In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
วงล้อแห่งความสำเร็จ(1)

มีองค์ประกอบสามอย่างที่สร้างสิ่งที่ผมเรียกว่า “วงล้อแห่งความสำเร็จ” เราลองมาอธิบายในแง่ของการลงทุน สิ่งแรกที่เราจะพูดถึง คือ “เนื้อหา” ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลของตลาดทั้งภายในและภายนอกที่มีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนของนักลงทุน นักลงทุนทุกคนต้องซื้อข้อมูลที่มีศักยภาพเพื่อการตัดสินใจในการลงทุน(หมายถึงข้อมูลที่ ถูกต้องและถูกเวลา ทันเหตุการณ์)

ประเภทที่สำคัญที่สุดของข้อมูล คือ ข้อมูลภายในของตลาด(ไม่ใช่ข้อมูลภายในน้า) แต่หมายถึงข้อมูลของหุ้นเอง คือ ราคาและเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปตามแรงซื้อขาย และเราตัดสินใจซื้อขายในปัจจุบันจากข้อมูลของเวลาและราคา การที่จะ”จับ”ตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องการข้อมูลด้านเวลาและราคาที่รวดเร็วและถูกต้องที่สุดในหน้าจอเทรดของเรา ผ่านโปรแกรมและระบบที่ไว้วางใจได้ หากไม่มีข้อมูลเวลาและราคาที่ถูกต้อง รวดเร็ว และเชื่อถือได้ เราก็เหมือนตัดสินใจในความมืด(บอด)

อย่างที่สอง คือ เครื่องมือ หรือวิธีการที่เราจะตัดสินใจซื้อ/ขาย เราต้องเข้าใจระบบหรือวิธีการในการซื้อขายของเราอย่างถ่องแท้ก่อนที่เราจะสามารถประสบความสำเร็จได้ในฐานะเทรดเดอร์ ความผิดพลาดในพื้นฐานของแนวคิดอาจจะทำให้เทรดเดอร์ขาดทุนได้มาก จนอาจจะล้มละลายได้ในวันเดียวจากความผิดพลาดนั้น

เมื่อเรากลายเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในวิธีการซื้อขายของเราแล้วมันก็เหมือนกับการขี่รถจักรยานยนต์ การตัดสินใจของเราจะเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเทรดแบบ “จับ” ภาวะของตลาด เราจะสามารถเคาะซื้อหรือขายได้ก่อนคู่แข่งของเรา จำไว้ว่า”คนที่เร็วกว่าคือคนที่อยู่รอด”

สิ่งที่สาม และ “สำคัญที่สุด” ของวงล้อแห่งความสำเร็จ คือ “วินัย” ถ้าเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จในฐานะเทรดเดอร์ คูรจะต้องมีวินัยตลอดเวลา ทุกวัน ทุกการซื้อขาย
ในกฏทั้ง25ข้อข้างล่างเกี่ยวกับวินัยในการลงทุนนี้ เราต้องนำเอาไปฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ตลอดเวลา เทรดเดอร์ที่อยู่ภายต้ำความควบคุมของผมและลูกค้าของผมหลายคนอ่านกฏเหล่านี้ทุกวันก่อนที่เค้าจะเริ่มทำการซื้อขายในวันนั้น มันใช้เวลาไม่เกินสามนาทีหรอกในการอ่านกฏทั้ง 25 ข้อนี้ คิดถึงการฝึกฝนตลอดเวลา เตือนตัวเองที่จะระลึกถึงกฏเหล่านี้ตลอดเวลาที่เราทำการซื้อขาย

1) ตลาดสั่งให้เรามีวินัย
การซื้อขายอย่างมีวินัยจะทำให้เราได้เงินเข้ามาในกระเป๋ามากกว่าที่จะส่งมันออกไป ความจริงที่แน่นอนอย่างหนึ่งของตลาดหุ้นก็คือ วินัย=กำไร

