ฮอนด้ารุกรถอเนกประสงค์ เปิดตัวหั่นราคาสเตปแวกอน สปาด้า-ฟรีดใหม่
ฮอนด้า เขย่าตลาดรถอเนกประสงค์ เปิดตัว สเตปแวกอน สปาด้า และ ฟรีด ใหม่ หรือเวอร์ชันรุ่นปี 2013 ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ของสังคมไทย ด้วยการปรับรูปลักษณ์เฉียงคมมากขึ้น พร้อมกับอุปกรณ์ทันสมัยและหรูหรากว่าเดิม รวมถึงปรับเพิ่มรุ่นย่อยให้เลือกมากขึ้น ขณะที่หั่นราคาลงทุกรุ่น โดยสเตปแวกอน สปาด้า เริ่มต้นที่1,899,000-1,959,000 บาท และรุ่นฟรีด 834,000-959,000 บาท | พิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า รถยนต์อเนกประสงค์ หรือ MUV (Multi Utility Vehicle) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในตลาดต่างๆ ทั้งในญี่ปุ่น และในยุโรปมาระยะหนึ่ง ขณะที่ประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์กลุ่มนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ เนื่องจากรถยนต์อเนกประสงค์เป็นคำตอบที่ลงตัวในทุกมิติ เพราะสามารถใช้เป็นยานพาหนะไปทำงาน ใช้ในการประกอบธุรกิจ ทั้งยังอำนวยความสะดวกงานอดิเรกในวันว่าง และเติมความสุขร่วมกับครอบครัวได้ในคันเดียว โดยเฉพาะตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ของสังคมไทย ดังนั้นฮอนด้า ฟรีด และสเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ หรือรุ่นปี 2013 ที่เปิดตัวพร้อมกันทั้งสองรุ่นล่าสุด จึงเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการกระตุ้นตลาด MUV ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเพื่อเติมเต็มความสุขในการขับขี่ควบคู่กับการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์" | โดยฮอนด้า สเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ เป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ด้วยรูปลักษณ์เรียบหรู โอ่โถง สะดวกสบายในทุกการเดินทาง สามารถรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ทุกรูปแบบตลอด 7 วัน และมาพร้อมกับรูปลักษณ์ล้ำสมัย ให้มุมมองกว้างไกล ด้วยหลังคาแบบ Skyroof เพิ่มความโดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมแบบโครมดำ ไฟหน้ารมดำแบบ HID ไฟหรี่แบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า เพิ่มความโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นกับชุดไฟท้ายแบบ LED คิ้วโครเมียมฝาประตูท้ายแบบโครมดำ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ภายในห้องโดยสารกว้างขวางด้วยเบาะที่นั่งแถวที่ 2 แบบแยกอิสระ ส่วนแถวที่ 3 สามารถปรับพับแบบแบนราบ เพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระได้มากขึ้น พร้อมเพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังสไตล์พรีเมียม และพื้นห้องโดยสารแบบลามิเนต (ลายไม้) ประตูข้างแบบสไลด์อัตโนมัติ ซ้าย-ขวา ระบบไฟฟ้าพร้อมควบคุมด้วยรีโมท ให้การขึ้นลงได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน ทั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติและช่องปรับอากาศสำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 พร้อมด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่รวมระบบนำทางเนวิเกเตอร์และความบันเทิงเข้าด้วยกัน | สเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ เพิ่มความมั่นใจในทุกมุมมองกับไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว กระจกมองมุมด้านข้าง และกล้องส่องภาพด้านหลัง พร้อมทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานสากล ด้วยระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ถุงลมคู่หน้า และโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ให้ความมั่นใจทุกการขับขี่ ขุมพลังของสเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ มาจากเครื่องยนต์ i-VTEC 2.0 ลิตร 150 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ระบบ Idling Stop ช่วยลดการใช้พลังงานขณะรถหยุดนิ่งพร้อมสวิตช์เปิด-ปิด ระบบ Econ Mode ช่วยควบคุมเครื่องยนต์ให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด Eco Coaching ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน เพื่อช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่ให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และยังรองรับพลังงานทางเลือก E20 ฮอนด้า สเตปแวกอน สปาด้า ใหม่ มีจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น EL ที่มาพร้อมเบาะหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์ พร้อมพื้นห้องโดยสารลามิเนต (ลายไม้) ในราคา 1,959,000 บาท และรุ่น E ที่มาพร้อมเบาะผ้าและวัสดุหนังสังเคราะห์ ส่วนพื้นห้องโดยสารเป็นพื้นพรม ในราคา 1,899,000 บาท (เดิมมีรุ่นเดียวราคา 2,174,000 บาท) | สำหรับฮอนด้า ฟรีด ใหม่ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกเฉียบคม ทันสมัย ตั้งแต่ด้านหน้าให้ความโฉบเฉี่ยวด้วยกระจังหน้า ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ และกันชนหน้าดีไซน์นำสมัย ไฟท้ายและคิ้วฝากระโปรงท้ายโครเมียม พร้อมสปอยเลอร์หลังดีไซน์อย่างลงตัว และล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว โดดเด่นกับประตูข้างสไลด์อัตโนมัติซ้าย-ขวา ให้ความสะดวกสบายและคล่องตัว แม้จอดในพื้นที่แคบ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับได้ 7 ที่นั่ง ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายสไตล์ พร้อมเพิ่มความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายอย่างครบครัน อาทิ เครื่องเล่นดีวีดี พร้อมจอ LCD ระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 2 จอ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ฮอนด้า ฟรีด ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 118 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พวงมาลัยไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร ระบบความปลอดภัยครบครัน ถุงลมคู่หน้า ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD กล้องส่องภาพด้านหลัง เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น | ฮอนด้า ฟรีด ใหม่ มีให้เลือกถึง 3 รุ่น คือ รุ่น EL ให้ความหรูหราด้วยเบาะหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมมีอุปกรณ์ความบันเทิงเต็มรูปแบบ อาทิ เครื่องเล่นดีวีดี พร้อมจอ LCD ระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 2 จอ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง วิทยุ MP3 พร้อมจอ LCD ระบบสัมผัส 7 นิ้ว และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth จำหน่ายในราคา 959,000 บาท