In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
บันไดกี่ขั้นสู่ความมั่งคั่งทางการเงิน – ขั้นแรก เก็บเงิน10%ทุกเดือน(2)

ลดรายจ่ายวิธีที่สาม จ่ายน้อยจ่ายง่าย

ผมโชคดีที่ได้มีโอกาสจัดอบรมและบรรยายด้านการเงิน ทำให้ผมได้พบกับบุคคลหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพนักงานออฟฟิศแบบเราๆท่านๆนี่แหละครับ และคำถามส่วนใหญ่ที่ได้รับก็คือ “ไม่ได้ใช้เงินเลย แต่ไม่รู้หายไปไหนหมด ไม่มีเงินเก็บ” อืมเงินมันเป็นสสารแล้วเราก็เคยเรียนมาสมัยเด็กๆว่าสสารไม่มีทางหายไปจากโลก มันทำได้แค่เปลี่ยนสภาพจากสถานะหนึ่งไปสู่อีกสถานะหนึ่งเท่านั้น ”แล้วเงินหายไปไหน”

จากการนั่งคุยกันไม่เกิน 10 นาทีโฮล์มก็ไขปริศนาของคดีฆาตกรรม เอ้ยคดีปล้นทรัพย์(จากกระเป๋าเราๆท่านๆ)ได้ทั้งหมด สรุปได้ว่า(ส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆ)ชาวออฟฟิศทำเงินหล่นตามรายทางดังนี้ครับ เริ่มด้วยการไปกินข้ามกินน้ำตามปกติ อาจจะบอกค่าขนมนมเนยไปอีกนิดหน่อย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเต็นท์ที่ท่านไปอิงอาศัยว่าระดับราคาจะเป็นเท่าไหร่ แต่คดีจะเริ่มจากตรงนี้ครับ ระหว่างทางเดินกลับออฟฟิศ เอเอาผลไม้กลับขึ้นไปกินด้วยดีกว่า ตีว่า 20 เออซื้อขนมไปกินด้วยนะ ตีว่า 20 เดินๆไปอุ้ยต่างหูคู่ละ 20 บาทสามคู่ 50 เพื่อความคุ้มจัดมา3คู่ ถ้าวันไหนมีรองเท้า มีเสื้อ สนนราคา199-299 บาทต่อชิ้น รวมเบ็ดเสร็จสนนราคา 20+20+50=90 บาท เหมารวมๆ 100บาทต่อหนึ่งพักกลางวันไปแล้ว นี่ถ้าวันไหนมีเสื้อหรือรองเท้าติดมือกลับมา วันนั้นจ่ายแบ็งค์ม่วงเหลือแบ็งค์แดง ถ้าเราเอามารวมตีว่าทำงาน 20 วัน 20*100=2,000 บาทต่อเดือนเข้าไปแล้ว และจะมากกว่านี้ถ้ามีเสื้อหรือรองเท้าอย่างที่บอก

ทีนี้ลองคิดดูนะครับว่าเงินเราหล่นไปตามรายทางแบบนี้บ้างหรือเปล่า หลายคนบ่นว่าทำงานเงินเดือนก็ไม่ได้น้อย ค่าใช้จ่ายก็ไม่มี ทำไมไม่มีเงินเก็บก็ไม่รู้ นี่แหละครับเงินมันเสียไปทีละน้อยๆเราไม่ได้คิด แต่พอเอามารวมกันก็เยอะพอดู นี่แหละทำไมถึงแนะนำกันว่าควรจะทำบัญชี เพราะว่าบัญชีจะทำให้เราเห็นค่าใช้จ่ายในเงามืดที่เราเข็มขัดสั้นได้ครับ


ลดรายจ่ายวิธีที่สี่ ไม่สร้างหนี้ไม่มีฐานะ

โดยปกติแล้วผมจะแนะนำให้คนรู้จักทำบัตรเครดิตหนึ่งใบเมื่อสามารถทำได้ เพื่อไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเพื่อยืดวันใช้เงิน(สดๆจากกระเป๋าเรา)ออกไป แต่คนทำงานโดยส่วนใหญ่พอมีความสามารถ(ไม่ต้องมีโล่ด้วย-ฮา)ที่จะก่อหนี้ ก็ละเลยวินัยในการบริหารเงินไปทันที ยิ่งคนที่มีรายได้อย่างที่ผมนำมายกตัวอย่างยิ่งใช้เรื่องรายได้น้อย(ตรงไหนเนี่ย ราชการเค้าเริ่มที่7,000บาทยังอยู่กันได้)เป็นข้ออ้างในการก่อนหนี้

