนุษย์

เพื่อความเข้าใจตาม ยุคไอ ที่ มีเดีย
ที่  มีการอมความ  และยืมคำมาเพื่อสื่อในการเข้าใจได้ทันที
ว่าอย่างนั้น



กล่าวคืออากาศเริ่มหนาววันนี้เป็เพียงวันที่เจ็ด พย. เท่านั้น
ผมเริ่มหนาว
อากาศที่บ้านอานองเตหนาวและลมพัดโกรกตลอดเวลาตอนเช้า


เมื่ออ้างตามมือถือมีเดีย

ตอนตีหนึ่ง

ติดที่ ยี่สิบสี่องศา
ลมNNE 14กม. /ชม.
โอกาสฝนตก
ท่านว่ามาอย่างนั้น


ผมหนาว
ใสเสื้อกันหนาวเพื่อให้อุ่น
อันที่จริงผมไม่น่าจะหนาว
เพราะที่อังกฤษที่ผมไปอยู่มามันหนาวกว่านี้มากเลย
สงสัยผมจะขาดแม่ไป
เมื่อแม่จากไปแบบไปเลยไม่กลับ

ความอบอุ่นของผมเลื่อนลอยไปเสียแล้ว
ตอนี้้ผมเหมือนลูกไก่หรือลูกแมว
เมื่อขาดแม่ไป
ก็มีแต่ร้องใหลูกเดียว
ว่าอย่างนั้น



ที่บ้านอานองเตตอนนี้
มืดฟ้ามัวฝนแต่ไม่มีฝน
ที่จริงอากาศอย่างนี้ถือว่าดี
แต่ดินนั้นแห้ง

ผมต้องใช้น้ำมากเพื่อรดต้นไม้ให้เปียกโซกตลอดเวลา

ก็บอกแล้วว่า
ผมมาไว้ทุกข์แม่
ถ้าผมไม่ไว้ทุกข์พ่อและแม่
ผมคงขายบ้านอานองเตเว้นส่วนที่คาดว่า
ทำมูลนิธิหลังตายและย้ายบ้านไปอยู่กับอาที่กรุงเทพฯ
ผมคิดว่าอย่างนั้น




อย่างไรก็ตามผมกินอิ่มกินไม่อั้น
งบที่มีเท่าไหร่เน้นการกิน
เพราะเรื่องกินเรื่องใหญ่
เพราะกินอิ่มทำให้ไม่หนาว
อีกด้วย


นี่คือปรัชญาของผม

ผมงดเหล้าบุหรี่ชากาแฟ
เพราะผมเป็นเบาหวาน
ตอนนี้
งดทุกอย่าง


นอกจากผักและผลไม้และน้ำสะอาดที่ต้องซื้อเป็นขวด
แล้วเงินจะพอรักษาตัวก่อนตายรึ
ถ้าใช้เงินอย่างนี้


ผมตอบว่าพอถ้าไม่มีเผ่ากิยองตินอันเป็นเผ่าในมโนคติของผมมาป่วนให้
ใจผมมันให้กระเจิงออกนอกทิศทางของชีวิต
ผมรอด


หนังฉากนี้และแต่ละฉากของเรื่องบ้านอานองเต
สมบุกสมบันมากขึ้น
ค่าฉากแพงมาก
เพาะต้องใช้สถานที่
โชคดีที่เรื่องอานองเต
นางเอกยังไม่กลับมาเข้าฉากลาป่วยยาวนาน


ถ้านางเอกมาเข้ากล้องด้วย
หนังเรื่องนี้กว่าจะเสร็จ
คงต้องเกินทุนมากมหาศาลแน่นอน

ผมใช้เงินเก่ง
เพราะผมเคยเรียนเศรษฐศาสตร์ และเก่งงเรื่อง
Keynesian/Keynesian
นักปรัญาเสรษฐศาสตร์สาขาใช้เงินเกินรายได้ผมนิยาม

John Maynard Keynes

From Wikipedia, the free encyclopedia
The Right Honourable
The Lord Keynes
CB FBA
Keynes 1933.jpg
Keynes in 1933
Born 5 June 1883
Cambridge, Cambridgeshire, England
Died 21 April 1946 (aged 62)
Tilton, near Firle, Sussex, England
Spouse(s) Lydia Lopokova

Institution King's College, Cambridge
Field
School or
tradition
Keynesian economics
Alma mater
Influences Jeremy Bentham, Thomas Malthus, Alfred Marshall, Nicholas Johannsen, Knut Wicksell, Piero Sraffa, John Neville Keynes, Bertrand Russell[1]
Contributions

John Maynard Keynes, 1st Baron Keynes[2] CB FBA (/ˈknz/ KAYNZ; 5 June 1883 – 21 April 1946), was a British economist whose ideas fundamentally changed the theory and practice of macroeconomics and the economic policies of governments. He built on and greatly refined earlier work on the causes of business cycles, and is widely considered to be one of the most influential economists of the 20th century and the founder of modern macroeconomics theory.[3][4][5][6] His ideas are the basis for the school of thought known as Keynesian economics, and its various offshoots.


อ้างอิงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81





ผมใช้คนเดียว
และระวังอย่างดีและแยบยล
เพราะหมดแล้วหมดเลย
รายได้นั้นผมน้อยมาก
ส่วนรายจ่ายนั้นมากเหลือ

แต่บางวันผมไม่ได้ใช้เงินสักบาทเดียว
เว้นค่าใช้จ่ายคงที่คือไฟ น้ำ ค่าโทร
แต่บางทีผมไม่ใช้เลย
คิดปิดไฟปิดน้ำไม่โทร
แต่ค่าธรรมเนียมพื้น
ฐานต้องจ่ายมีเป็น


มันก็นิดเดียว
แต่หลายนิมันก็มากตามเคย



บ่อน้ำที่บ้านอานองเตมี
ฟืนที่บ้านอานองเตมี
อากาศที่จะหายใจมี
อยู่ได้นอกจากต้องซื้อข้าวกินเอง  เพราะแม่ขายที่นาไปเผ่ากิยองตินบีบ


แต่อุบัติเหตุนั้นอันตรายสุดขีดที่นี่
ที่ผมต้องระวังสุดชีวิต

ถ้าพลาดคือตาย
เท่านั้นสถานเดียว
นี่คือปรัชญาของผม

โชคดีที่พ่อแม่ทิ้งหน้าไว้ให้
กล่าวคือพ่อแม่ท่านมีให้กับให้
แต่ผมเป็นลุกไม่มีอะไรเลย
ก็มีแต่งดทุกอย่าง
คือให้เหมือนกันด้วยใจอย่างเดียว


เมื่อความตายของผมมาถึง
จุดนี้คงสมดุลย์กัน
ผมเชื่อว่าอย่างนั้น

บ้ารึป่าว
ผมถามตนเอง
ไม่บ้า
ผมตอบ

อาจจเกินดีกรีเด็กบ้านอกคอกนาอย่างผมไป

แต่ว่าการเป็นศิลปิน
ศิลปินมีสิทธิเกินได้
มีสิทธิดีเด่นได้
เพราะเป้นอาชีพบรรดาศักดิ์
ที่โลกยกย่อง
ที่ผมเข้าใจตามเพื่อน


