ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด คุ้มค่าทุกช่วงการขับขี่
คอลัมน์ เทสต์ คาร์
โดย ภัทศิรินทร์ กลิ่นจันทร์
เป็นอีกโปรดักต์หนึ่งที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าตลอดมา จึงไม่แปลกที่ฮอนด้าจะเลือก "ซีวิค" มาเป็นรถไฮบริดคันต่อไป หลังเปิดตัวไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ได้เวลาที่ฮอนด้าจะชักชวนบรรดาสื่อมวลชนทดลองขับขี่กันแล้ว กับเส้นทางกรุงเทพฯ-ดอนหอยหลอด เพื่อให้ได้สัมผัสไฮบริดสไตล์ฮอนด้ากันชัด ๆ
สำหรับหน้าตาของไฮบริดคันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากซีวิคโฉมปัจจุบันเท่าไรนัก มีการลดความสูงของตัวรถลง 5 มิลลิเมตร เพื่อให้มีแอโร่ไดนามิกที่ดีขึ้น ช่วยประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น พร้อมไฟท้าย LED ตกแต่งด้วยเลนส์สีเคลียร์บลู, ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ และกระจังหน้าตกแต่งด้วยเลนส์สีเคลียร์บลู และไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ตกแต่งด้วยกรอบไฟสีฟ้า
ในช่วงแรก "ประชาชาติธุรกิจ" ขอเป็นผู้โดยสารด้านหลัง ก้าวเท้าเข้ามาในห้องโดยสาร พบเบาะหนังสีเทาใหม่สบายตา และแม้จะติดตั้งแบตเตอรี่ไฟฟ้าไว้ที่บริเวณด้านหลังแผงเบาะนั่งด้านหลัง แต่ห้องโดยสารยังคงกว้างขวาง โปร่ง โล่งเหมือนเดิม
พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่ช่วยกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง จุดเด่นสำคัญคือความเงียบภายในห้องโดยสาร แม้รถจะวิ่งด้วยความเร็วสูง ๆ ก็ไม่มีเสียงเค้นกำลังของเครื่องยนต์ออกมาให้ได้ยิน เสียงรบกวนจากภายนอกน้อยมาก ซึ่งถือเป็นจุดขายของรุ่นนี้ทีเดียว
จากนั้นเปลี่ยนมาทำหน้าที่พลขับบ้าง เริ่มที่ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ เพิ่มความสะดวก จังหวะออกตัวเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 8 วาล์ว SOHC i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ที่มีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นปกติไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าพละกำลังน้อยลง เพราะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าไฮบริด IMA ให้กำลังรวมสูงสุด 110 แรงม้า ช่วยเสริมแรงอีกต่อที่ความเร็วต่ำคงที่จะเข้าสู่โหมดอีวี ช่วงนี้เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว
แต่เมื่อถึงจังหวะที่ต้องการกำลังหรือเร่งแซง เครื่องยนต์จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งแซง รถยนต์ลูกผสมเมื่อยกคันเร่งเหยียบเบรกเครื่องยนต์จะหยุดทำงาน ระบบจะนำพลังงานที่สูญเสียไปในขณะถอนคันเร่งเหยียบเบรกเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่งกลับคืนสู่แบตเตอรี่ไฮบริดเพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ต่อไป
ซึ่งระบบเบรกนี้เองที่ผู้เขียนรู้สึกไม่คุ้นเคยเพราะระบบเบรกของซีวิค ไฮบริดจะหน่วงมาก ต้องเผื่อระยะกันสักหน่อย แต่เมื่อใช้รถสักพักก็ชินมากขึ้น
และในจังหวะรถหยุดติดไฟแดงหรือรถคันหน้า ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ เข้าสู่โหมด Idling Stop เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน พอเท้าสัมผัสคันเร่งอีกครั้งเครื่องยนต์ก็จะกลับมาทำงานตามปกติ ซึ่งถ้าขับในเมืองที่สภาพการจราจรรถติดสลับกับขับเคลื่อนบ่อย ๆ บางคนอาจจะรู้สึกรำคาญระบบ Idling Stop ที่เครื่องยนต์ดับเองและสตาร์ตติดขึ้นมาใหม่ ซึ่งตรงนี้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดได้ เลือกไม่ใช้ระบบนี้ก็ได้
ส่วนของเล่นใหม่อย่างหน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ หรือ i-Mid ก็เป็นที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถ ทั้งเครื่องเสียง ความประหยัด และแสดงการทำงานของระบบว่าในระหว่างที่เราขับขี่นั้นใช้พลังงานจากอะไรอยู่ให้ผู้ขับขี่ทราบ รวมไปถึงระบบ Eco Assist ช่วยแนะนำการขับขี่แบบประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
ด้วย "อีโคโค้ชชิ่ง" ที่แสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ช่วยแนะนำให้ผู้ขับขี่ใช้เชื้อเพลิงอย่างประหยัด โดยวัดจากพฤติกรรมการเหยียบเบรกและคันเร่ง ซึ่งจะแสดงผลในรูปแบบของแถบสี และมีอีโคสกอร์ หน้าจอแสดงคะแนนสะสมของระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน เผื่อใครอยากทดลองหัดขับให้ประหยัดอีกด้วย
สนใจเป็นเจ้าของซีวิค ไฮบริด ราคาเริ่มต้น 1.035 ล้านบาท และรุ่นเนวี่ ที่ติดตั้งระบบนำทางมาให้ ราคา 1.095 ล้านบาท แถมตอนนี้ฮอนด้ายังให้การรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และขยายการรับประกันแบตเตอรี่เพิ่มเป็น 10 ปี เรียกได้ว่าขับกันยาว ๆ หายห่วง
//www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1368090662&grpid=03&catid=08
Create Date : 11 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 11 พฤษภาคม 2556 21:25:30 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1842 Pageviews. |
|
|
|
|
| |