All Blog
j120


 j120


เรื่องบ้านอานองเต
ใช้เอกสารเป็นภาษาอังกฤษ เหตุผลแจ้งให้ทราบแล้ในบทต้นๆบทหนึ่ง

 อังกฤษ   "J" เจ  เสมอตามด้ยเลขบท
(J (เจ) เป็นอักษรละติน ในลำดับที่ 10 เป็นตัวอักษรตัวสุดท้ายที่ถูกเพิ่มเข้ามาในอักษรละติน)
อ้างอิงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/J






ผมขอฟังเพลง
Women from America - Julie London, Doris Day, Peggy Lee...
Antonín Dvořák - Stabat Mater (Harnoncourt)
J.S. Bach: 6 Suites for Cello Solo
 (Full Album) played by István Várdai
Bach Cello Suites nos 1,5 & 6 Yo Yo Ma 1983
Top 50 Best Classical Violin Music






แม่ก่อนตาย
ท่าน
ผมขออนุญาตใช้สรรพนามอันเนื่องใน
เพศผู้หญิงที่ให้กำเนิด
คนอย่างผม
ได้เกิดมาและมารับบท
เป็นพระเอกในเรื่อง
บ้านอานองเตนี้
  แม่ท่าน


ผมติดใจแม่และเจตนาของแม่
ว่าแม่คิดถูกและทำถูก
จึงเกิดเป็นผมขึ้นมา
แม่ผมเป็นคนไทย
จบ
รร. ประชาบาล ประถมสี่บริบูรณ์
การศึกษาภาคบังคับสมัยก่อน
แม่เคยเป็นแม่ชีช่วยและเคยงานบูรณะวัดด้านหนึ่ง
ในวัดมีชื่อปกปิด
จนได้รู้จักเจ้าขนมูลนายในกรุงเทพจำนวนมาก
แม่ชอบนั่งสมาธิมาก
สนใจเรื่องจิตจนเรียนสอบได้ใบประกาศนียบัตรมาครอบครอง
มที่ปัจจบันเรียกว่าพระอภิธรรม
ที่ปัจุบันเป็นหลักสูตรหนึ่งในมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยไปแล้ว

ผมจำได้แม่ลำบากในการทำความดีและทำความจริงมาก
เท่าที่ผมเคยพบ
แม้ผมจะลำบากกว่าแม่นัก
แต่ดีกว่าแม่สบายกว่าแม่อย่างเดียวคือ
รับมรดกตกทอดของแม่ที่ผมไม่ต้องทำ
มันเกิดขึ้นเองเหมือนคนถูกรางวัลที่หนึ่ง


เมื่อแม่ตาย
ผมไม่ลำบากกว่าแม่ณ จุดนี้


แม้ชีวิตผมจะพลัดพราก
ถูกลิดรอนสิทธิตลอดเวลา
แต่ท้ายสุดผมภูมิใจในความเป็นมนุษย์และภูมิใจ
ที่เกิดมาเป็นลูกของแม่มาก


แม้ผมยังไม่รู้ว่าเกิดในชาติต่อไปจะไปเกิดในท้องใครอีก
แม่คนไหนอีก
เพราะผมมีแม่
คือแม่ของผมมีหลายคน
ทั้งที่จริงและยกขึ้นมาแบบนับถือและรักกันแต่ไม่ไดจดทะเบียน
รับเป็นบตรบุญธรรม เพราะผมไม่
ถนัดในการรับตำแหน่งในตอนนั้น
เพราะแม่จริงมีชีวิตอยู่
และแต่ว่าตอนนี้ทั้งแม่จริงแม่ยกขึ้นได้ตายไปหมดแล้ว
เหลือแต่กระดูก
ที่จะให้ผมไปกราบไหว้และรำลึกเท่านั้น


แม่ของผม
ที่ตามใจลูก
และส่งเสริมการเรียนของลูกแบบไม่อั้น
และเป็นทัพหน้าในการป้องกันลูก
จากครหา
เพราะเรียนเกินจากคนที่บ้านอานองเตมอง