ส่วนในรุ่น E ซึ่งเป็นรุ่นที่เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า ให้ความหรูหราด้วยเบาะหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และวิทยุ ซีดี MP3 แบบ 1 แผ่น จำหน่ายในราคา 879,000 บาท และรุ่น SE มาพร้อมกับความสะดวกสบายของเบาะผ้าสีเบจและอุปกรณ์มาตรฐาน ราคา 834,000 บาท ซึ่งอุปกรณ์มาตรฐานอาจแตกต่างกันเฉพาะรุ่น (เดิมมี 2 รุ่น SE ราคา 839,000 บาท และ EL ราคา 949,000 บาท) | ฮอนด้า ฟรีด ใหม่ มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก-เพิ่มเงิน 10,000 บาท) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก-เพิ่มเงิน 6,000 บาท) สีน้ำตาลสปาร์คลิ่ง (เมทัลลิก) นอกจากนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป ร่วมสัมผัสรถอเนกประสงค์ใหม่ทั้ง 2 รุ่นอย่างใกล้ชิด ฮอนด้ายังได้จัดงาน A new Step to Freedom of Living ก้าวใหม่สู่อิสระแห่งการใช้ชีวิต ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 25-29 กันยายน ศกนี้ ณ ลานแฟชั่น แกลลอรี่ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน และพร้อมกันนี้ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ กับโครงการ Freed Your Mind Design Contest เป็นการประกวดการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในฮอนด้า ฟรีด เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ โดยเชิญชวนนักศึกษาระดับปริญญาตรีทั่วประเทศรวมทีมกับเพื่อนๆ 2-4 คน ส่งไอเดียเข้าร่วมประกวด เพื่อชิงทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท นักศึกษาที่สนใจสามารถส่งไอเดียเข้าร่วมกิจกรรมได้ ตั้งแต่วันนี้- 31 ตุลาคม 2556 (สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ //www.honda.co.th/freedyourmind และwww.facebook.com/HondaSuperFan) | |
//www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9560000120245
Create Date : 24 กันยายน 2556 |
| |
|
Last Update : 24 กันยายน 2556 15:57:09 น. |
| |
Counter : 3397 Pageviews. |
| |
|
|
|
BMW 640i Grand Coupe 10ล้าน...ซื้อลงก็รักเลย
ช่วงนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สถานการณ์ธุรกิจดีสุดๆครับ ยอดจอง ยอดขาย ถล่มทลาย ส่วนหนึ่งเพราะแผนการเสริมโปรดักต์อันหลากหลาย แถมทำราคาได้น่าสนใจ อย่างล่าสุด แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธานใหญ่ บอกว่าหลังผ่านไป7เดือน (ม.ค.-ก.ค.2556) ยอดขายยังฉลุย หรือมีอัตราเติบโตถึง 39% ที่สำคัญยังแอบกระซิบว่า จากการตอบรับของตลาดที่ดีเกินคาด ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูต้องมานั่งปรับเป้าหมายการขายใหม่อีกด้วย อย่างซีรีย์6 ที่ผู้เขียนเพิ่งนำมาลองขับ แม้จะไม่ใช่ตัวทำยอดขายแบบเป็นเรื่องเป็นราว เหมือนพี่น้องในอนุกรมอื่น แต่รถยนต์รุ่นนี้สามารถสร้างภาพลักษณ์พร้อมแสดงออกถึงแนวทางและวิถีคิด ของค่ายใบพัดสีฟ้าได้เป็นอย่างดี