ผมจึงเป็นเด็กบ้นนอก
ที่ไม่ใช่คนไฝ่สูงเกินศักดิ์อย่างที่คิดแต่อย่างไร
ผมเชื่อว่าอย่างนั้น


และความสำเร็จในอาชีพ
ผมตอบเลยว่า
สำหรับผมเป็นศูนย์และไม่คาดหวังหรือมีเป้าหมาย
แต่มีความสำเร็จอย่ในตัวมันเอง



แต่ความดีนั้นผมขยันทำ

ส่วนความช่ั่วนั้นละ
และนี่ตัวนี้ผมหลีกไปให้ไกล



ผมจับหนูได้กระรอกได้กระแตงูได้
ได้
เพราะมันมากวนใจผม
ผมพาไปป่อยู่คืนสู่ป่าธรรมชาติ


แทนการพาไปฆ่าหรือผัดใบกะเพราะแกล้มเหล้า

แม้แต่เผ่ากิยองตินจะขอไป
พาไปทำตามสูตรใบกะเพราผัดเผ็ด
ผมไม่ไว้ใจว่า


จะให้เขาไป

และขอบิณฑบาตรทุกชีวิตมัน
เพื่อไว้ทุกข์แม่ในกาลอันยาวนานของผม
ใครจะว่าอะไร
มันเป็นเรื่องของเขา


เพราะเมื่อผมตานยลงตัวใครตัวมัน

ความตายไม่มีชั้นวรรณะ เผ่าพันธุ์
เมื่อวาระแห่งความตายมาถึงคนเราเท่ากันหมด


แลก็ไม่รู้จักกันแล้ว
ไม่ว่ายากดีมีจนหรืออะไร




อากาศหนาวที่อังกฤษหนาว
ติดลบต่ำกว่าศูนย์องศาก็มี
น้ำกลายเป็นน้ำแข้งเปล่ายเลยทีเดียว


ผมยังคิดถึงสื่้อกันหนาว
ขนสัตว์ที่ผมเคยครอบครอง
เพราะมันอุ่นดีและเบาหวิว


ตอนนี้จำไม่ได้ว่ามันไปอยู่ที่ความทรงจำอดีตที่จุด
ไหนหมดแล้ว


ถ้าคิดได้จะบอกต่อไป
เพื่อจะได้รู้เป็นอาหารทางสมองแะความคิด
ต่อเพื่อนมนุษย์ชาติที่พบกันโดยบังเอิญครึ่งทาง















ที่บ้านอานองเต
ปีนี้ลมว่าวเริ่มมาในวันที่ หนี่ง พย.
พายุหลายลูกตัดหน้ามาก่อน




กาแฟก่อนเบาหวานที่ตรวจพบ
ผมกินวันละนับแก้วไม่ถ้วน
นับขวดเป็นตัวเงินนั้นมากพอ

น้ำตาลนับก้อนไม่ถ้วน
สามก้อนต่อหนึ่งแก้ว


เพราะทานไปแล้วงทำให้ บี สิบสองของผมมันวิ่งได้
กระปรี้กระเป่าขึ้น
ว่าอย่างนั้น



ที่อังกฤษมันมีหลายเมืองที่ผมไปอยู่
คือลอนดอน อ็อกร์ฟอร๋ด บริสตอล


เมื่ออากาศหนาวที่นั้นมา
เนื้อผมกินสามมื้อ
มื้อละกี่ขีด
ผมจำไม่ได้ที่เรียกว่า "สเต็ก"
หัวมัน คารอต นี้ผมกินมากทุกวัน
อาหารไทยไม่เคยแตะ
เพราะที่นั้่นหายาก

จะมีอารมร์ข้นมาหน่อยคือได้อารมณ์

ก็ไป้านแขก ร้านคนจีน อาหารเคอรี่ ของแขก
อาหารจีน จำได้ว่าชื่อ "ช็อปส้วย"
ผมกินมันบ้างอร่อยลิ้นดี

อาหารไทยต้องมาที่ลอนดอน
ผมไม่ค่อยได้กิน


น้ำแข็งหิมะกลางถนนที่นั่น
ผมจำได้ว่า

เหมือนน้ำแข็งที่เรากินเป็นหวานเย็นที่ไทยได้เลย

ที่พ่อค้าแบบกระดิ่งเร่ขาย
เมื่อเขาเอามาราดด้วยน้ำหวานสีแดงเปียกโซก
ที่ผมตอนเด็กๆชอบ
ควาสะอาดเน้นมากที่สุดที่นั้น
เพราะอากาศหนาว


ถ้าเราไม่สะอาดจะคันตามร่างกาย
เป็นโรคคัน"สะแก๊ปปี้"


ห้ามอุดอู้ อบอ้าว
แม้มีเตาฟืนผิงไฟในบ้านพักอาศัย
แต่ยังสะอาดและอุ่นไม่พอ
เท่าเราสะอาดเสียเอง

ผมจำได้ว่า
ผมรู้จักล้างไม้ล้างมือก่อนกินข้าวและหลังกินเข้าทุกมื้อ
และต้องใช้ห้องน้ำที่บ้านทุกวัน
เมื่อใช้ชีวิตในอังกฤษ

ที่เมืองไทยที่บ้านอานองเต
เขาใช้ทุกวันเหมือนแต่ไม่ทันสังเกต

แต่ที่อังกฤษ
ผมสังเกตเห็นพ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมหลายคนที่ผมนับ
เขาจะเน้นให้ล้างมิอก่อนทานข้าวหลังทานข้าว
แปรงฟันแน่นอน
ก่อนนอนหลังรับประทานอาหารแน่นอนชัวร์


และขาดเสียมิได้

แตที่เมืองไทย ที่บ้านอานองเต

พ่อแม่ผมเน้นทำวัตรสวดมนต์
ส่วนเรื่องอื่นเห็นพ่อแม่ผม
เขาไม่เห็นเน้นผม


และที่อังกฤษ
ที่นอนคนต้องต้องสะอาดและมีระเบียบ
คือผ้าปูนอนรัดเตียงมั่นเหมาะ
แบบตะวันตก

มิใช่นอนผ้าห่มเหมือนอย่างเราในไทย
พอหลับตื่นขึ้นมา หมอนอยู่หนึ่งทิศ ผ้าห่มอยู่หนึ่งทิศ กรณีผม

แต่ที่อังกฤษเมื่อเข้านอนและตื่นที่นอนทุกอย่างมักจะอยู่คงเดิม



ถ้าไปโรงแรมชั้นหนึ่งในเมืองไทย
จะพบวัฒนธรรมนี้เชื่อว่าเป็นของตะวันตกทั้งหมด

ถ้าที่อานองเตเดิม ที่นอนที่มี
คือ
คือผ้าห่มและหมอน
มีฟูก เสื่อ ไม่นิยมใช้ผ้าปูที่นอนมากผืนมีซักแน่นอน
ที่บ้านอานองเต

แต่ไม่ต้องรัดรูปและรัดเตียงอย่างตะวันตก




ผ้าห่มพับไว้ที่เตียงนอน
แต่ที่อังกฤษผมนอนทุกครั้ง
มีผ้าห่มยึดเตียงแวเราสอดตัวเข้าไปนอน
และที่สำคัญที่สุด
จะต้องมีการหอมแก้มกันก่อนนอนทุกครั้ง
จากคนที่เราเคารพหรือรัก
มาส่งนอน