โดยปกติชนชั้นแรงงาน(ใช้แรงแลกเงิน)อย่างเราๆท่านๆก็จะมีบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ซึ่งดอกเบี้ยก็แพงมหาโหดอยู่แล้ว (ตอนฝากได้ร้อยละบาทแต่ตอนใช้บัตรจ่ายร้อยละ20 สาธุ) บางคนยังถอยรถแมงกะไซบ้าง รถยนตร์บ้าง ”ตามศักดิ์ฐานะที่ตัวเองคิดว่าควรจะมี(คิดไปเองทั้งน้าน) บางคนบอกว่าไม่อยากเช่าหอนะ เพราะจ่ายเงินแพงแถมไม่ได้เป็นของเรา ซื้อคอนโดเล็กๆดีกว่า ถ้าเลิกงานก็ปล่อยเช่าได้ด้วย แหมคิดดีอนาคตไกล ทั้งๆที่วางแผนว่าจะทำงานแค่สองปีแต่มีภาระผ่อนคอนโด30ปี ไอ้ครั้นจะปล่อยเช่าก็สภาพห้องไม่ดี(เริ่มทำงานเลยซื้อได้แค่นี้) ปล่อยราคาต่ำผู้เช่าก็ค่อนข้างแย่ ไปๆมาๆแทนที่จะเพิ่มค่าทรัพย์สินมีมูลค่าลดลงซะงั้น

คนส่วนใหญ่คิด(เองเออเองทั้งนั้น – ฮา) ว่าเมื่อรายได้เพิ่มขึ้นคงจะปลดภาระตรงนี้ไปได้ แต่พอมีรายได้เพิ่มเหตุผมเดิมๆก็จะตามมาคือ “มีภาระเพิ่มขึ้น”(ยังกะกฏตายตัว) แล้วไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหลายคนตกกับดักหนี้สินก็อีตอนนี้แหละ มีบัตรเครดิตเยอะๆ บัตรกดเงินสดเยอะๆ พอบัตรนี้เต็มก็ไปกดบัตรนั้น บัตรนั้นเต็มก็ไปสมัครเพิ่ม ถ้าหาเงินมาจ่ายขั้นต่ำไม่ทันก็ไปกดจากบัตรกดเงินสดมาสิ แหมหมุนเงินยิ่งกว่าผู้บริหาร แล้วพอวันนึงเมื่อวงเงินเต็มทุกบัตร หรือว่าโดนให้ออก(อย่าคิดนะว่าไม่มีโอกาส ลองนึกย้อนไปสิว่าที่บริษัทเคยให้คนออกไหม แล้วคิดหรอว่าเราจะไม่มีโอกาสโดน) วันนั้นก็จะบูมมมม!!! กลายเป็นโกโกครันช์

สำหรับค่าใช้จ่ายตรงนี้มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนจริงๆ ผมไม่สามารถประเมินได้ แต่มันก็เป็นอีกตัวที่จะฉุดรั้งการออมของเราให้เป็นไปได้ยาก ดังนั้นถ้าจะมีบัตรดูให้แน่ใจว่า
1. บัตรนั้นไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีให้เป็นภาระ บางบัตรจะยกเว้นค่าธรรมเนียมถ้าใช้จ่ายถึงระดับที่กำหนด
2. หากใช้บัตร ให้กันเงินส่วนที่จะต้องชำระค่าใช้จ่ายนี้ทันที อย่าไปหวังเงินเดือนหน้า ย้ำกันไว้ทันที!!!
3. จ่ายเต็ม การชำระขั้นต่ำก็เหมือนปล่อยน้ำในอ่างให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สักวันมันจะมิดจมูกเรา

ลดรายจ่ายวิธีที่ห้า กินอาหารหรือซื้อบรรยากาศ

อันนี้เป็นกันได้ทุกคน เพราะเดี๋ยวนี้ร้านอาหารน่าทานเยอะแยะ ร้านสะดวกซื้อ(แต่ไม่ค่อยจะสะดวกเวลาจ่าย)ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และการพักผ่อนที่ดีอีกวิธีนึงก็คือการไปหย่อนใจตามร้านอาหาร ร้านไหนใครว่าอร่อยก็ขอตามไปลองว่ามันเด็ดมันดีสมกับที่มันดังหรือเปล่า แล้วร้านอาหารเดี๋ยวนี้ราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่ 200-300บาทก็ถือว่าไม่แพงเกินไป

หา!!! เอาจริงสิ ไม่แพงจริงๆหรอ อันที่จริงผมก็เข้านะร้านพวกนี้ หรือจะแพงกว่านี้ก็บ่ยั่นถ้ามันเด็ดดวงจริงๆ แต่การจะเข้าเราต้องดูสภาพ(ทางการเงิน) ของเราด้วยว่าเดือนนี้เราสามารถ(สามารถอีกละ)จ่ายได้ไหม เพราะอะไร หากเราไปหย่อนใจแค่อาทิตย์ละครั้งก็ปาเข้าไปเป็นพันแล้วนะครับ แล้วถ้าใครมีแฟนนี่ต่ำๆก็อาจจะเจอ2,000บาทต่อเดือนเข้าให้ ผมไม่ได้บอกให้ทำตัวอดๆอยากๆนะครับ แต่พยายามทำความเข้าใจว่าจะทำอะไรให้มันพอเหมาะพอควร ทำงานได้เงินวันละ500บาท แล้วก็เอามาลงกับอาหารมื้อเดียวนี่ ทำได้ครับ แต่อย่าบ่อยจะเป็นดี