2) มีวินัยทุกๆวัน ในทุกๆการซื้อขาย และตลาดจะให้รางวัลกับเรา แต่อย่าบอกว่าตัวคุณเองมีวินัยแล้ว ถ้ายังทำไม่ได้ทุกครั้ง
การมีวินัยในการซื้อขายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำในบางครั้งเท่านั้น ก็เหมือนกับการที่เรามีพฤติกรรมที่ไม่ดีอย่างการสูบบุหรี่ ถ้าเราบอกว่าเราเลิกบุหรี่แล้วมีแค่สูบนิดๆหน่อยๆบางเวลา อย่างนั้นไม่เรียกว่าเราได้เลิกบุหรี่แล้วจริงๆหรอก และเช่นกันถ้าเราซื้อขายอย่างมีวินัยทุกๆ9ใน10ครั้ง เราก็อย่าเพิ่งบอกใครๆเขาว่าเราเป็นนักลงทุนที่มีวินัยเลยครับ และการซื้อขายที่ไร้วินัยครั้งเดียวของเรานี่แหละที่จะทำลายผลตอบแทนดีๆทั้งเก้าครั้งที่ผ่านมาของเรา (ชอบนักล่ะกำไรนิดหน่อยรีบขาย ขาดทุนหนักๆเก็บไว้เนี่ย) การมีวินัยต้องมีในทุกๆครั้งของการซื้อขาย
ตอนที่ผมบอกว่าตลาดจะให้รางวัลเราโดยปกติแล้วผมหมายถึงเราจะเสียหายน้อยๆในการซื้อขายที่ผิดพลาด มากกว่าที่จะติดดอยตลอดช่วงฤดูหนาว(อันแสนหนาวเหน็บ) เช่นผมอาจจะเสีย2,000บาทแทนที่จะเสีย10,000บาทถ้าผมไม่ยอมขายตัดขาดทุนโดยเร็ว ดังนั้นคงไม่ผิดถ้าผมจะพูดว่าผมได้เงินเพิ่ม8,000จากการที่ผมขายหุ้นแย่ๆออกไป

3) ซื้อขายให้น้อยลงถ้าช่วงนั้นเราทำผลงานได้ไม่ดี
เทรดเดอร์ที่ดีทุกคนต้องทำตามกฏข้อนี้ครับ ทำไมจะต้องขาดทุนมากขึ้นด้วยการทู่ซี้ขาดทุนละ 50,000 หุ้นต่อไป ทั้งๆที่เราสามารถประหยัด(การขาดทุน)ไปได้มากมายหากลดการซื้อขายของเราให้อยู่เพียงแค่10,000หุ้นต่อครั้งแทน ถ้าผมขาดทุนจากการซื้อขายสองครั้งติดๆกันผมจะลดจำนวนการซื้อขายสู่ระดับที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้
มันก็เหมือนนักเบสบอลที่ตีลูกพลาดไปแล้วสองครั้ง สิ่งที่เค้าจะทำในครั้งที่สามคือเค้าจะเหวี่ยงไม้สั้นๆเอาแค่ให้โดนลูกก็พอ ในการลงทุนก็เช่นกันลดจำนวนการซื้อขายของเรา ทำกำไรช่องสองช่องให้มีกำลังใจ หรือเอาว่าเสมอตัวก็พอได้ แล้วค่อยเพิ่มจำนวนการซื้อขายหลังจากเอาชนะได้แล้วสองครั้งติดๆกัน

4) อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน
คนส่วนใหญ่ชื่นชอบเหลือเกินที่จะละเมิดกฏข้อนี้ แต่อย่างไรก็ตามมันควรจะเป็นเป้าหมายอันยิ่งยวดที่เราจะต้องปฏิบัติตามให้ได้นะครับ สิ่งที่เราพูดถึงในตอนนี้ซึ่งสำคัญมากๆเลยนการลงทุนคือเรื่องของความโลภ ตลาดให้ผลตอบแทนเราหากว่ามันเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับการลงทุนของเรา แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่เคยพอใจในผลตอบแทนของเราเลย ดังนั้นแล้วเราก็จะถือต่อไป”ด้วยความหวังที่มิอาจเป็นจริง” เพื่ออะไร เพื่อที่จะรอว่าวันนึงตลาดกลับตัวจากแนวโน้มเดิมของมัน และแน่นอนในฝั่งตรงข้ามกับเรา และพอมันเป็นแบบนั้นเราก็จะละล้าละลัง ขายดีไม่ขายดีว้า ถึงที่สุดเราจะทำอะไรไม่ถูก และเป็นเหมือนกับคนส่วนใหญ่ คือ ล่องจุ๊น