| สำหรับซีรีย์6ใช้พื้นฐานการพัฒนาเดียวกับ ซีรีย์5 และมีถึง 3 ตัวถังในการทำตลาด โดยประเทศไทยนำเข้ามาขายครบ ไล่ตั้งแต่ 640i Convertible เปิดประทุน (F12) ราคา 9.499 ล้านบาท 640i Coupe ตัวถังสองประตู 4 ที่นั่ง (F13) ราคา 8.599 ล้านบาท และคันที่ผู้เขียนนำมาทดสอบ 640i Grand Coupe ซึ่งเป็นตัวถังแบบ 4 ประตู 4 ที่นั่ง (F6) ราคา 9.299 ล้านบาท โดย 640i แกรนด์ คูเป้ เปิดตัวที่หลังสุดในบรรดาสามตัวถัง แต่ถือเป็นตัวเด่นเน้นขายมากกว่า ด้วยความที่มี 4 ประตูเหมาะกับการใช้งานจริง ถ้าจะซื้อขับเองก็หล่อ หรือถ้ามีคนขับแล้วนั่งข้างหลังก็เท่ไปอีกแบบ ซึ่งรูปทรงสปอร์ตปราดเปรียวของรถ สามารถสะท้อนบุคลิกของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างแน่นอน ด้านมิติตัวถังยาว5,007 มม. กว้าง 1,894 มม. สูง1,392 มม. และระยะฐานล้อ 2,968 มม. ถือเป็นรถยาวระดับ 5 เมตรที่ออกแบบได้ลงตัว แม้การเข้าออกอาจจะลำบากนิดหน่อยจากการเป็นรถเตี้ยหลังคาต่ำ แต่ภายในห้องโดยสารต้องบอกว่ากว้างขวางนั่งสบาย ส่วนของผู้โดยสารด้านหลังแบ่งเป็น 2 ที่นั่งชัดเจน โดยมีคอนโซลพร้อมช่องแอร์กั้นกลาง | อย่างที่บอกครับถ้าเป็นรถสำหรับผู้บริหาร พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายถือมีความจำเป็นกับการวางถุงกอล์ฟ ซึ่ง 640i แกรนด์ คูเป้ คันนี้ ใต้ฝากระโปรงหลังมีปริมาตรความจุ 460 ลิตร และสามารถเพิ่มได้ถึง 1,265 ลิตร เมื่อพับเบาะด้านหลังลง (เชื่อมต่อเข้ามาภายในห้องโดยสาร) ดังนั้นจะมีถุงกอล์ฟกี่ใบ หัวไม้กี่อันก็ไม่เป็นปัญหาครับ ในตำแหน่งผู้ขับ พอมุดหัวเข้าไปนั่งแล้วปรับเบาะให้ถนัดถนี่ พบว่าทัศนวิสัยด้านหน้าค่อนข้างจำกัด จากการออกแบบเสาเอพิลลาร์ที่ลาดเอียง พื้นที่มองผ่านกระจกบานหน้าบีบแคบ ขณะที่ปุ่มสั่งงานต่างๆจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทั้งฝังบนพวงมาลัยและปุ่มไอ-ไดร์ฟข้างๆคันเกียร์ สำหรับออปชันเด่นๆที่เห็นแล้วโดนใจ ไล่ตั้งแต่ซันรูฟบานโต ระบบ Head up Display แสดงความเร็วและข้อมูลการขับขี่แบบย่อๆ ขึ้นมาที่กระจกบังลมหน้าของรถ รวมถึงระบบความคุมการถอยจอด ซึ่งมีลูกเล่นน่ารักด้วยการซ้อนกล้องมองหลังไว้ที่โลโก้บีเอ็มดับเบิลยูตรงฝากระโปรงท้าย กรณีที่เราเข้าเกียร์ R โลโก้ที่ว่าจะเปิดแย้มให้กล้องได้ทำงานและส่งภาพกลับมาที่หน้าจอแสดงผลด้านหน้า | อย่างไรก็ตามระบบ Head up Display กับระบบกล้องมองหลังเป็นออปชันที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 1 ล้านบาท ซึ่งจะมาเป็นแพกเกจพร้อมกับระบบไฟหน้า LED ปรับลำแสงตามความโค้งของถนน (Adaptive LED Headlight) และระบบแผนที่นำทาง 3 มิติ รวมถึงออปชันเพื่อความบันเทิงในห้องโดยสารอีก 2-3 รายการ ด้านขุมพลังเบนซิน บล็อก 6สูบเรียง ขนาด 3.0 ลิตร ฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรงเข่าสู่ห้องเผาไหม้ (Direct Injection) รีดกำลังด้วยเทอร์โบแบบ twin-scrollพร้อมระบบ Valvetronic ให้กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 5,800-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,300-4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด | | เรื่องพละกำลังนั้นหายห่วง เรียกเป็นมา กดเป็นหาย หรือเร่งแรงระดับหลังติดเบาะเลยทีเดียว อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ทำได้เพียง5.4 วินาที ถือว่าไม่ธรรมดา ขณะที่ความเร็วสูงสุดทำได้ 250 กม./ชม. ขณะเดียวกันยังถือเป็นมาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยู ที่มีโหมดการขับขี่ให้เลือก ซึ่งระบบจะสั่งงานเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และพวงมาลัย ให้ตอบสนองกับบุคลิกที่เราอยากได้ ทั้งขับแบบประหยัด ECO PRO ขับแบบติ๋มๆ NORMAL ไล่ไปถึงSPORT