ยิ่งบางคนชอบมากกก กับการดื่มด่ำบรรยากาศบามค่ำคืนกับน้ำสีอำพัน อันนี้นี่ก็เรื่องใหญ่ครับ โอเคว่าคนเรามันต้องเข้าสังคม แต่บางทีมันก็เกินไป เพื่อนผมมีรายได้รวมต่อเดือนนี่ 50,000-70,000 บาทแต่ แต่ แต่ อกอีแป้นจะแตก ไม่มีเงินเก็บเลยสักบาท เพราะว่าเอาไปแปรสภาพเป็นน้ำสีอำพันซะหมด นี่ถ้าซื้อเsล้าแล้วได้ไมค์สะสมคงบินกันได้รอบโลก

สรุปนะครับ อันดับแรกของการสร้างความมั่งคั่งนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเก็บออมเพื่อให้มันงอกเงยได้มากเท่าไหร่ ดังนั้นอย่าน้อยอกน้อยใจหากว่าเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าหลายคนมีรายได้มากกว่าเรา แต่จงดีใจหหากว่าเราสามารถเก็บออมเงินได้มากกว่าคนเหล่านั้นครับ

อย่างน้อยๆควรจะเก็บให้ได้ 10% ของรายได้หรือถ้าใครเก็บได้มากกว่านั้นก็เลิศเลย ส่วนถ้าใครที่ยังทำไม่ได้ด้วยว่าติดนู่นติดนี่(หนี้) อันนี้ก็บอกได้เลยว่าอย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกล เพราะในเมื่อเราไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเลย เราทำแต่สิ่งเดิมๆแล้วเราจะไปคาดหวังสิ่งใหม่ๆในชีวิตได้ยังไงครับ อันนั้นมันฝันเฟื่อง

เล่ามาซะนานคืออยากจะให้พยายามเก็บเงินกันให้ได้ก่อน แล้วถ้ามีโอกาสเราค่อยมาตอกันว่า จะเก็บที่ไหนดี และจะแบ่งสัดส่วนอะไรยังไง ค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ ว่าไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะกว่าผมจะเขียนตอนต่อไปได้ ถึงเวลานั้นก็หวังว่าคนอ่านก็คงจะเริ่มเก็บ10%ของรายได้กันแล้วนะครับ อิอิ

(@_@)




Create Date : 02 สิงหาคม 2553
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 0:49:14 น. 7 comments
Counter : 1008 Pageviews.

 
อยากให้เขียนต่อถึงเรื่องการลงทุนด้วยนะคะ
ว่าเก็บเงินแล้วควรนำไปลงทุนอะไรอย่างไร
วิธีการดูแลเงินเก็บให้งอกเงย
ข้อควรระวังต่าง ๆ

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ


โดย: อยากเป็นแม่ที่ดี IP: 210.213.58.140 วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:17:43:37 น.  

 
เดี๋ยวถ้ามีเวลาจะทะยอยเขียนนะครับ ผมเขียนทีใช้เวลาเป็นครึ่งค่อนวัน

เดือนนี้ท่าทางงานจะเยอะมากขึ้นด้วย วันนี้ก็เลิกงานทุ่มครึ่ง

ถ้าว่างแล้วสัญญาว่าจะเขียนครับ ถ้ามันจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆบ้าง


โดย: ขอบฟ้าบูรพา วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:20:37:53 น.  

 
มีความรู้มาก...กค่ะ เรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวที่ทุกคนมองข้ามทั้งนั้นเลย รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ


โดย: por IP: 58.9.240.135 วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:11:02:31 น.  

 
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9644338/I9644338.html

ทำได้ที่ ธ.กรุงเทพ สาขา ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
พอสะดวกไหม ครับ

ลองไปถามดู ตอนผมทำ วางเงินค้ำไว้ 30000
ใช้ออมทรัพย์ ได้


โดย: สนใจทำแบบนี้จริง ๆ ไหมครับ IP: 183.89.47.217 วันที่: 2 กันยายน 2553 เวลา:0:41:10 น.  

 
ชอบวิธีการเขียนของคุณขอบฟ้าบูรพาค่ะฮาดีสนุกค่ะอ่านได้ไม่เบื่อมีสาระมีประโยชน์ค่ะเพราะหลายครั้งก็มองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยประมาณนี้พอสะสมนานๆเข้ามารวมยอดดูโอ้โหเยอะมากๆ เลย ขอบคุณค่ะเขียนเพ่ิมเติมมาให้อ่านอีกนะค๊ะติดตามตอนต่อไปอยู่ค่ะ ขอบคุณค่ะ.


โดย: nanny IP: 125.27.59.192 วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:10:59:18 น.  

 
ถ้าไม่รู้จักคำว่า "เพียงพอ"..มีเท่าไรก็ไม่พอ..


โดย: young om lar IP: 125.24.5.216 วันที่: 6 ตุลาคม 2553 เวลา:18:59:48 น.  

 
ดีมากๆ เลยค่ะเก็บเงินไม่ค่อยอยู่เพราะจ่ายน้อยแต่จ่ายบ่อยๆ นี่แหละค่ะ


โดย: j IP: 110.49.248.233 วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:21:25:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.