อย่างดูดดื่มและจริงใจ
ต่อกัน


เรื่องขี้ฟันและกลิ่นปากนั้นเราไม่มีแน่นอน
และต้องไม่มี



ต่อไปมาตามหัวข้อฉากนี้คือ

อนุสัญญาเบิร์นกำหนดให้ภาคีผู้ลงนามรับรองลิขสิทธิ์ของผลงานของนักประเทศจากภาคีประเทศผู้ลงนามอื่น (ซึ่งรู้จักกันในชื่อ สมาชิกแห่งสหภาพเบิร์น) ในวิธีเดียวกับที่ประเทศนั้นรับรองลิขสิทธิ์จากชาติตน ตัวอย่างเช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ฝรั่งเศสมีผลใช้บังคับกับทุกอย่างที่ตีพิมพ์หรือแสดงในฝรั่งเศส ไม่ว่าผลงานนั้นจะสร้างสรรค์ขึ้นเดิมจากที่ใดก็ตาม

นอกเหนือไปจากการจัดตั้งระบบการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมซึ่งลิขสิทธิ์ที่ถูกทำให้เป็นสากลในบรรดาภาคีผู้ลงนามแล้ว ความตกลงดังกล่าวยังกำหนดให้รัฐสมาชิกจัดเตรียมมาตรฐานขั้นต่ำกฎหมายลิขสิทธิ์อย่างเข้มแข็ง

ลิขสิทธิ์ภายใต้อนุสัญญาเบิร์นจำเป็นต้องเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งอนุสัญญาฯ ห้ามมิให้กำหนดให้ต้องมีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ

อนุสัญญาเบิร์นประกาศให้ทุกผลงานยกเว้นภาพถ่ายและภาพยนตร์จะมีลิขสิทธิ์คุ้มครองเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 50 ปีหลังผู้สร้างสรรค์เสียชีวิต แต่รัฐภาคีสามารถต่อเงื่อนไขได้โดยเสรี ดังที่สหภาพยุโรปกระทำในคำสั่งว่าด้วยการประสานเงื่อนไขการคุ้มครองลิขสิทธิ์ (Directive on harmonising the term of copyright protection) พ.ศ. 2536 สำหรับภาพถ่าย อนุสัญญาเบิร์นกำหนดเงื่อนไขขั้นต่ำไว้ 25 ปีนับแต่ปีที่ภาพถ่ายนั้นสร้างสรรค์ขึ้น และสำหรับภาพยนตร์ ขั้นต่ำอยู่ที่ 50 ปีหลังออกฉายครั้งแรก หรือ 50 ปีหลังการสร้างสรรค์ หากไม่ถูกฉายภายใน 50 ปีหลังการสร้างสรรค์ ประเทศภายใต้การแก้ไขปรับปรุงครั้งก่อน ๆ ของสนธิสัญญาอาจเลือกเงื่อนไขการคุ้มครองของตนเอง และผลงานเจาะจงบางประเภท (เช่น แผ่นเสียงหรือภาพเคลื่อนไหว) อาจกำหนดไว้สั้นกว่านั้น

แม้ว่าอนุสัญญาเบิร์นจะประกาศให้กฎหมายลิขสิทธิ์ของประเทศที่ซึ่งมีการอ้างลิขสิทธิ์สามารถนำไปปรับใช้ได้ ข้อ 7.8 ระบุว่า "เว้นแต่กฎหมายของประเทศนั้นระบุเป็นอื่น เงื่อนไขนั้นจะต้องไม่เกินเงื่อนไขที่กำหนดไว้คงที่ในประเทศต้นกำเนิดผลงานนั้น" นั่นคือ ผู้ประพันธ์โดยทั่วไปจะไม่มีสิทธิในลิขสิทธิ์ในต่างประเทศนานกว่าประเทศที่ตนอยู่อาศัยนั้น แม้ว่ากฎหมายต่างประเทศกำหนดเงื่อนไขนานกว่าก็ตาม นี่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า "กฎแห่งเงื่อนไขสั้นกว่า" ไม่ใช่ทุกประเทศที่ยอมรับกฎนี้

อนุสัญญาเบิร์นให้อำนาจแก่ประเทศในการอนุญาตการใช้ผลงานที่มีลิขสิทธิ์ "โดยชอบธรรม" ในผลงานตีพิมพ์หรือการแพร่ภาพอื่น[1]



อ้างอิงจาก:
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%AA....(สนธิสัญญากรุงเบิร์น)

อนุสัญญากรุงเบิร์นว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม




เรื่องลิขสิทธิ์อันนี้ผมกระดากใจอย่ตลอดเวลา
เมื่อนำเพลงจากยูทูบมาลง
อันนี้เป็นสันดานของผมที่ชอบฟังจึงเอามาฟัง
และบันทึกเอาไว้
ตามที่เขาเอื้อมาให้

และจากวิกิพีเดียสารานุกรมสากลก็เช่นกัน

ปกติการอ้างอิงต้องระบุที่มาและวันที่และอื่นที่กำหนด
ผมพอจขเข้าใจแล้วว่า
เพื่อการเปิดเชื่อมโยงอ้างอิงไปดูได้ทันทีเป็นทรัพยากรการอ่าน
คงอย่างนั้นเขาจึงบังคับต้องให้มีอย่างนี้
แต่การอ้างอิงนั้นมีมากบรรทัดไม่ได้เมื่อทำวิทยานิพนธ์
มากสุดสองสามบรรทัด

เพราะมากไปกลายไปลอกงานคนอื่นมาทำ

อย่างไรก็ตาม
ในเรื่องอานองเตนี้
นี้นำมาลงมากหลายเรื่องที่เชื่อมโยง
เช่นทางAS 2  :Asian Highway 2 (AH2)สายที่สอง) หมายถึงทางไฮย์เวย์สากล
เป็นต้น


เพื่อให้เข้าใจทันทีและกระจ่าง
ไม่ต้องทำให้ชวนนึกเขวไปว่ามันคืออะไรกันแน่และอีก
ว่าอย่างนั้นผมว่า

ว่าผมสื่ออะไรในหนังเรื่องนี้
ผมไปสำเนามาอ้างว่ามันคืออะไร
ส่วนใหญ่จะได้จากกูเกิลและสารานุกรมวิกิพีเดีย
และรายการอื่นอีก

แต่ถ้าทำวิทยานิพนธ์เขามีอ้างอืงโปรแกรมEndnoteจัดให้
และระบบมันพัฒนาปรับปรุงมาตลอดเวลา
และราคาแพง


ผมจำได้ว่าอันนี้ต้องคล่องทำเองเป็นด้วย
มิฉะนั้นจะเข้าป่าหลงตายเข้าอู่และสอบตกและไม่ทันเพื่อ แต่เดี๋ยวนี้ผมลืมมันหมดแล้ว
ถ้าจะให้ผมทำอีก

และผมในบานะพระเอก
ต้องขอสารภาพว่ามิใช่นำเรื่องต่างปะกอบอ้างอิง
เข้ามาในบล็อกนวนิยายวรรณกรรมของผม
โดยเอาของเขาคนอื่นที่มิใช่ความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง

มาระบบให้งานนวนิยายของผมมีจุดเด่นขึ้นนี้
แต่อย่าางใดไม่
คือพอดีมันขาดเสียมิได้
เพื่อประโยชน์ร่วมกันว่าอย่างนั้น


ในโลกการเขียนนี้ทุกวันนี้แล้วระบบมันวางไว้
เป็นห้องสมุดเลยทีเดียว
ผมมองเห็นว่าอย่างนั้นเป็นภาพลักษณ์



เราเป็นเพียงตัวบรรณารักษ์จัดหนังสือเข้ากลุ่มให้ทุกที่ถูกที่วางหมวดหมู่
แล้วเป็นอันว่าความดีของเรามีเป็นเกิดขึ้นมาว่านี่คือผลงาน


จริงๆ

ทุกอย่างที่เรามีหรือจะมีอีกส่วนมาก
เขามีแนวมาหมดแล้ว
เพียงอารมณ์
หรือและดีเอ็นเอ
ของเรื่องราวมันต่างกัน


เหมือนจิ๊กซอว์ที่ขาดระเบียบแล้วที่เรานำมาหรือดำหริจัดมาเรียง
เท่านั้นเองแน่นอนต้องใช้สมองในการเรียงเหมือนกัน




และการเรียงนั้นสำเร็จก็กลายเป็นผลงานของเรา
อันนี้ลองคืดดูให้ดี
ในเรื่องธรรมชาติของลิขสิทธิ์

เพาะถ้าเราคิดให้ดีคือ
คนทำงานถอนหญ้าสมมุติ
เพื่อรับค่าจ้าง
เขาต้องถอนต้นหญ้าแปดชั่วโมงต่อวัน
จึงได่ค่าจ้าง

เขาลำบากขนาดไหน
คนถอนหญ้า

และงานมีเจ้าของลิขสิทธิ์ก็เช่นกัน
เขาลำบากเหมือนคนถอนหญ้ามีค่าจ้างเป็นรายวัน
เพราะฉะนั้น

เขาลำบากมากเหมือนกัน
ที่เขา
ทำมันขึ้นมา

แล้วเราจู่ๆเราไปขโมยลิขสิทธิ์เขามาอย่างนี้
แน่นอนมีปัญหา


เขาจึงมีข้อกำหนดเอาไว้
ว่าถ้าไปขโมยเขามา
ต่องบอกให้เขารู้ว่าเราขโมยมา
จากที่ไหนอย่างไรด้วย
มันจึงจะถูก

ผมเข้าใจอย่างนั้น

มิใช่การเห็นแก่ตัวแต่อย่างใด
ในกรณีลิขสิทธิ์นี้นั้น

ผมว่า








ต่อไปตรรกวิทยาและเหตุผลเรื่อง
การใช้คำในศาสนาบางศาสนาเช่นพุทธวิทยาศาสนา

เช่นคำว่า "สุปฎิปันโน" หมายถึงปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ
อันนี้ตรงตัวของวิชาพุทธศาสนา

แม้เมื่อผมนำมาใช้ในนิยายนี้
ผมหมายถึงเพียงสื่อว่า
ทำตนให้ถูกและให้ดีที่ทุกคนในสังคมรับได้และยอมรับเท่านั้น
ในสิ่งที่นิยายสื่อเท่านั้น




มิได้ไปไกลไปในเขตปรัชญาศาสนานั้นๆแต่อย่างใด
ถ้าอ้างคำของท่านอีก


อย่าคาดว่า
หรือถ้าคิดไกลไปในแดนศาสนาที่ผมหมายถึง

ผมจะอธิบายไว้ขนาบข้างที่ความเป็นมาด้วย
เป็นต้น



ตรรกวิทยาและเหตุผล
ในส่วนอาวุธปืนที่ผมเคยครอบครอง
ผมเคยีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง


แต่ยังไม่ได้ขอนุญาตพกพา
เพราะผมไม่ชอบปืนเพื่อการฆ่าคน เพียงมีไว้
กันผี และสร้างความเชื่อมั่นในตนเองเท่านั้น


เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน


และปืนมันจะมาด้วยกฏหมายบทหนัก
ถ้าเราใช้ไม่เป็น
ส่วนกฎหมายสมัยก่อนปืนนั้น
พอจะค่อยๆจีดจ้าด
ได้แต่ห้ามหวือหวา

ไม่เหมือนสมัยนี้อาวุธปืนนี้
ห้ามจี้ดจ้าดและห้ามหวือหวา

จนมีข่าวว่าพ่อแม่บางคนอยากให้ลูกเข้าเรียนตำรวจ
ลูกจะได้มีอวาวุธปืนพกได้
เพื่อจะได้คุ้มครองครอบครัวตนเองไปในตัวด้วยก็มี
เพาะอาวุธปืนเป็นของคู่กันกับตำรวจ
ผมมองว่าอย่างนั้น


และตำรวจสามารถพกพาปืนได้ในที่สาธารณะว่าอย่างนั้น



ผมคิดเดาเอาว่าอย่างนั้นก็แล้วกันเพราะนี่เป็นนิยาย


ผมจำได้ว่าผมซื้อปืนครั้งหนึ่ง
กระบอกหนึ่งเป็นของส่วนตน
มีใบอนุญาตซื้อขายปกติ
ตามระเบียบ

อ้างอิงจาก :https://www.gunsinternational.com/guns-
for-sale-online/pistols/astra-pistols.cfm?cat_id=16


ผมจพำได้ว่าซื้อ
มาจากเวิ้ง
ที่กรุงเทพฯ
สมัยก่อน
ขนาด.22










ภาพนี้อ้างอิงจาก:https://www.gunsinternational.com/guns-for-sale-online/pistols/astra-pistols.cfm?cat_id=16

ถนนสีลม (อักษรโรมัน: Thanon Si Lom) ถนนสำคัญในเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เป็นถนนคอนกรีตขนาดกว้าง 6 ช่องทางจราจร มีช่องจอดรถและบาทวิถีทั้งสองข้าง ความยาวประมาณ 2.78 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่ถนนเจริญกรุง(แยกบางรัก) ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตัดกับถนนมเหสักข์-ถนนสุรศักดิ์ (แยกสุรศักดิ์) ถนนประมวญ (แยกประมวญ) ถนนเดโช (แยกเดโช) ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (แยกสีลม-นราธิวาส) และถนนคอนแวนต์ (แยกคอนแวนต์) และไปสิ้นสุดที่ถนนพระรามที่ 4 (แยกศาลาแดง) สีลมเป็นถนนที่มีเกาะกลางและมีต้นไม้ใหญ่ปลูกเรียงรายไปตลอดแนวถนนจำนวน 483 ต้น และเป็นถนนสำคัญสายแรกที่เดินสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ไว้ใต้ดิน

อ้างอิงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/ถนนสีลม



มีแต่ใบนำพาใบพกพาเท่านั้นอะไรทำนองนั้น
คือปืนมีไว้ในบ้าน ครอบครอง
ห้ามพกเว้นอนุญาต

ถ้านำเคลื่อนไปจะต้องมีการขออนุญาตทุกอย่าง


เหมือนรถจักรยานต้องวมีใบขับขี่แต่ต่อมา
คนใช้จนไม่ต้องมีใบขับขี่


แต่ปืนนั้นทำเหมือนรถจักรยานนั้นมิได้
ในทุกสมัยเลยเว้นปืนฉีดน้ำเด็กเล่นผมว่า


อันนี้น่าจะระวัง

ผมจำได้เพื่อนเคยยืมตัวผมไป
ให้ผมไปคุ้มกันเงินจากธนาคารที่เขาถอน
จำได้ที่ธนาคารCharter bank ที่ดุสิตธานี สีลม


Public limited company
Traded as
Industry Banking, Financial services
Predecessor
Founded 1969; 48 years ago
Headquarters London, England, UK
Area served
Worldwide
Key people
Services Credit cards
Consumer banking
Corporate banking
Investment banking
Mortgage loans
Private banking
Wealth management
Revenue IncreaseUS$ 14.060 billion (2016)[1]
Increase US$ 0.409 billion (2016)[1]
US$ (0.191) billion (2016)[1]
Total assets IncreaseUS$ 646.692 billion (2016)[1]
Total equity IncreaseUS$ 44.368 billion (2016)[1]






อ้างจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Standard_Chartered

Standard Chartered PLC is a British multinational banking and financial services company headquartered in London, England. It operates a network of more than 1,200 branches and outlets (including subsidiaries, associates and joint ventures) across more than 70 countries and employs around 87,000 people. It is a universal bank with operations in consumer, corporate and institutional banking, and treasury services. Despite its UK base, it does not conduct retail banking in the UK, and around 90% of its profits come from Asia, Africa and the Middle East.



แต่ผมก็นำพาเท่านั้นมิได้พกพาอะไร
เพื่อนที่ว่าคือระดับหมูไปไก่มาไม่เกี่ยวกับมีเงินเท่ากันนะบอกก่อน
แต่เรานับถือกัน

ว่าอย่างนั้น




ปืนนี้
ปืนนี้ผมกลัว

เพราะผมกลัวตายเป็นเหมือนกันเหมือนกับทุกคน
จุดสองสองเป็นปืนผู้หญิง

ผมลิมไปงว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนขายต่อไปหรืออย่างไร
แต่ผมจำได้ว่าผมฝากไว้ที่ตู้นิรภัยที่ธนาคาร
เพราะไว้กับที่บ้านกลัวอันตรายหรือหาย
แล้วเมื่อผมไปอังกฤษระยะนานมาก
กลับมาปรากฏว่าหมดสิทธิได้ปืนคืน
เพราะถูกยึดเป็นประกันหรืออะไร

แต่ผมไม่สนที่จะติดตาม
เพราะมันแพงเกินไปที่จะเล่นกับปืน

แตผมผมก็เคยเป็นสมาชิก รด สนามฝึกยิงปืนระยะหนึ่งที่กรุงเทพฯ



ต่อไปเรื่องศาล


ผมไม่เคยขึ้นศาลมาตลอดชีวิต
เพราะไม่ค่อยได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความผิด
เพราะแม่สอนไว้




และจึงไม่ค่อยไปปะทะอะไร
กับใครคือระวังระไวตนเองอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าการเมืองการอาชญากรรมหรืออื่นใดที่ตำรวจจับเอาผิดได้




เพราะผมคือเราเกิดมาเป็นคนบ้านนอกเข้ากรุง
และไม่ค่อยทันโลก


แม่ผมพยายามให้ผมเดินเป็นแบบช้างเท้าหลังเสมอ
เมื่อเดินออกสู่โลกภายนอก
ตัวคนเดียวเดียวดาย
ไม่มีแม่และพ่ออยูด้วย


ท่านว่าอย่างนั้น

มีอยู่ตอนหนึ่งกรณีพิเศษ
คือ


และมาขึ้นศาลตอนขอเป็นผู้จัดการมรดกบิดามารดา
เพื่อขออำนาจศาล

นี้คือการขึ้นศาลครั้งแรกในชีวิตผม
เป็นศาลจังหวัด


และด้วยเหตุนี้เอง
ผมจึงนำเรื่องมาพูดคือ
ผมนึกได้


ในบทหนึ่งกล่าวเกี่ยวกับคนไม่มีศาสนา
และเรื่องกฏแห่งการกระทำ
ที่เมื่อทำอะไรลงไปแล้ว
เป็นเหมือแผลเป็นที่แก้ไม่ได้


ซึ่งในทาแรงกว่าภาวะกฎหมาย
หรือคือกฏแห่งกรรมว่าอย่างนั้น
ขึ้นในบทหนึ่ง

จึงมีข้อเชื่อและข้อคิดที่จะเพิ่มเติมเกิดึ้น
จากคำนิยามที่ผมเคยกล่าวว่า

 ผมในนวนิยายเรื่องวนี้เป็นอนุรักษ์และสัจนิยม
ไม่ฝืนและไปอะไรที่เป็นเชิงลบ


ผมมีเป้าหมายทำตนและนิยายให้สอดคล้อง
และเชิงบวก
สนกกับรัฐและที่กฏหมายมีอยู่เสมอ

ผมจึงขอนำเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวคือ

เมื่อขึ้นศาลผมจำได้

ผมต้องสาบานตนก่อนที่เรื่องในศาลจึงจะเริ่มขึ้นคือ
"สาบานตน"


จะมีคำถามว่าศาสนาอะไร
และการสาบานตนนั้นคือ
สิ่งที่พูดต้องจริงทั้งหมด
ไม่มีเท็จ
ที่ตนเองต้องยืนยัน


ศาลท่านจึงจะดำเนินการตามกระบวนการต่อไปได้

การสาบานตนนี้เท่ากับว่า
ถ้าเราโกหกศาล
มีโทษถึงฟ้าผ่าตายหรือมีเหตุอันเป็นไปว่าอย่างนั้น

จะเป็นปรากฎการณ์วิทยาชนิดหนึ่งทีเดียวละผมว่า
และผมเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงถ้าเราโกหกศาล

เราต้องทำโดยเคารพ


งมีคำถามต่อมาว่า
แต่คราวนี้คนไม่มีศาสนาทำออย่างไร
ในเมื่อนวนิยายท่านบอกว่า
คนไม่มีศาสนา


คือความไม่มีศาสนานั่นละศาสนาของเขา

ใครตีความนี้มีคำถาม


อันนี้ผมตนเองตีความ
แต่เป็นความคิดปัจเจตกชนอย่างผมเท่านั้น



มิได้ว่าต้อวยอมรับ
ในเรื่อที่ผมกล่าวเสมอไปเป็นเนติ
ยกให้ความคิดของนวนิยายในเรื่องนี้
เป็นปรัชญานานาจิตตัง
ไม่ต้องไปเอามาเป็นนิติปรัชญาหรือเนติแด่คนรุ่นหลัง
นอกจากเป็นอาหารทางความคิด
เท่านั้นเพื่อการบรรเจิดได้ดีกว่าในวันพรุ่งแห่งชีวิต


คราวนี้มีดูที่ตรงนี้
ตามนวนิยายเรื่องบ้านอานองเตนี้

ก็ภาคที่สองแล้ว



ถ้าไปขึ้นศาล
หากมีคนที่ขึ้นศาลบอกว่า
ไม่มีศาสนาแล้วศาลจะทำอย่างไร
เพราะในสารบบ
คนไม่มีศาสนก็คือคนไม่มีศาสนา