แม้ยายและเพื่อนบ้านบางคนไม่เห็นด้วย
หลายคนพยายามทำให้ผม
ถูกกระตุ้นให้ผมรีบแต่งงาน
เมื่อวัยวันแต่งงานมาถึง
แต่แม่ให้เสรีภาพในการตัดสินใจกับผม

และแม่บอกผมว่า
รักใครชอบใคร
ตามใจชอบ


และตานั้นส่งเสริมมากที่เดียวให้ลูกหรือหลานตาคือผมให้ได้เรียน
เพื่อจะได้เป็นครู
ครูในที่นี้ตาของผม
หมายถึงทำงานราชการอะไรก็ได้ในอนาคต
คือไม่ต้องทำนาและเลี้ยงควาย


ยอมรับความเป็นจริงของลูก
ส่งเสริมให้ลูกออกไปมองโลกดูโลกให้เต็มตา
ในช่วงที่ที่แม่ยังมีชีวิตรอดอยู่
ตอนไปอังกฤษแม่ตีตั๋วให้
แม้จะเป็นตั๋วบินชั้นสอง


การโชคดีได้แม่มาอย่างนี้
ผมจึงมีอิสระในฐานะพระเอก
ของเรื่องบ้านอานองเตนี้

ผมได้เดินทางไปค่อนโลก
เพิ่อแสวงหาควสามจริงตามใจชอบ
พร้อมบำเน็จคือมรดกตกทอดมาถึงผม
ด้วยพินัยกรรมหลังแม่ตายไป
เอกสารพินัยกรรม
ผมไปรับด้วยมือคนเอง
ที่แผนกตราสินของอำเภอ
หลังจากไปแจ้งขอใบมรณบัตรให้ศพแม่
เป็นเวลาสามสิบวันผ่านไป




มรดกแม่
แม้น้อยนิด
แต่ไม่ต้องทำอะไรเลย
ผมได้มาเปล่า ๆ

เพียงเป็นลูกแม่เท่านั้น
ทราบว่า
ที่แม่ทำพินัยกรรมไว้ให้
เพราะเป็นนคำมั่นสัญญาและความรับผิดชอบในฐานะระหว่างกันที่มีอยู่
ทั้งโดยธรมชาติและโดยกฎหมาย
ที่เป็นจิตสำนึกที่แม่มี
โดยความเป็นแม่
อันละเอียดอ่อน



เพื่อเป็นรางวัลในความเป็นลูกของแม่

และก่อนแม่ตายน
ท่านสั่งไว้ว่า
ไม่ต้องและงดกิจกรรมสังคม
ในหมู่บ้านอานองเตทุกชนิด

จนกว่าอานองเตจะฟื้นตัวเอง
มาเป็นเดือนละงวดละสองหมื่นลูกมะพร้าว
หนี้สินและอื่นทั้งของพ่อและแม่
ที่ให้ผมไปตามคืน
ไม่ได้คืนสักบาทเดียว

ถ้าหมดปัญหาดังกล่าว
จึงค่อยออกสังคมทุกอย่างได้
รวมทั้งการทำบุญอุทิศทุกอย่างบรรดามี
ตามประเพณีแม่สั่งว่า
ให้ทำเป็นกิจกรรมส่วนตัว
ตามความรู้ที่ลูกมี
รายละเอียดบางขั้นตอนดังกล่าว
ผมได้เล่าไปแล้วในบทต้นๆ

แต่บัดนี้มะพร้าวได้เพียงต่ำากว่าห้าร้อยลูก
เป็นรายได้เพื่อประทังชีวิต
ปัจจุบันสำหรับผม