มันอย่าไปโลภหรือกลัวเลยครับ คิดซะว่ามันก็ค่าการซื้อเข้ามาครั้งเดียว เราซื้อขายกี่ครั้งในหนึ่งวัน กี่ครั้งในหนึ่งเดือน แล้วจะเอาอะไรมากมายกับการซื้อขายเพียงแค่ครั้งเดียว(ฮะ) โอกาสน่ะมันมีทั้งวันนั่นแหละ ดังงนั้นนะครับท่องไว้เลยว่า การเทรดครั้งเดียวเนี่ยมันไม่ได้ทำให้เราประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้หรอก

5) การขาดทุนที่ใหญ่ยิ่ง อย่าให้มากกว่ากำไรที่ยิ่งใหญ่
เก็บประวัติการเทรดของเราไว้อย่างสม่ำเสมอ(หลายคนอยากเป็นนักลงทุนมืออาชีพ แต่ดันทำตัวแบบมือสมัครเล่น) เราจะต้องทำให้แน่ใจว่าการขาดทุนที่หนักที่สุดของเราจะไม่มากไปกว่ากำไรที่มากที่สุดของเราในรอบนั้นๆ(รอบการเทรด เช่น สรุปรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน) จำไว้ว่ากฏค่าเฉลี่ยคือ ทุกสิบครั้งเราจะทำกำไรใหญ่ๆได้1-2ครั้ง ขาดทุนหนักๆ1-2ครั้ง และ 6-8ครั้งที่จะทำกำไรและขาดทุนถัวๆกันไป ดังนั้นเราจะทำกำไรได้ยังไงถ้าเราปล่อยให้การขาดทุนหนักๆมากเกินไป

6) พัฒนาระบบน่ะใช่ แต่อย่าเปลี่ยนมันทุกวัน
เราจะต้องเขียนวิธีการในการตัดสินใจของเราออกมา(ถ้าเราอธิบายไม่ได้แปลว่าเรายังเข้าใจมันไม่ถ่องแท้) แล้วจากนั้นก็เทรดตามสิ่งที่เราเขียนมันออกมานั่นแหละ ผมไม่สนในนะว่าจะเขียนอะไรออกมา 6 ผมไม่สนใจหรอกว่าจะใช้วิธีการแบบไหน(เดี๋ยวก็บอกว่าโยนหัวก้อยซะหรอก อิอิ) แต่ผมต้องการให้เราตั้งกฏไว้ อะไรก็ตาม ลักษณะตลาด หรือรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา ว่าถ้าเป็นแบบไหนแล้วเราจะทำยังไงกับมัน เราต้องมีกลยุทธ์ในการเข้าออกนะครับ

ถ้าเรามีวิธีการที่แน่นอนในการเทรดแล้ว แต่อาจจะรู้สึกว่าวันนี้หรือช่วงนี้มันไม่ค่อยได้ผลเลย อย่าเพิ่งกลับบ้านไปร้องไห้แล้วแก้กฏที่ตั้งไว้นะครับ ถ้ากฏคุณถูกแค่1ใน3ของการซื้อขายทั้งหมด แค่นั้นก็ทำกำไรได้แล้ว
ขอบฟ้า: สังเกตุนะครับว่าผู้เขียนเน้นที่เรื่องของการบริหารเงินและวินัยเป็นอย่างมาก เท่าที่ผมศึกษานักลงทุนมืออาชีพต่างๆเค้าก็ไม่ได้ซื้อหุ้นถูกต้องทั้ง100% เพียงแต่ครั้งไหนที่เข้าถูกเค้าจะปล่อยยาวเลย(หุ้นขึ้นต้องมีเรา) แต่ถ้าหุ้นตกเค้าจะออกเร็วมาก(หุ้นลงมีเราตลอดทางน่าเศร้านัก) ดังนั้นวิธีการก็สำคัญครับ แต่การบริหารเงินและวินัยสำคัญมากกว่าเท่านั้นเอง จึงเป็นที่มาว่าทำไมโอกาสชนะแค่1ใน3ก็ถือว่าดีแล้ว