และSPORT + ที่จะตัดระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวออกไป ดังนั้นหากพูดถึงสมรรถนะในภาพรวม 640i แกรนด์ คูเป้แรงดีไม่มีที่ติ ช่วงล่างหนึบแน่น ขณะที่พวงมาลัยผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า(ใช้ไฟที่เก็บไว้จากระบบBrake Energy Regeneration) น้ำหนักกำลังดี ช่วยผ่อนแรงในการขับความเร็วต่ำ และหนักหน่วงขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง การสั่งงานซ้าย-ขวาแม่นยำ แต่กระนั้นด้วยความยาวเทอะทะของรถ และโอเวอร์แฮงหลังที่ยื่นมาพอสมควร ย่อมส่งผลให้ช่วงสาดใส่ในโค้งแรงๆ จะรู้สึกถึงอาการหน่วงดึงในด้านท้ายอยู่นิดๆ ส่วนช่วงล่างหนึบจริง เกาะถนนมั่นใจ แต่ความนุ่มนวลก็อาจจะด้วยกว่า ซีรีย์5 หรือ ซีรีย์7 ส่วนหนึ่งเพราะล้ออัลลอยด์วงโต ประกบยางรันแฟลตแก้มเตี้ย สะท้านแรงจากพื้นถนนเข้ามาให้รับรู้ ซึ่งจริงๆก็แบบนี้ละครับถ้าเลือกเท่ก็ต้องสูญเสียความสบายด้านอื่นไปบ้าง ด้านอัตราบริโภคน้ำมันจากการขับในสภาพจราจรหนาแน่นในเมือง ได้ตัวเลขประมาณ7-8 กม./ลิตร แต่ถ้าขับนอกเมืองใช้ความเร็วระดับ 120-130 กม./ชม. มี 11 กม./ลิตร ส่วนตัวเลขของบีเอ็มดับเบิลยูเอง เคลมเฉลี่ยไว้ 13 กิโลเมตรต่อลิตร รวบรัดตัดความ...เป็นความสง่างาม พร้อมสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมที่ต้องแลกด้วยเงินเกือบ 10 ล้านบาท (ถ้าไม่ซื้อออปชันเพิ่ม) ซึ่งหากมองคู่แข่งอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส 250CDI แม้ไม่แรงเท่า แต่ราคาขายก็อยู่แถวๆ 5 ล้านบาท เมื่อมองประเด็นนี้อาจจะทำใจซื้อ 640i แกรนด์ คูเป้ ลำบาก เว้นว่าคุณจะเป็นสาวกบีเอ็มดับเบิลยูตัวจริงเท่านั้น | | | | | | |
//www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9560000118307
Create Date : 21 กันยายน 2556 |
| |
|
Last Update : 21 กันยายน 2556 20:28:01 น. |
| |
Counter : 2648 Pageviews. |
| |
|
|
|
ฮอนด้าเผยโฉม"บริโอ้ MPV"ราคาไม่ถึง5แสนบาท
วันนี้(19 ก.ย.) ที่งานอินโดนีเซีย มอเตอร์โชว์ 2013 กรุงจาการ์ต้า ค่าย ฮอนด้า จัดการเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์แบบ MPV รุ่นใหม่ โมบิลิโอ้ (Mobilio) ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ บริโอ้ (แฮทช์แบ็ก) และ บริโอ้ อเมซ (ซีดาน) รถตระกูลอีโคคาร์ของเมืองไทย
| | สำหรับ โมบิลิโอ้ หรือ บริโอ้ MPV คันนี้ยังเป็นรุ่นโปรโตไทป์ ที่มีความใกล้เคียงกับรุ่นขายจริงมากที่สุด ด้านตัวถังยาว 4.4 เมตร ระยะฐานล้อ 2.65 เมตร ส่วนระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 185 มิลลิเมตร รองรับผู้โดยสารด้วยการวางเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ส่วนเครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นบล็อกใหญ่กว่าบริโอ้ ตัวถังอื่นๆ ซึ่งฮอนด้าเตรียมวางบล็อก 1.5 ลิตร i-VTEC เพื่อให้มีเรี่ยวแรงเพียงพอต่อการใช้งาน สนนราคาขายที่อินโดนีเซีย 150 -180 ล้านรูเปียห์ หรือ ประมาณ 413,000 - 496,000 บาท ส่วนเมืองไทยจะนำเข้ามาขายในปีหน้าแน่นอน | | |
//www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9560000118376
Create Date : 20 กันยายน 2556 |
| |
|
Last Update : 20 กันยายน 2556 17:00:01 น. |
| |
Counter : 2339 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |