ในเวอร์ชันสุดท้าย หรือ The Last Edition จะมาพร้อมกับตัวรถที่มีความสดใหม่ เครื่องยนต์ก็ถูกเปลี่ยนมาใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมกับใช้ระบบ Flex-Fuel มีความจุ 1,400 ซีซี 78 แรงม้าสำหรับน้ำมันเบนซิน และ 80 แรงม้าสำหรับ E100 จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ และวางอยู่ที่ด้านท้ายของตัวรถเหมือนเดิม รายละเอียดภายนอกมากับสีตัวถังแบบทูโทน ฟ้าสลับกับขาว พร้อมล้อแม็กขาว และยางขอบขาวขนาด 14 นิ้ว ส่วนภายในห้องโดยสารก็มีการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ๆ เพิ่มเข้าไปให้เหมาะสมกับยุคสมัย ทั้งมาตรวัดต่างๆ แบบดิจิตอล และวิทยุ การผลิตจะมีเพียง 600 คันเท่านั้น และราคาก็ไม่ธรรมดา เพราะตั้งเอาไว้ที่ 35,600 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.07 ล้านบาทเลยทีเดียว |