ศาลไทย เป็นองค์กรที่ใช้อำนาจตุลาการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อำนาจตุลาการนั้นเป็นสาขาหนึ่งของอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ไทยในฐานะประมุขแห่งรัฐทรงใช้อำนาจตุลาการผ่านทางศาล และศาลปฏิบัติการในพระปรมาภิไธย

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช 2550) มาตรา 197 ถึงมาตรา 228 ศาลไทยมีสี่ประเภทดัง

ประเทศไทยใช้กฎหมายระบบซีวิลลอว์ (civil law) ดังนั้น คำตัดสิน คำพิพากษา และคำตัดสินของศาลไทย จึงไม่ได้เป็นทั้งกฎหมายไทยและบ่อเกิดของกฎหมายไทย หากเป็นแต่การปรับใช้กฎหมายเท่านั้น

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (Asian Human Rights Commission) วิจารณ์ว่า ระบบศาลไทย โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมทางอาญานั้น "เลอะเทอะ" และไม่สามารถสร้างความมั่นใจว่า กระบวนพิจารณาจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม แม้คดีลอบฆ่าประมาณ ชันซื่อ ประธานศาลฎีกาเอง ศาลชั้นต้นยังใช้เวลาพิจารณาถึง 15 ปี คือ ตั้งแต่ปี 2536 ถึงปี 2551 ในช่วงดังกล่าว จำเลยต้องขึ้นศาล 461 ครั้ง และถูกผู้พิพากษา 91 คนไต่สวน จำเลยบางคนตายก่อนพิพากษา ส่วนประมาณตายอย่างสงบด้วยโรคปอดติดเชื้อเมื่อปี 2550[1]

อ้างอิง:https://th.wikipedia.org/wiki/ศาลยุติธรรม_(ประเทศไทย)

มิใช่ว่าคนไม่มีศาสนาคือศาานาที่เขาไม่มีนั้นแหละคือศาสนาของเขา
อันนี้เป็นปรัชญาการของผมเท่านั้น




อย่าได้ตีความติดตามผม
เสมอไป
ตามอันนี้

ที่ไม่ทำให้ใครหนักใจได้เล่นลองทีเดียว



ว่าเขาจะทำอย่างไร

เมื่อศาลพบว่าคนไม่มีศานาจะสาบานตนว่าอย่างไร
ทำอย่างไร

อันนี้ศาลท่านจะมีกระบวนการของท่าน
ซึ่งผมไม่เสนอความคิดเห็น
อย่างวปรัชญาหรือ
นิติปรัชญา

อย่างที่ผมตีความไป
อันเป็นส่วนของความคิดเห็น
ส่วนตน
ในนวนิยายในระบบความเป็นพระเอกของผม
แต่อย่างใด


อันนี้คือสิ่งที่ผม
กล่าวเรื่องคนไม่มีศาสนาในบทก่อน


ผมเคยขึ้นศาบที่อังกฤษหนึ่งครั้ง
ที่ออกร์ฟอร์เรื่องขับรถเร็ว
ผมถูกศาลตัดสินทำโทษให้รอ
รอลงอาญานั้นหมายความว่า


การรอลงอาญานั้นหมายความว่า
ที่ผมเข้าใจ
ถ้าผมทำอีก

ผมติดคุกตามที่ศาลกำหนด
และผมไม่ติดคุกทันที



เพราะผมไม่ได้กระทำความผิดอีก

ผมจำไดว่าครั้งนั้น
ผมคิดว่า
ผมได้สาบานกับศาล
ท่านเช่นกัน

ผมคิดอยู่ในใจว่า

ทางศาลท่านต้องเนรเทศ
ผมกลับบ้านเกิดแน่นอนแล้ว
ตอนนั้น


แต่ผมโชคดีตอนนั้นได้รอลงอาญาเอาไว้

Courts of England and Wales

From Wikipedia, the free encyclopedia


The Judiciary of England and Wales within Her Majesty's Courts and Tribunals Service[2] are the civil and criminal courts responsible for the administration of justice in England and Wales.

The United Kingdom does not have a single unified legal system—England and Wales has one system, Scotland another, and Northern Ireland a third. There are exceptions to this rule; for example in immigration law, the Asylum and Immigration Tribunal's jurisdiction covers the whole of the United Kingdom, while in employment law there is a single system of employment tribunals for England, Wales, and Scotland but not Northern Ireland. Additionally, the Military Court Service has jurisdiction over all members of the armed forces of the United Kingdom in relation to offences against military law.

The Court of Appeal, the High Court, the Crown Court, the County Court, and the magistrates' courts are administered by Her Majesty's Courts and Tribunals Service, an executive agency of the Ministry of Justice.


อ้างอิงจาก:https://en.wikipedia.org/wiki/Courts_of_England_and_Wales

The Middlesex Guildhall houses the Supreme Court of the United Kingdom and Judicial Committee of the Privy Council

อ้างอิงจาก :https://en.wikipedia.org/wiki/Courts_of_England_and_Wales

ภาพและเรื่องราวนี้เพียงสื่อถึงสถาบันศาลในอังกฤษเท่านั้น

มิใช่ที่ผมไปขึ้นมาแต่อย่างใด







เหตุการณ์ตอนนั้นในภาวะของผมคือ



คือตอนนั้นเป็นฤดูหนาวและหนาวมากสำหรับผม
ผมต้องไปทำงานที่สถาบันป่าไม้ของมหาวิทยาลัยออกร์ฟอร์ดทุกวัน
งานยากและงานหนัก



และผมมีที่พักอยูไกลในชนบท
ที่เงียบมากและวังเวงและโรมานติค
แบบ้านอานองเตสมัยก่อนเลยทีเดียว


เพราะผมต้องใช้สมาธิดูหนังสือและทำงานไปด้วย
เป็นเหตุผลที่เลือกมาเช่าบ้าอยู่ไกลอย่างนี้เป็น คอตเทจCottage
ผมจำได่ว่าอย่างนั้น


ผลสุดท้ายที่ทำงานอยู่ในเมือง
ผมต้องขับรถไปมาทุกวันมาทำงาน
ไกลมากระหว่างที่พักและที่ทำงานและอากาศหนาวมาก
หิมะหมอกตกมาก
ระหว่างทาง
ถนนลื่นมีนำแข็งเกาะถนนมาก


ผมหยุดฟังเพลง

The Best Relaxing Classical Music Ever By Bach

 - Relaxation Meditation Focus Reading



ต่อไปนวนิยายต่อ
 แต่ผมขับรภเร็ว

ทางตำรวจเขาพบเข้า


เขาจึง
จัดการให้ผมไปขึ้นศาลโดยมีนัดหมายศาล
และผมขึ้นศาลเรียบร้อย
ไม่ได้หนี
และไม่มีการผิดการนัดหมาย
และตรงเวลาตามที่ศาลสั่ง



และท้ายสุดเรื่องนี้
ยุติเรียบร้อย
ก่อนผมเดินทางกลับบ้าน
มาเพื่อคัดเลือกทหารเกณฑ์

เรื่องอายุครบเกณฑ์ทหาร

อันนี้เป็นความผิดร้ายแรงมาก
ถ้าหนีทหาร
ใครหนีทหารเกณฑ์โดยไม่มีเหตุอันควร
ถือว่าเขาเป็นผู้ร้ายข้ามแดนทันทีเลยละ