ในขณะที่เซียนล่องจุ๊นบ้านเราอยากชนะ100ทั้ง100

7) ถ้าเป็นคนอื่นไม่ได้ ก็เป็นตัวของตัวเองซะ
ตลอดชีวิตนักลงทุนของผม ผมไม่เคยเทรดเกิน50สัญญาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แน่นอนว่าผมก็อยากเทรดให้เหมือนเพื่อนร่วมงานของผมที่เทรดทีละ100-200สัญญา แต่ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์และภาวะทางจิตได้ดีพอที่จะทำแบบนั้น ผมสามารถเทรดด้วยความรู้สึกสบายใจที่คราวละ10-20สัญญา โดยปกติถ้าผมเทรดมากเกิน20สัญญาขึ้นไปผมจะทำได้ไม่ดีเพราะผมไม่สามารถทนความกดดันจากการซื้อขายมากขนาดนั้นได้ ผลการเทรดมักจะออกมาไม่ดีเพราะผมไม่สามารถใช้ความสามารถออกมาเท่าที่ผมเทรดแค่คราวละ10สัญญาได้

พยายามค้นหาขนาดที่พอเหมาะพอสมกับเรา “เป็น อย่างที่เราเป็น”

8) คุณต้องพร้อมที่จะกลับมาในวันรุ่งขึ้นเสมอ
อย่าอมหุ้นที่ขาดทุนไว้จนแก้มตุ่ย เพราะเดี๋ยวมันจะอ้วก ความรู้สึกที่แย่ที่สุดในโลกแห่งการเทรด คือการที่อยากจะเข้าไปแจมกับชาวบ้านแต่ดั๊นอมหุ้นเน่าไว้จนแก้มตุ่ยแล้วนี่สิ

ผมกำหนดให้นักเรียนของผมจำกัดส่วนที่จะขาดทุนได้ในหนึ่งวัน ตัวอย่างเช่น ในหนึ่งวันห้ามขาดทุนเกิน5,000บาท ถ้าวันไหนที่ขาดทุนถึง5,000บาทสิ่งที่ต้องทำก็คือ ปิดคอม แล้วไปหาอะไรอย่างอื่นทำซะ เพราะเราสามารถกลับมาเทรดได้ใหม่ในวันรุ่งขึ้นที่เราสบายใจมากกว่านี้

9) เทรดให้ได้ เทรดให้ดี เพื่อเทรดให้ใหญ่ขึ้น
คนส่วนใหญ่คิดว่าเมื่อเขามีเงิน1,000,000บาทเขาก็สามารถซื้อปตทได้30,000หุ้น ตรงนี้อาจจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เพราะถ้าคุณเทรดแค่100หุ้นยังขาดทุน แล้วจะเอาอะไรมาการันตีว่าเทรด30,000หุ้นแล้วจะได้กำไร
ผมบอกนักเรียนของผมว่าถ้าเค้าเทรด100หุ้นให้ได้กำไรสิบวันติดต่อกันให้ได้ นั่นแหละถึงจะแสดงว่าเค้ามีความสามารถมากพอที่จะเทรดได้200หุ้นในช่วงต่อไป

สิ่งที่ควรระลึกเสมอ: ถ้าเราเทรดครั้งละ200หุ้นได้ยังไม่ดี ก็ลดลงไปเหลือครั้งละ100ก่อนนะจ๊ะ

10) ขายมันทิ้งซะ!!!
เราไม่ได้เป็น”ไอ้ขี้แพ้”ถ้าเราขาดทุนจากการซื้อขาย แต่เราจะเป็น”ไอ้ขี้แพ้”ก็ต่อเมื่อเราไม่ขายหุ้นที่ขาดทุนที่ดูยังไงก็ฟื้นขึ้นมาไม่ได้ มันน่าประหลาดใจมากว่าหลายครั้งลางสังหรณ์ของเราก็ถูกต้อง ถ้าคุณคิดว่าหุ้นตัวนี้ “อาจจะแย่” นั่นอาจหมายถึงเวลาที่เราควรจะขายแล้ว

เป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนจะขาดทุน ในการลงทุนช่วงหนึ่งนักลงทุนอาจจะขาดทุน1ใน3 เสมอตัว1ใน3และทำกำไรได้1ใน3เช่นกัน ผมขายขาดทุนเร็วมาก มันเลยทำให้ผมขาดทุนนิดๆหน่อยๆ ดังนั้นต่อให้ผมจะขาดทุนและเสมอตัวถึง2ใน3ของการเทรด แต่ผมก็ยังได้กำไรในท้ายที่สุด

(@_@)


Create Date : 25 ธันวาคม 2553
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 14:30:28 น. 1 comments
Counter : 1432 Pageviews.

 


โดย: deeplove วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:22:04:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.