ทุกอย่างจึงงดหมด
แม้การรับแขกระหว่างเพื่อนฝูงและทุกคนท่านที่
ผมชอบ


มันน่าเศร้า
แต่ว่าถ้าผมทำตามใจชอบเหมือนสมัยแม่อยู่
ชีวิตผมคงน่าเศร้ากว่านี้

ผมตกลงเชื่อแม่
คือนอนกอดบ้านอานองเต
รอความตาย
ด้วยมรดกที่เหลือน้อยนิดนี้

และแม่ยังสั่งไว้อีกว่า
งานกิจกรรมงานวัดหรืออะไรต่อมิอะไรแม่ทำไว้ให้แล้ว
เพื่อล่้างหน้าลูกชายคนเดียวได้หมดแน่นอน
ที่แม่ทำไป
เช่นสร้างเสาโบสถ์ให้หนึ่งต้น
งานนี้มีน้อยคนทำถวายวัดแต่แม่ทำ


เงินจากการขายที่นาของแม่เองมา
แม่เอาส่วนหนึ่งไปช่วยสร้างโบสถ์วัด

เจตนาของแม่คือ
ผมจะได้ไม่น้อยหน้าเพื่อน
แม้

ผมจะกลับมาจนตามเคย
เหมือนอย่างอดีตที่ผมมีเป็น


ผมก็ยังเดินเล่นได้ด้วยเท้าเปล่า
ทื่บ้านอานองเตนี้
ชนิดหมาหางยาวไม่กล้าเห่าเมื่อเห็นผม
เดินตามข้างถนน

แมวหลายตัวจำผมได้
และสวัสดีขอปลาทูกินกับผม
เป็นไปได้

ขณะที่เพื่อนบ้านอานอเต
ทุกคนรวยขนาดลืมเกวียนควายเทียม จักรยานถีบ
ใช้รถเก่งสี่ประตูกันทั้งหมดแล้วอย่างน่าตกใจ


ที่จนเดินเท้าก็ถูกฟูมฟักด้วยนายทุนใหม่
ที่เติบโตขึ้นมาขึ้นไปอย่างอิ่มหนำสำราญ
ขณะที่ผมและบ้านอานองเต
คือผมนั้นเหมือนดิ่งลงสู่เหวลึกแห่งความจน


เอาละเป็นอันว่า
ที่ผมไม่ต้อง
คอยระวังเรื่องปัญหาชนชั้น
อีกต่อไป
ผมคงมีเสรีอีกชนิหนึ่งเกิดขึ้นมา
มันเป็นเสรีภาพในตัวมันเอง
ผมครุ่นคิด



สรุป
ผมในฐานะเป็นพระเอกในเรื่องอานองเตนี้
ไม่มีปัญหาเรื่องชนชั้น
เมื่อกลับมาใช้ชีวิต
ที่บ้านอานองเตนี้อีก
ในบ้านอานอเตดังกล่าว

แต่มีคำถามตามมาว่า
ผมจะรอดตายจากการดิ้นรนต่อสู่และมีชีวิตรอดหรือไม่
คำตอบคือไม่มี


เพราะคนเราเมื่อถึงเวลาก็ต้องละสังขาร
เหลือไว้แต่อดีตและความทรงจำเท่านั้นที่สถิตมั่น



และผมก็ถือโอกาสใช้บ้านอานองเตเป็นสัญลักษณ์
ในการสืบทอดนี้
คิดว่าคงจะไม่เป็นไร

ขออภัยผม
ใส่เรื่องหมวดในบล็อกกระโดดไปกระโดดมา
เพราะบางครั้ง
ผมรู้สึกว่า
เรื่องอานองเตที่ผมเขียนขึ้นนั้น
มันเป็นบันทึกประจำวัน


บางครั้งเป็นละคร
และบางครั้งเป็นเรื่องจริง
บางครั้งเป็นงานอดิเรก



และจนไม่รู้ว่าจะใส่ว่ามาในหมวดอะไรดี

และแต่ผมสัญญากับตนเองว่า
เมื่อมีสนามอยู่ภาษาที่ใช้สื่อนั้นฟังรู้เรื่อง
ก็จะทำมันต่อไป
จนไม่มีวันข้างหน้า
มาสั่งให้หยุดทำ



