In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
คลี่กลยุทธ์การลงทุนแบบฉบับ 'Hedge Fund'(1)

จาก คอลัมภ์Fundamental ฟนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ประจำวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ.2551

“กองทุนป้องกันความเสี่ยง” หรือ “Hedge Fund” กลายเป็นจำเลยของสังคมโลก ในฐานะที่เป็นตัวการที่ก่อให้เกิดความสั่นคลอนทางการเงินในตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดน้ำมัน ตลาดทองคำ ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

เพราะ Hedge Fund เป็นตัวที่ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนในลักษณะที่รุนแรงและรวดเร็วมาก แม้แต่ความปั่นป่วนของตลาดเงินตลาดทุนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หลายคนก็ยังเชื่อว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก Hedge Fund เช่นเดียวกัน

“กองทุนป้องกันความเสี่ยง (Hedge Fund)” ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนทางเลือกที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นตามลำดับ ดังจะเห็นได้จากการเติบโตของกองทุนประเภทนี้ที่มาอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของพบว่า Hedge Fund มีจำนวนกองทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดโดยในปี 1990 มี 610 กองทุน เพิ่มเป็น 10,096 กองทุน และ 10,173 กองทุน ในปี 2007 และไตรมาสที่ 1/2008 ตามลำดับ เช่นเดียวกับขนาดสินทรัพย์สุทธิของ Hedge Fund ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 1990 ที่มีสินทรัพย์สุทธิประมาณ 38,910 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 1.87 ล้านล้านดอลลาร์ และ 1.88 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2007 และไตรมาสที่ 1/2008 ตามลำดับ และเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะจดทะเบียนอยู่ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะมี Hedge Fund ที่จดทะเบียนนอกสหรัฐเป็นจำนวนมาก แต่กลับเข้าไปซื้อขายในสหรัฐประมาณ 3 ใน 4 เพราะตลาดสหรัฐมีขนาดใหญ่และลึก

“โดยความนิยมในการลงทุนผ่าน Hedge Fund ในฐานะของการลงทุนทางเลือกสะท้อนผ่านเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าไปลงทุนใน Hedge Fund ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 1991 ที่มีเม็ดเงินไหลเข้า Hedge Fund ประมาณ 8,463 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 194,515 ล้านดอลลาร์ และ 16,421 ล้านดอลลาร์ ในปี 2007 และไตรมาสที่ 1/2008 ตามลำดับ”

ทั้งนี้ จะเห็นว่าแม้จะเกิดปัญหาซับไพร์มขึ้นในสหรัฐแต่เม็ดเงินที่ไหลเข้า Hedge Fund ยังคงมีต่อเนื่อง ในไตรมาสที่ 1/2008 ที่ผ่านมา อะไรคือเสน่ห์ของ Hedge Fund เราลองมาฟังผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่สนใจศึกษาเรื่องราวของ Hedge Fund อย่างจริงจังกัน

@Hedge Fund คืออะไร
“โชติกา สวนานนท์” กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย อธิบายให้ฟังว่า Hedge Fund ไม่มีนิยามที่ชัดเจน แต่ส่วนตัวมองว่า Hedge Fund หมายถึงพอร์ตการลงทุนส่วนบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ปกติจัดตั้งขึ้นในรูปแบบของห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งช่วงหลังตั้งขึ้นมาในรูปของบริษัทจำกัดหรือบริษัทการลงทุนซึ่งแตกต่างจากกองทุนรวมธรรมดาที่จะอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ที่กำกับดูแลการลงทุนภายใต้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่ Hedge Fund ตั้งเป็นบริษัทจำกัดเลยจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์เป็นบริษัทธรรมดา และเปิดให้ลงทุนเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ที่รู้เรื่องการลงทุน เป็นอย่างดี

จุดเด่นอีกอย่างของ Hedge Fund คือจะคิดค่าบริหารจัดการโดยอิงกับผลการดำเนินงาน แต่ในส่วนของการคิดค่าธรรมเนียมจากสินทรัพย์สุทธินั้นก็มีแต่จะใช้สำหรับการบริหารจัดการงานทั่วไป แต่ผู้จัดการกองทุนจริงๆ จะคิดผลตอบแทนจากส่วนแบ่งกำไรในอัตราตั้งแต่ 20-30% แต่จะต้องทำกำไรให้ถึงจุดหนึ่งก่อนถึงจะมีส่วนแบ่งในกำไรได้

นอกจากนี้ถ้ามีขาดทุนสะสมจะต้องล้างขาดทุนสะสมก่อน แล้วต้องทำกำไรให้ได้ถึงจุดที่กำหนดก่อนถึงจะมีส่วนแบ่งในผลกำไรออกไป ซึ่งเป็นเรื่องที่คิดว่ายุติธรรมสำหรับ Hedge Fund ซึ่งส่วนแบ่งผลตอบแทน 20-30% นี้จะเป็นเครื่องจูงใจที่จะทำให้ผู้จัดการกองทุนทำงาน