ที่เขาจะส่งตัวกลับบ้านเกิดให้ทันทีเลยละ


รุ้สกว่าตัวนี้

ไม่มีคำว่าลี้ภัการเมือง
แน่นอนผมว่า



หากใครหนีเกณฑ์มทหารข้ามชาติ

อันนี้พระเอกเรื่องบ้านอานองเตข
ขอวิงวอนให้เพื่อนมนุษย์
อย่าดันลืมและจงระวัง
เป็นมั่น
ผู้ชายทุกคนที่เกิดมาในโลกล้วนต้องเป็นทหารจริงๆ


แม้อาจจะมีบางแห่งจะไม่มีทหาร
ก็มีอย่างอื่นที่คล้ายๆกันบ้างอยู่ดี

สรุปเป็นเกิดมาแล้วอย่าหนีทหาร
เพราะเป็นทหารทำให้เราพบความเป็นชาย




ถ้าใครเป็นนักเรียนอย่าลืม
เรื่องผ่อนผันและระวังเรื่องการเกณฑ์ทหาร
ท้ายสุดผมกลับมาเกณฑ์ฑหารจับใบดำใบแดง
แล้วไมถูกทหารแต่อย่างใด
และแต่นั้นผมยั
ไม่ได้กลับไปเยี่ยมแม่บญธรรมและพ่อบุญธรรมที่อังกฤษอีกเลย
จนกระท่านทั้งสองตคายไปแล้วทั้งคู่
แต่ท่านได้เมตตาส่งเงินมาให้ค่าขนมตลอดทุกระยะ
ส่งถึงเมืองไทยทางไปรษณีย์ธนาคาร


ผมก็ขอขอบพระคุณท่านทั้งสอง
เป็นล้นพ้น






ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นหมายเหตุคล้ายเชิงอรรถของนิยาย
จากที่นิยายมาอาจจะไม่สิ้นกระแสความในบทก่อน
เพราะรีบไปหรือลืมหรือเหนื่อยไป
จึงอยากทำให้มันสมบูรณ์ในบทอื่นๆที่คิดได้
และผมมาถึงตอนนนี่้ก็เหนื่อยเสียแล้ว
ถ้ามีเรื่องไม่สิ้นกระแสความอีก
ผมก็จะมีบทอย่างนี้เกิดชึ้นอีก



และผมจะไม่รีบแม้ผมจะตายลงเพราะเขียนหนังสือ
เพราะการรีบเร่งในการทำงานอย่างนี้ผมคิดว่ามัน



ไม่ดีเลย
ผมพบ

ข้อแก้อรรถเพิ่มเติมที่ผมนึกขึ้นมาได้เพราะเป้นสัญญาทางใจที่วางมาตรเอาไว้
มีดังนี้ที่ยังไม่สิ้นกระแสความแก้อรรถจะนำไปสู่การสิ้นกระแสความวิธีหนึ่ง
จึงต้องมีการแก้อรรถ

ที่กล่าวว่าพ่อบุญธรรมท่านอยู่อีกที่หนึ่งแต่ภริยาท่านมิได้เป็นแม่บุญธรรมที่ผมเขียนไว้
แม่บุญธรรมของผมที่อังกฤษอยู่่อีกที่หนึ่งคนละคนกัน ท่านเป็นนักกวี เคมีและเป็นคนลี้ภัยมาจากรัสเซียสมัยสงคราม ท่านเป็นน้องสาวของคนเขียนหนังสือได้รับรางวัลโนเบิล(ปกปิด)
ส่วนภริยาของพ่อบุญธรรมของผมนั้นไม่ได้ไปไกลถึงเรื่องบุญธรรม เพราะมีภารกิจอื่นอีก ท่านก็เป็นคนลี้ภัยชาวยิวสมัยสงครามมาจากแถบยุโรปตอนกลางหรือตะวันออกผมไม่กล้าถาม
เรื่องส่วนตัว
คือต้องรูเอง กล่าวว่าท่านเป็นขุนนางเก่าตกยากจากภัยสงคราม
และมาพบรักกับพ่อบุญธรรมที่อังกฤษสมัยสงคราม
และพ่อบญธรรมท่านเป็นชาวอังกฤษสมบูรณ์ ท่านทำอาชีพเป้นขับรถไฟ แต่บำนาญแล้สท่านเป็นอาสาสมัครสังคมคนตาบอด ที่ได้รับการอุปถัมภ์จากสถาบันกษัตริย์อังกฤษ อย่างไรก็ตามท่านตายหมดแล้ว
แต่ภริยาของคุณพ่อบุญธรรมผมนั้น
ทราบว่าหลังสามีตายแล้ว ไปอยู่กับหลานสาวคนหนึ่งที่นิวยอร์คที่อเมริกา

สพของผู้ตายทั้งสอท่านฝังแบบคริสต์ที่ทำให้ผมไปเยี่ยมคารวะได้

ต่อเรื่องว่าถ้าหากการไว้ทุกข์แม่ผม นี้เองเป็นสาเหตุมให้ผมต้องมาใช้ชีวิตที่บบ้านอานองเต และเกิดนวนิยายนี้ขึ้น

มิฉะนั้นผมจะขายส่วนหนึ่งเดินทางไปอยู่กับอาที่กุงเทพฯเพราะที่นี่อาจจะมีอันตรายและมันไกลความเจริญ
 หรือเพิ่มอีก
คือตามเป้าหมายเดิมมีว่าเดินทางกลับอังกฤษ
เพราะพ่อบุญธรรมเคยทำเรื่องโอนสัญชาติให้ผม
เกือบยี่สิบปีแล้ที่ผมออกมาจากอังกฤษแล้วไม่ได้กลับไปอังกฤษอีกเลย  เพราะภารหนักอึ้งที่เมืองไทย และกำลังเคลีย์ปัญหาที่เรื่องบ้านอานองเต

ดังกล่าว


ส่วนเรื่องนอกนั้น
ถ้ามีอีกจะมาแก้ไขเพิ่มเติมทีหลังอีก

ถ้านึกได้
แม้ไม่สัญญา แต่ผมตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด
อย่างไก็ตามอันนี้เป็นค่าคาดหวัง เท่านั้น

ขอหยุดพักสักนิดนึง


ข้อแก้อรรถเพิ่มเติมที่ผมนึกขึ้นมาได้เพราะเป้นสัญญาทางใจที่วางมาตรเอาไว้
มีดังนี้ที่ยังไม่สิ้นกระแสความแก้อรรถจะนำไปสู่การสิ้นกระแสความวิธีหนึ่ง
จึงต้องมีการแก้อรรถ

ที่กล่าวว่าพ่อบุญธรรมท่านอยู่อีกที่หนึ่งแต่ภริยาท่านมิได้เป็นแม่บุญธรรมที่ผมเขียนไว้
แม่บุญธรรมของผมที่อังกฤษอยู่่อีกที่หนึ่งคนละคนกัน