แต่งานเขียนบ้านอานองเต
นั้นมาจากความเหน็ดเหนื่ยเมื่อยล้าของผมจริงๆ
ไม่ได้ขโมยใครมาทำให้อ่านแต่อย่างใด

บางครั้งมันเป็นลำนำ
เป็นวรรณกรรม
ผมคิดว่าอย่งนั้น

จนไม่รู้ว่าตนเองเขียนในหมวดอะไร

ยากต่อการติดตามและปะติดปะตอ
ผมขออภัยแต่ผมได้แนะไว้แล้วว่า
วิธีติดตามผมอย่างไร

ตามที่สื่อตั้งโตะไว้แล้ว

เพื่อการติดตาม
ในบทก่อนๆ

อย่งไงก็ตามบทนั้น
ผมจะเรียงกันไปเรื่อยตามบล็อกที่เกิดให้ผมทำ
สนามที่ให้ผมประลอง
เรียงตัวเลขมีอักษรเจขึ้นต้นเป็นสำคัญ


ผมสบายใจกับงานที่ทำ
และผมก็เป็นพระเอกของเรื่องนี้ต่อไป
จนกว่าจะหมดเรื่อง
จบลง


ผมจำได้ว่า
เคยแสดงหนังจริงหนึ่งเรื่องเป็นตัวประกอบเชียร์ย์มวยเขาเรียกอย่างนั้น


แว่บเดียวได้ ห้าร้อยบาทค่าขนม
นานมาแล้ว
จำได้ว่าต้องดมกลิ่นธูปไหว้พระจนน้ำตาไหล
เอเยนต์ชื่อว่า ฟาโรห์เป็นตัวแทนพาผมไปแสดง


หนังเรื่อง
เชือดนิ่มๆภาคสอง

ผมพอใจแต่
ครั้งเดียวแล้ว
ผมก็ไม่มีเวลาอีกเลย
นับแต่บัดนั้น



ผมขอสารภาพว่า
ผมชอบท่านเซอร์ชาลี นักแสดงตัวยงคนหนึ่งของโลก







ที่ผมชอบดูและติดใจคลายเครียดได้ดีเยี่ยม

ผมคิดว่า
ท่านแสดงได้ดีมากเป็นความเห็น

ดูแล้วแม้เพียงบทธรรทมดาเท่านั้น
คือมีหนวดแบบฮิตเล่อร์
และใส่ชุดนอก

แต่ว่าเครื่องหนังฉาย
ที่่มันไม่ทันสมัยสมัยนั้น
เครื่องฉายหมายถึง
ทำให้แบบฉายเร็วได้อย่างเดียว
จนทำให้พระเอกเป็นการ์ตูนเลย
นี่คือที่ผมเข้าใจ

ผมขอหยุดพักครึ่งทางหรือกลางทาง
เพื่อฟังเพลงก่อน
จะได้หายเหนื่อยและเครียดและเกร็งและระวัง
ตนเอง
ไม่อยากให้อารมณ์เหล่านั้นมาแทรกในเรื่องบ้านอานองที่ผม
เขียนเป็นพระเอกอยู่นี้
โดยประการทั้งปวง


เพลง
Liszt: Faust Symphony
Antonín Dvořák - Requiem





Create Date : 09 ตุลาคม 2560
Last Update : 9 ตุลาคม 2560 23:09:53 น.
Counter : 606 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3538694
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



จึงจือหยาง
(jjy)
จบไฮสกูล
ได้ปริญญาสองใบในไทย เคยเป็นนักเรียนเก่าในอังกฤษและฝรั่งเศส
สอบได้ Dip-in-JourจากLondon School of Journalism,MIOJ.ในประเทศอังกฤษ
สอบได้นักวาด ว.อ.(แนวนามธรรม)...
เป็นสมาชิกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย..มีสัญชาติไทย (แซ่แต้) พ่อมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
New Comments
MY VIP Friends