“จุดที่ Hedge Fund ต่างจากกองทุนรวมธรรมดาคือผู้จัดการกองทุน Hedge Fund จะเป็นหุ้นส่วนใหญ่โดยเขาจะลงเงินทุนของตัวเองลงไปด้วยซึ่งส่วนใหญ่จะลงเยอะกว่าคนอื่นด้วย โดยจะใช้กลยุทธ์การลงทุนและเครื่องมือทางการเงินทุกรูปแบบเพื่อให้ได้มาซึ่งผลกำไรที่เป็นบวก (Positive Return) คือต้องได้กำไรที่เป็นบวกเสมอโดยไม่สนใจภาวะตลาด นี่คือจุดเด่นของ Hedge Fund”

@เครื่องมือและแนวคิดที่สำคัญ

โชติกา บอกว่า เครื่องมือในการลงทุนที่สำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของเฮดจ์ฟันด์จะมีอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ “การขายชอร์ต (Short-selling)” และ “การก่อหนี้ในรูปแบบต่างๆ (Leverage)” เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับการลงทุน สำหรับการ Short-Selling เป็นที่นิยมใช้กันในกลุ่มนักลงทุน Hedge Fund มาก เพราะ ใช้เงินลงทุนตัวเองน้อยทำให้ได้กำไรสูง ตัวอย่าง มีเงิน 100 บาท ไปเปิดบัญชีมาร์จิน (Margin) แค่ 50 บาท

สมมติหุ้นลงจริงไปซื้อหุ้นไว้ 10 หุ้นๆ ละ 10 บาท หุ้นลงมาเหลือ 5 บาท กำไร 50 บาท เงินลงทุน 50 บาท กำไร 100% ซึ่งเป็นการต่อยอดได้อย่างมากสำหรับนักลงทุนพวก Hedge Fund แต่ Hedge Fund ส่วนใหญ่จะไม่ Short ข้างเดียว แต่จะ Long-Short ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งของ Hedge fund ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนการก่อหนี้ (Leverage) เป็นอีกเครื่องมือที่ Hedge Fund เข้าไปใช้ ความหมายง่ายๆ คือเงินลงทุนหรือสินทรัพย์ที่ลงทุนเป็นกี่เท่าของเงินทุนในกระเป๋าจัดเป็นรูปแบบที่มีความเสี่ยงสูงมากเพราะทำให้อัตราผลตอบแทนไม่ว่าจะเป็นกำไรหรือขาดทุนสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ การ Short-Selling เป็นส่วนหนึ่งของ Leverage เพราะเป็นการเปิดบัญชีมาร์จิน

ตัวอย่างง่ายๆ มีเงิน 100 บาทเอา 50 บาท ไปวาง Long ได้ 100 บาท เอาอีก 50 บาทไปวาง Sort ได้อีก 100 บาท เป็น 200 บาท จากเงินลงทุนเพียง 100 บาท เท่านั้น “การ Leverage ของ Hedge Fund มีตั้งแต่ต่ำสุดเพียง 2 เท่าของเงินทุน จนไปถึงระดับ 30 เท่า ก็มี

อย่างกรณีของ LTCM ที่ลงทุนแต่พันธบัตรไม่ลงทุนในหุ้นในวันที่เจ๊ง leverage 30 เท่า ผู้ถือหน่วยควักมาให้ 100 บาท กองทุนเอาไปลงทุนในสินทรัพย์ได้ถึง 3,000 บาท โดยการ Leverage สามารถทำได้โดยการก่อหนี้ การกู้ยืม การก่อภาระผูกพัน การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ หรือการจัดการทางการเงินอื่นใดเพื่อทำให้มูลค่าการลงทุนรวมมีจำนวนสูงกว่าเงินลงทุนจริงที่มีอยู่ Leverage จึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการ Short-Selling”

"อีกส่วนที่สำคัญของ Hedge Fund คือแนวคิดในการค้าส่วนต่างกำไร (Arbitrage) เพื่อทำกำไรโดยไม่มีความเสี่ยงของตลาด ตลาดจะขึ้นหรือจะลงไม่สนใจจะทำกำไร โดยแนวคิดง่ายๆ ของการทำ Arbitrage เกิดขึ้นเมื่อมีการบิดเบือนของราคาสินค้าเกิดขึ้น สินค้า 1 อย่างเทรดอยู่ 2 ตลาดเมื่อนั้น Hedge Fund ชอบ เพราะเมื่อไรสินค้าตัวเดียวมีการซื้อขายอยู่ใน 2 ตลาด มีโอกาสที่จะมีความบิดเบือนของราคาสูง"




Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2552 19:15:22 น. 0 comments
Counter : 1052 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.