ท่านเป็นนักกวี ชนิดจินกวีอีกด้วย

เป็นนักเคมีและเป็นคนลี้ภัยมาจากรัสเซียสมัยสงคราม

ท่านเป็นน้องสาวของคนเขียนหนังสือได้รับรางวัลโนเบิล(ปกปิด)
ส่วนภริยาของพ่อบุญธรรมของผมนั้นไม่ได้ไปไกลถึงเรื่องบุญธรรม

เพราะมีภารกิจอื่นอีก ท่านก็เป็นคนลี้ภัยชาวยิว

สมัยสงครามมาจากแถบยุโรปตอนกลางหรือตะวันออกผมไม่กล้าถาม
เรื่องส่วนตัว
คือต้องรูเอง กล่าวว่าท่านเป็นขุนนางเก่าตกยากจากภัยสงคราม
และมาพบรักกับพ่อบุญธรรมที่อังกฤษสมัยสงคราม
และพ่อบญธรรมท่านเป็นชาวอังกฤษสมบูรณ์

ท่านทำอาชีพเป้นขับรถไฟ แต่บำนาญแล้สท่านเป็นอาสาสมัครสังคมคนตาบอด

ที่ได้รับการอุปถัมภ์จากสถาบันกษัตริย์อังกฤษ อย่างไรก็ตามท่านตายหมดแล้ว
แต่ภริยาของคุณพ่อบุญธรรมผมนั้น
ทราบว่าหลังสามีตายแล้ว ไปอยู่กับหลานสาวคนหนึ่งที่นิวยอร์คที่อเมริกา

ศพของผู้ตายทั้งสอท่านฝังแบบคริสต์ที่ทำให้ผมไปเยี่ยมคารวะได้

ต่อเรื่องว่าถ้าหากการไว้ทุกข์แม่ผม

นี้เองเป็นสาเหตุมให้ผมต้องมาใช้ชีวิตที่บบ้านอานองเต และเกิดนวนิยายนี้ขึ้น

มิฉะนั้นผมจะขายส่วนหนึ่งเดินทางไปอยู่กับอา

ที่กรุงเทพฯเพราะที่นี่อาจจะมีอันตรายและมันไกลความเจริญ
 หรือเพิ่มอีก
คือตามเป้าหมายเดิมมีว่าเดินทางกลับอังกฤษ
เพราะพ่อบุญธรรมเคยทำเรื่องโอนสัญชาติให้ผม
เกือบยี่สิบปีแล้ที่ผมออกมาจากอังกฤษแล้วไม่ได้กลับไปอังกฤษอีกเลย

  เพราะภาระหนักอึ้งที่เมืองไทย และกำลังเคลีย์ปัญหาที่เรื่องบ้านอานองเต


อนึ่งผมยังมีคุณพ่อบุญธรรมของผมอีกหนึ่งคนเป็นชาวเยอรมันเชื้อสายยิว

ท่านเป็นเจ้าของบริษัทถักทอ

ยังนึกไม่ออกมีที่ไหนอีก

ท่านคุณพ่อบุญธรรมผู้นี้เคยให้ความอบอุ่นผมและอุปถัมภ์การเงินผมเสมอ

โดยผมไม่เคยออกปากยืม

และไม่มีการเมืองอะไรทั้งสิ้นเพียงแค่ความเป้นคนสัมพันธ์กันติดใจกันเท่านั้น




ท่านมีลูกสาวและลูกชายอยู่ในเยอรมัน


เห็นท่านเล่าให้ฟังเท่านั้น แต่ท่านนี้เป็นพ่อหม้าย

ผมไม่กล้าถามตามเคยเพราะเกรงกลัว

และที่สำคัญหลายคนอาจจะนึกสงสัยว่าทำไมมีพ่อแม่เยอะจัง

ก็ผมบอกแล้วผมมาจากครอบครัวพลัดพราก

แต่มองโลกในแง่ดีเสมอ

ทั้งหมดที่มีอย่างไรก็ตาม

เรารักกับชอบกันนับถือกันและลงตัว

จุนเจือกันตามอัตภาพ


ไม่มีสิ่งต่างตอบแทนอะไรกต่อกันทั้งสิ้น

ไม่ว่าทางเพศทางหนี้สินอะไรต่อกัน

แต่เคยนอนด้วยกันอบอุ่นดี

แต่ไม่มีอะไรกัน


คือแบบปกติมนุษ์ธรรมดารักกันเท่านั้น

มีมีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง


เขาก็รักเราเหมือนลูก

และผมก้รักเขาเหมือนพ่อแม่ในเมืองไทยที่บ้านอานองเต

ไม่เคยตีไม่เคยตำหนิอะไรต่อกัน


สานใยเยื้อสัมพันธ์อันยาวนานอย่างซาบซึ้ง

ผมส่ง สคสถึง  กันทุกปี แม้ตายจากกันไปแล้ว


ก็ยังส่ง


และผมยังส่งอยู่เพื่ออุทิศให้วิญญาณพ่อแม่บุญธรรมที่เป็นผู้ตายแล้ว

ฝังไว้กับดินตามแบบศาสนาคริสต์หรือนิกายอะไรผมไม่กล้าถาม



ผมส่งผ่านเพื่อการสะสมแสตมป์แบบบริจาคเชิงลึก

ของอ็ออกร์ฟาร์มสาขาอ็อกร์ฟอร์ดและบริสตอลตลอดเลา



เพื่ออนุสรณ์แห่งความดีที่มีต่อกัน

อย่างเป็นคุณธรรม



ผมไม่นึกนึกหมั้นไส้และเวทนาตัวเอง

หรือเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า

เรามีสิ่งนี้ที่ต่างกันออกไปแต่อย่างไร


คือได้ทำอะไรเพิื่อตอบแทนท่าน  ๆ  เท่านั้นเป็นจิตสำนึกที่ดีงาม

ถ้าจะเมตตาอนุญาต

ให้ผมตีความ

จะมากกว่านี้พอดีผมยังจน

จึงมอบความดีนี้

ไว้กับท่านทั้งพ่อแม่จริงและพ่อแม่ปลอมทุกคนอันแสนสนุก

เมื่อคิดดู



ดังกล่าว


ส่วนเรื่องนอกนั้น
ถ้ามีอีกจะมาแก้ไขเพิ่มเติมทีหลังอีก

ถ้านึกได้
แม้ไม่สัญญา แต่ผมตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามอันนี้เป็นค่าคาดหวัง

ว่าจะนำมาประกอบในนวนิยาย เท่านั้น


และข้อแก้ตัว
อันหนึ่งบางครั้งส่งขึ้นบอร์ดมีผิดพลากอักขรวิธวจีภาษาบ้างแต่ส่งก่อนแล้วค่อยตรวจแก้ทีหลัง
เพราะกลัวผมจะขาดลมหายใจเสียก่อนจึงวส่งมาก่อน

และยอมรับว่ายังมีอีกหลายส่วนเชิงบวกแทบทั้งสิ้น
ที่ต้องปรึกษาทนายก่อน
ส่งเพราะกลัวจะมีปัญหาตามมาทีหลัง
จึงงดค่อยส่งมีมีอักขระยังไม่ไดตรวจแก้อีกด้วย
ขอขอบคุณ
จากผมบ้านอานองเต



Create Date : 07 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 13 มกราคม 2561 4:10:58 น.
Counter : 1098 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends